"เพิ่งมารู้ว่าข้าเป็คนดีอันใดเอาป่านนี้" ถังชิงหรูบ่นพึมพำ พลางแค่นเสียงเยาะอย่างไม่พอใจ
"พี่สาว..." เยว่เอ๋อร์ดึงแขนของถังชิงหรู "เสี่ยวหรูเอ๋อร์ตายอย่างน่าเวทนานัก พี่สาวสติปัญญาเฉลียวฉลาด น่าจะค้นหาความจริงได้แน่ ช่วยเขาเถิดขอรับ"
ถังชิงหรูลูบพวงแก้มของเสี่ยวเยว่ สั่นศีรษะเอ่ยว่า "เด็กโง่ ใช่ว่าข้าไม่ยินดีช่วยเหลือ แต่ข้าไม่อาจช่วยได้ เมื่อคดีนี้มีเงื่อนงำที่น่าสงสัย หากไม่ตรวจสอบเองก็ต้องไปแจ้งทางการ แต่กรณีที่สองไม่อาจเป็จริงได้สำหรับพวกเ้า เช่นนั้นก็ต้องตรวจสอบเองให้กระจ่าง อย่างไรเสียคงไม่มีใครอยากมีภาระผูกพันต้องช่วยผู้อื่นครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก"
เสี่ยวเยว่เอ๋อร์มองหน้าบิดาของหรูเอ๋อร์ แววตาเต็มไปด้วยความประหม่า "ท่านลุง เห็นทีท่านคงต้องตรวจสอบเองแล้วล่ะ"
"ได้ ข้าจะตรวจสอบเอง เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นสามารถแทรกแผ่นดินหนี ข้าไม่เชื่อว่ามันจะพ้นมือข้าไปได้" บิดาหรูเอ๋อร์เหยียดยิ้มพลางกล่าวเสียงเย็น
เขาอุ้มร่างของหรูเอ๋อร์จากไป ขณะที่เดินผ่านข้างกายภรรยา เขาก็ถลึงตาใส่อย่างโกรธเกรี้ยว "แม้แต่บุตรสาวข้า เ้ายังดูแลให้ดีไม่ได้ ต่อไปก็ไม่ต้องกลับมาอีกแล้ว เมื่อก่อนข้าแต่งเ้าเข้ามาเป็ภรรยาคนที่สอง ก็หวังว่าเ้าจะมาเลี้ยงดูบุตรสาว ตอนนี้นางไม่อยู่แล้ว เอาเ้าไว้จะมีประโยชน์อันใด"
มารดาหรูเอ๋อร์มองเงาหลังของสามีตนเองก่อนลั่นเสียงหัวเราะดังสนั่นอย่างบ้าคลั่ง น้ำเสียงดั่งผีร้ายเจือไปด้วยความคับแค้นและไม่เต็มใจ
"เป็สามีภรรยากันมาหลายปี ท่านเห็นข้าเป็อันใด ห้าปีมาแล้ว ท่านให้ข้าใช้ชีวิตดั่งแม่ม่ายมาตลอดห้าปี เหยียบย่ำหัวใจข้า แล้วทำไมข้าต้องก้มหน้ารับฟังคำสั่งเลี้ยงลูกให้ท่านด้วยเล่า บุตรสาวของท่านตายอย่างไร ตอนนี้รู้จักปวดใจแล้วหรือ รู้เอาไว้เสียด้วย ยามที่ท่านขึ้นไปล่าสัตว์ บุตรสาวคนดีของท่านออกไปทำเื่โสมม ทั้งยังถูกบุรุษแตะต้องมาแล้วด้วย ฮ่าๆ ฮ่าๆ ๆ " มารดาหรูเอ๋อร์หัวเราะเสียงดังลั่นราวกับคนวิปลาส
ถังชิงหรูกับเสี่ยวเยว่เอ๋อร์เห็นนางเป็เช่นนี้ สีหน้าของทั้งสองก็เผยแววรังเกียจเดียดฉันท์
บิดาหรูเอ๋อร์ได้ยินคำกล่าวของนาง ก็หยุดก้าวไปข้างหน้า เขาวางร่างของบุตรสาวอย่างระมัดระวังก่อนวิ่งย้อนกลับมา เขาเป็คนรูปร่างสูงใหญ่ เพียงไม่กี่ก้าวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้ามารดาหรูเอ๋อร์ ภายใต้แววตาหวาดผวาของฝ่ายหญิง เขายกเท้ากระทืบลงไปไม่ยั้ง ผัวะๆ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย
"ว้าย..." มารดาหรูเอ๋อร์กอดตัวเองไว้ พยายามปกป้องตำแหน่งที่เปราะบางที่สุด พลางร้องโหยหวนด้วยความเ็ป
แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่อ้อนวอนขอร้อง
นี่น่ะหรือสามีภรรยา? เกรงว่าขนาดคู่แค้นยังไม่ทำกันขนาดนี้เลย
นี่แหละหนาโศกนาฏกรรมของสตรีที่แต่งงานผิดคน
แม้ว่ามารดาหรูเอ๋อร์จะไม่ดูลูกให้ดี ทำให้หรูเอ๋อร์ต้องตาย แต่คนเป็สามีภรรยากัน ต่อให้ไม่มีความรักก็เป็คนในครอบครัว ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ควรลงเอยเช่นนี้
"เสี่ยวเยว่เอ๋อร์ ข้าไปก่อนล่ะ" ถังชิงหรูส่ายหน้าอย่างระอาใจก่อนหิ้วล่วมยาจากไป
ล่วมยาใบนั้นแท้จริงแล้วคือกล่องใส่ยาที่เชื่อมโยงกับระบบ ทว่ามีอุปกรณ์การแพทย์ทันสมัยไม่มากนัก จะเป็สมุนไพรที่นางจัดเตรียมไว้เสียส่วนใหญ่
เสี่ยวเยว่เห็นสองสามีภรรยาคู่นี้ ภายในใจก็รู้สึกหวาดกลัว เข้าไปซุกหลบอยู่ในอ้อมอกของบิดา
บิดาของเยว่เอ๋อร์ยามนี้ได้สติแจ่มชัด เห็นความวุ่นวายเบื้องหน้าก็ตะคอกใส่ด้วยความขุ่นเคือง "นี่คือบ้านข้า จะฆ่าจะแกงกันก็ไสหัวไปที่อื่น อย่ามาทำให้เรือนข้าสกปรก"
บิดาของหรูเอ๋อร์หยุดชะงัก ก่อนมองภรรยาด้วยสายตาเยียบเย็น "ไป"
หลังเพลงสลับฉากละครโรงเล็กผ่านไป การตรวจโรคให้กับชาวบ้านคนอื่นๆ ก็เป็ไปอย่างราบรื่น นับวันคนไข้ของถังชิงหรูก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จิตพิสัยจรรยาแพทย์จึงค่อยๆ ขยับสูงตาม ทุกครั้งที่รักษาคนไข้คนหนึ่ง จะได้แต้มเพิ่มเพียงไม่กี่แต้ม แต่หากอาการหนักมาก คะแนนที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ประกอบกับนางใช้วิชาแพทย์แผนโบราณในการรักษา จิตพิสัยจรรยาแพทย์จึงทวีคูณขึ้นอีกหลายสิบแต้ม
หมู่บ้านมีคนสองสามร้อยคน ในจำนวนนั้นครึ่งหนึ่งเป็คนหมู่บ้านสกุลหลี่เดิม อีกครึ่งหนึ่งเป็คนป่วยที่ถูกขับไล่มาจากที่อื่น
ที่นี่คือสถานที่ของผู้ที่ถูกทอดทิ้ง ทุกคนต่างรู้กันดี จวนขุนนางส่งพวกเขามาเพราะ้าเอามาปล่อยให้เสียชีวิตเองที่นี่ ไม่ว่าจะป่วยตายหรืออดอยากหิวโซจนตายก็ดี ไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดไปได้ แต่เพียงแค่เดือนเดียว ผู้คนที่รอความตายกลับฟื้นฟูสุขภาพจนแข็งแรง หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายมรณะ บัดนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เมื่อก่อนในหมู่บ้านนี้นอกจากเสียงไอกับเสียงคนร้องครวญครางอย่างทรมานก็ไม่มีเสียงอื่น อัตคัดจนแม้แต่หนูกับแมลงยังไม่มาเยือน ทว่ายามนี้ไม่เพียงแต่มีเสียงหัวเราะครึกครื้นของเด็กๆ เสียงคนชราที่สนทนากัน เสียงของสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียว ยังมีเสียงอื่นๆ ที่ต่างออกไปอีกมากมาย ยามนี้หมู่บ้านสกุลหลี่ได้กลับคืนมาเป็หมู่บ้านปรกติทั่วไปแล้ว
ถังชิงหรูสะพายล่วมยาเดินกลับบ้าน ขณะที่ผ่านริมธาร ก็ถูกคนผู้หนึ่งจู่โจมจากด้านหลัง คนผู้นั้นกอดรัดนางไว้แล้วใช้ผ้าอุดจมูก บนผ้ามียาสลบ ดมแค่ทีเดียวก็เริ่มวิงเวียน ก่อนที่จะสลบไปนางยังลอบสบถออกมาประโยคหนึ่ง "ซวยชะมัด ครานี้ตกม้าตายแท้ๆ เลยเชียว"
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือห้องเล็กสภาพทรุดโทรม นอกจากนางแล้วยังมีหญิงสาวถูกมัดรวมอยู่ในห้องอีกสามสี่คน
นางนั่งเงียบๆ ขบคิดในใจ
ก่อนอื่น ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ นางคงถูกลักพาตัวมา ภาพที่เห็นแลดูคุ้นตาเหมือนถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวมา แต่นางหายตัวมาจากหมู่บ้านสกุลหลี่ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็หมู่บ้านแห่งโรคภัยไข้เจ็บ จะมีใครที่กล้าลักพาคนมาจากที่นั่น? ดังนั้น คนที่จับตัวนางมาไม่น่าใช่คนแปลกหน้า แต่เป็คนคุ้นเคยที่รู้รายละเอียดเป็อย่างดี
ในที่นี้จะมีคนรู้จักคนไหนที่ลักพาตัวนางมาขาย คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเมิ่งหลิง
นอกจากเขาแล้ว นางยังนึกไม่ออกว่าจะมีผู้ใดทำเื่พรรค์นี้ได้อีก
ครานี้เมิ่งหลิงมอบนางให้กับคนค้ามนุษย์ ชะรอยคงไม่อยากให้ตนเองยุ่งเกี่ยวกับเื่ของเฉินิ นางเป็อุปสรรคขัดขวางงานของเขา ก็เลยคิดจะให้บทเรียน คนผู้นี้โเี้อำมหิต เขาจะไม่สังหารศัตรูทิ้งง่ายๆ แต่เลือกทรมานอีกฝ่ายให้อยู่ไม่สู้ตาย และตอนนี้เขาก็ใช้วิธีนี้กับนางอยู่
สุดท้าย หากนางหายตัวไป เฉินิต้องคลั่งอาละวาด เพียงแค่ทำให้เฉินิสติแตกได้ เมิ่งหลินก็จะมองดูอย่างมีความสุข ยิ่งเขาเสียการควบคุมตนเองเท่าไร คนผู้นั้นก็ยิ่งมีความสุข สามารถทำได้กระทั่งใช้นางมาข่มขู่เฉินิ ให้เขาได้แต่บันดาลโทสะแต่ไม่อาจพูดอะไรได้ ต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจอันมิชอบของคนผู้นั้นอย่างเสียมิได้
คิดมาถึงตรงนี้ ถังชิงหรูก็แทบอยู่เฉยต่อไปไม่ไหว กว่าเฉินิจะฟื้นฟูสุขภาพจนแข็งแรงขึ้นขนาดนี้มิใช่เื่ง่าย หากเกิดอะไรขึ้นอีก การรักษาของนางจะต้องยุ่งยากกว่าเดิม
"ออกมา" มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก คนผู้นั้นตะคอกใส่พวกนางอย่างหงุดหงิด "ออกมาให้หมด"
บรรดาหญิงสาวที่ร่ำไห้ไม่หยุดอยู่ด้านข้าง พอได้ยินถ้อยคำบุรุษผู้นั้นต่างพากันหดหัว ไม่มีใครกล้าก้าวออกไป
ถังชิงหรูอยากไปจากคุกแห่งนี้เต็มแก่ จึงเป็คนแรกที่เดินออกไป
ชายผู้นั้นมองนางอย่างพินิจด้วยความประหลาดใจ ก่อนกล่าวเสียงเรียบ "นับว่าเ้ารู้กาลเทศะไม่เลว ตามข้ามา"
ถังชิงหรูตามหลังชายคนนั้นไป
ระหว่างที่เดินก็กวาดตาสำรวจไปโดยรอบ แต่พอออกจากที่คุมขังไม่นาน ก็มีคนเอาผ้ามาปิดตานางไว้ไม่ให้มองเห็น นางมุ่นคิ้วขมวด สีหน้าทะมึนอย่างไม่พอใจ
มีคนผู้หนึ่งจับแขนของนางพาเดินไปครู่ใหญ่ แม้ว่ามองไม่เห็น แต่เสียงที่ได้ยินและประสาทัักลิ่นยังคงอยู่ ดังนั้นเมื่อผ่านการสังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาน่าจะมาถึงสถานที่ที่เจริญและคึกคักมากเป็พิเศษแห่งหนึ่ง
หลังจากนั้นนางก็นั่งรถม้าไปอีกไกลมาก รถม้าโคลงเคลงไปมาจนนางเกือบหลับ สุดท้ายก็หยุด
ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบ ก็แสดงว่ายามนี้ถึงที่หมายแล้ว
พลั่ก! มีคนผลักนางจนเสียหลักเกือบล้มลงไปที่พื้น เคราะห์ดีที่จับยึดสิ่งของบางอย่างด้านข้างไว้ได้ถึงไม่ล้มลงไป
ทุกอย่างเงียบสนิท
นางรอครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงอื่นใด ครั้นแล้วจึงดึงผ้าที่ปิดตาออก
นี่คือห้องที่ค่อนข้างมืด ในนั้นมีสิ่งของที่คล้ายกับเครื่องทรมานอยู่หลายอย่าง ดูจากสภาพห้องแล้ว นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก
นางเป็คนที่มีััที่หกแม่นยำ และใช้ความสามารถพิเศษนี้เอาตัวรอดจากวิกฤติมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ดังนั้นเพลานี้นางต้องวางแผนเตรียมการล่วงหน้า
ขณะที่เตรียมหนี ก็ได้ยินเสียงคล้ายมีคนเดินมาทางนี้ เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกขณะ และมุ่งมายังตำแหน่งที่นางอยู่ จึงรู้ได้ทันทีว่าคงหนีไม่พ้นแล้ว ได้แต่ทำใจให้เข้มแข็ง เผชิญหน้ากับอันตรายที่ยังไม่รู้แน่ชัด นางมองไปรอบด้าน มือหนึ่งจับมีดสั้นที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ก่อนนั่งลงรอคนผู้นั้นปรากฏตัว
แอ๊ด... มีคนผลักประตูเข้ามา
คนผู้นั้นเห็นถังชิงหรูนั่งอยู่ตรงนั้นก็ยกมุมปากเหยียดยิ้ม แววตาเ้าเล่ห์ร้ายกาจทอประกายระยับด้วยความรู้สึกสนใจ "ครานี้ได้คนขวัญกล้ามา ไม่เลว ข้าชอบ"
ถังชิงหรูพิจารณาบุรุษตรงหน้า หน้าตาเขาไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ก็ไม่นับว่าหล่อเหลา หากจับโยนเข้าไปในฝูงชนเ่าั้ก็คงไม่เป็ที่สังเกตของผู้ใด แต่แน่นอนว่าเขายังมีความแตกต่างจากชาวบ้านธรรมดา อย่างน้อยชาวบ้านเ่าั้ก็ไม่เผยแววตาอันน่ารังเกียจเช่นนี้ ดวงเนตรของเขาเหมือนแมลงพิษ ทั้งโสโครกและน่าสะอิดสะเอียน
นางเอามือม้วนปอยผมที่ข้างหูเล่นรอให้คนผู้นั้นเข้ามาใกล้ ยามที่คนผู้นั้นเอื้อมมือเข้ามาหานาง นางก็เอ่ยว่า "stop"
มือของชายผู้นั้นหยุดอยู่ตรงหน้านาง อยู่ในท่าชะงักค้างอยู่กับที่ รอยยิ้มเ้าเล่ห์ยามหยุดนิ่งแลดูน่าขนพองยิ่งกว่าเดิม
ถังชิงหรูพรูลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก เอ่ยว่า "เยี่ยมมาก เสี่ยวอี"
"นายหญิง ผมต้องขอเตือนก่อนนะครับ ในแต่ละวันจะใช้งานได้แค่สามครั้ง หากไม่เป็อันตรายถึงชีวิต ทางที่ดีอย่าเปิดเซฟโหมดจะดีกว่า เนื่องจากเป็การสิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป"
"คิดถึงเสี่ยวอีเมื่อก่อนจัง เสี่ยวอีตอนนี้เืเย็นเหลือเกิน" ถังชิงหรูพูดตัดพ้อ
"ก็เมื่อก่อนนายหญิงมีพลังงานเหลือเฟือไม่มีวันหมด แต่ตอนนี้พลังงานแค่น้อยนิดยังหาไม่ได้ ยังจะมาโทษเสี่ยวอี เสี่ยวอีเป็ผู้บริสุทธิ์นะครับ" เสี่ยวอีแค่นเสียงหึ
"ช่างเหอะ ฉันรู้ว่าตัวเองไร้ความสามารถ ไม่มีทางจะสนองความพึงพอใจให้นายได้ พอใจรึยัง" ถังชิงหรูเอ่ยปากอย่างจนปัญญา
"นายหญิงน่ะเดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย" เสี่ยวอีเอ่ยอย่างขวยเขิน
"เสี่ยวอี... ่นี้นายไปดูอะไรมาบ้างล่ะ"
"อ๋า? ในโลกนี้มีของที่เรียกว่านิทานเื่สั้น เสี่ยวอีเห็นว่าน่าสนใจดี ก็เลยเสพเอาความรู้จากพวกมันมาบ้าง" เสี่ยวอีกล่าวด้วยความตื่นเต้น
"ชีวิตของนายนี่สุขสบายกว่าฉันเยอะเลย" ถังชิงหรูยิ้มเซ็งๆ
นางไม่อาจทำอะไรตามใจได้เหมือนเสี่ยวอี ั้แ่มาถึงที่นี่ ทุกวันล้วนต้องทำงานหนักเพื่อสะสมแต้มจรรยาแพทย์ ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ แม้แต่ชีวิตน้อยๆ ของตนเองก็แทบจะรักษาไม่ได้