เหอชูซานอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นแล้วใช้หลังนิ้วแตะเบาๆ ไปที่หางตาของชย่าลิ่วอี มันเย็นเฉียบและเปียกชื้นนิดหน่อย
ชายคนนี้บอกว่าเขาจะทำให้แก๊งเซียวฉีเป็แก๊งที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง เขาพยายามเติมเต็มชีวิตของหัวหน้าแก๊งคนอื่น พยายามหาทางออกให้กับความรู้สึกผิดและความเ็ปของตัวเอง แต่การขยายอำนาจ การชิงไหวชิงพริบ และการต่อสู้ฆ่าฟันเป็ชีวิตที่ผู้ชายที่ชอบกินลูกชิ้นปลา ดูหนัง ดื่มเบียร์ กินจีเปา และเล่นสนุกเกอร์กับนักศึกษาอยากเป็จริงๆ อย่างนั้นหรือ?
นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เขายังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรอีก?
เหอชูซานถอนหายใจยาว ก่อนจะอ้าแขนออกแล้วโอบร่างของชย่าลิ่วอีเข้ามาในอ้อมกอด ทำให้ศีรษะที่ก้มต่ำของเขาพิงลงมาบนหน้าอกของตัวเอง
จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลง วางใบหน้าของเขาลงบนผมที่ยุ่งเหยิงและมีกลิ่นเหล้าของชย่าลิ่วอีอย่างแ่เบา
……
เวลาเช้าตรู่ ชย่าลิ่วอีถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงร้องอันบางเบาของนกนางนวล เขาขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเปิดเปลือกตาที่ปิดสนิทขึ้น
สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้าคือท้องทะเลสีฟ้าครามที่ทอดยาวอยู่เื้ัต้นปาล์ม แสงแรกของดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงบนขอบฟ้าอย่างแ่เบา นกนางนวลสีเงินหลายตัวบินวนเป็วงกลมขึ้นสู่ท้องฟ้าท่ามกลางแสงสีแดงอมส้มอันอบอุ่น
ทิวทัศน์ยามตื่นนอนที่งดงามราวกับฝันนี้ทำให้เขาผู้ที่ยังคงมึนงงจากอาการเมาค้างถึงกับสับสนไปชั่วขณะ เขาจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของเขา นอกจากอาการปวดหัวตุบๆ และปวดเมื่อยไปทั้งตัว ยังมีความรู้สึกคันยุบยิบตรงหน้าอกอย่างอธิบายไม่ถูกอีกอย่างหนึ่งที่เขาััได้
ลูกพี่ชย่าก้มลงมอง เห็นเสื้อสูทยับยู่ยี่ของตัวเองเปิดอ้าออกเผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตบางๆ ข้างใน บนเสื้อเชิ้ตที่ขวางกั้นผิวเนื้อของเขานั้นมีอุ้งเท้าของใครบางคนวางอยู่ —— คราวนี้เปลี่ยนนิ้วเป็นิ้วกลางและนิ้วนาง —— กำลังบีบตรงยอดอกของเขาพอดี
ชย่าลิ่วอีโกรธจัด เขาสะบัดมือปัดอุ้งเท้าของเหอชูซานออกอย่างแรง!
ในขณะเดียวกันนั้นเหอชูซานก็โอบเอวเขาไว้ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ใบหน้าครึ่งหนึ่งแนบชิดกับไหล่ของเขา เหอชูซานครางออกมาแ่เบา ก่อนจะถูใบหน้ากับไหล่ของเขาโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจยังคงถูกผ่อนเข้าออกเป็จังหวะสม่ำเสมอเช่นเดิม
นักศึกษาเหอถูกเ้าพ่อมาเฟียเล่นงานมาทั้งคืน เขารู้สึกเหนื่อย ง่วง อึดอัด และเสียใจ จึงไม่มีแรงจะไปสนใจความโกรธของหมอนข้างรูปคนนี้แม้แต่น้อย
ชย่าลิ่วอีเขย่าอยู่สองสามครั้งแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเหอชูซานจะตื่น เขาจึงตั้งใจจะตบเหอชูซานให้ตื่น อุ้งมือหมีของเขาเกือบจะถึงใบหน้าของนักศึกษาแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตบลงไป– เด็กคนนี้มีขี้ตาเต็มหน้า จะทำให้มือของฉันสกปรกได้!
เขาผลักเหอชูซานออกไป แล้วพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนโดยใช้ราวเหล็กเป็หลักค้ำ ในตอนนี้แสงอรุณรุ่งสาดส่องไปถึงหลังคาวิลล่าริมทะเลแล้ว หลังคาสีขาวสะท้อนแสงสีทอง เป็สีสันที่ทั้งสดใสและเจิดจ้า
ชย่าลิวอีเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองไปยังทิศทางของแสงนั้นครู่ใหญ่ ดวงตาของเขาร้อนผ่าวเล็กน้อย... ทว่าเมื่อเขาก้มศีรษะลง เขาก็กลับมาเป็ลูกพี่ใหญ่ผู้ไร้อารมณ์ เยือกเย็น และสุขุมอีกครั้ง
เขาก้มลงจับแขนของเหอชูซานด้วยมือข้างเดียว แล้วดึงเ้าเด็กที่หลับเหมือนหมูตายนี้ขึ้นมาพาดแขนของเขาไว้บนไหล่ของตัวเอง ก่อนจะทั้งลากทั้งดึงกลับไปที่รถแล้วโยนลงไปเบาะหลัง จากนั้นเขาก็เข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ ลดกระจกรถลง แล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างไม่ใส่ใจขณะเอนศีรษะพิงเบาะแล้วมองภาพใบหน้าที่สงบนิ่งและไร้เดียงสาของเหอชูซานผ่านกระจกมองหลัง
เมื่อคืนเขาเมามากจริงๆ ถึงได้พาเด็กคนนี้มาที่นี่ แต่ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ทุกสายตาที่เด็กคนนี้มองมา เขายังจำได้
แม้กระทั่งอ้อมกอดเบาๆ ครั้งสุดท้ายนั่น เขาก็ยังพอมีความทรงจำที่เลือนรางหลงเหลืออยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่าเขาคิดมากไปเอง แต่เหอชูซานทำเกินขอบเขตไปแล้วจริงๆ มันเลยเส้นความสัมพันธ์ฉันพี่น้องไปแล้ว
ชย่าลิ่วอีวางแขนพาดหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า แล้วค่อยๆ พ่นควันสีขาวจางๆ ออกมาอย่างช้าๆ และยาวนาน
……
ลูกพี่ชย่าผู้มีอายุเพียง 25 ปีกำลังอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่เคยััการแอบรักครั้งแรกมานานกว่าสิบปีและเพิ่งจะเสียคนที่เขาแอบรักไปไม่นาน หลังจากนั้นเขาจึงทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่และไม่สนใจเื่ความรักอีก เด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มวัยนั้นยิ่งไม่มีความหมายในสายตาเขา ความรู้สึกที่อันตรายแบบนี้ควรจะถูกกำจัดทิ้งั้แ่ต้นเพื่อไม่ให้มันเติบโตไปมากกว่านี้
แม้เขาจะบอกว่าจะ ‘กำจัด’ ความรู้สึกนี้ แต่เขาก็ไม่ได้วางแผนจะทำอะไรที่แสดงออกว่าเกลียดหรือหลบหน้าหลบตา—— ปกติแล้วยิ่งคุณพยายามหลบหน้าใครมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็การแสดงออกว่าคุณแคร์คนคนนั้นมากเท่านั้น ลูกพี่ชย่าคิดว่าตัวเองไม่ได้ใส่ใจกับความรู้สึกชื่นชมที่ได้รับจากเด็กหนุ่มคนนี้เลย เขาจึงยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม หากอยากชวนเด็กคนนี้ไปกินข้าวก็ชวน อยากสอนเขาเล่นสนุกเกอร์ก็สอน จะพยายามบังคับให้เขาช่วยดูแลบัญชีให้ก็ยังคงพยายามต่อไป... เพียงแต่ในใจนั้นก็มีความคิดที่อยากจะ ‘เปิดโลก’ ให้เด็กคนนี้ด้วยเช่นกัน
เขามั่นใจว่าเด็กหนุ่มที่กล้าบ้าบิ่นคนนี้คงเรียนจนหัวทื่อและไม่มีทักษะทางสังคม เมื่อโชคดีที่มีคนใหญ่คนโตคอยคุ้มครอง——ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไม่ยอมรับว่าเขาเป็คนใหญ่คนโตก็ตาม——เด็กหนุ่มก็เลยเข้าใจผิดเอาความรู้สึกแบบพี่น้องไปเป็ความหวั่นไหวแทน ทั้งที่ยังไม่เคยัักับความหวานชื่นของหญิงสาว กลับเดินทางไปสู่ความสนใจในผู้ชายเสียแล้ว
——ลูกพี่ชย่า ประเดี๋ยวก่อนครับ พี่แน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังพูดถึงตัวเองอยู่?
เอาล่ะ พักเื่ที่ลูกพี่ชย่าจะฝ่าฟันข้อห้ามต่างๆ มาตีบรรณาธิการไว้ก่อน ในตอนที่เขาเกิดความมั่นใจในเื่นี้ขึ้นมา เขาจึงยิ่งห่วงใยพัฒนาการของเหอชูซานมากกว่าเดิม หากมีเวลาว่างเมื่อไรก็มักจะคิดหาโอกาสนู่นนี่นั่นให้คุณชายเหอได้ััประสบการณ์รักใคร่กับสตรีอยู่เสมอ
“ลูกพี่ครับ” ผู้จัดการหม่ารีบโทรศัพท์ไปรายงานลูกพี่ใหญ่ของเขาด้วยความตื่นเต้น “ไอ้หนุ่มแซ่เหอมันบังอาจมาก มันบอกว่าจะไม่มาเล่นสนุกเกอร์กับพี่บ่ายวันอาทิตย์นี้แล้วครับ”
“สอบซ่อมอีกแล้วหรือ? เขาไม่ได้ไปฝึกงานที่ธนาคารหรือ?” ลูกพี่ชย่าถามปลายสายกลับขณะจิ้มไส้กรอกชีสกินอยู่
“เขาบอกว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพี่หาเพื่อนสาวสวยมาสอนพิเศษให้เขา แล้วเขาดันเผลอจนข้อมือแพลง ตอนนี้ก็ยังไม่หายดี! ผมว่าเ้านั่นโกหกแน่นอนเลยครับ ลูกพี่ครับ! เ้าเด็กนี่มันหาข้ออ้างหนีพี่อยู่ แค่พี่สั่งมา ผมจะไปลากเขามาสั่งสอนสักรอบทันที!”
“จะซ้อมทำไม! ถ้าซ้อมจนาเ็ นายจะชดใช้ได้หรือเปล่า?! ลากมันมานั่งดูหนังเป็เพื่อนฉันดีกว่า”
ดังนั้นในบ่ายวันอาทิตย์ เหอชูซานจึงถูก ‘ลาก’ เข้าไปในโรงภาพยนตร์ส่วนตัวสุดหรูภายในบริษัทมาเฟียอย่างไม่เต็มใจนัก เขายังคงสวมเสื้อผ้าเก่าที่ซักจนสีซีดจาง แต่กระเป๋าเป้ใบเล็กของเขากลับถูกแทนที่ด้วยกระเป๋าหนังเก่าๆ ที่ดูเหมือนจะได้มาจากตลาดมือสอง อีกทั้งบนใบหน้าของเขาก็ยังมีแว่นตาสวมใส่ไว้อีกด้วย
“อ่านหนังสือจนตาบอดเลยหรือไง?” ชย่าลิ่วอีที่นอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาดเอ่ยถามเขาด้วยความเป็ห่วง
“ผู้จัดการบอกว่าผมดูเด็กเกินไป ต้องใส่แว่นเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นอีกหน่อย” เหอชูซานพูด “นี่เป็แค่เลนส์กรองแสงธรรมดา”
ชย่าลิ่วอีหัวเราะแล้วเลื่อนชามลูกชิ้นปลาไปให้เขา เหอชูซานก็เชื่อฟังหยิบลูกชิ้นขึ้นมาหนึ่งลูก “พี่ลิ่วอี พี่ดูไปก่อนเลย ผมจะอ่านเอกสารงานวิจัยอยู่ข้างๆ จะไม่ส่งเสียงรบกวนพี่”
ชย่าลิ่วอีเคยชินกับทักษะของเขาที่ถึงขนาดยืนอยู่บนรถบัสก็ยังพยายามยกมือขึ้นและเงยหน้าดูหนังสืออยู่เสมอ เขาจึงไม่อยากจะตีเหอชูซานแล้ว แค่เพียงเหลือบมองนิ้วชี้มือซ้ายที่พันด้วยผ้าพันแผลอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดว่า “บ้าไปแล้ว! เ้าเด็กนี่เล่นละครเก่งจริงๆ นี่คือ ‘ข้อมือแพลง’ หรือ?”
“ไม่ใช่หรอก โดนมีดบาดเมื่อวานตอนทำงานพิเศษน่ะ”
“โดนมีดบาดหรือ? นายไม่ได้ทำงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารหรอกหรือ?”
“เดือนที่แล้วผมเริ่มหัดหั่นผัก ร้านลุงอาหัวย้ายออกมาอยู่นอกเมืองกำแพงแล้ว ตอนนี้ขายดีมาก คนไม่พอ”
ชย่าลิ่วอีแค่นเสียงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันกลับไปดูหนังต่อ
ตอนนี้คือ่ฤดูหนาวปี 1990 การอพยพย้ายถิ่นฐานของเมืองกำแพงเจียวหลงกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ได้รับการจัดสรรที่อยู่อาศัยรวมถึงเงินชดเชยจากรัฐบาล อาป๊าเหอซึ่งเป็บุคคลไร้สัญชาติที่หลบหนีเข้ามาในเมืองกำแพงเจียวหลงเมื่อหลายสิบปีก่อนเองก็ได้รับสิทธิ์การพำนักถาวรโดยไร้ปัญหาใด เนื่องจากเขาอาศัยอยู่ในฮ่องกงมาเป็เวลาเจ็ดปีแล้ว เขาจึงกลายเป็พลเมืองของเมืองริมทะเลแห่งนี้อย่างเป็ทางการ นอกจากนี้เขายังได้รับแฟลตในอาคารสูงใกล้ท่าเรือจิ่วหลงซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับบ้านสองชั้นหลังเล็กที่ทรุดโทรมของเขาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อาป๊าเหอยังคงเป็หมอฟันเถื่อนที่ไม่มีใบอนุญาต เขาไม่สามารถประกอบวิชาชีพได้อย่างถูกกฎหมายและไม่สามารถเปิดคลินิกได้ จึงต้องเกษียณก่อนกำหนด โชคดีที่เหอชูซานหาสถานที่ฝึกงานได้สำเร็จและยังมีเงินเดือนหนึ่งถึงสองพันเหรียญต่อเดือนเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ร้านน้ำแข็งไสของลุงอาหัวเปิดใหม่อยู่ชั้นล่างของอาคารพอดี ดังนั้นนอกจากการฝึกงานที่ธนาคารสี่วันต่อสัปดาห์แล้ว เหอชูซานก็ยังคงทำงานพิเศษที่ร้านน้ำแข็งไสใหม่ของอาหัวใน่เวลาที่ว่างจากการเรียน
ที่จริงวันนี้เขาก็น่าจะต้องเสิร์ฟอาหารทั้งๆ ที่ยังมีแผลอยู่ แต่พอเลยเที่ยงไปเขาก็รีบคว้ากระเป๋าเอกสารเก่าๆ แล้วเผ่นหนีทันทีท่ามกลางเสียงะโของลุงอาหัวไปยังโต๊ะสนุกเกอร์เพื่อมาดูหนังเป็เพื่อนกับลูกพี่โดยสมัครใจ
ชย่าลิ่วอีเอนกายอย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้แล้วดูหนังดังแห่งปีเื่ 《A Moment of Romance》 เสียงกรี๊ดดังสนั่นหวั่นไหวขณะที่หลิวเต๋อหัวซิ่งมอเตอร์ไซค์ในลานแข่งรถอย่างบ้าคลั่งและไร้ความกลัว หล่อสุดๆ ทว่าลูกพี่ชย่ากลับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “แค่นี้หรือ? เล่นจนเบื่อแล้ว”
“พี่เคยแข่งมอเตอร์ไซค์ด้วยหรือ?” เหอชูซานถาม
ชย่าลิ่วอีแค่นเสียงหัวเราะเยาะอย่างดูถูก แล้วพูดโอ้อวดว่า “ตอนอายุสิบหกฉันก็เป็ขาใหญ่ในจิ่วหลงแล้ว ไม่เคยแพ้ใครในสนามแข่งรถเลย!"
เหอชูซานขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามด้วยความเป็ห่วงว่า “ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุอะไรใช่ไหม?”
“...แน่นอนว่าไม่เคย!” ชย่าลิ่วอีพูด แม้ความจริงแล้วหลังจากแข่งรถเขาจะขาหัก โดนสั่งขังเดี่ยวสองเดือนโดยชิงหลง และถูกห้ามไม่ให้แตะต้องมอเตอร์ไซค์อีกเลยก็ตาม
เ้าเด็กนั่นเหมือนกับอ่านใจคนได้ เขาใช้สายตาที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดมองชย่าลิ่วอีนานพอสมควร ชย่าลิ่วอีเริ่มรู้สึกโกรธจนแทบจะปลดปล่อยความโกรธนั้นออกมา เขาจึงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายและพูดว่า “ดีแล้วที่ไม่มีอะไร”
ลูกพี่ชย่าตบที่เท้าแขนของเก้าอี้เสียงดังโครม ทำให้เหอชูซานรีบเงียบเสียงลงทันทีและก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ
เขาอาศัยแสงจากโคมไฟเล็กๆ ที่ชย่าลิ่วอีตั้งใจให้คนนำมาวางไว้บนโต๊ะน้ำชาข้างตัวเขาอ่านเอกสารงานวิจัยในมือจนจบอย่างตั้งใจ จากนั้นก็พับบันทึกสองหน้าอย่างละเอียด แล้วเก็บเข้ากระเป๋าเอกสารพร้อมกับเอกสารอื่นๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าลูกพี่ชย่าหลับไปแล้วโดยที่ศีรษะเอียงไปด้านข้าง
เมื่อคืนชย่าลิ่วอีไปดื่มกับสารวัตรคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งจนดึกดื่น เขาจึงดูหนังได้แค่ครึ่งเื่แล้วเริ่มง่วง โชคดีที่ได้ดูแค่ฉากรักโรแมนติกระหว่างพระเอกกับคุณหนูไฮโซ ไม่ได้เห็นฉากสุดท้ายที่พระเอกได้รับาเ็สาหัสและตายไปพร้อมกับศัตรู
หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดแต่งงานวิ่งเท้าเปล่าท่ามกลางสายลม ขณะที่พวกอันธพาลนอนหายใจรวยรินจมกองเื ร่างกายของพวกมันชักกระตุกเป็ครั้งสุดท้าย จากนั้นเพลง《ต่วนจ้านเตอะเวินโหลว》 จากนักร้องหนุ่มก็ดึงขึ้นมาเบาๆ คำหวานไม่อาจบอกได้ว่านี่คือตอนจบที่มีความสุข ความปรารถนาในชีวิตไม่เคยชัดเจน แล้วจะไปอยากได้ความชัดเจนทำไม...
เหอชูซานลุกขึ้นยืนอย่างเงียบงัน เขาเดินเข้าไปใกล้เก้าอี้ของชย่าลิ่วอี แล้วค่อยๆ ก้มตัวลงในความมืด... เพื่อหยิบเสื้อสูทที่ชย่าลิ่วอีโยนไว้ข้างๆ มาคลุมตัวให้เขาอย่างแ่เบา