เมื่อเย่เฟิงกลับมา เขาใช้จิตหยั่งรู้สำรวจไปรอบๆ ก็พบว่าพวกหลงหว่านเอ๋อร์รวมตัวกันที่ชั้นบน ท่าทางเหมือนปรึกษาหารืออะไรกันอยู่ ส่วนเ้าหนุ่มจากตำหนักไท่จี๋ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง บริเวณลานกว้างหน้าบ้านมีวัยรุ่นห้าคน ท่าทางเหมือนพวกอันธพาลกำลังปีนข้ามกำแพงแล้วเข้าไปในบ้าน
“เมื่อกี้แจ้งคุณชายหวังไปแล้ว เขาจะพาคนมาโดยเร็วที่สุด พวกเราอยู่ที่นี่ก็จัดการก่อนให้เยี่ยมยอดกันไปเลย!”
“ลูกพี่ เราจะฆ่าคนจริงๆ เหรอ?”
“ไอ้ปอดแหก ตอนนี้เกิดพายุคลื่นั์อยู่ แค่ฆ่ามันให้ตายแล้วโยนลงทะเลก็เรียบร้อยแล้ว แกรู้ไหม จบงานนี้แล้วคุณชายหวังจะจ่ายค่าตอบแทนให้พวกเราเท่าไร? หนึ่งล้าน! พวกเราเอามาแบ่งกันก็ได้คนละสองแสน แค่กำจัดมันคนเดียวเอง ไม่มีผีสางตัวไหนรู้เห็นหรอก ถ้าพวกแกกับฉันไม่พูดก็ไม่มีใคร...”
ความจริงแล้วหวังเส้าตงบอกว่าจะให้ค่าตอบแทนสองล้าน แน่นอนว่าที่เหลือเขาจะฮุบไว้มันเอง
ในเมืองเซี่ยงซาน สำหรับอันธพาลอย่างพวกเขา อย่าว่าแต่เงินสองล้านเลย แค่สองแสนก็ทำให้พวกเขาทำงานแบบถวายชีวิตแล้ว!
เย่เฟิงไม่ได้ก้าวตามไป อันธพาลพวกนี้ไม่อยู่ในสายตาของเขา ต่อให้พวกมันทั้งห้าคนถือท่อนเหล็กในมือก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงหว่านเอ๋อร์แน่นอน
ชายหนุ่มเลือกซ่อนตัวอยู่ด้านนอก ประการแรกเขาอยากดูก่อนว่าพวกหลงหว่านเอ๋อร์จะรับมืออย่างไร ประการที่สองคือเขาพบใครคนหนึ่งท่าทางลึกลับต่างจากคนทั่วไป
คนคนนั้นสวมเสื้อกันลมสีดำ สะพายลูกศรดอกเล็กไว้ด้านหลัง มันดูโดดเด่นและสะดุดตามาก ยืนคนเดียวบนยอดเขาในป่าพร้อมสายฝนเทกระหน่ำ แต่กลับนิ่งเฉยไม่ไหวติง
“คนคนนี้เป็ใครกัน?”
เย่เฟิงไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แม้จิตหยั่งรู้จะััได้ว่าคนผู้นั้นไม่มีพลังลมปราณเลย แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงอันตราย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จักและแปลกประหลาด เย่เฟิงคิดว่าตัวเองระวังตัวไว้หน่อยน่าจะดีกว่า
เขาแผ่จิตหยั่งรู้ไปรอบๆ และได้ยินเสียงจากในบ้าน ดูเหมือนหนานฟางจะจำคนคนนี้ได้ เย่เฟิงเริ่มระแวงขึ้นมาและตัดสินใจไปพบพวกหลงหว่านเอ๋อร์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ในเวลานี้เอง พวกอันธพาลห้าคนพร้อมท่อนเหล็กในมือก็แอบเข้ามาในบ้านได้สำเร็จ ผ่านบริเวณน้ำทะเลเย็นเยือกที่สูงท่วมหัวเข่าแล้วก้าวขาสั่นๆ เหยียบบันไดขึ้นไปชั้นสอง
ขณะนั้นเองก็มีเสียง ‘เพล้ง’ สองเสียงดังขึ้นที่ชั้นบน เหมือนมีอะไรบางอย่างถูกทุบแตก ตามมาด้วยเศษแก้วจำนวนหนึ่งพุ่งโจมตีพวกอันธพาลบนบันไดทีละชิ้น!
บนทางเดินอันมืดมิดและเปียกชื้น พวกอันธพาลที่ถือไฟฉายในมือไม่มีเวลาตอบโต้ เศษแก้วเล็กใหญ่แทงร่างกายของพวกเขา ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นทั่วบริเวณ!
เป็ฝีมือของหนานฟาง!
เขาใช้เคล็ดอสูรร่ำไห้ที่เพิ่งเรียนรู้ แต่เพราะไม่มีมีดบินอยู่กับตัว จึงทุบขวดเบียร์สองขวดแล้วนำเศษแก้วพวกนั้นมาใช้แทนมีดบินปาลงไป
วิทยายุทธ์นั้นต่างกับวิชาเซียน การฝึกฝนวิชาเซียนจะอาศัยระดับพลังลมปราณ แต่จนถึงตอนนี้เย่เฟิงยังไม่เคยพบวิทยายุทธ์ไหน้าระดับพลังลมปราณเลย
แค่มีกลยุทธ์และพลังภายในก็สามารถฝึกฝนได้!
ประสิทธิผลของวิชาเซียนที่แสดงออกไปมีความสัมพันธ์กับระดับพลังลมปราณอย่างแแ่ ตอนนี้พลังลมปราณของหนานฟางอยู่ในระดับต่ำมาก เศษแก้วที่ปาออกไปมีพลังไม่มากนัก แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกอันธพาลกลัวจนฉี่ราดแล้ว
“ฉิบหาย! ไอ้หมอนั่นก็อยู่ข้างบน!”
“ลูกพี่ ขาผมถูกยิง!”
“ยิงน้องมึงสิ! รีบไปหาอะไรมาบังแล้วบุกขึ้นไปเร็ว!”
คนกลุ่มหนึ่งอดทนต่อาแที่ถูกเศษแก้วทิ่มแทง กัดฟันสู้สุดกำลังเพื่อเงินสองแสน! พวกเขาวิ่งลงไปชั้นล่างแล้วยกโต๊ะตัวหนึ่งขึ้นมาบังไว้ข้างหน้าเหมือนโล่ จากนั้นค่อยๆ เดินขึ้นข้างบน
เศษแก้วเสียบอยู่บนตัวของคนทั้งห้า เืสีแดงสดไหลออกมาไม่หยุด แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ ในตาของพวกเขาเหลือเพียงเงินสองแสนที่เรียกร้องพวกเขาอยู่เท่านั้น
ขณะขึ้นไปถึงชั้นบน ทันใดนั้นก็มีเสียงเด็กสาวร้องลั่น จากนั้นมีแรงมหาศาลปะทะโต๊ะที่พวกเขายกขึ้นมาเป็โล่เหมือนถูกเตะอย่างแรง
พลังที่รุนแรงและรวดเร็วทะลวงผ่านโต๊ะไปยังพวกอันธพาลทั้งห้า ทำให้ร่างกายที่าเ็เป็ทุนเดิมไม่อาจต้านทานไว้ได้ จึงกระเด็นกลิ้งตกลงบันไดตามกันไปทีละคน
นี่เป็ฝีมือของหลงหว่านเอ๋อร์ แม้เธอเข้าสู่วิถีเซียนแล้ว แต่ยังคุ้นเคยกับท่าขาสยบัของตระกูลหลง จึงใช้กระบวนท่าเทพัฟาดหางโจมตีพวกอันธพาลจนกระเด็น
“ไสหัวไป” เสียงเย็นเยือกเสียงหนึ่งดังมาจากชั้นล่าง เป็เย่เฟิงที่เดินเข้ามาแล้วหิ้วพวกอันธพาลโยนออกไป พวกมันถูกโยนลงน้ำทะเลเย็นๆ ที่ท่วมขังอย่างแรงจนผืนน้ำเย็นเยือกสาดกระจายไปทั่ว
พวกอันธพาลกระจอกประเภทนี้ เย่เฟิงไม่คิดลงมือฆ่าให้เสียมือหรอก แค่ฝีมือหนานฟางและลูกเตะแฝงพลังชี่ของหลงหว่านเอ๋อร์เมื่อครู่ก็ทำให้พวกมันห้าคนได้รับาเ็สาหัส ไม่พิการก็นับว่าดีเท่าไรแล้ว
“เย่เฟิง”
ทันทีที่หลงหว่านเอ๋อร์เห็นว่าชายหนุ่มกลับมาแล้วก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ เท้าเล็กรีบวิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว
ตอนอยู่ในโลกเทวะ เย่เฟิงต้องป้องกันไม่ให้จิตหยั่งรู้ของผู้อื่นตรวจสอบได้ตลอดเวลาจนเคยชิน ก่อนหน้านี้หลงหว่านเอ๋อร์จึงไม่พบเขา
“ขึ้นไปข้างบนกันก่อน พวกเรามีเื่ต้องปรึกษากันหน่อย”
เย่เฟิงส่งยิ้มให้แล้วอ้าแขนรับสาวน้อยที่วิ่งเข้ามาในอ้อมกอด สูดดมกลิ่นกายหอมหวานจากตัวหญิงสาวเต็มปอด แค่นี้ก็ทำให้ใจเขารู้สึกอบอุ่น
“อื้ม”
หลงหว่านเอ๋อร์พยักหน้ารัวและเกาะเกี่ยวคอของเขาไม่ปล่อย
เย่เฟิงไม่มีทางเลือกจึงต้องอุ้มเธอขึ้นไปข้างบนด้วยกัน เวลานี้ชูชูและหนานฟางกำลังจุดเทียนอยู่ในห้อง เมื่อน้ำไหลท่วมบ้านจึงไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำได้เพียงจุดเทียนให้แสงสว่างเท่านั้น
เมื่อเห็นเย่เฟิงอุ้มหลงหว่านเอ๋อร์เดินเข้ามา ชูชูยกมือป้องปากหัวเราะ “มา นั่งลงก่อน เป็ยังไงบ้าง ไม่าเ็ตรงไหนนะ?”
“ไม่เป็ไรเลยครับ”
เย่เฟิงส่ายหน้า กระดูกหักตรงไหล่ได้รับการรักษาจนดีขึ้นแล้ว แม้ยังเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ไม่กระทบต่อการเคลื่อนไหว
สำหรับาแแบบนี้ เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาได้อย่างง่ายดาย ในโลกเทวะยังมีาแอีกหลายชนิดที่เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์จัดการไม่ได้ทั้งหมด อาทิเช่น าเ็จากพลังปราณน้ำแข็งทมิฬ พลังปราณลาวา พลังของดวงดาราหรืออื่นๆ
“หนานฟาง คนที่ใส่เสื้อกันลมสีดำข้างนอกคือใคร?”
ทันทีที่เย่เฟิงเข้ามาในห้องก็เอ่ยปากถามทันที
“มือปราบิญญานิโคติน เป็ยอดฝีมือติดร้อยอันดับแรกของการจัดอันดับนักฆ่าทั่วโลก สังกัดองค์กรไวเปอร์” หนานฟางพูดเสียงเคร่งขรึม
“ไวเปอร์?”
เย่เฟิงชะงักทันที
“สหายเย่ ฉันจะบอกให้ชัดๆ” หนานฟางกล่าว “ในเมื่อนายคือชายสวมหน้ากากโม่จิ่วเกอ ชายผิวดำที่นายฆ่าตรงนอกถนนทางหลวงครั้งก่อนก็เป็สมาชิกของไวเปอร์ ซึ่งเป็องค์กรนักฆ่าระดับสากลที่รวบรวมยอดฝีมือไว้มากมาย แล้วมือปราบิญญานิโคตินคนนี้ก็คือนักฆ่าอันดับหนึ่งของไวเปอร์”
“แล้วเขามาที่นี่เพื่ออะไร?”
เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด เป้าหมายของเขาก็คือนาย สหายเย่” หนานฟางพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “ไวเปอร์สูญเสียกำลังพลไปจากฝีมือของนาย แน่นอนว่าต้องมาเอาคืนเป็ธรรมดา...”
“เขาเก่งมากไหม?” หลงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมกอดของเย่เฟิงไม่ห่างเอ่ยคำถามสำคัญ
เมื่อหนานฟางได้ยินก็ยิ้มเจื่อนทันที “ผมไม่รู้ความแข็งแกร่งของเขา แต่ตามที่เล่ากันมา นิโคตินเคยปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีน และบุกสังหารดาบโลหิตดารา นักโทษหนีคดีที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในยุทธจักรตอนนั้น!”
“อะไรนะ แต่ว่าดาบโลหิตดารามีระดับพลังลมปราณสี่สิบปีเลยนะ ไม่คิดว่าจะถูกไอ้หมอนั่น...”
หลงหว่านเอ๋อร์ปิดปากทันทีเมื่อเผลออุทานเสียงดัง
ขณะนี้ เย่เฟิงกับหลงหว่านเอ๋อร์สังเกตเห็นในเวลาเดียวกันว่ามือปราบิญญาที่ยืนอยู่บนยอดเขาด้านนอก อยู่ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวโดยมุ่งหน้ามาทางบ้านที่พวกเขาอยู่ด้วยความเร็วปานลมกรด!