ภายใต้เงาเมฆสีเทาอ่อน หวังฟางเซียน ศิษย์คนโตแห่งยอดเขาไผ่์ยืนอยู่เบื้องหน้าศิษย์น้องทั้งสี่ของนาง แววตาของนางเต็มไปด้วยความลังเลและความหนักอึ้งในจิตใจ ก้อนความคิดพันกันยุ่งเหยิงในหัวของนาง ก่อนที่สุดท้ายนางจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวออกมาช้าๆ
“พวกเ้า... อยากจะทำยังไงต่อไป?”
เซินเยว่ฮัว ศิษย์คนที่สองของยอดเขา เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น
“ข้า... คงกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะไม่ได้อีกแล้ว แม้ข้าจะไม่ได้ฆ่าใคร แต่ข้าก็ทำร้ายพวกเขาไปแล้ว ข้าไม่อาจแบกหน้ากลับไปรับสายตาของคนเ่าั้ได้อีก... ส่วนในอนาคต ข้าจะหาทางชดใช้ทุกอย่างให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนเงียบลงอีกครั้ง
เหมยจิ้งหยา ศิษย์ลำดับสามไม่ได้กล่าวอะไรออกมา นางยืนนิ่งอยู่เงียบๆ ดวงตาเหม่อลอยไปยังขอบฟ้าที่มืดครึ้ม สีหน้าของนางดูปกติ แต่ภายในใจกลับโกลาหลไม่ต่างกับพายุฝน
แท้จริงๆ แล้วนางต่างหากที่เป็ต้นเหตุ นางไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่ความจริงนั้นวนเวียนอยู่ในหัวของนางไม่หยุด
เนื่องจากที่พวกนางตัดสินใจออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์... ส่วนหนึ่งคือ เย่หลิน แต่ที่แท้จริงแล้วส่วนหลักๆ มันคือนาง
นางจำได้ดี เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้คุ้มกันจากโลกเบื้องบนที่ตามนางลงมาได้ส่งสารลับมาหานาง โดยตรง ว่าให้ออกห่างจากมู่หนานซือทันที พวกเขาบอกเพียงสั้นๆ ว่า พระบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะจากโลกเบื้องบนกำลังจะเล็งเป้าหมายไปที่มู่หนานซือ
โดยทางโลกเบื้องบน ไม่มีการอธิบายเหตุผล ไม่มีรายละเอียด พวกเขาไม่้าให้เื่นี้แพร่งพรายออกไป เพราะกลัวว่านางจะนำข่าวนี้ไปบอกมู่หนานซือ และอาจทำให้แผนทั้งหมดของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์เกิดพังลง และพวกเขาอาจจะไม่สามารถเลือกจุดยืนเป็กลางได้อีกต่อไป
สุดท้ายนางจึงเลือกที่จะบอกพี่น้องอีกสี่คน ก่อนจะปรึกษากันอย่างลับๆ จนตัดสินใจ ถอยออกมา ยืนอยู่ในจุดยืนเป็กลางโดยไม่เลือกข้างใครทั้งนั้น แม้แต่มู่หนานซือ พวกนางก็ไม่ได้บอกความลับนี้แก่นาง
สิ่งที่ทำให้พวกนางมั่นใจในทางเลือกนี้ยิ่งขึ้นก็คือจดหมายลับอีกฉบับที่ซ่างกวนถิงถิงได้รับจากแม่ของนาง จดหมายนั้นยืนยันว่า พระบุตรศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมายังโลกใบเล็กนี้ด้วยตัวเอง
แต่ในตอนนี้... แม้จะไม่ได้เอ่ยปากออกมา เหมยจิ้งหยาก็รู้ดีว่า ทุกคนในกลุ่มนี้ต่างเข้าใจความจริงข้อนั้นหมดแล้ว ยกเว้นเพียงคนเดียว นั้นคือ จี้อี้เหริน
สายตาของอาจารย์ผู้สง่างามมองมาที่ศิษย์ทั้งห้าคนอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ซ่างกวนถิงถิง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“พวกเ้าทรยศต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะงั้นรึ?”
น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดัง แต่มันกลับกรีดลึกลงไปกลางหัวใจของทุกคนอย่างรุนแรง
ซ่างกวนถิงถิงก้มหน้าทันที ใบหน้าของนางซีดเผือด เสียงของนางเบาราวกับกระซิบ
“ท่านอาจารย์... พวกเราขอโทษจริงๆ ข้า... พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังท่านเลย แต่ว่า... ท่านหายตัวไปหลายวันและตอนที่ท่านกลับมาวันก่อนก็แค่นำเย่หลินมาทิ้งไว้ แล้วก็จากไปอีก แล้วพอกลับมาอีกครั้งท่านก็ถูกท่านมู่หนานซือเรียกตัวไปประชุมทันที... พวกเราจึงไม่มีโอกาสได้บอกอะไรท่านอาจารย์เลย”
เสียงของนางขาดห้วงไป หยดน้ำตาเริ่มไหลออกจากดวงตา หวังฟางเซียนถอนหายใจอย่างแ่เบา แม้จะไม่เอ่ยคำตำหนิใดๆ แต่ความเงียบของนางกลับกรีดลึกลงไปในใจยิ่งกว่าคำพูดใดๆ ทั้งหมด ก่อนที่หวังฟางเซียนจะเริ่มอธิบายเื่ทั้งหมดให้ จี้อี้เหรินฟัง
อีกด้านหนึ่ง อู๋เวินยืนมองภาพทุกอย่างตรงหน้า เขาไม่ได้ยินว่าสตรีเ่าั้คุยอะไรกัน ถึงได้ยินเขาก็ไม่สน สายตาของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
ก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกเขาได้ร่วมกันวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ แผนการนี้วางเอาไว้อย่างซับซ้อนโดยอาศัยกำลังจากหลายฝั่ง ทั้งลูกบุญธรรมทั้งเจ็ดของซุยจื่อเมิ่ง กองทัพพยัคฆ์ขาว พันธมิตรตระกูลอู๋
จุดเริ่มต้นคือการปล่อยให้นางฟ้าทั้งเจ็ด ซึ่งมีพลังสูงส่ง นำจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ราว 200 นายบุกเข้าไปภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ เป้าหมายคือการกระตุ้นให้มู่หนานซือต้องปลุกผู้พิทักษ์ทั้งห้าที่หลับใหลอยู่ นั่นคือบรรพบุรุษของดินแดนผู้มีพลังอันยิ่งใหญ่
ขณะเดียวกัน ทางด้านของซุยจื่อเมิ่ง แม้จะเป็ผู้ทรงอำนาจและอยู่เื้ัตระกูลอู๋ ทว่านางกลับไม่ได้มีบทบาทในแผนนี้โดยตรง หน้าที่ของนางคือดูแลค่ายกลที่ซ่อนโลกเบื้องล่างเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่นางถนัดนัก แต่ว่าซุยจื่อเมิ่งถนัดในเื่การทำนายดวงชะตามากกว่า ทำให้นางสามารถทำนายดวงชะตาและควบคุมค่ายกลได้แต่ก็ยากลำบากอยู่ดี
ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เย่หลินทรยศต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะตามแผนส่งผลให้มีคนล้มตายไปเป็จำนวนมาก แต่แล้วทุกอย่างก็พังลงในพริบตาเดียว
อู๋เวินจำได้แม่นยำ ภายในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ เขาเห็นจิติญญาของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มากมายแตกสลายราวกับใบไม้ร่วง พวกมันไม่ได้สลายจากการต่อสู้ตามปกติ แต่ถูกบางสิ่งบางอย่างทำลายโดยไม่มีทางสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเกิดจากฝีมือของผู้พิทักษ์ทั้งห้าของมู่หนานซือหรือไม่
แต่สิ่งที่แน่ชัดคือใน่เวลาเดียวกัน เขารับรู้ได้ถึงออร่าประหลาดที่รุนแรงถึงขีดสุดแผ่กระจายออกมาจากใจกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ ซึ่งอู๋เวินมั่นใจว่ามันคือพลังของผู้เป็ะแน่นอน ก่อนที่เขาจะได้รับการแจ้งเตือนจากสายลับ ซึ่งเขาพึ่งจะมาคิดได้ตอนนี้ว่ามันเป็ของปลอมแน่นอนแต่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนความเป็จริงที่เกิดขึ้นได้
อู๋เวินที่ได้รับข่าวสารปลอมๆ จากสายลับ เขาก็ไม่รอช้าพร้อมตัดสินใจเคลื่อนไหวโดยทันที เริ่มเดินหน้าไปเชิญชวนพันธมิตรที่ยังคงลังเลอยู่ นั่นคือหอการค้าหมื่นมหาสมุทร และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดอกไม้ะ ซึ่งในที่สุดทั้งสองก็ตอบรับคำเชิญด้วยการส่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างละ 30 คนมาเข้าร่วม
เมื่อได้กองทัพมาแล้ว อู๋เวินก็เดินทัพตรงมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะทันทีเพื่อเป็กำลังเสริม แต่ก่อนจะก้าวเข้าสู่สนามรบ เขาก็ต้องหยุดกะทันหัน เพราะด้านหน้าเขาพบเข้ากับ เย่หลิน ตัวหมากสำคัญของเขา กำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีอันหนักหน่วงจากใครบางคนอยู่
อู๋เวินหรี่ตาลงทันทีที่ััถึงพลังระดับเหนือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จากร่างของศัตรูผู้นั้น ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งว่า พลังนี้... มันคือพลังเดียวกันกับที่เขาเคยรู้สึกได้มาก่อนหน้านี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ
ตอนแรก เขากำลังจะตัดสินใจว่าจะถอยหรือไม่ แต่ในขณะที่กำลังชั่งใจ ไอ้เด็กบ้านั่นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลยสักนิด
ไม่มีคำพูด ไม่มีคำเตือน ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีอะไรเลย มันเพียงแค่ยกมือขึ้น ก่อนจะปล่อยดาบแห่งแสงนับล้านเล่มพุ่งออกไปในพริบตาเดียว
ทุกคมดาบเฉียบขาด ตัดผ่านเรือรบของพวกเขาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่และมีม่านพลังระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่... เหมือนฉีกกระดาษแผ่นบางๆ เท่านั้น
เสียงะเิจากเรือตกดังสนั่น คลื่นพลังอันรุนแรงปัดเป่าทุกสิ่งในรัศมีนับร้อยลี้ให้แหลกสลาย
ในตอนนี้ อู๋เวินทำได้เพียงยืนมองผลลัพธ์ตรงหน้าอย่างเงียบงัน กองกำลังของเขาพังพินาศ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่กว่า 100 คนสิ้นชีพคาที่ ถ้ารวมกับที่ไปโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะก็300 คนทั้งสิ้น
ต่อให้พวกนั้นจะสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้ในโถงิญญาของตระกูลอู๋ แต่ผลกระทบก็รุนแรงเกินกว่าจะมองข้ามได้ ระดับการบ่มเพาะของคนเ่าั้จะลดลงอย่างรุนแรง จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงบางคน... อาจร่วงลงไปเป็แค่กึ่งจักรพรรดิก็เป็ได้ในกรณีที่แย่ที่สุด แต่ในกรณีดีที่สุด... ก็อาจจะเสียไป 1 ถึง 3 ขั้นอาณาจักรย่อย ซึ่งมันไม่ใช่แผลเล็กๆ ที่จะฟื้นได้ภายในเวลาอันสั้น และนี้ยังไม่รวมทรัพยากรที่ต้องใช้ในการคืนชีพอีก
อู๋เวินส่ายหน้าช้าๆ เขากัดฟันแน่น พยายามข่มความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ในอก แผนการบุกทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะในวันนี้ ต้องเลื่อนออกไปอีกสักพักใหญ่ ...และเขารู้ว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะหมดหวัง
สายตาอู๋เวินหรี่ลง เขากำลังคิดถึงทางเลือกสุดท้าย... อาณาจักรลับแห่งสมุนไพร นั่นอาจเป็กุญแจที่ช่วยดึงสถานการณ์กลับมาได้อีกครั้ง
แต่ในใจเขากลับหนักอึ้งยิ่งกว่า เพราะั้แ่วันที่ลูกชายของเขา... อู๋จ้าว พ่ายแพ้และพลังการบ่มเพาะสูญสลายไปทั้งหมด เด็กนั่นก็กลับไปเป็คนเดิมเหมือนเมื่อหลายปีก่อนอีกครั้ง
ไม่สิ... ตอนนี้มันเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ทั้งวันเอาแต่นอนเล่นกับหญิงงาม ดื่มสุราจนเมาไม่ได้สติ แล้วก็เอาแต่ะโชื่อเล่ยเฉินออกมาด้วยความแค้น พร้อมกับสบถด่าใครอีกคนที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็ใคร ที่ชื่อว่า ระบบ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าอันนี้เป็ใครหรือมีความแค้นอะไรกับลูกชายของเขาเหมือน
มีวันที่เขาพยายามห้ามและว่ากล่าวตักเตือนแต่ลูกชายของเขาไม่ฟังสิ่งที่เขาพูดอีกแล้วพร้อมกับด่าเขาด้วยซ้ำ เขาเคยพยายามจะเข้าใจ แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับว่า ทั้งหมดนี้มันเป็ความผิดของเขาเองที่ไม่สามารถสั่งสอนลูกชายได้ดีพอ
อู๋เวินเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจ แล้วนึกถึงภาพจากหินบันทึกตอนที่อู๋จ้าวต่อสู้กับเล่ยเฉิน
ในการต่อสู้ทั้งสองครั้ง อู๋จ้าวเหนือกว่าทุกอย่าง ทั้งระดับพลังการบ่มเพาะ และอาวุธ แต่เขาก็ยังแพ้
หากเขาเพียงแค่เปลี่ยนกลยุทธ์ ไปใช้สไตล์แบบเดียวกับเด็กหนุ่มชุดขาวที่พึ่งะเิกองทัพเขาเมื่อกี้ เน้นโจมตีจากระยะไกลและควบคุมระยะการโจมตี แทนที่จะพุ่งเข้าใส่และกดดันอีกฝ่ายด้วยพลังที่เหนือกว่า... ยังไงอู๋จ้าวไม่มีทางแพ้แน่นอน
แต่มาคิดได้ตอนนี้ มันก็สายไปแล้ว ตอนนี้... ลูกชายของเขา กลับไปเป็ ขยะ อย่างสมบูรณ์ และมันกำลังเลวร้ายลงทุกวัน ในฐานะพ่อ เขาพยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่มันสุดความสามารถของเขาแล้วจนทำได้เพียงแค่มองและรออาณาจักรลับสมุนไพรเปิดเท่านั้น