คำเรียกขานไห่เหฺยเหฺยเพียงคำเดียว ไห่กงกงได้ยินแล้วตกตะลึง เขาถูกซื้อตัวเข้าวังั้แ่เด็ก คอยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายจ้าวหนิงฮ่องเต้ บัดนี้ในวังหลวงถือได้ว่าเขาอยู่ใต้ฮ่องเต้เพียงคนเดียว แต่ทว่าไม่มีผู้ใดเรียกเขาอย่างเป็กันเองว่า เหฺยเหฺย ชาตินี้เขาไม่มีโอกาสที่จะมีบุตรหลานเป็ของตนเอง เดิมทีก็คิดเพียงว่าคงแก่ตายอยู่ในวังหลวงเช่นนี้แล้ว แต่วันนี้เมื่อได้ยินหลี่ลั่วเรียกขานเช่นนี้ พลันเกิดความรู้สึกชนิดหนึ่งไหลบ่าเข้าสู่จิตใจของเขาในชั่วขณะ อาจจะเป็เพราะคนเราเมื่อแก่แล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ยังมีเรี่ยวแรง คำเรียกว่าเหฺยเหฺยนี้ ส่งตรงไปถึงหัวจิตหัวใจของเขาเลยทีเดียว
อีกทั้งที่อยู่ตรงหน้าคือเด็กน้อยคนหนึ่ง ดวงตากระจ่างใสทั้งคู่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาปานนั้น ไฉนเลยจะเหมือนผู้คนที่โค้งกายเพื่อที่จะเลียแข้งเลียขาเขา “โอ๊ยโหยว เสี่ยวโหวเหฺยเรียกเหฺยเหฺย ข้าน้อยมิกล้า” แม้วาจาจะเอ่ยเช่นนี้ ทว่าความปิติยินดีในน้ำเสียงนั้นชัดเจนยิ่งว่าปิดไม่มิด
หลี่ลั่วย่อมรู้ดีว่าสำหรับขันทีแล้วนั้น สิ่งที่พวกเขาคาดหวังที่สุดนั้นคือสิ่งใด อีกทั้งความคิดของเขาที่มีต่อขันทีกับเกย์นั้นไม่ต่างกันเลย “อายุของท่านเพียงพอที่จะเป็เหฺยเหฺยของข้าได้แล้วขอรับ”
“ดู๊ดู เสี่ยวโหวเหฺย ปากน้อยๆ นี้ของท่าน มิน่าเล่าฝ่าาจึงชมชอบยิ่งนัก ฝ่าานึกขึ้นได้ว่าท่านไม่คุ้นเคยกับวังหลวง จึงกำชับเป็พิเศษให้เกล้ากระหม่อมมาส่งท่านขอรับ” ไห่กงกงหันไปมองนางกำนัลผู้ไร้ความเกรงใจนางนั้นแล้วพูดว่า “ฝ่าาพระราชทานชื่อแก่เสี่ยวโหวเหฺยด้วยพระองค์เอง และจงหย่งโหวเป็ท่านโหวขั้นหนึ่ง เป็บุตรชายของอดีตจงหย่งโหวหลี่ซวี่ หากเกิดเื่ขัดใจอันใดกับองค์หญิงเล็กที่นี่ เกล้ากระหม่อมต้องขอประทานอภัยแทนเสี่ยวโหวเหฺยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฟังดูแล้วช่างเกรงอกเกรงใจเสียนี่กระไร ทว่าในความเป็จริงแล้วมิได้มีความเกรงใจแม้แต่น้อย
โหวเหฺยที่สืบทอดบรรดาศักดิ์ กับโหวเหฺยที่ฝ่าาพระราชทานชื่อด้วยพระองค์เอง ยังคงมีความแตกต่างอย่างมาก ต่อให้เป็ฮองเฮาก็มิกล้าไม่กล่าวขออภัยต่อไห่กงกง นับประสาอะไรกับคนผู้นี้ที่เป็เพียงองค์หญิงเล็ก
นางกำนัลฟังออกถึงคำพูดตักเตือนเป็นัยๆ ของไห่กงกง จึงรีบกล่าว “ท่านหัวหน้าไห่โปรดอย่ามีโมโหเลยเ้าค่ะ เป็บ่าวเองที่เอะอะโวยวายเพราะไม่รู้จักโหวเหฺย”
องค์หญิงเล็กเ้าเล่ห์เอาแต่ใจ ย่อมรู้ว่าในวังหลวงมีคนผู้ใดบ้างที่นางไม่สามารถมีเื่ด้วยได้ อย่างเช่นพี่สี่ฉีอ๋องกู้จวิ้นเฉินที่เสด็จพ่อทั้งรักและเอ็นดูที่สุด เช่นเ้านายสูงสุดของวังหลังอย่างฮองเฮา เช่นผู้ที่อยู่เบื้องหน้านางอย่างไห่กงกงผู้นี้
“ไห่กงกง วันนี้เห็นแก่หน้าท่าน ข้าก็จะไม่ติดใจเอาความอะไรกับเขา” องค์หญิงเล็กถลึงตาใส่หลี่ลั่วครั้งหนึ่ง ความหมายก็คือ ครั้งหน้าอย่าได้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของนางก็แล้วกัน “พวกเราไปเถอะ”
“น้อมส่งเสด็จองค์หญิง”
หลังจากที่องค์หญิงเล็กนำพาคนทั้งหมดจากไป ไห่กงกงก็พูดว่า “นั่นคือองค์หญิงเล็กในเฉียนเฟยขอรับ เฉียนเฟยเป็นางสนมที่ฝ่าารับเข้าวังมาเมื่อหกปีก่อน” เพื่อเป็การสร้างความมั่นคงให้กับราชสำนัก “เสี่ยวโหวเหฺย ในวังหลวงนี้ ฝ่าาคือคนที่หนึ่ง ฉีอ๋องคือคนที่สอง ฮองเฮาคือคนที่สามขอรับ”
หลี่ลั่วกะพริบตาปริบๆ
ส่วนลึกในแววตาของไห่กงกงมีประกายเฉียบคมพาดผ่าน “เสี่ยวโหวเหฺยเป็เด็กฉลาด ยามนี้อาจจะยังไม่เข้าใจ ต่อไปก็จะเข้าใจเองขอรับ”
“ขอบคุณไห่เหฺยเหฺยที่กล่าวเตือนขอรับ”
หลี่ลั่วย่อมรู้ว่าด้วยเหตุใดฉีอ๋องจึงเป็คนที่สอง จ้าวหนิงฮ่องเต้และไท่จื่อเยี่ยนมีความสัมพันธ์พี่น้องอันลึกซึ้ง ไท่จื่อเยี่ยนเมื่อยังมีชีวิตอยู่เป็ห่วงพระโอรสองค์เล็กผู้นี้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลส่วนรวมหรือส่วนตัว จ้าวหนิงฮ่องเต้ล้วนปฏิบัติต่อฉีอ๋องเป็อย่างดี
ส่วนฮองเฮา... “ฉางเฉิงรู้เื่เกี่ยวกับฮองเฮาหรือไม่?” หลังจากแยกกับไห่กงกงแล้ว หลี่ลั่วจึงถามหลี่ฉางเฉิง
“รู้บ้างเพียงเล็กน้อยขอรับ” หลี่ฉางเฉิงตอบ หกปีที่แล้วเขาอายุเก้าขวบแล้ว ดังนั้นเกี่ยวกับบางเื่เขาย่อมรู้มาบ้าง บิดาของเขาติดตามเหล่าโหวเหฺย มีเื่ราวมากมายที่รู้มากกว่าผู้อื่น “ครั้งนั้นบรรดาพระโอรสก่อความวุ่นวาย บรรดาพระญาติสายตรงของฝั่งพระมารดาองค์ฮองเฮาล้วนเสียชีวิตหมดขอรับ”
“อะไรกัน?” หลี่ลั่วถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด
“ครั้งนั้นอดีตฮ่องเต้ต ฉีอ๋องกลับเมืองหลวงไว้ทุกข์แสดงความกตัญญู สามเดือนให้หลังไท่จื่อเยี่ยนจึงขึ้นครองราชสืบทอดราชบัลลังก์ และบรรดาพระโอรสก็ได้ก่อฏขึ้นในเวลานั้น อำนาจของไท่จื่อเยี่ยนในเมืองหลวงมีน้อยกว่าอำนาจของบรรดาพระโอรสที่ผนึกกำลังกัน เพื่อเป็การคุ้มกันสายเืเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของไท่จื่อเยี่ยน จึงวางแผนส่งฉีอ๋องออกจากเมืองหลวง และครอบครัวฝั่งมารดาของฮองเฮาก็คือผู้รับผิดชอบในแผนดังกล่าว เพื่อส่งฉีอ๋องออกจากเมืองแล้วติดต่อกับเหล่าโหวเหฺย พระญาติสายตรงฝั่งพระมารดาของฮองเฮาจึงถูกสังหารทั้งหมดขอรับ” หลี่ฉางเฉิงกล่าว ดังนั้นนี่คือสิ่งที่จ้าวหนิงฮ่องเต้ติดค้างฮองเฮาตลอดชีวิต หญิงผู้นี้ไม่ได้รับความรักจากจ้าวหนิงฮ่องเต้ แต่ได้รับความเคารพนับถือจากจ้าวหนิงฮ่องเต้ อยู่ในวังหลวง ไม่มีสิ่งใดสำคัญยิ่งไปกว่าความเคารพนับถือจากฮ่องเต้
“ท่านพ่อก็เป็คนที่น่านับถือคนหนึ่ง” นำกองทหารมือดีห้าพันนายจากซีเป่ยบุกทะลวงเข้าเมืองหลวงเพื่อช่วยเหลือฝ่าา ความกล้าหาญนี้ยิ่งทำให้ผู้คนให้ความนับถือ
“โหวเหฺยเป็คนเงียบขรึมไม่ค่อยพูดจาขอรับ แต่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ยิ่งนัก กองทหารซีเป่ยที่โหวเหฺยนำทัพนั้นเคยไร้เทียมทาน...” คำพูดข้างหลังเขาไม่ได้พูดออกมา หลี่ซวี่มีนิสัยเงียบขรึม เพราะได้รับผลกระทบจากชีวิตในวัยเด็ก มารดาผู้ให้กำเนิดมาด่วนตายจากไป หลี่เหล่าไท่เหฺยไม่ใส่ใจดูแล บรรดาอนุและมารดาเลี้ยงก็เอาแต่นิ่งดูดายด้วยความเ็า ส่งผลให้แม้กระทั่งบ่าวรับใช้ในเรือนยังยกตนข่มเ้านาย “เหล่าโหวเหฺยกับท่านพ่อ แล้วยังรวมไปถึงฝ่าานั้นมีอาจารย์คนเดียวกันขอรับ ในปีนั้นเป็ถึงแม่ทัพใหญ่ผู้ดูแลรักษาเมืองซีเป่ย ท่านแม่ทัพใหญ่อวี๋อ้าว ดังนั้นบ่าวจึงโชคดีได้ฝึกยุทธ์ั้แ่ยังเยาว์”
“สกุลอวี๋เป็ครอบครัวเช่นใดหรือ?”
“สกุลอวี๋ทั้งครอบครัวล้วนเป็แม่ทัพผู้กล้า ฮองเฮาองค์ก่อน หรือก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดของฉีอ๋องคนปัจจุบัน ถือกำเนิดมาจากสกุลอวี๋ หลังจากที่แม่ทัพผู้เฒ่าอวี๋ได้เกษียณลง แม่ทัพผู้รักษาเมืองซีเป่ยก็คือบิดาของท่าน เหล่าโหวเหฺย หลังจากที่เหล่าโหวเหฺยถึงแก่กรรม แม่ทัพน้อยอวี๋ก็เป็ผู้ดูแลเมืองซีเป่ย แม่ทัพน้อยอวี๋ก็คือหลานชายของแม่ทัพผู้เฒ่าอวี๋ อีกทั้งแม่ทัพน้อยอวี๋ยังเป็แม่ทัพที่เหล่าโหวเหฺยปลุกปั้นฝึกฝนมาเองกับมือขอรับ” สำหรับเื่อื่นนั้นหลี่ฉางเฉิงอาจจะไม่เข้าใจนัก แต่ถ้าหากเป็เื่ที่เกี่ยวพันกับครอบครัวของตนเองนั้นเขาย่อมรู้และเข้าใจ
“ฉางเฉิง หลังจากกลับไปแล้วให้จัดเตรียมรายชื่อของขุนนางและชนชั้นสูงในเมืองหลวงหนึ่งชุด ความสัมพันธ์จากการแต่งงานของทุกๆ ครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ สิ่งเหล่านี้เตรียมมาให้หมด” หลี่ลั่วไม่อยากเป็คนที่ดวงตาทั้งคู่มีแต่ความมืดมิด ไม่รู้เื่อันใดเลย
“เื่นี้คงต้องให้ท่านแม่ของข้าไปจัดการขอรับ” หลี่ฉางเฉิงตอบ “ท่านแม่ของข้าอย่างไรเสียก็เป็ฮูหยินของขุนนางขั้นห้า เื่ภายในบ้านเ่าั้ นางรู้ชัดเจนกว่า” พูดง่ายๆ ก็คือ สตรีเป็เพศที่ช่างนินทา
หลี่ลั่วหัวเราะเบาๆ “พูดขึ้นมาแล้วข้ายังไม่เคยพบอาสะใภ้เลย จำไว้ว่าพรุ่งนี้ให้ข้าได้พบหน้าสักหน่อย”
“คำสั่งของเสี่ยวโหวเหฺย จะไม่ปฏิบัติตามได้เช่นใดขอรับ” หลี่ฉางเฉิงตอบ ในใจของหลี่จงินั้นหลี่ซวี่คือนายท่านของเขา หลี่ลั่วก็คือนายน้อยของเขา ดังนั้นการอบรมสั่งสอนของหลี่จงิต่อหลี่ฉางเฉิงั้แ่วัยเยาว์นั้นจึงมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงนัก
ณ จวนจงหย่งโหว
“ท่านแม่ นี่คือรายชื่อแขกของวันพรุ่งนี้ที่ส่งเทียบเชิญออกไปแล้ว พวกเขาต่างก็ส่งเทียบตอบกลับมาแล้วเ้าค่ะ เชิญท่านตรวจดู” หลี่หยางซื่อนำรายชื่อที่รวบรวมมาแล้วให้แก่หลี่เหล่าไท่ไท่
หลี่เหล่าไท่ไท่รับรายชื่อไป “วันพรุ่งนี้ผู้ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสกุลหลี่ล้วนมาร่วมงาน พวกเ้าต้องรับรองให้ดี”
“เ้าค่ะ ท่านแม่โปรดวางใจ”
หลี่หยางซื่อ ภรรยาหลี่ฮุย และภรรยาหลี่ฮ่าวตอบรับพร้อมกัน
“พรุ่งนี้ข้าและสะใภ้รองจะรับรองพี่สะใภ้ใหญ่เอง ส่วนแขกอื่นให้สะใภ้ใหญ่ไปรับรอง” พี่สะใภ้ใหญ่ที่หลี่เหล่าไท่ไท่เอ่ยถึงนั้นก็คือจงกั๋วกงฮูหยิน ฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง ต้องเป็หลี่เหล่าไท่ไท่และหลี่หยางซื่อเท่านั้นที่จะเป็ผู้รับรอง ญาติมิตรอื่นและบรรดาฮูหยินของเหล่าขุนนางก็ให้ภรรยาหลี่ฮุยไปรับรอง ฮูหยินตราตั้งขั้นสี่รับรองก็สมควรแล้ว
“เ้าค่ะ สะใภ้ทราบแล้ว” หลี่หยางซื่อรู้อยู่ในใจ
“บรรดาแม่นางน้อยให้หลินเจี่ยเอ๋อร์ หม่านเจี่ยเอ๋อร์ และอวิ๋นเจี่ยเอ๋อร์รับรองให้ดี”
“เ้าค่ะ”
“เด็กผู้ชายให้ลั่วเกอเอ๋อร์รับรองไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?” หลี่เหล่าไท่ไท่มีความหนักใจเล็กน้อย เพราะหลี่ลั่วอายุยังน้อย “ลั่วเกอเอ๋อร์เล่า? ไฉนจึงไม่เห็นเขา?”
“มีหงเกอเอ๋อร์กับฉือเกอเอ๋อร์คอยช่วยลั่วเกอเอ๋อร์ คงไม่มีปัญหาอันใดเ้าค่ะ” หลี่หยางซื่อตอบ “ลั่วเกอเอ๋อร์ออกไปแล้วเ้าค่ะ”
“ออกไปแล้วหรือ? ไปเที่ยวเล่นข้างนอกแล้วรึ?” คำถามของหลี่เหล่าไท่ไท่นี้ถามได้น่าสนใจยิ่งนัก ราวกับว่าหลี่ลั่วเป็เด็กที่เห็นแก่การออกไปเที่ยวกระนั้น “ลั่วเกอเอ๋อร์ยังเล็กนัก ย่อมจะเห็นแก่การเที่ยวเตร่ เ้ายังต้องสั่งสอนให้ดี อีกทั้งเขาเพิ่งจะมาเมืองหลวง ไม่ค่อยรู้มารยาทอันใดนัก หากว่าไม่ระมัดระวังไปกระทบกระแทกถูกขุนนางเข้าจะเป็การไม่ดี”
หลี่หยางซื่อยิ้มบางๆ “ลูกจดจำคำพูดของท่านแม่ไว้แล้วเ้าค่ะ แต่ท่านแม่ไม่ต้องกังวลจนเกินไป ลั่วเกอเอ๋อร์เป็โหวเหฺยของจวนจงหย่งโหว อีกทั้งยังเป็โหวเหฺยที่ฝ่าาทรงพระราชทานชื่อให้ด้วยองค์เอง แม้ขุนนางในเมืองหลวงจะมีมากมาย ทว่าที่ฝ่าาพระราชทานชื่อให้นั้นมีเพียงไม่กี่คนเ้าค่ะ”
หลี่เหล่าไท่ไท่มีสีหน้าที่แข็งค้างไปครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้ม “ใช่แล้ว ลั่วเกอเอ๋อร์ของพวกเรานั้นมีโชคลาภวาสนา ดังนั้นวาสนาของเ้าก็อยู่ที่เื้ัของเ้าแล้ว” ในใจของหลี่เหล่าไท่ไท่นั้นไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ไม่มีไท่ไท่คนใดยินดีที่จะทำให้ฐานะของตนนั้นต่ำต้อยลง นางเป็ฮูหยินตราตั้งขั้นสาม แต่สะใภ้กลับเป็ฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง
หลี่ลั่วกลับออกมาจากวังหลวง ย่อมไม่รู้เื่ราวในจวนโหว เขากลับไปถึงเรือนโฉวงจี๋ในเวลาอาหารกลางวัน ซินหมัวมัวได้สั่งให้คนในห้องครัวเล็กเตรียมอาหารเที่ยงให้เขาแล้ว ผักสองอย่าง เนื้อสองอย่าง และแกงจืดอีกหนึ่งอย่าง นี่หาใช่เพราะหลี่ลั่วมัธยัสถ์ไม่ แต่กับข้าวห้าอย่างสำหรับเขาเพียงคนเดียวนั้นมากพอแล้ว ก่อนกินข้าว หลี่ลั่วสั่งให้คนไปรินเหล้าองุ่นออกมา
เหล้าองุ่นที่เตรียมไว้มีมาก แม้ว่าการหมักเหล้านั้นใช้เวลาสองถึงสามวันก็เกิดจุลินทรีย์แล้ว แต่ยิ่งใช้เวลายาวนานยิ่งดี ดังนั้นหลี่ลั่วจึงตระเตรียมไว้ในปริมาณมาก เพื่อที่ส่วนที่เหลือจะได้หมักต่อไป
ผิงอันเข้ามาหลังมื้ออาหาร “โหวเหฺย สร้อยข้อมือไข่มุกบูรพาที่ท่านสั่งให้บ่าวไปทำเสร็จแล้วเ้าค่ะ เชิญท่านตรวจดูเ้าค่ะ”
หลี่ลั่วเปิดกล่องออกดู ในยุคสมัยโบราณนั้นไม่มีทองคำขาว ดังนั้นจึงใช้เงินบริสุทธิ์มาทำ สร้อยข้อมือเงินบริสุทธิ์ประดับไข่มุกบูรพาิโหลวหนึ่งเม็ด รูปแบบดูแล้วเรียบง่ายสะอาดตา ทว่าประกายของไข่มุกบูรพานั้นงดงามอย่างเห็นได้ชัด ลักษณะโดดเด่นเป็พิเศษของสร้อยข้อมือนี้ก็คือไข่มุกบูรพาิโหลว หากสร้อยข้อมือไม่ทำให้เรียบง่ายสักหน่อย ก็จะััไม่ได้ถึงความพิเศษของไข่มุกบูรพาิโหลว
“ไม่เลว” หลี่ลั่วกล่าวชม แล้วหยิบสร้อยข้อมือออกมาสี่สาย “ส่งไปให้พี่รอง พี่สาม พี่สี่ และพี่ห้า”
“เ้าค่ะ” ผิงอันถอยกลับไป
“พี่ลวี่ผิง เ้าไปเชิญพี่หญิงใหญ่มาเถิด”
“เ้าค่ะ”
ผ่านไปสักครู่ หลี่หลินก็มาที่เรือนโฉวงจี๋ “น้องหกเรียกหาข้าหรือ?” หลี่หลินพูดอย่างยินดี
“พี่ใหญ่รีบเข้ามาดูนี่เร็ว” หลี่ลั่วกวักมือเรียก “สร้อยข้อมือนี้ชอบหรือไม่?”
หลี่หลินดวงตาเป็ประกาย ช่างเป็ไข่มุกบูรพาที่ดึงดูดสายตาและล้ำค่ายิ่งนัก แทบจะบาดตาผู้คนให้บอดได้ ไฉนเลยจะไม่ชอบเล่า? “ชอบยิ่งนัก นี่น้องหกนำไข่มุกบูรพาิโหลวไปทำเป็กำไลข้อมือแล้วหรือ”
“ข้าเพิ่งมาเมืองหลวง ไม่รู้ว่าจะมอบสิ่งของอันใดให้กับพี่สาวทุกท่าน แล้วอีกอย่างไข่มุกบูรพาิโหลวนี้อยู่กับข้าก็ไม่มีประโยชน์อันใด ทางด้านลุงใหญ่และท่านอาสามนั้นได้ส่งไปให้แล้ว พี่ใหญ่ยังมีเพื่อนพี่น้องผู้หญิงที่สนิทกันดีอยากจะมอบให้หรือไม่ขอรับ?” หลี่ลั่วถาม
“นี่...เช่นนี้จะดีหรือ” หลี่หลินนั้นมีพี่น้องผู้หญิง นั่นก็คือหลี่จือและิเจี๋ยเอ๋อร์ แต่นางรู้สึกเกรงใจที่จะรับมา
หลี่ลั่วหัวเราะเบาๆ ดวงตาคู่นั้นเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ดูแล้วเอื่อยเฉื่อยทว่าเป็ประกายสดใส “การแต่งงานของพี่ใหญ่ได้กำหนดไว้แล้ว มิสู้พี่หญิงใหญ่มอบให้ว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่แทนข้าชิ้นหนึ่งดีหรือไม่ขอรับ?
หลี่หลินหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “เช่นนั้นดียิ่ง ถ้า...ถ้าเช่นนั้นมอบให้จือเจี่ยเอ๋อร์ชิ้นหนึ่งด้วยได้หรือไม่? พวกเราพี่น้องผู้หญิงต่างมีกำไลข้อมือเหมือนกัน เห็นแล้วน่ายินดี”
“ได้สิขอรับ” หลี่ลั่วหยิบกำไลข้อมือไข่มุกบูรพาออกมาอีกสามวงมอบให้แก่หลี่หลิน ที่ยังเหลืออยู่อีกสามวงหลี่ลั่วให้ผิงอันนำไปเก็บไว้ในคลัง ต่อจากนั้นหลี่ลั่วจึงไปห้องหนังสือ หยวนโม่นั้นรับหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้หลี่ลั่วในห้องหนังสือ เหมือนกับงานฝีมือเย็บปักที่เป็หน้าที่ความรับผิดชอบของเหนียนหง ทั้งสี่คนนั้นแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน