เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำพูดนั้นก็ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าให้เขา “ดีมาก ข้าจะนำคำเหล่านี้ที่ท่านพูดไปบอกท่านพ่อ เพื่อที่เขาจะได้ซ้อมท่านเสียสักรอบ” คนผู้นี้ยังมีหน้ามาพูดอีก ตอนนั้นจู่ๆ ก็เร่งเร้าให้นางแต่งให้เขา ส่วนตัวนางเองก็ขึ้นนั่งเกี้ยวเ้าสาวมาอย่างโง่ๆ
คำพูดของอวิ๋นซีราวกับเป็การเตือนสติจวินเหยียน ชายหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนพูดผิดไป เขารีบแย้ง “ฮูหยินคนดี อย่าได้บอกเื่นี้แก่ท่านพ่อตาเลย เ้าก็รู้นี่ เดิมทีเขาก็มีอคติกับข้ามากพออยู่แล้ว”
ก่อนหน้านี้ตัวเขาต้องใช้ลูกไม้นิดหน่อยถึงจะแต่งอวิ๋นซีเข้ามาได้ หากท่านพ่อตาล่วงรู้เข้าว่าตนพูดเช่นนี้กับนางอีก ถ้าคนไม่มาถลกหนังเขาสิคงจะแปลก
“จริงสิ พอพูดถึงท่านพ่อ ข้าก็เพิ่งนึกขึ้นได้ หากว่าฮูหยินลู่มีข่าวดีจริงๆ ล่ะ ลู่เหวินเจิ้นจะทำเช่นไร? ” จู่ๆ อวิ๋นซีก็ใคร่รู้ขึ้นมา ตอนนี้ลู่อวี้ฉิงเองก็ตั้งครรภ์แล้ว ดังนั้น ลู่เหวินเจิ้นจักต้องหาวิธีแอบซ่อนอีกฝ่ายไว้เป็อย่างดีแน่ ส่วนฮูหยินลู่ผู้นั้น หึหึ สตรีที่สวมหมวกเขียวให้สามี นางชักอยากจะเห็นแล้วล่ะสิว่า ท้ายที่สุดคนจะเป็เช่นไร
“ตายสถานเดียว” จวินเหยียนพูดเรียบๆ “คิดว่า คงเร็วๆ นี้”
อวิ๋นซีเข้าใจดี คำว่า ‘เร็วๆ นี้’ ที่เขาหมายถึงย่อมหมายความว่า ฮูหยินลู่น่าจะต้องตายเร็วๆ นี้ นางพยักหน้า “โลกใบนี้ไม่เคยให้ความยุติธรรมกับสตรีเช่นนี้เสมอ บุรุษสามารถมีสามภรรยาสี่อนุได้ ทว่า หากสตรีผู้หนึ่งมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับบุรุษอื่นก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว”
“เ้าพูดโง่ๆ อันใดออกมา สามีไม่มีสามภรรยาสี่อนุก็นับว่าใช้ได้แล้ว ส่วนคนอื่น เ้าจะไปยุ่งอันใดด้วยเล่า? ยิ่งกว่านั้น แท้จริงแล้วบนโลกใบนี้ก็ยังมีบุรุษอีกมากที่รักเดียวใจเดียว ดูอย่างบิดาเ้าสิ มิใช่ว่าเขาเองก็เป็คนรักเดียวใจเดียวหรือ หลังจากที่มารดาเ้าจากไปแล้ว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ก็เป็เขาที่เลี้ยงดูเ้าจนเติบใหญ่มาอย่างยากลำบาก อีกทั้ง คนยังไม่คิดจะแต่งงานใหม่ด้วยซ้ำ ดังนั้น เ้าก็ควรเชื่อในตัวสามี เพราะเปิ่นหวางคลั่งรักในตัวเ้ามากเสียยิ่งกว่าบิดาเ้าอีก” จวินเหยียนไม่อยากให้นางนึกถึงเื่มากมายที่ชวนให้ไม่สบายใจ จึงรีบพูดทีเล่นทีจริง
อวิ๋นซีหัวเราะหยันอย่างเ็า “ท่านกับท่านพ่อข้าแตกต่างกันลิบลับ”
ไม่ว่าอย่างไรบิดานางก็เป็บุรุษผู้มีชื่อเสียงเื่รักใคร่ภรรยายิ่ง แต่สำหรับคนตรงหน้านี้ก็ยังไม่แน่นัก อย่างไรเสีย การจะพูดเื่เช่นนี้ั้แ่ตอนนี้ก็ถือว่ายังเร็วไปหน่อย
ณ เรือนฉิ่นเยว่
เมื่อหยวนอวี่คิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ขอบตานางก็แดงก่ำ “เหตุใดพวกเ้าเห็นข้ากับพี่ชิวิกระทำเื่เช่นนั้นแล้ว จึงไม่คิดหักห้ามหรือโน้มน้าวสักหน่อย และเหตุใดเมื่อมีคนมาจึงไม่รู้จักเตือน”
“คุณหนู บ่าว พวกบ่าวเตือนคุณหนูแล้วว่า อย่าเข้าใกล้ชิวิซื่อจื่อมากนัก แต่เป็คุณหนูที่บอกแก่บ่าวว่าไม่เป็ไร ทั้งยังไล่พวกบ่าวออกไปอีกด้วย” เมื่ออิ๋งอิ๋งหวนนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็อดพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้
พวกนางไม่เอ่ยปากเตือนเมื่อไรกัน เป็คุณหนูต่างหากที่ได้เห็นชิวิซื่อจื่อก็ราวกับมองเห็นอาหารชั้นเลิศ ซ้ำร้ายยังบอกให้พวกนางออกไป ยิ่งกว่านั้น สาวใช้ข้างกายเยี่ยงพวกนางที่ทั้งเตือนทั้งแนะอยู่ทั้งวันทั้งคืนยังถูกตบไปแล้วครั้งหนึ่งด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อิ๋งอิ๋งก็รู้สึกน้อยใจยิ่ง
หยวนอวี่มองเตี๋ยอีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นพลางครุ่นคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เหตุใดั้แ่ชิวิมาก็ดูเหมือนว่าเื่ราวทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเป็อย่างมาก เหตุใดทุกครั้งที่ตนเห็นชิวิก็จะรู้สึกราวกับมิอาจหักห้ามใจตัวเองได้ หรือว่า นางจะตกหลุมรักชิวิเข้าให้แล้ว
ไม่มีทางหรอก เพราะคนที่นางรักั้แ่แรกเริ่มก็คือองค์รัชทายาท ส่วนจวินเหยียนนั้น นางก็ทำไปเพียงเพื่อให้คนภายนอกเข้าใจไปแบบนั้น เพราะเหตุที่นางมายังหานโจวนี้ก็เป็แค่การช่วยองค์รัชทายาทจับตาดูจวินเหยียน การกระทำทั้งหมดของนางเป็เพียงโอกาสหนึ่งที่ตนจะได้ช่วยเหลือชายคนรัก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเขาเคยบอกนางว่า ให้รอจนกระทั่งเขาได้ขึ้นครองราชย์ก็จะมอบสถานะที่สมเกียรติแก่นาง
ทว่า ตอนนี้นางกลับไปหลงใหลในเรือนร่างของชิวิได้อย่างไร ถึงกระนั้นก็ไม่อาจไม่พูดได้ว่า ด้วยเื่รสสวาทนี้ ชิวินับว่ายอดเยี่ยมยิ่งกว่ารัชทายาทมาก ทำให้นางรู้สึกชื่นชอบ และสบายกายสบายใจมากกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม เื่ที่เกิดขึ้นก็ยังทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดยิ่ง หยวนอวี่หันไปพูดเสียงขรึมกับคนข้างกาย “แล้วอย่างนี้ข้าควรจะทำเช่นไร? ”
“คุณหนู ซื่อจื่อเองก็ถือเป็ตัวเลือกที่ไม่เลวเ้าค่ะ ด้วยเื่ในวันนี้มีคนพบเห็นไปมากมาย คาดว่าอีกไม่นานก็อาจร่ำลือไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้และจวิ้นอ๋อง ดังนั้น เื่ที่ท่านอยากจะแต่งเข้าจวนหานอ๋องนั้น บ่าวคิดว่าคงเป็ไปไม่ได้แล้ว มิสู้...” เตี๋ยอีพูดเสียงเบา นางรู้ดีว่า หากตนพูดเช่นนี้คุณหนูจะต้องโกรธแน่ แต่เื่ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หากคุณหนูยังคงคิดเพ้อฝัน โดยไม่ตัดสินใจให้แน่วแน่เสียที เมื่อถึงตอนนั้นก็อาจเป็การล่วงเกินทั้งสองฝ่ายแล้ว และท้ายที่สุดก็เป็คุณหนูที่จะไม่ได้อะไรกลับไปทั้งสิ้น
“บ่าวชั้นต่ำ” หยวนอวี่ไม่แม้แต่จะคิดก็ตบไปที่ใบหน้าของเตี๋ยอี จากนั้นก็เตะเตี๋ยอีไปอีกหลายที “หากมิใช่เพราะพวกเ้าไร้ความสามารถ ไม่อาจคุ้มครองนายให้ดีๆ ได้ ตัวข้าก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ตอนนี้ข้าไม่อาจแต่งให้หานอ๋องได้แล้ว ในใจเ้าคงมีความสุขแล้วกระมัง”
เมื่อพูดจบ นางก็ทั้งเตะทั้งทุบเตี๋ยอีอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เตี๋ยอีได้แต่ร้องขอความเมตตาอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรสตรีผู้นี้ก็คือนายของนาง หากว่านางตอบโต้ก็ไม่แคล้วให้ต้องโทษตาย
เมื่อหยวนอวี่ตบตีเตี๋ยอีจนสาแก่ใจแล้วก็ใช้เท้าเตะคนออกไป ชั่วขณะนั้นภายในห้องแห่งนี้ก็เหลือเพียงอิ๋งอิ๋งที่เป็สาวใช้ข้างกายเพียงคนเดียว ซึ่งอิ๋งอิ๋งเองก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่เตี๋ยอีต้องเจอ นางจึงพูดเสียงต่ำด้วยหวังจะเอาตัวรอด “คุณหนู บ่าวคิดออกอยู่เื่หนึ่งเ้าค่ะ ไม่แน่ว่าเตี๋ยอีผู้นี้อาจจะเป็คนของชายารัชทายาท? เพราะมีอยู่คืนหนึ่งบ่าวได้ยินนางละเมอว่า จะต้องทำภารกิจของชายารัชทายาทให้สำเร็จให้ได้อะไรสักอย่างนี่แหละเ้าค่ะ”
ข้อสงสัยนั้นทำให้หยวนอวี่ที่ได้ยินถึงกับเงียบขรึมขึ้นมา “หรือว่า นังชั้นต่ำลู่หลิงฉิงนั่นจะรู้เื่ของข้ากับองค์รัชทายาทแล้ว นางคงกลัวว่าข้าจะไปแย่งชิงรัชทายาทกับนาง”
“บ่าวก็คิดว่ามีความเป็ไปได้ที่คนจะเป็บ่าวของฝั่งนั้น คุณหนู ท่านลองคิดดูเถิด ทั้งๆ ที่นางได้รับคำสั่งให้ทำความสะอาดเรือนนั้นในครั้งก่อน หากว่านางไม่รู้เื่ระหว่างคุณหนูและรัชทายาทก็จักต้องประหลาดใจที่คุณหนูไม่มีหยดเืแดง ช่างน่าแปลกที่นางไม่คิดสงสัย และไม่แม้แต่จะถาม” อิ๋งอิ๋งคิดในใจ ต่อให้เตี๋ยอีจะตาย แต่ตนเองจะตายไม่ได้เด็ดขาด เพราะตัวนางเองก็ยังวาดหวังว่าจะได้ติดตามแต่งออกไปพร้อมกับคุณหนู ต่อให้ถึงตอนนั้นตนจะได้เป็แค่อนุเล็กๆ ของซื่อจื่อ แต่ก็ถือว่ายังได้เป็เ้านายครึ่งหนึ่งเหมือนกัน แน่นอน หากว่าสามารถกลายเป็สตรีของรัชทายาทได้ก็จะดีที่สุด
วันหน้ารัชทายาทขึ้นครองราชย์แล้ว อย่างน้อยๆ ตัวนางก็ยังจะสามารถเป็พระสนมได้ ดังนั้น เตี๋ยอีจักต้องตาย มิเช่นนั้น หากถูกคุณหนูรู้เข้าว่า เป็นางที่พลั้งปากพูดเื่ของคุณหนูและองค์รัชทายาทไป ตัวนางเองก็คงไม่อาจรอดไปได้
“คุณหนู เื่นี้จะทำเช่นไรดี? ” อิ๋งอิ๋งมองดูคุณหนูที่แววตาน่าหวาดกลัว ถามเสียงเบา
หยวนอวี่ขบคิดแล้วจึงพูด “วันพรุ่งข้าจะออกไปข้างนอก เ้าก็พานังบ่าวชั้นต่ำนั่นไปด้วย เมื่อถึงตอนนั้นก็ปล่อยให้พวกผู้คุ้มกันของเราได้สำราญกับนางสักรอบ แล้วหลังจากนั้นค่อยขายให้หอคณิกา”
คนทั้งสองกำลังคุยกันอย่างออกรส โดยไม่รู้เลยว่า เป็เพราะความเ็ปทั้งกายใจที่ทำให้เตี๋ยอียังไปไหนได้ไม่ไกล ทำให้นางได้ยินทุกถ้อยคำทุกคำพูดของนายบ่าวทั้งหมดั้แ่ต้น ฉับพลันนั้นนางก็ถึงกับหน้าถอดสี สองคนนั่นโหดร้ายเพียงนี้เชียวหรือ ถึงขนาดที่คิดจะกระทำเช่นนั้นกับนางได้
ทั้งๆ ที่คนทำผิดไม่ใช่ตนเอง แต่กลับต้องมารับความอยุติธรรมนี้? ไม่ นางไม่ยินยอม แท้จริงแล้วตัวนางมีใจภักดีต่อหยวนอวี่เสี้ยนจู่อย่างจริงใจ แต่สุดท้ายกลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอเนจอนาถเช่นนี้?
กลายเป็สตรีในหอโคมเขียวที่พันคนนอนหมื่นคนขี่ [1] ? แค่คิดนางก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
สำหรับคำพูดของสองนายบ่าวและปฏิกิริยาของเตี๋ยอีนั้น เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม เช้าวันรุ่งขึ้นความคาวก็มาถึงหูของอวิ๋นซีทั้งหมดแล้ว และเป็ตอนนี้เองที่อวิ๋นซีได้สั่งการแก่เว่ยหลานผู้เป็องครักษ์ลับที่จวินเหยียนมอบให้ไว้เรียกใช้งาน “จับตาดูเตี๋ยอีไว้หน่อย ในตอนที่จำเป็ก็จงช่วยคนไว้เสีย ทว่า ก่อนจะช่วยนาง เ้าต้องปล่อยให้นางได้ลองลิ้มรสชาติของความหวาดกลัว และความอนาถเสียหน่อย เมื่อคนยอมวิงวอนขอร้องเ้าอย่างไร้ทางเมื่อไร ค่อยลงมือ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเก็บคนคนนี้ไว้ เพราะข้ายัง้าเอาไว้ใช้งานอีก”
นางเห็นเตี๋ยอีมาสองสามครั้งแล้ว คนเป็สตรีที่เฉลียวฉลาด หากสามารถหล่อหลอมให้กลายเป็กระบี่คมในมือนางได้ก็คงจะดีไม่น้อย
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] พันคนนอนหมื่นคนขี่(人枕万人骑)เปรียบเทียบเหมือนกับโสเภณี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้