บทที่ 125 ลูซี่ รุ่นพี่หลิวเชียนเชียน?
ยามเย็นในวันต่อมา
งานคอนเสิร์ตเดี่ยวของหยางอี่ฉือจะจัดขึ้นในอีกสามชั่วโมง
กลุ่มรูมเมทของเย่จื่อเฉินก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ทุกคนล้วนแต่เป็แฟนคลับตัวยงของเทพธิดาที่คนทั้งประเทศรักกันทั้งนั้น
นึกถึงในตอนที่เขาเอาบัตรงานคอนเสิร์ตออกมา…
โดนผู้ชายตัวโตสี่คนหอมแก้ม รับไม่ได้จริงๆ
“พวกนายเรียบร้อยกันแล้วหรือยัง”
เย่จื่อเฉินกำลังยืนคุยโทรศัพท์กับซูเหยียนอยู่หน้าประตู มองดูเพื่อนทุกคนที่จัดทรงผมเสื้อผ้าไม่หยุด จนเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา แล้วพูด
“น่าจะอีกสักพัก”
“โอเค เดี๋ยวพวกฉันจะไปรอพวกนายที่หน้าหอ พวกนายก็รีบหน่อย ฉันกับเขอเข่อน่ะไม่เป็ไรหรอก แต่ให้คนอื่นมารอมันดูไม่ค่อยดี”
“โอเค ฉันจะพยายามบอกให้พวกเขารีบก็แล้วกัน”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เย่จื่อเฉินก็เดินไปหยุดอยู่ข้างหลังของจูอิ๋นไป๋คนที่หลงตัวเองที่สุด
ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบ
“เลิกแต่งได้แล้ว พวกซูเหยียนรอเราอยู่หน้าหอแล้ว พวกนายรีบกันหน่อย”
“กลุ่มเทพธิดากำลังรอพวกเราอยู่เหรอ?”
ไม่ใช่แค่จูอิ๋นไป่คนเดียว แต่ในแววตาของจางรุ่ย ไป๋อี่ และคังเผิงต่างก็เป็ประกายกันทุกคน
“เย่จื่อ ดูหน่อยว่าฉันเป็ยังไงบ้าง”
พอเห็นแบบนี้ เย่จื่อเฉินก็อดที่จะกุมขมับพลางถอนหายใจไม่ได้ เหมือนว่าพูดไปสู้ไม่พูดจะดีกว่า
เพื่อที่จะแสดงให้ผู้หญิงได้เห็นด้านที่ดูดีที่สุดของตัวเอง พวกเขาจึงได้ลากเวลายืดยาวออกไปอีกสิบนาที ถึงจะพากันเดินนวยนาดลงมาได้
พอลงมา เย่จื่อเฉินก็เห็นซูเหยียน เซี่ยเขออข่อ และซุนอี้เกอยืนพูดคุยหัวเราะคิกคักกันอยู่สามคน
อึก
ไม่รู้ว่าใครข้างกายเขาที่กลืนน้ำลาย จากนั้นก็เหมือนเป็ปฏิกิริยาลูกโซ่ คนอื่นเริ่มพากันกลืนน้ำลายไปตามๆ กัน
“สามดาวมหาลัย”
จางรุ่ยแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ในดวงตาเป็ประกายเจิดจ้า
สามสี่คนที่อยู่ข้างๆ ก็เช่นเดียวกัน มีเพียงเย่จื่อเฉินที่ยืนทำหน้างง
ซุนอี้เกอเป็รูมเมทกับอีกสองคนเหรอ?
“อาเสี่ย”
เซี่ยเขอเข่อวิ่งตรงเข้าไปเกาะแขนเย่จื่อเฉิน ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงริษยาอันรุนแรงที่ปะทุออกมาจากดวงตาของชายหนุ่มสามสี่คน
“จื่อเฉิน”
ซูเหยียนก็ยิ้มร่าโบกมือทักทายเย่จื่อเฉิน เย่จื่อเฉินเม้มปากยิ้ม มองดูซุนอี้เก้อแล้วส่ายหน้าถอนหายใจ
“หัวหน้า คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณกับพวกเธอจะเป็รูมเมทกัน”
“อื้ม”
ซุนอี้เกอยังคงนิสัยขี้อายเอาไว้เหมือนเดิม เธอพยักหน้าไม่พูดอะไร
เมื่อมองดูรอบๆ ก็ดูเหมือนว่าจะมีพวกซูเหยียนแค่สามคน ไม่ได้มีคนอื่นแล้ว
พอนึกถึงตอนนั้นที่ซูเหยียนพูดกับเขา เย่จื่อเฉินก็ลูบศีรษะ
“ซุนอี้เกอเป็คนหาบัตรคอนเสิร์ตมาเหรอ?”
“ไม่ใช่” ซูเหยียนกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วพูด “พี่ใหญ่ของพวกฉันต่างหาก เธอไปซื้อน้ำอยู่ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว อดใจรอสักนิด”
“เธอเป็คนสวยมากเลยนะ” เซี่ยเขอเข่อเองก็หัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ
“ได้ยินมาว่าสี่ดาวมหาลัยอยู่ด้วยกัน จริงหรือเปล่า?”
จางรุ่ยผู้ที่ชื่นชอบการซุบซิบนินทาที่สุดเปิดปากถามด้วยความสงสัย เซี่ยเขอเข่อพยักหน้ารับ แล้วพูด
“ใช่แล้ว”
พอได้ยินคำตอบ เย่จื่อเฉินก็ชะงักไปนิด แต่ก็คอยที่จะได้เห็นมากกว่า
ดาวมหาลัยสามคนเขาเห็นมาหมดแล้ว เลยอยากจะเห็นคนที่สี่บ้าง
สามารถเรียกได้ว่าเป็ดาวมหาลัยทั้งสี่กับซูเหยียน เซี่ยเขอเข่อ และซุนอี้เกอได้ ก็น่าจะไม่ธรรมดา
“ยัยหัวขโมย หยุดนะ”
ทันใดนั้น เย่จื่อเฉินที่ยืนรอรุ่นพี่อยู่ข้างพวกซูเหยียนก็ได้วิ่งพรวดออกไป
ในขณะเดียวกัน หญิงสาวที่เดินถือเครื่องดื่มอยู่ไม่ไกล พอเห็นว่าเป็เขาก็รีบสับเท้าวิ่งหนีทันที
“ลูซี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ทำไมถึงได้มาเจอเขาที่นี่เนี่ย”
ลูซี่วิ่งหนีพลางหันกลับไปมองระยะห่างระหว่างเย่จื่อเฉินกับตัวเธอเอง ถึงแม้ว่าระยะห่างของทั้งคู่จะทิ้งห่างมากแล้ว แต่ผู้หญิงจะไปวิ่งหนีสู้ผู้ชายตัวโตได้ยังไง
สุดท้าย เธอจึงหยุดวิ่งแล้วแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่อะไรเลย ก่อนจะเดินกลับไป
“หยุดนะ”
เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นคว้าหมับเข้าที่แขนของเธอ แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าล้อเลียน
“ไม่หนีแล้วเหรอ?”
“นายเป็ใคร ฉันไม่รู้จักนายสักหน่อย!”
ในตอนที่พูดก็จงใจพูดออกสำเนียงภาษาอังกฤษด้วย ราวกับว่ากำลังรับบทเป็ชาวต่างชาติอยู่
เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วพร้อมกับเหยียดยิ้มให้เธอ แล้วพูด
“แสดง แสดงต่อไปสิ!”
ลูซี่ยังคงใช้ภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วในการทำท่าทางตื่นใ เพื่อ้าดิ้นให้หลุดจากมือเย่จื่อเฉิน
ในตอนนั้นเองพวกซูเหยียนก็ได้รีบตามมา พอลูซี่เห็นก็ตาเป็ประกายทันที
“ช่วยฉันด้วย มีคนจะลวนลามฉัน”
“โอ๊ะ! อยากจะให้มันเป็เื่ใหญ่สินะ หึหึ ขอโทษด้วยนะ คนพวกนี้เขามาหาฉัน”
สิ้นเสียง เย่จื่อเฉินก็หันไปเลิกคิ้วพูดกับพวกซูเหยียน
“รีบแจ้งตำรวจเร็ว ฉันจับขโมยได้”
...
ทุกคนงงเป็ไก่ตาแตก
“นายไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม?”
ครู่หนึ่ง ซูเหยียนจึงได้เอ่ยปากถามหยั่งเชิงดู
“เธอเป็พี่เมทพวกฉัน ชื่อหลิวเชียนเชียน ขโมยอะไรของนาย!”
“หา? รุ่นพี่ หลิวเชียนเชียน”
เย่จื่อเฉินตกตะลึง
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ลูซี่เหรอ
เมื่อสบโอกาสลูซี่จึงได้วิ่งไปอยู่ข้างซูเหยียน แล้วพูดด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“ซูเหยียน เธอรีบแจ้งตำรวจเร็ว เมื่อกี้นายโรคจิตคนนี้จะลวนลามฉัน”
“...”
“พี่เชียนเชียน เขาคือเย่จื่อเฉินที่เมื่อก่อนฉันเคยพูดให้ฟังไง”
อึ้งกิมกี่
ทั้งคู่ตกตะลึง
หลิวเชียนเชียนกับเย่จื่อเฉินเบิกตากว้างมองกันอยู่นาน
“วุ่นวายกันไปใหญ่แล้ว เรามาทำให้มันราบรื่นเถอะ” เย่จื่อเฉินหลับตา นิ้วชี้ข้างขวาจิ้มไปที่บริเวณหว่างคิ้ว
สักพัก เขาถึงได้ลืมตาขึ้น แล้วชี้ไปยังหลิวเชียนเชียน
“เขาเป็พี่เมทพวกเธอ แล้วก็คือหลิวเชียนเชียน หนึ่งในดาวมหาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิงเหรอ?”
ทุกคนพยักหน้า
“เขาเป็คนเอาให้บัตรงานคอนเสิร์ตกับพวกเธอเหรอ?”
ทุกคนพยักหน้า
เพียะ!
เย่จื่อเฉินตบมือเสียงดัง ทำเอาทุกคนสะดุ้งใ ก่อนจะพูดขึ้น
“แบบนี้ก็ชัดแล้วนี่ ลูซี่ คุณยังจะแสดงอะไรอีกล่ะ รีบบอกความจริงไปซะ”
“อาเสี่ย ทำไมถึงได้เอาแต่เรียกพี่เชียนเชียนว่าลูซี่อยู่ได้”
“ผู้หญิงคนนี้ให้ฉันเลี้ยงเหล้าที่ผับ แล้วก็บอกฉันว่าชื่อลูซี่ อีกอย่าง พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าเขาเอาบัตรงานคอนเสิร์ตมาจากไหน เขาก็ขโมยมาจากฉันยังไงล่ะ ตอนนั้นฉัน….”
“นี่ นายมันหน้าไม่อาย”
หลิวเชียนเชียนยกสองมือขึ้นเท้าเอว แล้วเชิดหน้าพูดเสียงห้วน
“ฉันยังไม่เคยเจอนายมาก่อนเลย อย่ามาใส่ความฉัน ฉันเป็คนมีหน้ามีตาในมหาลัย แล้วเื่ให้นายเลี้ยงเหล้าที่ผับ ขโมยบัตรคอนเสิร์ตอะไรของนาย นายมีหลักฐานไหม ถ้านายไม่มีหลักฐาน ระวังฉันจะฟ้องนายข้อิ่ประมาท”
ว้าว!
เย่จื่อเฉินอุทานเบาๆ
หนังหน้าด้านขนาดนี้เหมือนได้เห็นอีกโลกหนึ่งจริงๆ
ความสามารถในการกัดกลับนี่ ได้คะแนนเต็มแน่นอน!
ในตอนนั้น ซูเหยียนก็ได้กระตุกชายเสื้อเย่จื่อเฉินเป็สัญญาณไม่ให้พูดมาก
เย่จื่อเฉินจึงได้เหยียดยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ขอโทษที จำคนผิด”
หลิวเชียนเชียนที่ได้ยินก็เชิดคางขึ้นสูงทันที
“ทีหลังก็ระวังคำพูดหน่อยนะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใจดีแบบฉัน เหอะ!”
ส่งเสียงหึอย่างอวดดี ก่อนที่หลิวเชียนเชียนจะหันไปจับมือเซี่ยเขอเข่อกับซุนอี้เกอแล้วเดินหนีไป เย่จื่อเฉินที่ได้ยินก็แทบจะกระอักเื
ว้าว!
หมดคำจะพูดจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้