แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านยอดไม้ ทำให้หมอกบางๆ บนูเาดูราวกับม่านทองคำ หลินเว่ย ยืนอยู่บนโขดหินสูงที่ยื่นออกไปจากลานด้านหน้าของหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังทิวเขาสูงในระยะไกล
"นั่นคือูเาสามยอด" เสวียนเหมย เดินมายืนข้างๆ เขา ชี้ไปยังเทือกเขาสูงลิบในระยะไกล ที่มียอดเขาสามยอดโดดเด่นเหนือยอดอื่นๆ "วัดเมฆาอรุณอยู่บนยอดเขากลาง เราจะถึงที่นั่นภายในวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีอุปสรรคใดๆ"
หลินเว่ยพยักหน้า รู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน พวกเขาเดินทางมาไกลมากแล้ว ผ่านอันตรายมากมาย แต่เขารู้ดีว่าการเดินทางยังไม่จบ
"เธอคิดว่าองค์กรเทียนซื่อรู้หรือเปล่าว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปที่นั่น?" หลินเว่ยถาม
"แน่นอนว่าพวกเขาคาดเดาได้" เสวียนเหมยตอบ น้ำเสียงเคร่งเครียด "แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเราจะไปถึงที่นั่นเมื่อไหร่และโดยเส้นทางไหน นั่นคือข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของเรา"
หลินเว่ยแตะมือที่ซี่โครงอย่างไม่รู้ตัว าแจากการต่อสู้กับอัลฟ่าเมื่อวานยังคงเ็ป แม้ว่า ลี่จง จะใช้สมุนไพรของชาวบ้านช่วยบรรเทาอาการแล้วก็ตาม
"แผลยังเจ็บอยู่ใช่ไหม?" เสวียนเหมยสังเกตเห็น
"นิดหน่อย" หลินเว่ยยอมรับ "แต่ไม่เป็ไร ผมเคยเจ็บกว่านี้"
เสวียนเหมยมองเขาอย่างประเมิน "เ้าทำได้ดีมากเมื่อวาน" เธอพูด "ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าเผชิญหน้ากับอัลฟ่าแบบนั้น"
"ผมแค่ทำในสิ่งที่ทุกคนจะทำ" หลินเว่ยตอบอย่างถ่อมตัว
"ไม่ใช่ทุกคนหรอก" เธอส่ายหน้า "และสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือวิธีที่เ้าพยายามติดต่อกับมัน แทนที่จะแค่ต่อสู้"
หลินเว่ยมองไปยังูเาสามยอดในระยะไกล "มันรู้สึกถึงพลังชิวเสวียนในตัวผม เหมือนกับที่ผมรู้สึกถึงพลังของมัน" เขาอธิบาย "ผมคิดว่ามีการเชื่อมต่อบางอย่างระหว่างพวกเรา"
"นั่นแหละคือสิ่งที่วัดเมฆาอรุณศึกษามานาน" เสวียนเหมยพยักหน้า "ความเชื่อมโยงระหว่างพลังชิวเสวียนในสิ่งมีชีวิตต่างๆ"
"ความเชื่อมโยง?" หลินเว่ยถาม สนใจอย่างจริงจัง "คุณหมายความว่าพลังชิวเสวียนสามารถเชื่อมต่อระหว่างสิ่งมีชีวิตได้?"
"ใช่" เสวียนเหมยพยักหน้า "เราเชื่อว่าพลังชิวเสวียนไม่ได้เป็เพียงแค่พลังงานแปลกปลอม แต่เป็ส่วนหนึ่งของเครือข่ายพลังที่เชื่อมโยงทุกชีวิตเข้าด้วยกัน" เธอมองไปยังหมู่บ้านเบื้องล่าง "คนในวัดเมฆาอรุณใช้เวลาศึกษาเื่นี้มาหลายศตวรรษ ก่อนที่องค์กรเทียนซื่อจะมาทำลายทุกอย่าง"
"แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องตามล่าคนอย่างผม?" หลินเว่ยถามอีกครั้ง
"เพราะคนที่สามารถรับพลังชิวเสวียนได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงร่างกายเป็กุญแจสู่การควบคุมมัน" เธอตอบ "องค์กรเทียนซื่อ้าใช้พวกเ้าเป็เครื่องมือ... หรือไม่ก็ทำลายพวกเ้า หากไม่ยอมร่วมมือ"
เสียงเรียกจากด้านล่างดึงความสนใจของทั้งสองคน หลิวซิน โบกมือเรียกพวกเขา "หลินเว่ย! ลี่จง้าตรวจดูแผลของนายอีกครั้ง!"
"ไปเถอะ" เสวียนเหมยพูด "พักผ่อนให้เต็มที่ เพราะการเดินทางที่เหลือจะหนักกว่าที่ผ่านมา"
หลินเว่ยพยักหน้าและเดินลงไปยังกระท่อมที่ชาวบ้านจัดให้เป็ที่พัก ภายในกระท่อม ลี่จง กำลังเตรียมยาสมุนไพร เมิ่งหลิง นั่งคุยอยู่กับ จ้าวหยาง และ หลิงเยว่ อย่างเครียดๆ เมื่อหลินเว่ยเข้ามา ทุกคนหยุดพูดทันที
"มีอะไรหรือเปล่า?" หลินเว่ยถาม รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
เมิ่งหลิงมองไปที่จ้าวหยาง เหมือนขอให้เขาพูด
"เราได้ข่าวจากหมู่บ้านนี้" จ้าวหยางเริ่มพูด "องค์กรเทียนซื่อส่งกองกำลังพิเศษมาทีู่เาสามยอดมากกว่าที่เราคิด พวกเขาล้อมวัดเมฆาอรุณไว้แล้ว"
หลินเว่ยรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นสาด "คุณหมายความว่าเราไม่สามารถไปถึงวัดได้?"
"ไม่ใช่อย่างนั้น" หลิงเยว่รีบพูด "ยังมีช่องทางลับเข้าไปได้ เสวียนเหมยรู้จักทางเ่าั้ แต่จะอันตรายมาก"
"ไม่ใช่แค่นั้น" จ้าวหยางเสริม "พวกเขามี หมายเลข 13 อยู่ด้วย"
หลินเว่ยรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง หมายเลข 13—มนุษย์ดัดแปลงที่ทำลายวัดม่านเมฆและฆ่าทุกคนที่นั่น
"เขารู้ว่าเราจะไปที่นั่น" หลินเว่ยพูดเบาๆ "องค์กรเทียนซื่อรู้ทุกอย่าง"
ลี่จงวางยาสมุนไพรลง เดินเข้ามาหาหลินเว่ย "เปลี่ยนทิศทางก็ยังไม่สาย" เธอพูด "เราสามารถหลบซ่อนที่อื่น รอจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น"
หลินเว่ยส่ายหน้า "ไม่ได้" เขาตอบอย่างหนักแน่น "ถ้าเราไม่หยุดพวกเขาตอนนี้ จะไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกต่อไป อาจารย์เหลียงซานพูดไว้ชัดเจน—พวกเขากำลังจะเปิดประตูมิติถาวร นำพลังชิวเสวียนจำนวนมหาศาลเข้ามาในโลกนี้ ถ้าเป็เช่นนั้น จะไม่มีใครรอดชีวิต"
"แต่เราจะทำอะไรได้?" เมิ่งหลิงถาม "พวกเรามีแค่นี้ พวกเขามีกองทัพ"
หลินเว่ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ "ผมต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพลังของผม" เขาพูด "และวัดเมฆาอรุณอาจมีคำตอบ"
"ต้องมีหนทางอื่น" ลี่จงยังคงกังวล
ในขณะนั้น ประตูกระท่อมเปิดออก เสวียนเหมยเดินเข้ามาพร้อมกับชายชราผมขาวในชุดเรียบง่าย
"นี่คือ ลุงเฉิน" เสวียนเหมยแนะนำ "เขาเป็ผู้าุโของหมู่บ้านนี้ และมีเื่สำคัญที่ต้องบอกพวกเรา"
ลุงเฉินก้มศีรษะทักทายทุกคน ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่หลินเว่ยอย่างสนใจ "ข้าได้ยินเื่ของเ้า" เขาพูดเสียงแหบต่ำ "หนุ่มน้อยที่มีพลังชิวเสวียนในตัว แต่ไม่กลายร่าง"
"ข่าวแพร่ไปไวจริงๆ" หลินเว่ยพูด น้ำเสียงประหลาดใจ
"ในยามวิกฤต ข่าวสำคัญเดินทางเร็วกว่าม้าเร็ว" ลุงเฉินยิ้มบางๆ "แต่ข้ามาที่นี่เพื่อบอกพวกเ้าว่า มีทางลับไปยังวัดเมฆาอรุณ ที่แม้แต่องค์กรเทียนซื่อก็ไม่รู้"
ทุกคนในห้องตื่นเต้นกับข่าวนี้
"ทางลับอะไร?" เสวียนเหมยถาม ท่าทางสงสัย "ข้าเติบโตที่วัดเมฆาอรุณ แต่ไม่เคยได้ยินเื่ทางลับที่ว่านี้"
"เพราะมันเป็ความลับที่ถูกเก็บไว้โดยชุมชนของเรา" ลุงเฉินตอบ "หมู่บ้านนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อปกป้องทางลับดังกล่าว สืบทอดจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานมานับร้อยปี"
"ทำไมถึงบอกเราตอนนี้?" จ้าวหยางถาม ยังคงระแวงอยู่บ้าง
"เพราะถึงเวลาแล้ว" ลุงเฉินตอบ สายตาจับจ้องที่หลินเว่ย "บรรพบุรุษของเราได้ทำนายไว้นานแล้วว่า จะมีวันที่คนที่มีพลังโบราณจะกลับมา และเมื่อถึงเวลานั้น เราต้องช่วยเหลือเขา"
"คำทำนาย?" หลินเว่ยแปลกใจ "ผมไม่ใช่คนพิเศษอะไรหรอก..."
"แต่เ้าเป็" ลุงเฉินยืนยัน "คนที่รับพลังชิวเสวียนได้โดยไม่แปรเปลี่ยน นั่นคือลักษณะที่ตรงกับคำทำนายพอดี"
หลินเว่ยสบตากับเพื่อนๆ เขาไม่รู้ว่าจะเชื่อใจชายชราผู้นี้ได้แค่ไหน แต่ในสถานการณ์ขณะนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกมากนัก
"ทางลับนี้จะพาเราไปที่ไหน?" หลินเว่ยถาม
"ไปยังห้องใต้ดินของวัดเมฆาอรุณโดยตรง" ลุงเฉินตอบ "เป็อุโมงค์โบราณที่ขุดผ่านูเา สร้างขึ้นั้แ่สมัยที่วัดเมฆาอรุณถูกก่อตั้ง เพื่อเป็เส้นทางหลบหนียามมีภัยคุกคาม"
"และตอนนี้เราจะใช้มันเพื่อเข้าไปแทน" เสวียนเหมยพูด เริ่มเข้าใจแผนการ
"ถูกต้อง" ลุงเฉินพยักหน้า "แต่ข้าต้องเตือนพวกเ้า อุโมงค์นั้นไม่ได้ถูกใช้งานมานานมาก อาจมีบางส่วนพังทลาย และยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรอาศัยอยู่ในนั้นบ้าง"
"อะไรก็ตามที่อยู่ในอุโมงค์ คงไม่อันตรายเท่ากับ หมายเลข 13 ที่รออยู่ข้างนอก" จ้าวหยางพูด
ลุงเฉินพยักหน้า "ข้าจะนำทางพวกเ้าไปยังปากทางเข้าอุโมงค์พรุ่งนี้เช้า แต่ก่อนอื่น พวกเ้าต้องพักผ่อนและเตรียมตัวให้พร้อม"
หลังจากลุงเฉินจากไป ทุกคนเริ่มวางแผนการเดินทางและจัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็
"เ้าเชื่อเื่คำทำนายนั่นไหม?" หลิงเยว่ถามหลินเว่ย ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ที่มุมห้อง
"ไม่รู้สิ" หลินเว่ยตอบตามตรง "ผมไม่เชื่อว่าผมเป็คนพิเศษอะไร ผมแค่บังเอิญติดเชื้อและมีปฏิกิริยาแปลกๆ เท่านั้น"
"บางทีอาจไม่ใช่เื่บังเอิญ" หลิงเยว่พูด "อาจารย์เหลียงซานเคยพูดว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญในโลกแห่งพลัง ทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงกัน"
หลินเว่ยนิ่งคิด "ไม่ว่าจะเป็ยังไง เราต้องไปให้ถึงวัดเมฆาอรุณ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้"
คืนนั้น ขณะที่ทุกคนนอนหลับ หลินเว่ยออกมานั่งที่ระเบียงกระท่อม มองดูดวงจันทร์เกือบเต็มดวงที่ลอยอยู่เหนือยอดเขา เขากำลังคิดถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้น—วัดม่านเมฆที่ถูกทำลาย อาจารย์เหลียงซานที่เสียชีวิต และภารกิจที่รออยู่ข้างหน้า
เขาหยิบม้วนคัมภีร์ ัทะยานฟ้า ออกมาเปิดอ่านอีกครั้ง ท่าที่สามในวิชานี้คือ ท่าัสยายปีก ที่หลิวซินเริ่มสอนให้เขาระหว่างการเดินทาง
ตามคำอธิบายในคัมภีร์ ท่านี้ใช้สำหรับแผ่พลังออกจากร่างกาย เพื่อสร้างเกราะป้องกันหรือตรวจจับอันตรายในระยะไกล
"ยืนให้มั่นคง แขนทั้งสองข้างกางออกเล็กน้อย" หลินเว่ยอ่านเบาๆ "จินตนาการว่าร่างกายคือแกนกลางของพลัง และแขนทั้งสองคือปีกของัที่กำลังกางออก"
เขาลุกขึ้นยืน เริ่มฝึกท่าดังกล่าว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ กางแขนออก ปล่อยให้พลังชิวเสวียนไหลจากศูนย์กลางร่างกายไปตามแขนทั้งสอง
เมื่อกางแขนออกเต็มที่ เขารู้สึกถึงพลังที่แผ่กระจายออกไปเป็วงกลมรอบตัว เหมือนม่านบางๆ ที่มองไม่เห็น
"ที่น่าสนใจนะ"
หลินเว่ยหันไปพบ หลิวซิน ยืนอยู่ที่ประตูกระท่อม "ขอโทษที่รบกวน แต่ฉันเห็นแสงสีม่วงอ่อนๆ รอบตัวนาย จึงออกมาดู"
"แสงสีม่วง?" หลินเว่ยแปลกใจ "เธอเห็นมันเหรอ?"
"ใช่" หลิวซินพยักหน้า "เหมือนม่านแสงบางๆ รอบตัวนาย" เธอเดินเข้ามาใกล้ "นายกำลังฝึกท่าอะไรอยู่หรือ?"
"ท่าัสยายปีก" หลินเว่ยตอบ "มันช่วยให้แผ่พลังออกจากร่างกาย"
"และฉันสามารถเห็นมันได้?" หลิวซินถาม ท่าทางสงสัย "ฉันไม่เคยเห็นพลังชิวเสวียนมาก่อน"
"บางทีมันอาจเป็เพราะเราอยู่ใกล้กันมานาน" หลินเว่ยเดาเอา "หรือเพราะพลังชิวเสวียนในตัวฉันกำลังเปลี่ยนแปลง"
หลิวซินยื่นมือออกไปอย่างลังเล ัักับม่านพลังที่มองไม่เห็น "รู้สึกอุ่นๆ แปลกๆ" เธอบอก "แต่ไม่ได้รู้สึกอันตรายเลย"
"นั่นเพราะมันเป็ส่วนหนึ่งของฉัน" หลินเว่ยอธิบาย "และฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอ"
หลิวซินยิ้ม "ทำไมนายถึงยังฝึกฝนทั้งๆ ที่เหนื่อยขนาดนี้?"
"เพราะพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในอุโมงค์โบราณที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่" หลินเว่ยตอบ "ฉันต้องพร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้"
หลิวซินพยักหน้าเข้าใจ "ฝึกต่อเถอะ ฉันจะเฝ้าดูและบอกนายว่าพลังเปลี่ยนไปยังไงบ้าง"
หลินเว่ยยิ้มตอบ รู้สึกขอบคุณที่มีเพื่อนอย่างหลิวซินที่อยู่เคียงข้างเสมอ แม้ในยามยากลำบาก
เขากลับไปยืนในท่าเริ่มต้น พร้อมที่จะฝึกฝนต่อไป ด้วยรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็อีกวันที่ท้าทาย...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้