เมื่อนกถูกตี มันบินหนีไปมาอยู่ในกรง ทว่าจนใจที่ไม่สามารถออกจากกรงได้ กระต่ายเวลาโมโหยังกัดคน สุนัขเวลาโมโหยังลอดกำแพงหนี นกเมื่อมันโมโห หลบไปไหนไม่ได้ มันจึงจิกมือของไซพานอัน ชายหนุ่มเจ็บจนต้องร้องออกมา
“น่าตายนัก กล้าจิกข้าหรือ! เชื่อหรือไม่ว่าข้า…”
ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคก็ได้ยินเสียงเด็กรับใช้ะโเรียกตนดังมาแต่ไกล
“คุณชาย! คุณชายขอรับ!” เพื่อรีบมาตามไซพานอัน เด็กรับใช้วิ่งอย่างรวดเร็วไม่มีหยุดพัก
“มีเื่อะไร! เหตุใดถึงได้ะโเรียกข้าเสียงดังอย่างร้อนใจเช่นนี้ น่ารำคาญจริงเชียว!” ไซพานอันถูกนกจิกมือจนโมโห ยังต้องมาได้ยินเด็กรับใช้เรียกตัวเองเสียงดังอย่างร้อนใจอีก ไฟโทสะที่สุมทรวงจึงยิ่งโหมแรงขึ้น
เมื่อเจอตัวคุณชายแห่งจวนเสนาบดี เด็กรับใช้ก็ไม่สนเื่ใดอีกรีบเอ่ยรายงานว่า “คุณชายขอรับ ซื่อจื่อมาที่จวนขอรับ ตอนนี้นายท่านกำลังต้อนรับอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ซื่อจื่อบอกว่ามาหาท่านขอรับ”
ครั้นได้ยินว่าจ้าวซีเหอมาหาตน ไฟโทสะที่สุมอยู่ในทรวงเมื่อครู่ราวกับถูกน้ำเย็นสาดจนหายไปไม่มีเหลือ ใจเต้นแรงด้วยความประหวั่น แม้ปากจะบอกว่าไม่กลัว แต่ดูจากการกระทำก็จะรู้ว่าเ้าตัวแค่ปากแข็งไปอย่างนั่นเอง
“จ้าว…จ้าวซีเหอมาหาข้าหรือ”
ไซพานอันพูดพร้อมกับนึกย้อนไปถึงหลายวันมานี้ว่าตัวเองทำเื่ใดลงไปบ้าง หลายวันมานี้เขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่ได้ไปล่วงเกินอีกฝ่ายเลย อีกทั้งหลายวันมานี้เขาก็ไม่ได้เจอคุณชายเ้าสำราญอย่างจ้าวซีเหอมานานแล้ว เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายมาหาเขาด้วยเื่ใด
“ไม่ไป ข้าไม่ไป! เขาอยากเจอข้า แต่ข้าไม่อยากเจอเขา!” เมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้ไปล่วงเกินอีกฝ่ายเข้า จิตใจจึงกลับมาสงบอีกครั้ง สำหรับคนที่ตัวเองหวาดกลัว หากไม่เจอได้ก็เลือกที่จะไม่เจอ จะได้ไม่ต้องถูกรังแก
“คือ…” เด็กรับใช้มีสีหน้าลำบากใจ
“คุณชาย แต่นายท่านมีคำสั่งว่าให้ท่านไปพบซื่อจื่อ อีกอย่างแม่นางเทพแม่ครัวก็มาด้วยขอรับ” เด็กรับใช้เอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดี นิสัยคุณชายของจวนตัวเองเป็อย่างไร เขาย่อมรู้ดีที่สุด คนที่ลำบากที่สุดก็คือพวกบ่าวรับใช้อย่างพวกเขานี่แหละ!
เมื่อได้ยินว่าหนิงมู่ฉือมาด้วย ไซพานอันหันขวับกลับไปหาเด็กรับใช้ในทันใด พร้อมกับยื่นมือไปจับไหล่เด็กรับใช้เอาไว้ “เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่เ้าว่ากระไรนะ หนิงมู่ฉือมาด้วยอย่างนั้นหรือ”
ไซพานอันถามย้ำอีกครั้งด้วยกลัวว่าตัวเองจะฟังผิดไป เขารู้มาว่าหนิงมู่ฉือออกจากตำหนักอ๋องเป่ยเยียนไปแล้ว หลายเดือนที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้ยินข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับนาง ไม่คิดเลยว่า นางจะกลับมาแล้ว
ไซพานอันเขย่าไหล่เด็กรับใช้ จนเด็กรับใช้แทบจะมึนศีรษะ เด็กรับใช้ไม่คาดคิดเลยว่าพอคุณชายได้ยินชื่อแม่นางหนิงจะมีท่าทางตื่นเต้นเช่นนี้ สิ่งที่เคยกังวลพลันหายเข้ากลีบเมฆไปทันที
“คุณชาย บ่าวเวียนหัวจะแย่อยู่แล้วขอรับ ท่านอย่าเขย่าอีกเลย ใช่ขอรับ แม่นางหนิงก็มาด้วยกัน ตอนนี้กำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงใหญ่” เด็กรับใช้ได้แต่บ่นอยู่ในใจว่าเหตุใดชีวิตตัวเองถึงได้รันทดเช่นนี้ ต้องมาปรนนิบัติรับใช้เ้านายที่อารมณ์ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
ครั้นไซพานอันแน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้หูฟาดไป รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบวิ่งไปยังห้องโถงใหญ่ เด็กรับใช้มองตามหลังพร้อมกับถอนหายใจออกมา
เมื่อคิดได้ว่ากำลังจะได้เจอหนิงมู่ฉือ ไซพานอันจึงลืมเื่ที่จ้าวซีเหอก็มาด้วยไปเสียสนิท
วิ่งมาถึงหน้าประตูก็หยุด กระแอมลองเสียงสองที่ พร้อมกับปรับลมหายใจให้เป็ปกติ ก่อนจะเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้อง
“ท่านพ่อ ซื่อจื่อ” เมื่ออยู่ต่อหน้าบิดา เขาต้องทำตัวให้อยู่ในกฎระเบียบ โค้งกายคำนับจ้าวซีเหอ แม้ในใจจะไม่ยินยอม แต่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดูดีต่อหน้าหนิงมู่ฉือ
ถึงจะโค้งตัวคำนับ ทว่าสายตาไม่ละไปจากหนิงมู่ฉือแม้แต่น้อย ทั้งยังยิ้มพร้อมกับทักทายหญิงสาวอีกด้วย การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้ เรียกสายตาประหัตปะาจากจ้าวซีเหอในทันที ในใจจ้าวซีเหอรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก ทั้งๆ ที่หนิงมู่ฉือเป็ผู้หญิงของเขา แต่กลับมีบุรุษอื่นคิดถึงนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาไม่หึงก็แปลกแล้ว
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่เขาไม่ยอมรับหรอกว่าเขากำลังหึง
ติดที่จ้าวซีเหออยู่ตรงนี้ด้วย ใต้เท้าไซจึงไม่อาจบอกบุตรชายว่าไม่ต้องมากพิธีได้ ได้แต่ยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ในเมื่อจ้าวซีเหอยังไม่เอ่ยปากบอกให้ลุกขึ้น ใต้เท้าไซจึงได้แต่นึกสงสารบุตรชายอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าตอนไปเที่ยวเล่นข้างนอก บุตรชายของตัวเองไปล่วงเกินจ้าวซีเหอเข้าหรือเปล่า
ไซพานอันโค้งตัวอยู่นานจนเริ่มปวดเอว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจ้าวซีเหอจะบอกให้ลุกขึ้นยืนแต่อย่างใด อยู่ต่อหน้าบิดาเขาจึงไม่กล้าทำตัวไม่อยู่ในกฎระเบียบ จึงได้แต่ต้องอดทนเอาไว้
หนิงมู่ฉือที่ยืนอยู่ด้านข้างทนต่อไปอีกไม่ไหว ที่พวกนางมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อมาขอให้ไซพานอันช่วย แต่ท่าทางของจ้าวซีเหอกลับประหนึ่งมาทวงหนี้ ทันทีที่ได้เจอไซพานอันก็กลั่นแกล้งอีกฝ่ายทันที อีกเดี๋ยวพวกนางต้องพูดขอร้องอีกฝ่าย หากตอนนี้กลั่นแกล้งอีกฝ่าย ทำเช่นนี้ มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
นางจึงแกล้งทำเป็กระแอมออกมาเพื่อเตือนให้จ้าวซีเหอบอกให้ไซพานอันลุกขึ้นยืนได้แล้ว นางไม่รู้หรอกว่าทั้งสองคนมีความแค้นใดต่อกัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรไซพานอันก็ถือว่าเป็สหายของนาง นางไม่อาจทนดูอยู่เฉยๆ ไม่ยุ่งไม่สนได้!
ทันทีที่จ้าวซีเหอได้ยินเสียงกระแอมของหนิงมู่ฉือก็รู้ทันทีว่าหญิงสาว้าจะบอกเื่ใด ในใจเขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย หญิงสาวถึงกับพูดขอร้องเขาแทนชายหนุ่มอีกคน
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะไว้หน้าให้นาง “ไม่ต้องมากพิธี!”
สิ้นประโยคใจของใต้เท้าไซที่กำลังเป็กังวลและเป็ห่วงบุตรชายพลันหายไปทันที
“ซื่อจื่อ ไม่ทราบว่าบุตรชายผู้ไม่รักดีของข้าไปล่วงเกินอะไรท่านหรือไม่ ท่านบอกข้ามาได้เลย ข้าต้องสั่งสอนเขาให้หลาบจำแน่นอน!”
บุตรชายตัวเองนิสัยเช่นไรเขาย่อมรู้ดีที่สุด แม้จ้าวซีเหอจะไม่ใช่สุภาพชนคนดีอะไรมากมาย แต่ติดที่อีกฝ่ายมีฐานะสูงส่ง ประกอบกับความเข้าใจที่เขามีต่อบุตรชาย บุตรชายเขาน่าจะเป็ฝ่ายไปล่วงเกินจ้าวซีเหอเสียแปดส่วน
ปกติจ้าวซีเหอไม่เคยมาที่จวนเสนาบดีของเขา ทว่าวันนี้กลับมา โบราณกล่าวไว้ได้ดีมาก ไม่มีธุระไม่ไปซานเป่าเตี้ยน[1] ดูท่าบุตรชายเขาจะล่วงเกินอีกฝ่ายไว้หนักหนาสาหัส อีกฝ่ายถึงได้มาเอาเื่ถึงจวน คิดถึงตรงนี้ที่หน้าผากใต้เท้าไซพลันมีเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก
“ท่านพ่อ ่นี้ข้าทำตัวดีมากนะขอรับ ท่านก็น่าจะรู้ ข้าไหนเลยจะกล้าล่วงเกินซื่อจื่อได้ ท่านอย่าเอะอะก็โทษแต่ลูกสิขอรับ” ไซพานอันได้ยินที่ใต้เท้าไซพูดก็รู้สึกไม่พอใจยิ่ง เขาไม่ได้ทำเื่ใดผิดเสียหน่อย เหตุใดต้องมาสั่งสอนเขาด้วย
“เ้าลูกไม่รักดี ซื่อจื่อก็อยู่ที่นี่ด้วย เ้ายังกล้าบังอาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ใต้เท้าไซรู้สึกหนักใจกับบุตรไม่เอาถ่านของตัวเองเหลือเกิน ถึงอย่างไรยอมรับผิดไว้ก่อนถือเป็การดี เหตุใดเื่แค่นี้บุตรชายถึงไม่รู้นะ
“ใต้เท้าไซ ความจริงแล้วคุณชายไซไม่ได้ทำสิ่งใดผิดหรอกเ้าค่ะ พวกเราแค่มาหาคุณชายเพื่อระลึกความหลังกัน ข้ากับคุณชายเป็สหายกัน พอข้ากลับมาจึงอยากมาหาสหายเก่าเพื่อระลึกความหลัง ไม่ได้มีธุระใดอื่น”
[1] ไม่มีธุระไม่ไปซานเป่าเตี้ยน อุปมาว่าไม่มีธุระไม่มาหา