เมื่อครู่หลิงกวงกำลังเป็กังวลต่อสถานการณ์ของอาจิ่วจึงไม่ทันได้สังเกตแสงสีเขียวและม่านพลังที่ถูกััเมื่อครู่ก่อนหน้าตอนที่พวกเขาย่างกรายเข้ามาตอนนี้เมื่อนึกขึ้นมาได้ถึงได้รู้สึกว่าแสงสีเขียวนั้นผิดปกติ
“ท่านเทพบอกว่ามีคนป้องกันทัณฑ์สายฟ้าแทนอาจิ่ว?! แล้วจะทำอย่างไรกับการประณามจาก์เล่าขอรับ? ”
เมื่ออวี๋เคอได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็รู้สึกว่าใจที่เพิ่งสงบลงได้กลับร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้งก่อนหน้านี้หลิงกวงได้พูดถึงหลักเกณฑ์เอาไว้อย่างชัดเจน ว่านี่คือพิบัติภัยของอาจิ่วเพียงผู้เดียวหากพึ่งพาความช่วยเหลือจากพลังภายนอก ก็จะนำมาซึ่งโทษทัณฑ์แห่ง์ที่ต้องรับผิดร่วมกันและเพราะเหตุนี้พวกเขาถึงได้ระมัดระวังจนถึงขั้นสุดท้ายจึงได้กล้าลงมือไปหนึ่งครั้งทว่ากลับทำให้อาจิ่วเกือบตาย
หลิงกวงยื่นนิ้วมือไปลูบไล้ลงบนภาพลายัเขียวบนกระดูกไหปลาร้าของอาจิ่วราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้ตอบว่า
“แม้จะบอกว่าการสกัดกั้นพิบัติภัยจะนำมาซึ่งทัณฑ์แห่ง์แต่หากเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นช่วยอาจิ่วเอาไว้ อาจิ่วก็คงแปลงกายได้ไม่สำเร็จนี่จึงนับว่าเป็ชะตากรรมของอาจิ่วเสียแล้ว”
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กลับคืนสู่ความสงบแล้วถอนหายใจออกมา “การประณามแห่ง์ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็การประณามแบบใด”
นี่เป็ครั้งแรกที่อาจิ่วเห็นท่านปู่ของตนแสดงอาการเศร้าโศกเช่นนี้ไม่ได้มีท่าทีจะถกเถียงกับตนเองเหมือนอย่างที่เคยเป็เลย จึงอดรู้สึกกังวลไม่ได้เขายื่นมือออกไปนำมือที่วางอยู่บนภาพสลักของหลิงกวงออกมากุมเอาไว้ แล้วยิ้มพร้อมพูดว่า
“นี่พวกท่านเลิกเป็ห่วงข้ากันได้แล้วดูสิว่าตอนนี้ข้าไม่ได้กำลังยืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างปลอดภัยแล้วหรือ? อีกอย่างพวกผู้ใหญ่อย่างพวกท่านนี่นะ แต่ละคนไม่เห็นจะสนใจรูปลักษณ์หลังจากแปลงกายของข้ากันเลยสักนิดเอาแต่พูดเื่การประณามแห่ง์เื่ว่าข้าควรจะทำอย่างไรดีอะไรแบบนั้นอยู่ได้ ปล่อยวางเถอะน่าเทพเ้าโจรผู้นี้มีกระบวนท่าอะไรก็งัดออกมาใช้หมดนั่นแหละข้าทนมาได้ก็สิ้นเื่แล้ว มีอะไรให้ต้องกลัวนักหนา! ”
เสียงพูดของอาจิ่วที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มดังแตกชัดเจนสีหน้าที่แสดงการปฏิญาณแบบมาดมั่นทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงได้สำเร็จ
“มีเพียงเ้าที่เกลี้ยกล่อมคนได้เก่งที่สุด” ชิงเหยาเดินเข้ามา ลูบไล้ผมนุ่มนิ่มของอาจิ่ว เหลือบมองหลิงกวงที่อยู่ข้างๆแล้วกล่าวว่า “ข้าบอกแต่แรกแล้วว่าหลังจากอาจิ่วของพวกเราแปลงกายจะต้องน่ารักมากแน่ๆตอนนี้ดูแล้วยังเป็เด็กหนุ่มที่หล่อเหลาอีกด้วย โตขึ้นจะต้องหล่อไม่แพ้ท่านปู่ที่หลงตัวเองของเ้าอย่างแน่นอน”
“อาจิ่วตามข้ามา ผมของเ้าชี้ออกมาเช่นนี้ดูไม่งามเลยจริงๆให้ย่าสอนคาถารวบผมง่ายๆ กับเ้าเสียหน่อย”
“ดีขอรับ ดี!ข้าจะทำตามท่านย่าทั้งหมดเลย! ” เมื่ออาจิ่วได้ยินว่าชิงเหยาสามารถช่วยเขาจัดการรูปร่างหลังจากแปลงกายนี้ของตัวเองได้เส้นผมที่ยาวที่ตนไม่เคยรู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร จึงรู้สึกดีใจขึ้นมาทันใด
ชิงเหยาส่งสายตาให้หลิงกวงอีกครั้งจากนั้นอาจิ่วที่ดวงตาเป็ประกายจึงเดินเข้าถ้ำไปก่อนทิ้งอวี๋เคอกับหลิงกวงให้พูดคุยกันถึงเื่ต่างๆเพราะเมื่อครู่เขาได้เห็นอวี๋เคอพูดอึกอักอยู่หลายครั้งอาจมีอะไรบางอย่างที่ไม่สะดวกที่จะเอ่ยถาม
อวี๋เคอรู้สึกขอบคุณชิงเหยาที่ใส่ใจจากนั้นจึงมองไปที่หลิงกวงอีกครั้ง แล้วถามอย่างนอบน้อมว่า
“ท่านเทพหลิงกวง ท่านบอกผู้เยาว์ได้หรือไม่ว่าใครกันที่เป็คนช่วยอาจิ่วไว้? แล้วการประณามแห่ง์นี้มีวิธีแก้อย่างไร? หากมีทางผู้เยาว์จะจัดการอย่างสุดความสามารถเลยขอรับ”
ความจริงแล้วตอนที่หลิงกวงเห็นรอยประทับที่กระดูกไหปลาร้าของอาจิ่วก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่ช่วยเขาคือใครอีกทั้งการประณามแห่ง์นี้เขาก็พอจะเดาออกอยู่ แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนผู้นั้นถึงได้ทำเช่นนี้แต่เมื่อครู่ที่ไม่ได้พูดก็เพราะกลัวว่าอาจิ่วจะรู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อมองไปที่อวี๋เคอเขาก็นึกได้ว่าอาจิ่วจะต้องติดตามคนผู้นี้กลับไปยังโลกปีศาจในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนบัดนี้จึงไม่คิดจะปิดบังมันต่อหน้าเขาอีกแล้ว
“เ้าเห็นภาพอะไรบนกระดูกไหปลาร้าของอาจิ่ว? ”
“หากผู้เยาว์มองไม่ผิดนั่นคงจะเป็ัน้อยสีเขียวตัวหนึ่งขอรับ”
“คนที่ช่วยอาจิ่วก็คือคนของเผ่าัเขียวที่มันแปลกก็ตรงจุดนี้นี่แหละความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าหงส์เพลิงและเผ่าัเขียวใน่หลายพันปีที่ผ่านมานี้ไม่ค่อยดีนักอย่างไรเสียในตอนนั้นเผ่าัเขียวก็มีความแข็งแกร่งมาเป็เวลานาน แต่ต่อมาได้ต่อสู้กับเฉวียงฉีจนเสียพลังปราณที่เป็รากฐานไปถึงได้ทำให้เผ่าหงส์เพลิงขึ้นมาทัดเทียมได้แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่พอใจเผ่าหงส์เพลิงของข้า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้หลิงกวงก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขึ้น และกล่าวต่อไปว่า
“ดังนั้นข้าจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโผล่เข้ามาเสี่ยงชีวิตไปอยู่บนอันตรายเพื่อป้องกันสายฟ้า์สายสุดท้ายนี้แทนอาจิ่วตัวเขาก็น่าจะาเ็หนักอยู่ทีเดียว”
เมื่อหลิงกวงพูดเช่นนี้อวี๋เคอก็ยิ่งสับสนงุนงงมากขึ้น หากพูดถึงัเขียวสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาก็คือัเขียวตนนั้นที่จะกลายเป็พาหนะและสหายของซ่งฉียวนและกลายเป็เทพเมิ่งจางผู้มีชื่อเสียงระบือไกลในอนาคตแต่คนผู้นั้นเป็ศัตรูคู่อาฆาตของอาจิ่วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงตั้งใจเข้ามารับทัณฑ์สายฟ้านี้แทนเขาเล่า?
อวี๋เคอพยายามเสาะหาเนื้อเื่ที่เกี่ยวกับเมิ่งจางในหัวอย่างต่อเนื่องทันใดนั้นก็ชะงักไปเขานึกถึงัเขียวที่ได้พบกับซ่งฉียวนที่ถ้ำเฉวียงฉีในหุบเหวลึกของหุบเขาิญญาัเขียวในตอนนั้นอ่อนแอไร้กำลังเป็อย่างมากเพราะถูกเผ่าัเขียวส่งไปตรวจสอบสถานการณ์ของเฉวียงฉีส่วนบ่อโลหิตของเฉวียงฉีในครั้งนั้นก็ถูกัเขียวและซ่งฉียวนร่วมมือกันกลืนกินไปจนหมดสิ้นหลังจากนั้นพลังของัเขียวก็เพิ่มขึ้นเป็อย่างมาก จนครองอันดับหนึ่งในงานชุมนุมของสัตว์เทพทำให้อาจิ่วเกลียดเขาฝังใจมากยิ่งขึ้น
นี่มันเื่บ้าอะไรกัน???? หรือว่าจะเป็เมิ่งจางจริงๆ ???
หลิงกวงดูออกว่าสีหน้าของเขาผิดปกติจึงเอ่ยถามว่า
“อวี๋เคอเ้ารู้หรือไม่ว่าคนของัเขียวผู้ใดที่รับทัณฑ์สายฟ้าแทนอาจิ่ว? ”
อวี๋เคอถูกหลิงกวงร้องถามเรียกสติกลับมาจึงรีบตอบกลับไปว่า “ผู้เยาว์ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับเผ่าัเขียวเลยแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็ใคร” ตอนนี้เขากำลังคาดเดาว่าเป็เมิ่งจางแต่ไม่แน่ว่าตัวเขาคงจะคิดมากไปเอง จึงไม่อาจยืนยันต่อหน้าหลิงกวงได้
“เมื่อครู่ท่านเทพบอกว่ารู้ว่าอาจิ่วต้องทนทุกข์ทรมานกับการประณามแห่ง์สามารถบอกผู้เยาว์ได้หรือไม่ว่ามันเป็เช่นไร? เพื่อที่ผู้เยาว์จะเตรียมตัวแทนอาจิ่วให้พร้อมเมื่อเวลานั้นมาถึงจะได้ช่วยเด็กคนนั้นรับมือได้”
หลิงกวงส่ายหน้า ทว่าถอนหายใจออกมาหนึ่งทีแล้วกล่าวว่า “เ้ากับข้าไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการประณามแห่ง์นี้ได้กล่าวได้ว่าไม่มีผู้ใดบนแผ่นดินนี้ที่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการประณามแห่ง์ของพวกเขาได้”
เมื่อเห็นหลิงกวงมีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้งอวี๋เคอเองที่ได้ฟังก็รู้สึกกังวล จึงรีบถามว่า
“ท่านเทพพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ”
“ภาพบนกระดูกไหปลาร้าของอาจิ่วเรียกว่าตราประทับแห่งความเป็ความตายหากข้าเดาไม่ผิดัเขียวตัวนั้นก็น่าจะมีตราประทับแห่งความเป็ความตายที่เป็ลวดลายหงส์เพลิงอยู่ด้วยเช่นกันตราประทับนี้จะเชื่อมโยงชีวิตของพวกเขาเข้าด้วยกันหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายในการประณามแห่ง์ของพวกเขา อีกฝ่ายก็จะต้องตายตามไปด้วยไม่มีที่ว่างสำหรับการกู้คืนใดๆ ทั้งสิ้น”
“นั่นหมายความว่าชีวิตของอาจิ่วไม่ได้อยู่ในกำมือของเขาอีกต่อไปแต่จะใช้ร่วมกับผู้อื่น ช่างไร้สาระสิ้นดี”
อวี๋เคอได้ยินดังนั้น ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาคิดว่าในอนาคตมีความเป็ไปได้สูงที่ตนจะถูกซ่งฉียวนสังหารและอาจิ่วที่เขาห่วงใยมาโดยตลอดก็จะต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วยตอนนี้หากัเขียวรับทัณฑ์สายฟ้าแทนอาจิ่วจริงๆเช่นนั้นต่อให้เป็การช่วยชีวิตเขาก็จะไม่ฆ่าอาจิ่วแน่นอน
อวี๋เคอถูกความคิดเตรียมการหลังการตายของตัวเองทำให้ตื่นกลัวเขาสะบัดศีรษะไปมา แล้วหัวเราะอย่างขมขื่นในใจ จากนั้นจึงกล่าวต่อว่า
“หากท่านเทพเชื่อในผู้เยาว์ผู้เยาว์จะพาอาจิ่วออกตามหาัเขียวตัวนั้นให้จงได้ และจะคอยปกป้องพวกเขาเป็อย่างดี”
หลิงกวงรู้สึกว่าอารมณ์ของตนอ่อนไหวเมื่อนึกถึงอาจิ่วที่เติบใหญ่มาโดยไร้ปู่กับย่าจนโตขนาดนี้ ตอนนี้แม้กระทั่งการข้ามผ่านเคราะห์ทัณฑ์ตนเองยังไม่อาจปกป้องเขาให้รอดพ้นได้ ความโศกเศร้าและหดหู่ใจก็พลันพุ่งพล่านขึ้นมาผ่านไปครู่ใหญ่จึงตอบว่า
“แต่ก็หวังว่าเ้าจะหามันเจอนะ”
อวี๋เคอใช้เวลาอีกสามถึงสี่วันในการฟื้นฟูพลังบำเพ็ญเพียรในที่ของหลิงกวงแห่งนี้เดิมทีหลิงกวง้าให้เขาพักฟื้นให้หายดีเสียก่อนแล้วค่อยจากไป แต่อวี๋เคอได้คำนวณดูวันเวลาแล้วว่านี่ก็เริ่มเข้าใกล้่ต้นของหิมะตกแล้ว หากอยู่ในป่าภูตอสูรจนหายไปจากเวทีการประลองหาเ้าดินแดนของดินแดนซากกระดูกก็ไม่รู้ว่าเ้าดินแดนใหญ่ทั้งหลายนั้นจะคิดอย่างไร
หลิงกวงรู้ว่าเขามีธุระสำคัญ ดังนั้นจึงไม่ได้รั้งเขาเอาไว้แล้วนำยาจำนวนมากที่ขโมยมาจากสำนักฉางฉินทั้งหมดให้เขานำติดตัวไปด้วย ตอนแรกยังคิดอยากจะไปส่งเขาที่พรมแดนแม่น้ำแห่ง์แต่กลับถูกอวี๋เคอปฏิเสธไป
อวี๋เคอไม่ใช่คนที่ชอบสร้างปัญหาให้คนอื่นเป็ทุนเดิมอยู่แล้วการต่อสู้ที่สำนักฉิงชางครั้งนี้ทำให้อาจิ่วไปขอความช่วยเหลือจากหลิงกวงการดึงเผ่าหงส์เพลิงเข้ามาเกี่ยวข้องตนก็รู้สึกผิดมากอยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากให้หลิงกวงวิ่งแล่นไปกลับเพื่อมาส่งเขาอีก
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกหลังแปลงกายของอาจิ่วจะเป็ร่างของหนุ่มน้อยน่ารักทว่าพลังการบำเพ็ญเพียรของเขานั้นถึงขั้นเทพแปลงกาย อีกทั้งเนื่องจากเป็สัตว์เทพความเร็วในการบำเพ็ญเพียรต่อจากนี้จึงเร็วขึ้นหลายเท่า ตอนนี้ขอเพียงแค่คุ้นเคยกับวิธีการใช้ร่างกายนี้และการใช้ปราณไฟอย่างคล่องแคล่วเมื่อรวมกับท่าการใช้ร่างและกระบวนท่ามากมายของเผ่าหงส์เพลิงก็จะกลายมาเป็ตัวช่วยตัวสำคัญของอวี๋เคอ
ทั้งสองเดินทางกลับอย่างระมัดระวังขั้นสุด ต่อให้การต่อสู้ในสำนักฉิงชางจะจบลงไปแล้วแต่สำนักจากโลกเซียนจะต้องมีความรู้สึกโกรธแค้นร่วมกันอย่างแน่นอนและข่าวคราวที่อวี๋เคออยู่ในป่าภูตอสูรคงจะแพร่สะพัดออกไปแล้วเป็แน่ แม้คนจากหนึ่งสำนักสามพรรค และหกตระกูลใหญ่จะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเมื่อเขาอยู่กับหลิงกวง แต่ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่ฆ่าเขาระหว่างทางกลับหากกล้าเลินเล่อในตอนนี้ก็เท่ากับไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
เป็ไปตามคาด อวี๋เคอเพิ่งออกจากป่าภูตอสูรได้ไม่ไกลมากนักก็เห็นกลุ่มศิษย์ชุดขาวเสื้อคลุมแถบสีฟ้ากำลังออกลาดตระเวนไปทั่วสารทิศ ดูจากเสื้อผ้าก็รู้เลยว่าเป็คนของสำนักฉิงชางอวี๋เคอรีบใช้คาถาพรางกาย และพยายามอ้อมผ่านจากระยะไกล
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวกลับเห็นศิษย์เ่าั้เจอหินก้อนใหญ่ที่สะอาดตาก้อนหนึ่งและไปนั่งลงบนนั้นดูเหมือนกับกำลังจะพักเหนื่อย หนึ่งในนั้นหยิบกระบอกน้ำออกมาจากมิติกายและดื่มมันเข้าไปสองสามอึก จากนั้นก็กล่าวว่า
“เฮ้อไม่รู้เหมือนกันนะว่าตอนนี้ศิษย์น้องซ่งจะเป็อย่างไรบ้าง? ข้าได้ยินอาจารย์บอกว่าดินแดนไร้เ้าแห่งนั้นไม่ใช่ที่ที่ผู้คนจะอาศัยอยู่ได้เลยผู้ฝึกตนธรรมดาที่ไปก็มีแต่จะรนหาที่ตาย ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์น้องซ่งก็อายุเพียงสิบสามปีเท่านั้นเอง”
เมื่ออวี๋เคอได้ยินคนพูดถึงซ่งฉียวนหัวใจก็อดที่จะเต้นแรงขึ้นไม่ได้ อาจิ่วมองนายท่านของเขาด้วยความกังวลและหยุดเดินเช่นกัน เขายืนอยู่ตรงนี้เพื่อหวังจะฟังคำพูดของพวกเขาต่อไป
พลังบำเพ็ญเพียรของคนเ่าั้นับว่าไม่สูงมากนักย่อมไม่มีทางสังเกตเห็นอวี๋เคอได้อย่างแน่นอน จึงตั้งหน้าตั้งตาพูดคุยกันต่อไป
“ใช่แล้วศิษย์น้องซ่งเป็ผู้มีพร์ที่หาตัวจับยากของตระกูลซ่งเชียวนะได้ขั้นจู้จีตอนอายุสิบปี และเป็ผู้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกเซียนหลังจากนั้นก็ถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล อีกทั้งตัวเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแม้ว่าตอนนี้จะถูกช่วยชีวิตโดยผู้เก่งกล้า แต่ก็ยังถูกศัตรูที่ฆ่าล้างครอบครัวทำให้อับอายต่อหน้าธารกำนัลอยากจะจู่โจมก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ให้ข้าพูดก็พูดเถอะ เขายังหุนหันพลันแล่นเกินไปลูกผู้ชายน่ะสิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย สถานที่อย่างดินแดนไร้เ้าที่อันตรายขนาดนั้นเกรงว่าตอนนี้เขาคงสิ้นชื่อกลายเป็ซากศพไปแล้ว”
“ใช่แล้ว เอาพร์ดีๆไปทิ้งเสียเปล่าๆ ...”
ดูเหมือนว่าซ่งฉียวนจะเข้าไปในดินแดนไร้เ้าจริงๆอวี๋เคอกำหมัดข้างกายแน่น และถอยหลังไปหลายก้าว รู้สึกแย่ในใจขึ้นมา
แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะไปหาซ่งฉียวนตนยังมีธุระในโลกปีศาจที่ยังไม่ได้สะสางอีกอย่างหากเขาบุ่มบ่ามเข้าไปในดินแดนไร้เ้าจากที่นี่ก็จะต้องถูกพวกตาเฒ่าจากสำนักเซียนจับได้อย่างแน่นอนหากตน้าช่วยซ่งฉียวน ก็จะต้องหาสถานที่ลับในโลกปีศาจสักแห่ง และสร้างม่านพลังถึงจะสามารถฝ่ามิติเข้าสู่ดินแดนไร้เ้าอย่างสบายใจได้
เขาข่มความคิดในใจลงแล้วบอกตัวเองว่าต้องเชื่อมั่นในตัวซ่งฉียวน ได้แต่กัดฟันกรอดแล้วหันหลังไปพูดกับอาจิ่วเบาๆ ว่า
“อาจิ่ว ไปกันเถอะ”