“ไม่หรอก” พราวมุกหัวเราะร่าแล้วเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์ “มุกรู้ว่าเดวิทอยากมีลูกของตัวเองกับแม่ของเรา แต่ติดที่ทั้งสองคนเป็ห่วงความรู้สึกของมุก ผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชายนะ ถ้าท้องตอนอายุมากจะมีปัญหา มุกเลยหาเื่แยกตัวมาใช้ชีวิตคนเดียว แต่อยู่เมืองไทยแม่จะยังสบายใจกว่า เพราะถ้ามีอะไรก็ยังมีพ่อมีพลอยและครอบครัวฝั่งคุณตากับคุณยาย มุกก็เลยกลับมาไทยนี่แหละ”
“แล้วมุกคิดจะทำงานประจำนี่จริงๆเหรอ”
“พลอยถามมุกหลายรอบแล้วนะ” พราวมุกทำปากยื่นใส่ “มาดูหนังกัน”
พลอยดาวขยับตัวไปนอนเบียดพราวมุก ทั้งสองไม่ได้เหมือนกันแค่หน้าตา แต่รูปร่างยังพอๆกันอีกด้วย พราวมุกใส่เสื้อผ้าของพลอยดาวได้ แต่พลอยดาวไม่ค่อยชอบเสื้อผ้าของพราวมุกนัก รู้สึกว่ามันสั้นไปนิด รัดรูปไปหน่อย ถ้าพ่อเห็นคงต้องบ่นแน่นอน
“ถ้าทำงานประจำได้ ก็จะได้มีตังค์ใช้ทุกเดือนไง ส่วนงานอื่นเป็รายได้เสริม และถือว่าหาประสบการณ์ไปด้วย”
“อื้ม” พลอยดาวพยักหน้ารับ “ไม่ดูหนังผีนะ”
“หนังฆาตกรรมต่างหาก”
“ไม่เอา ดูหนังรักไม่ได้เหรอ”
“ตามใจๆ ถือว่าวันนี้ช่วยมุกไว้” พราวมุกหัวเราะ แล้วกดรีโมทเลื่อนดูรายการที่้า “บอสของมุกเป็ไงล่ะ”
“ตานั้นนะเหรอ” พลอยมุกแอบเบ้ปากใส่ “ขี้เก๊กชะมัด”
พราวมุกหัวเราะเสียงใส “ทำไงได้ล่ะ ต้องพิสูจน์ตัวเองนี่ ถึงจะเป็ลูกชายเ้าของบริษัทก็เถอะ”
“อย่างนั้นเหรอ”
“ดูๆ ไปก็น่าเห็นใจนะ”
“อื้ม”
“แล้วพลอยไม่เห็นใจบอสของมุกเหรอ”
“เกี่ยวอะไรกับพลอยด้วยเล่า” พลอยดาวทำหน้างง “มุกบอกว่าบอสไม่ชอบผู้หญิงนี่”
“ก็...มุกเป็เลขาได้สองเดือน ไม่เห็นเหมือนในซีรีย์เกาหลีเลย แบบที่ต้องคอยจัดคิวสับรางให้สาวๆ ของบอส”
“อะไรกัน แค่นี้มุกก็คิดว่าท่านประธานเป็เกย์เหรอ”
“มุกไม่ได้พูดว่าบอสเป็เกย์เสียหน่อย”
“อ้าว”
“แล้วพลอยไม่สนใจบอสของมุกเหรอ”
พลอยดาวส่ายหน้ารัวๆ “คุยกันไม่รู้เื่หรอก หรือมุกชอบ”
“ไม่ใช่สเปก” พราวมุกหัวเราะ “มุกไม่ชอบคนบ้างาน”
บ้างานเหรอ... พลอยดาวคิดถึงวันนี้ที่ทำงานร่วมกับกวิวัชร์ เขาจริงจังกับงานมาก แม้เป็เ้าของบริษัทก็ไม่ได้ถือตัวอะไร เขาอาจจะเื่มากไปนิด แต่ก็พอเข้าใจได้ พลอยดาวอยู่กับพ่อที่บ้างาน เธอเป็คนดูแลทุกๆ เื่ในบ้าน ถ้าจะให้พูดเกินจริงไปหน่อยก็คือเธอเหมือนคนที่คอยดูแลพ่อมากกว่า
“นี่ๆ” พลอยดาวสะกิด
“มีอะไร”
“ท่านประธานของเธอนะ ท่าทางจะเป็พวกเครียดลงกระเพาะ ซื้อยาโรคกระเพาะติดไว้บ้างนะ”
“ของแบบนั้นมุกไปเบิกเอาก็ได้”
“ก็...ช่างเถอะ” พลอยดาวก็ไม่รู้จะเป็ห่วงเขาไปทำไม
“เป็ห่วงบอสเหรอ” พราวมุกกระเซ้า “ตานั้นแข็งแกร่งอย่างกับเหล็ก คงไม่เป็อะไรง่ายๆ หรอก”
“ไม่คุยด้วยแล้ว”
“ไม่เอาน่า ตกลงวันนี้ไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ เหรอ”
“ไม่มี” พลอยมุกยืนยัน แต่ก็นึกเอะใจเลยพูดออกมา “แต่เขาชอบมองมาทางพลอยบ่อยๆ หรือเขาจะแอบชอบมุกอยู่”
“หา! ไม่มั้ง!” พราวมุกส่ายหน้าไปมา “นอกจากมองหน้าแบบจับผิดแล้วไม่มีความรู้สึกแบบชู้สาวแน่นอน”
“นั้นสินะ พลอยคงคิดไปเองนั้นแหละ”
พลอยดาวพยายามไม่คิดถึงสายตาคู่นั้น คงเพราะเธอไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตทำงานแบบนี้กระมังจึงรู้สึกแปลกๆ ความจริงเขาก็ดูดีไม่น้อย สูงน่าจะเกิน 180 เิเแน่ๆ ใส่สูทเรียบหรูสีเข้มยิ่งขับเน้นให้ดูสง่าเข้าไปอีก หญิงสาวเกยคางกับไหล่ของน้องสาวฝาแฝด นึกถึงเื่ที่คุยกัน บางทีเธอต้องหาทางมาค้างกับพราวมุกบ่อยๆ เผื่อว่าพ่อจะได้กลับไปใช้ชีวิตหนุ่มโสดอีกครั้ง.
.......
เพราะผลัดมาหลายครั้ง คุณจันทนาหาทางให้ลูกชายสุดที่รักมาพบ ‘หนูลิลลี่’ จนได้
กวิวัชร์นั่งหน้าตึงข้างปภาวดีหรือลิลลี่ เขาไม่อยากหยุดงานบ่อยนัก แม้ว่าตัวเองเป็ประธานบริษัทแต่เื่ระเบียบวินัยต้องทำให้เป็ตัวอย่างที่ดี แต่เพราะแม่โทรจิกตามตัวจนเขาต้องฝากงานครึ่งบ่ายให้อา อวัชกับเลขาของเขารับ่ต่อ
“นี่ก็งานเหมือนกันนะ” คุณจันทนาค้อนบุตรชายที่ทำหน้าตึงจนปภาวดีไม่กล้าชวนคุย
“ครับแม่”
กวิวัชร์ผงกศีรษะเป็เชิงรับรู้ แต่มันเป็งานที่ไม่ต้องให้เขามารับรู้ก็ได้ งานออกร้านการกุศลซึ่งแม่ของเขาก็ทำเป็ประจำบ่อยๆ เพียงแต่เขาเพิ่งรู้ว่าวันนี้นัดประชุมที่ห้องสมุดร่วมสมัย นอกจากหนังสืออัดแน่นในชั้นแล้ว ยังเป็แกลเลอรี่แสดงงานศิลปะด้วย เขาห่างเหินเื่พวกนี้ไปนานจนเกือบลืมไปแล้วว่าสมัยวัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็ชอบทำกิจกรรมแบบนี้ เขาแปลกใจที่นัดคุยงานกันที่นี่แต่ก็พอเข้าใจได้ บรรยากาศจิบน้ำชานั่งสนทนาในสวนดอกไม้ราวกับฉากในภาพยนตร์ ถ้าวันนี้เป็วันเสาร์อาทิตย์ อาจมีคนเข้ามาเช็กอินถ่ายรูปเก๋ๆ อวดกันแล้ว
เขาปรายตามองทางปภาวดีแล้วลอบถอนหายใจ เขาเห็นเธอมาั้แ่เด็ก และมี่หนึ่งที่เธอหายไป ถ้าจำไม่ผิดคือไปเรียนที่เมืองนอกหรืออะไรสักอย่างนี้แหละ มาพบกันอีกครั้งก็กลายเป็สาวสะพรั่ง ไม่ใช่ว่าปภาวดีไม่สวย เธอสวย แต่ขาดความมั่นใจ เธอเหมาะที่จะเป็ดอกไม้ที่ถูกประดับในแจกันหรูหรา ถูกรักและเอาใจใส่ แต่คนนั้นไม่ใช่เขา
“ประชุมเสร็จแล้วแม่อยาก...”
“ผมต้องกลับบริษัทก่อน คุณแม่กลับพร้อมน้องลิลลี่เลยนะครับ”
“เดี๋ยวสิ แม่...”
“น้องลิลลี่ดูคุณแม่ด้วยนะครับ”
กวิวัชร์คลี่ยิ้มโปรยเสน่ห์ทำให้ปภาวดีเคลิ้มลืมตัวพยักหน้าหงึกหงัก คุณจันทนาไม่ทันได้คว้าตัวลูกชายไว้ เขาก็ลุกออกจากเก้าอี้เดินออกมาแล้ว เขาไม่คิดจะกลับเข้าบริษัทอีก แค่ขับรถกลับก็ใช้เวลากว่าสี่สิบนาทีหรือมากกว่านั้น ไปถึงก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว เพราะฉะนั้นขอใช้อภิสิทธิ์ของการเป็ประธานบริษัทก็แล้วกัน เมื่อเดินเลี้ยวออกมาเพื่อจะไปที่จอดรถ เขามองเลยไปยังห้องบรรจุหนังสือที่ให้ความรู้สึกเงียบและสงบ นานแค่ไหนที่ไม่ได้เดินเข้าห้องสมุด เขาหมุนเท้าเดินตรงไปยังห้องนั้น บรรณารักษ์สาววัยประมาณสี่สิบเงยหน้าขึ้นจากการซ่อมหนังสือ เธอส่งยิ้มให้แต่ไม่เอ่ยถามอะไร เขาเพียงยิ้มตอบแล้วเดินดูชั้นตามชั้น ห้องสมุดที่นี่ไม่เหมือนห้องสมุดในมหาวิทยาลัย ที่นี่เป็ห้องสมุดกึ่งแกลเลอรี่ เท่าที่กวาดตามองในห้องนี้เก็บหนังสือเกี่ยววรรณกรรม ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ เขาหยุดมองที่ตู้กระจก มีหนังสือ ‘เ้าชายน้อย’ หลายเวอร์ชั่นในหลายภาษา รวมทั้งฉบับอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
เสียงใสเอ่ยถามไม่ดังนัก แต่เพราะในห้องเงียบสงบทำให้เสียงหวานกังวานในห้องไม้ขนาดใหญ่ห้องนี้
น้ำเสียงคุ้นหูทำให้กวิวัชร์เงยตัวขึ้นจากตู้โชว์แล้วหมุนตัวกลับทันที หญิงสาวตรงหน้าสวมชุดกระโปรงยาวเลยเข่าสีฟ้าละมุนตา ผมยาวถูกถักเปียหลวมๆ หากไม่มีแว่นตากรอบหนานั้นอยู่ เขาคงคิดว่าเธอคือพราวมุกเลขาที่ควรอยู่ที่บริษัทของเขา