"ครูกานต์ครับ น้านง อยู่ไหมครับ"
มีเสียงะโเรียกดังขึ้นที่หน้าบ้าน ขณะที่ทั้งสามคนกำลังช่วยกันเตรียมไก่อยู่ในครัว
"เสียงทองนี่คะ พี่ไปดูหน่อยสิ ไม่รู้มีธุระอะไร"
กานต์เดินไปหน้าบ้านครู่ใหญ่แล้วก็เดินกลับมา และมีวัยรุ่นชายหญิงสองคนเดินตามหลังมาด้วย ทองและนวลยกมือไหว้สวัสดีอนงค์แล้วก็นั่งลงข้าง ๆ อย่างเรียบร้อย
"ทองกับนวลจะมาช่วยทำไก่น่ะ"กานต์ไขข้อข้องใจให้กับภรรยา
"แต่น้าให้มาช่วยั้แ่เดือนเมษานะ เหลือเวลาอีกตั้งอาทิตย์กว่า" อนงค์เอ่ยอย่างเกรงใจ
"วันนี้พวกเราอยู่ว่าง ๆ ครับ เลยตั้งใจมาเรียนรู้งานก่อน พอเริ่มงานจริงจะได้ทำเป็เลย"
ตอนที่ครูกานต์ไปหาที่บ้านและคุยเื่งานที่จะจ้างพวกเขาสองคนพี่น้อง ทำเอาทั้งบ้านดีใจกันมาก ตอนนี้งานรับจ้างก็หาทำยากขึ้นทุกวัน ยิ่งจบแค่ ป.6 อย่างเขากับน้องสาว ยิ่งมีงานให้เลือกน้อย และส่วนมากก็เป็งานใช้แรง ตากแดด ตากฝนทั้งวัน รายได้ต่อวันก็แค่ 50 บาทต่อคนเท่านั้น และไม่ได้มีงานทุกวัน บางสัปดาห์ไม่มีงานเข้ามาเลยก็มี จึงอาศัยเก็บผัก หาของป่าเลี้ยงชีพไปวัน ๆ
พอครูกานต์เสนองานให้มา รายได้อยู่ที่ 100 บาทต่อวันต่อคนและเป็งานต่อเนื่อง พวกเขาสามคนจึงดีใจกันนัก แม่ถึงกับน้ำตาซึมออกมาด้วยความตื้นตันและพูดขอบคุณไม่หยุด เขากับนวลจึงตั้งใจกันอย่างแม่นมั่นว่าจะขยัน และทำงานให้ดีสมกับที่ครูกานต์และน้านงเชื่อใจพวกเขา
"งั้นทองไปช่วยนิดล้างไก่นะ ส่วนนวลช่วยน้าหั่นตะไคร้กับกระเทียมให้เป็ชิ้นเล็ก ๆ นะจ๊ะ เวลาใส่เครื่องปั่นจะได้ละเอียดง่าย" เมื่อเห็นทั้งสองพี่น้องตั้งใจจะมาช่วยงานจริง ๆ อนงค์ก็ไม่ขัดข้องอีก จึงได้แจกจ่ายงานให้ทำทันที ส่วนตัวเธอหันมาชั่งตวงและผสมแป้งสำหรับใช้ทอดต่อไป
ระหว่างนี้ก็มีเสียงอนงค์กานต์และกานต์คอยพูดให้คำแนะนำและสอนวิธีวิธีการหมักและการเตรียมเนื้อไก่ให้กับสองพี่น้องฟังอยู่เป็ระยะ ซึ่งทั้งสองก็ตั้งใจฟังและตั้งใจเรียนรู้เป็อย่างดี เพราะความเป็คนหัวไวทั้งคู่ เมื่อได้ฟังไม่กี่ครั้งทั้งคู่ก็จำได้หมดแล้ว ในคราแรกสองพี่น้องตั้งใจจะตามไปเรียนวิธีการทอดที่ตลาดด้วยในวันรุ่งขึ้น แต่ด้วยเดินทางลำบาก กานต์จึงรอให้ได้รถกระบะมาใช้ก่อนค่อยพาทั้งสองไปในตอนนั้น
-----
อนงค์ตื่นตาตื่นใจเป็อย่างมาก แม้จะให้ลูกและสามีเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทุกวันแต่ก็ไม่เท่ากับได้เห็นด้วยตาตัวเอง ตอนนี้มีคนสิบกว่าคนยืนมุงอยู่หน้าร้าน ที่กำลังสั่งซื้อก็สั่งไป ที่กำลังยืนคอยก็ยืนคอยไป ไม่มีใครยอมถอยออกไปก่อน แม้อนงค์กานต์จะบอกให้ไปหาซื้อของอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยกลับมารับไก่ เพราะจัดให้ตามคิวอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครยอมไป บางคนระหว่างรอก็ยืนมองวิธีการทอดไปด้วยอย่างสนอกสนใจ ราวกับว่าจะแอบจำไว้ไปทำที่บ้านอย่างไรอย่างนั้น
เช้านี้ั้แ่เริ่มเปิดร้านมา ก็มีลูกค้ามามุงและรุมซื้ออยู่ไม่ขาด แต่อนงค์กานต์เก่งและคล่องมากแล้ว สามารถจัดระเบียบไม่ให้มีการลัดคิวกันได้เป็อย่างดี วันนี้ไก่ขายดีเป็พิเศษ อาจเพราะหยุดไปสองวัน คนเลยเข้ามาซื้อมากกว่าทุกวัน ตอนนี้เจ็ดโมงเช้า เหลือไก่ที่ยังไม่ได้ทอดแค่ 20 ชิ้นเท่านั้น
"ไก่ยังเหลือไหมหนู" เสียงชายชราถามขึ้นที่หน้าร้าน เมื่ออนงค์กานต์เหลียวมามองก็ส่งยิ้มให้ทันที คุณตาผู้เป็ลูกค้ารายแรกที่เคยมาอุดหนุนไก่ทอดนั่นเอง
"สวัสดีค่ะ คุณตา" ระหว่างนั้นเธอก็นับจำนวนจองที่เขียนอยู่ในสมุดไปด้วย "เหลือ 5 ชิ้นค่ะ ต้นตำรับ 2 สมุนไพร 3 คุณตาสนใจรับกี่ชิ้นดีคะ"
"เอาที่เหลือทั้งหมด" ชายชราดีใจมากที่ยังมาทัน คราวก่อนซื้อไปแล้วคนในครอบครัวติดใจกันมาก โดยเฉพาะหลานชายคนโปรดที่ขึ้นชื่อว่าเลือกกินเป็อย่างมาก แต่เมื่อได้กินไก่ทอดของร้านนี้เข้าไปก็ติดใจ รบเร้าจะกินทุกวัน แต่วันต่อ ๆ มาเขาก็ไม่เคยมาทัน ไก่หมดก่อนทุกครั้ง ทำให้หลานชายงอนไปหลายวัน เล่นเอาปวดหัวกันทั้งบ้าน
"ตานึกว่าจะไม่ทันอีกแล้ววันนี้" ชายชราเอ่ยอย่างดีใจ พลางมองเข้าไปในร้าน "อ้อ เพิ่มเตาทอด 2 เตาแล้วเหรอ"
"ใช่ค่ะ คุณตา วันนี้เลยเพิ่มไก่ให้เยอะขึ้น เดี๋ยวไก่ทอดรบกวนคุณตารออีก 15 นาทีนะคะ เพิ่งเอาลงเตาไปเมื่อกี้นี้เอง"
"ไม่เป็ไร ตารอได้" พลางมองสำรวจไปรอบ ๆ ร้านอีกครั้ง ถึงแม้ร้านนี้จะขายของทอด แต่กลับดูสะอาดสะอ้าน นอกจากน้ำมันที่กระเด็นไปรอบ ๆ เตาระหว่างทอดแล้ว ในพื้นที่อื่น ๆ กลับไม่มีคราบน้ำมันแม้แต่น้อย ข้าวของที่เก็บวางอยู่ด้านหลังก็วางอย่างเป็ระเบียบ ไร้ซึ่งคราบฝุ่นคราบเปื้อนใด ๆ พวกเขาใส่ใจดูแลความสะอาดได้ดีจริง ๆ นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ความสะอาดเหล่านี้ก็มีส่วนให้คนอยากมาอุดหนุนมากขึ้นเพราะรู้สึกสบายใจที่จะซื้อกินนั่นเอง
"อ้อ มีป้ายแล้วด้วย ชื่อ 'ไก่ทอดแม่อนงค์' เหรอ แม่อนงค์นี่ใครหรือ?" เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง้าของร้าน ก็เห็นป้ายผ้าสีขาวยาวประมาณ 2 เมตร มัดขึงอยู่ มีตัวหนังสือตัวโตเขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินและแดงที่เขียนชื่อร้านไก่ทอดอยู่บนผืนผ้าด้วย
ตอนเข้าไปในเมืองเมื่อสองวันก่อน อนงค์กานต์ได้ซื้อผ้าขาวกลับมาด้วย และขอให้พ่อใช้สีโปสเตอร์เขียนชื่อร้านไก่ทอดบนผ้า เพื่อจะนำมาแขวนไว้ที่ร้านเพิ่มความสะดุดตา เมื่อคนมองมาจากที่ไกล ๆ ก็จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
"ชื่อแม่หนูเองค่ะ คนที่ยืนทอดไก่อยู่ เ้าของร้านตัวจริงเลยนะคะ" เธอเอ่ยแนะนำแม่กับชายชรา อนงค์ที่ยืนฟังการสนทนามาั้แ่ต้นก็ส่งยิ้มอย่างสุภาพกลับไปให้ชายชรา
"แล้วคนที่ยืนอยู่ข้างแม่หนูก็คือคุณพ่อใช่ไหม ดี ๆ ครอบครัวช่วยกันทำมาหากิน อนาคตเจริญรุ่งเรืองแน่นอน" ชายชราอวยพรก่อนส่งยิ้มกลับไปให้อนงค์และเลยไปถึงกานต์ด้วย กานต์ก็ส่งยิ้มกลับมาให้เช่นกัน
"ขอบคุณคุณตามากค่ะที่อวยพร" อนงค์กานต์ยกมือไหว้ขอบคุณ ทำเอาชายชราและคนรอบข้างมองมาที่เธออย่างเอ็นดู
