“จื่ออวี้ มีอะไรหรือ”
หวังเจี้ยนหัวเห็นเซี่ยจื่ออวี้หยุดฝีเท้าไม่เดินต่อ ก็หันศีรษะกลับมามองเขาเห็นริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย เมื่อมองตามสายตาของเซี่ยจื่ออวี้ไป ก็เจอเข้ากับเซี่ยเสี่ยวหลานที่กำลังส่งยิ้มมาให้เขาพอดี
รอยยิ้มนี้เขาไม่อาจทราบความหมายที่แน่ชัด สมองของหวังเจี้ยนหัวขาวโพลนภายในชั่วพริบตา
เขาสงสัยเช่นเดียวกับเซี่ยจื่ออวี้ ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมาที่งานเชื่อมสัมพันธ์นี้ได้อย่างไร!
หวังเจี้ยนหัวกวาดสายตามองหาจี้เจียงหยวนโดยอัตโนมัติแต่ก็ไม่พบ เซี่ยเสี่ยวหลานยืนอยู่ข้างกายสหายหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง หวังเจี้ยนหัวคุ้นหน้ากวนฮุ่ยเอ๋อ ทว่าเขาไม่คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกับกวนฮุ่ยเอ๋อจะรู้จักกันแต่อย่างใด
ปฏิกิริยาต่อมาของเขาคือเดินไปถามเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่พอคิดได้ว่าหลายครั้งที่เขาเจอกับเซี่ยเสี่ยวหลานตนมักขายหน้าอยู่เสมอ สุดท้ายก็ชะงักฝีเท้าลง
“ทำไมพวกลูกถึงไม่เดินต่อเล่า?”
หร่านซูอวี้อยากไปเจอเพื่อนเก่าเหลือเกิน เธอเห็นกวนฮุ่ยเอ๋อมีคนยืนรุมล้อมอยู่หลายคน หร่านซูอวี้จึงรู้สึกแปลกใจพลางนึกอิจฉาที่กวนฮุ่ยเอ๋อมีชีวิตที่ดีเช่นนั้น ตระกูลโจวตอนนี้กำลังไปได้สวย เธอมองกวนฮุ่ยเอ๋อพลางคิดอยากเข้าไปทักทาย
เซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวสีหน้าแววตาดูเหม่อลอย สายตาของหร่านซูอวี้กวาดมองไปรอบงาน แล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดีใจ
“เจี้ยนหัว ลูกยังจำคุณน้ากวนได้ไหม คุณแม่ของโจวเฉิงเขาน่ะ ตอนนั้นพวกเราอยู่ระแวกบ้านเดียวกัน พวกลูกยังเล่นด้วยกันประจำเลยมิใช่หรือ”
“คุณน้ากวน? โจวเฉิง?”
หวังเจี้ยนหัวไม่ได้เจอกวนฮุ่ยเอ๋อมาเจ็ดแปดปีแล้วจึงไม่แปลกที่เขาจะจำไม่ได้ ต้องให้หร่านซูอวี้ชี้เขาถึงจะจำได้ กวนฮุ่ยเอ๋อก็คือผู้หญิงที่เขารู้สึกคุ้นหน้าเมื่อครู่นั่นเอง
แต่หวังเจี้ยนหัวจำโจวเฉิงเป็อย่างได้ดี
ตอนอยู่ระแวกบ้านเดียวกัน เขากับโจวเฉิงไม่ได้สนิทกันมาก เ้านั่นเป็คนหยิ่ง อายุน้อยกว่าเขาแต่กลับต้องจับกลุ่มเพื่อนเล่นด้วยกัน ตอนนั้นหวังเจี้ยนหัวรู้สึกรำคาญโจวเฉิงมาก ครั้งก่อนตอนออกไปพบปะเพื่อนฝูง และพูดถึงว่าปัจจุบันใครมีชีวิตที่ดีที่สุด ทุกคนต่างตอบว่าโจวเฉิง อายุแค่ยี่สิบก็ได้เลื่อนขั้นเป็หัวหน้ากองพัน ยศพันตรี
หวังเจี้ยนหัวเสียเวลาอยู่ที่ชนบทหลายปี ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจยิ่งขึ้น
หร่านซูอวี้ไม่รู้ความคิดต่อต้านของหวังเจี้ยนหัวแม้แต่น้อย เธออยากเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ แต่หวังเจี้ยนหัวกับเซี่ยจื่ออวี้กลับยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
โดยเฉพาะเซี่ยจื่ออวี้ที่มีสีหน้าดูไม่ได้เลยสักนิด หร่านซูอวี้ลอบด่าเธอในใจว่าตัวซวย ไม่รู้คราวนี้เซี่ยจื่ออวี้จะมาไม้ไหนอีก
—————————————————
เห็นเซี่ยจื่ออวี้ ตามด้วยหวังเจี้ยนหัว และต่อด้วยหร่านซูอวี้ ทั้งสามคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา เซี่ยเสี่ยวหลานคิดถึงเมื่อครั้งที่หร่านซูอวี้ไปเป็แขกของบ้านโจว โอกาสที่หร่านซูอวี้จะไม่เข้ามาทักทายด้วยตนเองคงมีน้อยมาก
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ระแวงเซี่ยจื่ออวี้เช่นกัน อยู่ในที่สาธารณะเช่นนี้ เซี่ยจื่ออวี้ชอบพูดจาสองแง่สองง่าม จงใจทำให้คนอื่นคิดแง่ร้ายอยู่เสมอ
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้เท่าทันความคิดของเซี่ยจื้ออวี้ และรู้สึกว่ากวนฮุ่ยเอ๋อหวังดีพาเธอมาร่วมงานเลี้ยง แต่หากเกิดเื่ขึ้นคนอื่นคงพากันวิพากษ์วิจารณ์ตระกูลโจวอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอควรเตือนให้กวนฮุ่ยเอ๋อเตรียมใจเอาไว้ก่อนั้แ่เนิ่นๆ
“คุณน้ากวน ฉันมีเื่อยากคุยด้วยค่ะ”
กวนฮุ่ยเอ๋อปรายตามองเธอ คนอื่นๆ ต่างก็พากันยิ้มหยอกเย้าอย่างเป็กันเอง
“อยากซุบซิบกับว่าที่แม่สามีล่ะสิ ไม่อยากให้พวกเราฟังด้วยอย่างนั้นหรือจ๊ะ”
“อย่าแกล้งสาวน้อยแบบนั้นสิ คนเขาหน้าบาง อย่าคิดว่าจะไม่กลัวฟ้าดินเหมือนเธอสิ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานให้ความร่วมมือกับพวกเขาด้วยการทำสีหน้าขัดเขิน ทุกคนจึงยิ่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
กวนฮุ่ยเอ๋อเดินปลีกตัวมาไม่กี่ก้าว ประจวบกับตรงนี้มีเก้าอี้วางอยู่สองตัว กวนฮุ่ยเอ๋อจึงบอกให้เธอนั่งลง “เธอกำลังคิดถึงคนตระกูลจี้อยู่ใช่ไหม แม้คนตระกูลจี้ไม่โผล่มา แต่นั่นไม่ส่งผลกระทบกับ...”
“เปล่าค่ะ คุณน้ากวน คือฉันมีเื่หนึ่งอยากบอกคุณน้า คุณน้าหร่านที่ไปบ้านของคุณน้าเมื่อคราวก่อน ความจริงแล้วฉันรู้จักกับลูกชายเธอค่ะ หวังเจี้ยนหัวเป็ยุวปัญญาชน [1] ของหมู่บ้านที่เป็บ้านเกิดของฉัน ตอนนี้เขากำลังคบหาดูใจกับลูกพี่ลูกน้องหญิงของฉันอยู่ค่ะ เมื่อครู่ฉันเห็นพวกเขาอยู่ที่งานนี้ด้วย จะว่าอย่างไรดี ฉันกับญาติฝ่ายพ่อมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก และพี่สาวที่มากับหวังเจี้ยนหัวนี้ก็คือหนึ่งในคนที่ขัดแย้งกับฉันมากที่สุดค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวสรุปอย่างสั้นๆ นั่นเพราะหร่านซูอวี้กำลังเดินมาทางนี้แล้ว เธอจึงไม่มีเวลาอธิบายมากไปกว่านี้
หากจะอธิบายความแค้นระหว่างเธอกับเซี่ยจื่ออวี้และหวังเจี้ยนหัวอย่างละเอียดคงต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว และเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่รู้ว่ากวนฮุ่ยเอ๋อจะยินดีรับฟังหรือไม่ ประธานเซี่ยไม่อาจสลัดสิ่งที่ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ กระทำทิ้งไว้ให้เธอออกไปให้พ้นตัว เพราะหวังเจี้ยนหัวไม่ใช่แฟนเก่าของเธอ แต่เป็เพียงคนที่เคยรู้สึกดีต่อกันเท่านั้น
เซี่ยจื่ออวี้พยายามหาเื่เธอทุกรูปแบบ ก็เพราะกังวลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะหันกลับไปแย่งหวังเจี้ยนหัว ผู้ชายที่เซี่ยจื่ออวี้เห็นเป็สมบัติล้ำค่า แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะบอกว่าไม่อยากได้ แต่นั่นก็ต้องทำให้เซี่ยจื่ออวี้ยอมเชื่อด้วยน่ะสิ!
กวนฮุ่ยเอ๋อแค่ฟังก็รับรู้ได้ว่ามีอะไรมากกว่าที่คิดอย่างแน่นอน
โลกใบนี้จะแคบเกินไปหน่อยหรือเปล่า
สถานที่ที่ลูกชายของหร่านซูอวี้ไปเป็ยุวปัญญาชนคือบ้านเกิดของเซี่ยเสี่ยวหลาน อีกทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานรู้ตัวตนของหร่านซูอวี้มาั้แ่คราวก่อนแล้ว เหตุใดจึงไม่เคยพูดถึงกัน?
กวนฮุ่ยเอ๋อรู้ดีว่าตอนนี้ไม่เหมาะจะซักถามรายละเอียดสักเท่าไร อย่างไรก็ตามเธอเข้าใจในสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลาน้าสื่อ เซี่ยเสี่ยวหลานกับสะใภ้ของหร่านซูอวี้เป็ลูกพี่ลูกน้องกัน และทั้งคู่ไม่ถูกกัน!
“เข้าใจแล้ว เธอกลัวอะไรอยู่ กลัวว่าฉันจะเชื่อคนอื่นอย่างนั้นหรือ”
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่ใช่คนโง่ มีปัญหาอะไรก็ควรกลับไปแก้ไขที่บ้าน จะปล่อยให้ตระกูลโจวขายขี้หน้าชาวบ้านได้อย่างไรกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานรีบประจบกวนฮุ่ยเอ๋อทันที “ฉันกลัวมีคนพูดจาเหลวไหลแล้วจะทำให้คุณน้าโกรธน่ะค่ะ”
ฉีดวัคซีนป้องกันได้ก็ควรฉีดไว้ก่อน เซี่ยเสี่ยวหลานเดาไม่ถูกว่าเซี่ยจื่ออวี้จะสร้างเื่อะไรขึ้นมาอีก เมื่อก่อนเธอคิดว่าหวังเจี้ยนหัวเป็แค่พวกผู้ชายโลเลแต่สมองปกติดี ทว่าเื่ที่เกิดขึ้นหน้าหัวชิงคราวก่อนทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานกระจ่างแจ้งว่า ผู้ชายที่สามารถคบหากับเซี่ยจื่ออวี้เป็เวลานานได้ สมองจะปกติได้อย่างไรกัน
คนผิดปกติสองคนอยู่ด้วยกัน พลังทำลายล้างอาจจะเพิ่มเป็เท่าตัวก็เป็ได้!
เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งคุยกับกวนฮุ่ยเอ๋อจบ หร่านซูอวี้ก็โผล่มาพอดี เธอได้ยินหลายคนเอ่ยปากชมคู่ครองของโจวเฉิงอย่างไม่ขาดปาก ในใจก็รู้สึกนึกอิจฉา หากเธอรู้ว่าการมาที่งานเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้จะต้องเจอกับกวนฮุ่ยเอ๋อ แถมกวนฮุ่ยเอ๋อยังพาแฟนสาวของโจวเฉิงมาด้วยเช่นนี้ ให้ตายหร่านซูอวี้ก็ไม่มีทางยอมให้เซี่ยจื่ออวี้ตามมาที่นี่ด้วยเด็ดขาด
คนเราต้องรู้จักเจียมตัว เซี่ยจื่ออวี้จะเทียบเคียงกับแฟนสาวของโจวเฉิงได้หรือ?
“สหายซูอวี้ พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งนานหลายปีแล้ว สหายก่วงผิงหมดทุกข์หมดโศกเสียทีนะ ต่อไปครอบครัวเธอคงมีชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอน”
“ใช่ๆ นี่คงเป็ลูกชายของเธอสินะ ฉันจำได้ว่าชื่อเจี้ยนหัวใช่หรือเปล่า?”
ในใจคิดอย่างไรย่อมไม่สำคัญ แต่ปากต้องพูดดูดีเข้าไว้ แม้ชื่อเสียงของตระกูลหวังจะไม่ดีนัก แต่หวังก่วงผิงก็เป็ถึงรองหัวหน้า อีกทั้งยังทำงานอยู่ที่ฝ่ายอุดมศึกษาเหมือนคุณน้าจาน ดังนั้นคุณน้าจานอยากเมินหร่านซูอวี้ก็คงทำไม่ได้ มันจะกลายเป็การกีดกันญาติของเพื่อนร่วมงานน่ะสิ!
ทว่าหวังก่วงผิงที่กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง ประเทศย่อมให้เงินเดือนชดเชย อย่างไรก็น่าจะได้สักสองถึงสามหมื่นหยวน แต่ทำไมคนตระกูลหวังยังแต่งตัวมอซออยู่อีกเล่า
หร่านซูอวี้ะโเรียกหวังเจี้ยนหัว
“เจี้ยนหัว มาทักทายพวกคุณอาคุณน้าสิลูก”
หวังเจี้ยนหัวขยับตัว แน่นอนว่าเซี่ยจื่ออวี้ย่อมขยับตามไปด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ด้วยแล้วอย่างไร มีอะไรที่เธอต้องกลัวกัน สถานที่แบบนี้เป็โอกาสที่เซี่ยจื่ออวี้ใฝ่ฝัน อย่างไรตอนนี้เธอก็หมั้นหมายแล้ว และยังได้ร่วมงานเชื่อมสัมพันธ์ด้วย อีกหน่อยหากตระกูลหวังอยากปฏิเสธสถานะของเธอคงไม่ง่ายอย่างแน่นอน
หวังเจี้ยนหัวกับเซี่ยจื่ออวี้เดินตามกันมา ใครก็มองออกถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่
คุณน้าจานยิ้ม “วันนี้เธอกับสหายฮุ่ยเอ๋อนัดกันมาหรืออย่างไรกัน ถึงได้พาว่าที่ลูกสะใภ้มาร่วมงานเหมือนกันเช่นนี้”
หร่านซูอวี้ไม่อยากให้คนพูดเื่นี้เป็ที่สุด แต่คุณน้าจานกลับยิ้มเช่นนี้ เธอจึงจำใจแนะนำ “นี่คือคู่ครองของเจี้ยนหัว เซี่ยจื่ออวี้ เธอเรียนอยู่ที่เดียวกับเจี้ยนหัวน่ะ”
คุณน้าจานชี้ไปที่เซี่ยเสี่ยวหลานกับกวนฮุ่ยเอ๋อแล้วหัวเราะร่า “บังเอิญจริง คู่ครองของโจวเฉิงก็แซ่เซี่ยเหมือนกันเลย”
ใครคือคู่ครองของโจวเฉิง?
ที่มุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยงมีเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานกับกวนฮุ่ยเอ๋อเท่านั้น หวังเจี้ยนหัวอยากหลอกตัวเองก็ยังทำไม่ได้
เชิงอรรถ
[1]หมายถึงกลุ่มเยาวชนผู้ได้รับการศึกษาระดับสูง และถูกส่งไปทำงานพัฒนาปกปักษ์พื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล การศึกษาระดับสูงตามคำนิยามของยุคสมัยนั้น โดยส่วนใหญ่หมายถึงระดับมัธยมต้นหรือมัธยมปลาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้