อารัมภบท
“ขอบคุณนะครับ”
เงินจำนวนหนึ่งถูกยื่นให้กับคนขับแท็กซี่ ก่อนร่างเพรียวของผู้โดยสารจะมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ตั้งโอ๋ เงยหน้าขึ้นมองป้ายขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า คิงบาร์ คือสถานที่ทำงานเก่าของเขา ที่นี่เป็ทั้งคลับและบาร์ นำเสนอความบันเทิงยามค่ำคืนในแทบทุกรูปแบบ ซึ่งตัวเขาเองก็ห่างไกลจากที่นี่มาได้หนึ่งเดือนเต็มแล้ว
ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปภายในร้านที่ใหญ่โตโอ่อ่าและคับคั่งไปด้วยผู้คน ตั้งโอ๋กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างไม่รู้ว่าควรจะพาตัวเองไปที่ตรงไหนดี
“ตั้งโอ๋ ไม่ได้เจอนานเลยนะ มาหาเพื่อนเก่าเหรอ”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็เพื่อนร่วมงานเก่าของตนเอ่ยทักขึ้น ตั้งโอ๋หันไปมองตาม เห็นอีกฝ่ายในชุดพนักงานเสิร์ฟยืนส่งยิ้มให้กันอยู่ ชายหนุ่มรีบโบกมือทักทายแล้วเอ่ยตอบกลับทันที ท่าทางยังคงดูเงอะงะไปบ้าง
“อื้อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ...สบายดีหรือเปล่า”
“สบายดี เดี๋ยวนี้เฮียคิงอารมณ์ดี เพิ่มเงินเดือนให้รัว ๆ เลย”
เธอเอ่ยพูดพลางเผยรอยยิ้มออกมา เมื่อเ้านายของตนใน่นี้อารมณ์ดีทุกวัน รวมถึงกิจการภายในร้านที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวะโ ทำให้เหล่าพนักงานได้รับผลพลอยได้ไปตาม ๆ กัน ทั้งด้วยเื่เงินเดือนและเื่สวัสดิการ ทว่าสิ่งพวกนั้นไม่ได้เข้าหูตั้งโอ๋เลยสักนิด นอกจากชื่อของเ้าของร้านที่ถูกเอ่ยออกมาเพียงหนึ่งครั้ง
“แล้ว...เฮียเขาอยู่ไหนเหรอ”
เอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พลันคู่สนทนามีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาในทันที มองเ้าของร่างเล็กที่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ร้านเพื่อหาใครบางคน...ไม่ว่าใครก็รู้ว่าตั้งโอ๋มีความรู้สึกอย่างไรให้กับเ้าของร้านที่ตนเคยทำงานอยู่ จุดประสงค์ที่มาในวันนี้ก็คงเพราะอยากจะเห็นหน้าคนที่เป็เ้าของหัวใจของตนอีกสักครั้ง
ทว่าเ้าของหัวใจของอีกฝ่าย...ดันมีคนรักเป็ตัวเป็ตนแล้วนี่สิ
“นั่งทำงานอยู่ตรงนั้นน่ะ”
“...”
ตั้งโอ๋มองตามนิ้วของอีกฝ่ายที่ชี้ไปยังบริเวณชั้นสองของร้าน ก่อนจะได้แต่ยืนนิ่งไป หัวใจในอกเต้นกระหน่ำผิดจังหวะเมื่อเห็นร่างของใครบางคนในระยะสายตา ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมา หัวใจดวงเดิมก็เริ่มร่วงลงไปถึงตาตุ่ม ยามเหลือบไปเห็นใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกาย...ผู้ซึ่งเป็เ้าของตัวจริง
“อยากไปทักเฮียคิงหน่อยไหม”
“ไม่ล่ะ...เราแค่อยากมาเห็นหน้าเขาอีกสักครั้งก็แค่นั้น”
ส่ายหน้าไปมาเป็การปฏิเสธ ทั้งสายตาที่ยังไม่ละไปจากภาพของคนทั้งสอง ซึ่งกำลังหยอกเย้ากันจนเห็นแต่บรรยากาศแห่งความสุขลอยฟุ้งเต็มไปหมด นึกอยากจะทุบกะโหลกตัวเองเสียจริงที่คิดว่าน่าจะตัดใจได้บ้างแล้ว...ทว่าเมื่อมายืนอยู่ตรงนี้ ก็เป็ที่ประจักษ์ ว่าตัวเขายังตัดใจจากอดีตเ้านายของตนไม่ได้เลยสักนิด
คุณคิง หรือาา คือเ้าของคลับบาร์แห่งนี้ ทั้งยังควบตำแหน่งเ้านายคนเก่าของเขา...ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็คนที่ตั้งโอ๋ปันใจให้เพียงฝ่ายเดียว แม้จะถูกอีกฝ่ายขีดเส้นกั้นสถานะอย่างชัดเจน ก็ยังคงเพ้อฝันอยู่ทุกวัน...กระทั่งวันหนึ่งที่เ้าตัวเปิดตัวว่าได้กลับมาคบกับคนรักเก่าอีกครั้ง ตัวเขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็ ‘คนอกหัก’ โดยสมบูรณ์
“ดีแล้วล่ะ” ริมฝีปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มบางขมขื่น
ดีแล้วล่ะ มีความสุขก็ดีแล้ว
ปล่อยให้คนที่หลงรักคนมีเ้าของแล้วแบบเขา รู้สึกผิดบาปต่อตัวเองคนเดียวไปเรื่อย ๆ แบบนี้ก็นับว่าดีแล้ว
.
.
.
Fancy’ s Bar
ปึก!
เสียงของแก้วดังกระทบกับโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งโอ๋เม้มปากแน่น ก่อนจะรินสุราใส่แก้วแล้วกระดกขึ้นดื่มอีกครั้งให้สาแก่ใจ รสชาติขมปร่าไหลผ่านลำคอจนต้องเบ้หน้า ดวงตาเฉี่ยวคมกวาดมองไปรอบ ๆ ของบาร์หรูชื่อดังแห่งนี้ที่เขาเพิ่งจะเคยมาเป็ครั้งแรก
โดยมีกฎเหล็กอยู่หนึ่งข้อ คือลูกค้าทุกคนต้องใส่หน้ากากแฟนซี ปิดครึ่งใบหน้าตลอดเวลา เพื่อปิดบังตัวตน
เหล่าผู้มาเยี่ยมเยือนที่นี่ล้วนแต่เป็กลุ่มคนมีฐานะ และตั้งโอ๋ก็กำลังนึกโกรธตัวเองที่นำเงินเก็บของตนมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพียงเพราะ้าประชดตัวเอง ที่ไม่เคยสมหวังในเื่ความรักสักครั้งก็เท่านั้น
“!!!”
“มาดื่มคนเดียวแบบนี้ ไม่เหงาเหรอ”
เสียงทักของชายคนหนึ่งภายใต้หน้ากากแฟนซีสีรุ้ง ทำให้คนที่เอาแต่นั่งเหม่อเริ่มได้สติ ตั้งโอ๋สะดุ้งน้อย ๆ เมื่อถูกมือใหญ่โอบไหล่ตนเข้าไปหาอย่างแเี ชายคนนั้นยืนอยู่ข้างหลังตน ค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงเข้าหา กระทั่งรับรู้ได้ถึงััของลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารินรดข้างแก้ม
“มะ ไม่หรอกครับ”
“ดูท่าจะกำลังหาเพื่อนดื่มอยู่นะ...มาดื่มด้วยกันสิ”
คราวนี้บรรยากาศยิ่งน่าอึดอัดเข้าไปใหญ่ เมื่อตัวเขาที่มีสภาพใกล้จะเมาเป็หมา กำลังถูกแขกในบาร์ถึงสองคนล้อมหน้าล้อมหลัง เหตุผลก็เพื่อใช้เป็เครื่องมือในการสนองความใคร่ก็เท่านั้น
ดวงตาสีอ่อนกวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อหาใครสักคนที่พอจะให้ความช่วยเหลือได้ ก่อนจะหยุดลงที่ร่างสูงของชายคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ร่างขาวพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้ ทว่าเ้าของใบหน้าภายใต้หน้ากากแฟนซีสีดำ กลับเพียงนั่งเท้าคางมองมาทางนี้ ทั้งยังกระตุกยิ้มอย่างกับว่าสิ่งที่เห็นอยู่ เป็เื่น่าสนุกสนานเสียเต็มประดา
แต่หากให้คิดอีกแง่ก็คงไม่แปลก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็เื่ปกติของสถานที่แห่งนี้
คนที่ผิดมันคือตัวเขาต่างหาก ที่เอาตัวเองเข้ามาในสถานที่แบบนี้ เพียงเพราะตัดสินใจโง่ ๆ อยากจะประชดตัวเองขึ้นมา
“ผม...อยากดื่มคนเดียวครับ”
เมื่อหาคนให้ความช่วยเหลือไม่ได้ ก็ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวด้วยตัวเอง ฝ่ายผู้ฟังเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นทันที
“ว่ายังไงนะ?”
“ขอโทษทีครับ พอดีว่าเขามากับผม”
ทว่าในจังหวะนั้น ชายหนุ่มสวมใส่หน้ากากแฟนซีสีดำที่ดูจะไม่แยแสกันในคราวแรก กลับเดินมาให้ความช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที ไหล่เล็กถูกโอบเข้าไปหากระทั่งใบหน้าแนบอยู่กับหน้าท้องอุดมกล้ามเนื้อของอีกฝ่าย ตั้งโอ๋เม้มปาก เกร็งตัวแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนนั้นยอมเดินออกไปแต่โดยดี
“ขะ ขอบคุณนะครับ...”
บรรยากาศระหว่างกันดูกระอักกระอ่วนไม่น้อย อีกฝ่ายเพียงหลุบสายตามองกันครู่หนึ่ง ก่อนจะผละตัวออกไปอย่างไม่สนใจเมื่อหมดธุระของตน ตั้งโอ๋ที่คิดว่าตนคงจะถูกรำคาญเข้าแล้ว จึงก้มหน้าก้มตาอัดน้ำเมาเข้าปากไปอีกเรื่อย ๆ ตามลำพังก็เท่านั้น ทว่าผ่านไปหลายนาที ก็ได้ยินเสียงทักขึ้นอีกครั้ง
“เบา เดี๋ยวก็สำลักเหล้าตายก่อนได้เมา”
“ผมรู้ลิมิตตัวเอง---แค่ก!!”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็สำลักเหล้าจนหน้าดำหน้าแดง ชายหนุ่มคนนั้นยังใจดีหยิบทิชชูยื่นให้ ตั้งโอ๋ได้แต่ค่อย ๆ ยื่นมือไปรับมันมาเช็ดปากด้วยความอับอาย คงจะถามไปแล้วว่าตนมีอะไรให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะนักหนา หากไม่ได้รู้สึกอยากจะอาเจียนเสียก่อน
“อึก...”
“อย่ามาอ้วกแถวนี้ จ่ายค่าเสียหายไหวหรือไง”
ก่อนที่จะได้ปล่อยอ้วกรดบาร์เสียก่อน ก็ได้ยินเสียงสบถเบา ๆ จากชายคนดังกล่าวที่เดินเข้ามาเอามืออุดปากเขาได้ทัน น้ำเสียงทุ้มต่ำติดจะแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยถาม ในจังหวะที่หิ้วคอ กึ่งดึงกึ่งลากคนที่เริ่มเมาจนจะหมดสภาพไปห้องน้ำด้วยกัน
“ไหว...อึก ผมจ่ายไหวครับ”
สิ้นคำถกเถียงอย่างไม่ยอมความ เ้าของร่างสูงก็แค่นหัวเราะเยาะเสียงเบาในลำคอทันที ร่างอ่อนปวกเปียกของตั้งโอ๋ถูกหิ้วคอมาจนถึงหน้าอ่างล้างหน้า ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว หน้ากากแฟนซีที่ตนใส่อยู่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงออกไปทันที
“อ๊ะ! หน้ากากผม---”
“สำลักแล้วดูไม่ได้ เอ้า ล้างหน้าซะ”
ว่าพลางวักน้ำใส่หน้าคนตัวเล็กกว่าเป็พัลวัน ตั้งโอ๋ได้แต่หลับตาปี๋ จับแขนของชายแปลกหน้าที่จับตนกดหัววักน้ำล้างหน้าให้ไม่หยุด จนเสื้อสีขาวที่ใส่อยู่เปียกโชกไปหมด จากที่เมาหัวแทบทิ่มพื้นก็ดูจะสร่างเมาขึ้นมาในทันตา
“แค่ก...”
“เก็บน้ำมูกหน่อยคุณ เลอะมือผมหมดแล้ว”
แม่งเอ๊ย น้ำมูกมันเก็บได้ที่ไหนกัน สูดเข้าไปตอนนี้ก็สำลักน้ำตายกันพอดี
“แฮ่ก พอแล้ว ผมหายใจไม่ทันนะคุณ---”
นึกอยากจะถามกลับนักว่าคนที่วักน้ำใส่เอา ๆ แบบอีกฝ่ายมีสิทธิ์มาว่ากันแบบนี้ด้วยหรือไง หันไปขมวดคิ้วพูดอย่างเหลืออด ก่อนจะชะงักไปเมื่อสบกับดวงตาสีน้ำทะเลภายใต้หน้ากากสีดำที่ทอดมองกันอยู่ก่อนแล้ว
“...”
เพิ่งจะเคยเห็นดวงตาสีฟ้าสวยในระยะใกล้ถึงขนาดนี้
คนต่างชาติเหรอ?
ไม่สิ ไม่น่าใช่
ดวงตาสีอ่อนเผลอมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาและเผลอไผล...ั้แ่เส้นผมสีดำสนิทที่ถูกเซตให้เป็ทรง จมูกโด่งเป็สันเข้ารูปกับทรงหน้ากาก ริมฝีปากบางกระจับ และเรือนร่างกำยำภายในเสื้อเชิ้ตสีเข้ม ดูเป็คนที่รักสุขภาพและออกกำลังกายหนักมากทีเดียว
“มองไปถึงไหนแล้ว พ่อคนอกหัก?”
!!!
ตั้งโอ๋สะดุ้งเมื่อถูกเอ่ยทักอย่างจับได้ แม้จะแอบสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าเ้าตัวรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังพบเจอกับสิ่งใด ใบหน้าเงยขึ้นมองสบกับคู่สนทนาอยู่นาน ก่อนจะได้แต่นิ่งไป ควานหาเสียงไม่เจอไปชั่วขณะหนึ่ง คล้ายกับถูกดึงดูดให้จมดิ่งไปกับดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้น
...มันฉายแววทั้งเยาะเย้ยและขบขัน ที่เห็นเขาประชดประชันตัวเองจนหมดสภาพถึงขนาดนี้
...ถ้าอย่างนั้นก็พาตัวเองให้จมดิ่งไปยิ่งกว่านี้อีกจะเป็อะไรไป
“ช่วยนอนกับผมได้ไหมครับ”
ประโยคไม่คาดคิดแสนน่าอายถูกเอ่ยออกไป พลันบรรยากาศระหว่างกันตกอยู่ในความเงียบทันที ดวงตาสีน้ำทะเลภายใต้กรอบหน้ากากหรี่ลงเล็กน้อย ยามทอดมองใบหน้าคู่สนทนาของตนอย่างพิจารณา
“เอางั้นเหรอ?”
ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจแต่อย่างใด ร่างสูงยืนกอดอกพิงไหล่กับผนัง แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย ใบหน้าภายใต้หน้ากากยิ้มเยาะพลางเลิกคิ้วถามยียวน ตั้งโอ๋เห็นอย่างนั้นก็นึกขุ่น ทอดทิ้งความเอียงอายทั้งหมด แล้วเขย่งเท้าขึ้นไปป้อนจูบให้ทันทีจนอีกฝ่ายชะงัก ก่อนจะรีบผละออกมาในไม่กี่วินาทีต่อมา
“ผมไม่ค่อยถนอมคู่นอนนะ”
เขารู้ว่าในแต่ละประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมา สายตาคู่นั้นกำลังฉายแววทั้งเยาะเย้ยและสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา แต่ใครมันจะสนกัน ตั้งโอ๋ในตอนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีค่ามีราคาให้คนอื่นมาเห็นใจอยู่แล้ว
“ผมไม่ได้ขอให้คุณถนอมผมสักนิด”
ดวงตาสีน้ำทะเลเกิดประกายพาดผ่านเพียงเสี้ยววินาที ก่อนมันจะกลับมาเป็ปกติอีกครั้ง...ร่างสูงย่างกรายเข้าหาคนที่ยืนตัวสั่นงกเงิ่นอย่างเชื่องช้า ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงเข้าหากระทั่งปลายจมูกัักัน
“เอาดิ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบรับข้อเสนอ ไม่คิดปฏิเสธ ฝ่ามือยื่นออกไปตบบั้นท้ายของอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างหยอกเย้า
“...”
“ว่าแต่ดึงผมคุณตอนเอาได้ใช่ไหม?”
...
ตึง!
“อื้อ...”
ทันทีที่บานประตูห้องส่วนตัวที่ทางบาร์จัดเตรียมไว้ให้ถูกปิดลง ร่างของคนทั้งสองก็โถมเข้าใส่กันทันที คล้ายกับคนมากอารมณ์กำหนัดที่อดอยากมาเป็ชาติ ตั้งโอ๋หลับตาแน่น แข้งขาเริ่มสั่นเทายามถูกอีกฝ่ายบีบคอบังคับให้เชิดหน้าขึ้นรับรสจูบหนักหน่วง ริมฝีปากล่างถูกกัดจนได้กลิ่นคาวเืแล้วเลียซ้ำเบา ๆ
“อ่ะ!”
ฝ่ามือใหญ่ผละออกจากลำคอ ทิ้งรอยบีบเอาไว้อย่างชัดเจน ร่างเพรียวถูกจับเหวี่ยงลงเตียงนุ่ม พร้อมด้วยร่างสูงของชายภายใต้หน้ากากครึ่งใบหน้าสีดำ ที่ตามมาคร่อมทับแล้วป้อนจุมพิตหนักหน่วงให้อีกครั้ง จนร่างในอาณัติเริ่มเนื้อตัวสั่นเทา หายใจหอบเหนื่อยเมื่อต้องรับมือกับความดุดันที่ตนไม่เคยพบเจอ
ปลายจมูกโด่งเกลี่ยคลอเคลียั้แ่ข้างแก้มขาวไปถึงปีกหูขึ้นสีแดงเรื่อ น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบพูดแ่เบา ทว่ากลับเป็ผลให้ผู้ฟังชะงักไปในทันที ทั้งร่างกายที่นิ่งเกร็งเป็หุ่นปั้น
“พี่แปลกใจที่เห็นเราที่นี่”
“...”
ดวงตาสีอ่อนเบิกกว้างทั้งยังสั่นไหวระริก รู้สึกคล้ายกับถูกตะบันหน้าเข้าอย่างจัง เมื่อคนที่อยู่ในห้องด้วยกันตอนนี้ พูดประโยคคล้ายกับ้าจะสื่อว่ารู้จักเขาดี
ที่สำคัญ...พวกเขาแทบจะมีอะไรกันแล้วด้วยซ้ำ
“คุณ...”
ตั้งใจจะถามว่าอีกฝ่ายเป็ใคร ทว่าน้ำเสียงที่เอ่ยกลับเปล่งออกมาได้เพียงเท่านั้น ตั้งโอ๋ทอดมองดวงตาสีน้ำทะเลแล้วได้แต่ภาวนากับตัวเองในใจว่าอย่าให้เป็ คนคนนั้น เลย
มือสั่นเทาค่อย ๆ ยื่นออกไปแตะหน้ากากสีดำที่ร่างเบื้องบนสวมอยู่ กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอแล้วตัดสินใจดึงมันออก...พลันหัวใจดวงน้อยร่วงหล่นลงไปถึงตาตุ่ม เมื่อใบหน้าภายใต้หน้ากากเผยประจักษ์แก่สายตา
“คะ คุณเชาส์”
“จะลุกมาคุย...หรือจะแก้ผ้าทำกันต่อสักรอบก่อนดี แล้วค่อยคุยกัน?”
เชาส์ หรือ ชาวิน ยามเห็นอีกฝ่ายทำหน้าคล้ายโลกจะแตกก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจต่อท่าทีดังกล่าวแต่อย่างใด ผิดกับตั้งโอ๋ที่นึกอยากจะเอาหัวโขกพื้นให้สลบไปเสียั้แ่ตอนนี้ เมื่อชายแปลกหน้าที่ว่า กลับกลายเป็คนที่รู้จักกันเป็อย่างดี
คุณเชาส์คือนักแข่งรถซูเปอร์คาร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ ไม่ว่าใครก็ต่างพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง
และที่สำคัญ...อีกฝ่ายเป็ถึงเพื่อนสนิทของคนที่เพิ่งจะหักอกเขามาหมาด ๆ
ตั้งโอ๋ชะงักไป เมื่อนึกย้อนกลับไปก็ไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายเอาแต่ทอดมองกันด้วยสายตาเยาะเย้ย...ไหน ๆ ก็จะประชดตัวเองแล้ว ให้ทุกอย่างมันย่ำแย่ลงกว่าเดิมอีกสักหน่อยก็คงจะไม่เป็อะไรหรอกมั้ง
เขาอยากตอกย้ำตัวเอง อยากดึงตัวเองให้จมดิ่ง...ไม่ได้้าให้ใครมาให้คำปรึกษา หรือให้ความเห็นใจเลยสักนิด
“เรา...เราไม่รู้จักกันครับ”
“คิดให้ดี ถ้าจะทำตัวแบบนี้ใส่พี่”
น้ำเสียงจากร่างเบื้องบนเริ่มสื่อถึงความจริงจัง คล้ายกับเริ่มมีความไม่พอใจเจือปนอยู่ ไร้ซึ่งการล้อเล่นกันแต่อย่างใด ร่างขาวหลุบสายตาลง ปิดบังความรู้สึกแย่กับตัวเองแล้วเม้มปากแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยพูดอีกครั้งอย่างหนักแน่น
“ผะ ผมไม่รู้จักคุณครับ”
คราวนี้ชาวินชะงักไปเล็กน้อยด้วยความฉงน ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีก็แค่นหัวเราะออกมาเสียงเบาทั้งรอยยิ้มร้ายกาจ หยิบหน้ากากขึ้นปิดครึ่งใบหน้าของตั้งโอ๋อีกครั้ง พลางถอดเสื้อเชิ้ตแสนเกะกะทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดี
พร้อมกับร่างของคนทั้งสองที่โถมเข้าหากันอีกครั้ง แสร้งทำเป็ว่าไม่รู้จักกันอย่างที่ปากว่า
“ครับ ผมก็ไม่รู้จักคุณ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้