คุณหนูใหญ่และสาวใช้คนสนิท เดินเข้ามาหน้าลานกว้างอย่างอารมณ์ดี ไม่ต้องเดาให้ยาก คงคิดจะมาเยาะเย้ยคุณหนูรองเป็แน่
แม้ไม่เต็มใจ แต่เสี่ยวเสวียนก็จำต้องคำนับอีกฝ่าย “คุณหนูใหญ่”
หนีจวิ้นหว่านเพียงปรายตามองเสี่ยวเสวียน “เ้าสิ่งของชั้นต่ำ สักแต่มีบิดามารดาที่ให้กำเนิด แต่ไม่มีปัญญาสั่งสอน” ก่อนผลักนางออก แล้วเดินเข้าไปในเรือน
ส่วนหลิวอวี้ รออยู่ที่นอกประตู
ภายในเรือน หนีเจียเอ๋อร์ที่กำลังคัดลอกตำราอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองหนีจวิ้นหว่านครู่หนึ่ง แล้วก้มลงคัดตำราต่อ พลางพูดเบาๆ “เสี่ยวเสวียนเป็คน หาใช่สิ่งของ พี่หญิงเคยเห็นสิ่งของใดได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้น หนีจวิ้นหว่านก็สะอึกจนพูดไม่ออก ดวงตาวาวโรจน์จับจ้องหนีเจียเอ๋อร์อย่างไม่ลดละ... นางเกลียดน้องสาวผู้นี้ยิ่งนัก!
หนีจวิ้นหว่านผ่อนลมหายใจเพื่อระงับโทสะ จากนั้นจึงเดินเข้าไปหา “น้องหญิง ฝีมือการเขียนอักษรของเ้า พัฒนาขึ้นมากจริงๆ”
หนีเจียเอ๋อร์เม้มปากแน่น ก่อนยกยิ้มเจื่อนๆ “อนิจจา คงเป็เพราะข้าถูกท่านพ่อลงโทษให้คัดตำราอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่แปลกที่ฝีมือจะพัฒนาขึ้น แต่ข้าว่าท่านน่าจะทำได้ดีกว่าเป็แน่”
หนีจวิ้นหว่านคว้าหมึกแท่งมาฝนเล่น “ข้าก็อยากฝึกเขียนบ่อยๆ เช่นกัน แต่ท่านพ่อไม่มอบโอกาสให้เลย”
หนีเจียเอ๋อร์ไม่สนใจคำพูดถากถางเช่นนั้น เพียงวางพู่กันลงบนโต๊ะหิน พลางหันไปมองรอบๆ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “พี่หญิง ข้ารู้ว่าท่านเกลียดชังข้า เพราะเื่ท่านพี่หราน แต่อยากให้รู้เอาไว้ ว่าข้ามิได้ชื่นชอบเขาแล้ว และการถูกลงโทษในครั้งนี้ ก็เป็เพราะข้ายืนกรานที่จะปฏิเสธการแต่งงาน ดังนั้น ข้าจึงอยากให้พี่หญิงรับรู้ ว่าข้าหาได้คิดจะแย่งชิงท่านพี่หรานแต่อย่างใด”
หนีจวิ้นหว่านหรี่ตาลง “ใครจะไปรู้ บางทีเ้าอาจจะกำลังหนีความรู้สึกของตัวเองอยู่ก็เป็ได้”
หนีเจียเอ๋อร์ไหวไหล่ “ที่ข้าพูดล้วนเป็ความจริง ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่”
กล่าวจบ ก็หันไปหยิบพู่กันขึ้นมาคัดตำราต่อ ซึ่งตำราที่นางกำลังคัดลอกอยู่นี้ เป็เื่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา หนีเจียเอ๋อร์จำได้ขึ้นใจ ว่าชาติที่แล้ว สวีเพ่ยหรานโปรดปรานขนมหม่าถีซู[1]ที่ตนทำมาก นางจึงเต็มใจที่จะทำให้เขากินทุกครั้งที่มีโอกาส
พอเห็นว่าน้องสาวเงียบไป หนีจวิ้นหว่านจึงเหยียดยิ้ม “เช่นนั้น เ้าก็คัดลอกตำราต่อเถอะ ข้าขอตัวก่อน”
หนีเจียเอ๋อร์คล้ายเพิ่งจะรู้สึกตัว จึงเอ่ยไล่หลังไปว่า “พี่หญิง หากรักท่านพี่หรานจริงๆ ท่านก็ควรจะศึกษานิสัยของเขาเอาไว้บ้าง เป็ต้นว่าอาหารที่เขาโปรดปราน คือขนมหม่าถีซูที่ใส่งาน้อยๆ เพิ่มถั่วแดงมากๆ”
ได้ยินเช่นนั้น หนีจวิ้นหว่านก็ประหลาดใจเล็กน้อย “น้องหญิง เ้าไม่ชอบท่านพี่หรานจริงๆ หรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์จึงยืนยันว่า “จริงแท้ยิ่งกว่าทองคำเสียอีก”
หนีจวิ้นหว่านค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็การขอบคุณ แล้ววันนั้น นางกับหลิวอวี้ก็ตรงไปยังห้องครัว เพื่อฝึกทำขนมทันที
หลังพยายามอยู่สามวัน ในที่สุดก็ทำสำเร็จ กลิ่นขนมหม่าถีซูลอยเตะจมูกทุกคนในจวน ชวนให้อยากลิ้มลอง หญิงสาวบรรจุขนมลงกล่องไม้อย่างประณีต ก่อนนำไปยังจวนเสนาบดีกรมราชทัณฑ์
ขณะนั้น สวีเพ่ยหรานเพิ่งทำธุระเสร็จและกำลังจะเดินไปกินข้าว จึงพบกับนางเข้าพอดี
เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนเอ่ยถามอย่างเ็า “หว่านเอ๋อร์ เ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย หนีจวิ้นหว่านก็หน้าเสียเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้มสู้ “ท่านพี่หราน ตอนนี้ข้ากำลังฝึกทำขนมหม่าถีซูอยู่ นำไปให้ท่านพ่อท่านแม่ชิมแล้ว พวกท่านเอ่ยชมไม่ขาดปาก ข้าจึงได้แบ่งมาให้ท่านลองชิมดูบ้าง”
จากนั้นก็ส่งกล่องขนมให้หลิวอวี้ถือ พลางเปิดกล่อง หยิบขนมออกมาชิ้นหนึ่ง
สวีเพ่ยหรานมองขนมตรงหน้าด้วยความสับสน
หนีจวิ้นหว่านรู้ได้อย่างไร ว่าเขาโปรดปรานขนมชนิดนี้? หรือว่าหนีเจียเอ๋อร์จะบอกนาง?
สวีเพ่ยหรานยั้งข้อมือบาง แล้วรับขนมมาชิมเอง
หนีจวิ้นหว่านยกยิ้มกว้าง มองท่าทีของชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความคาดหวัง “รสชาติเป็อย่างไรบ้าง? อร่อยหรือไม่เ้าคะ?”
สีหน้าของสวีเพ่ยหรานอ่อนลง “อร่อยมาก”
งาน้อย ถั่วแดงเยอะ ทั้งเสี่ยวเอ๋อร์และเขาชอบรสชาติเช่นนี้ อีกฝ่ายเป็คนบอกให้หนีจวิ้นหว่านรู้อย่างนั้นหรือ?
เขาจึงชี้กล่องขนมตรงหน้า “หว่านเอ๋อร์ เ้าช่วยเอาไปให้เสี่ยวเอ๋อร์ชิมหน่อยได้หรือไม่?”
หนีจวิ้นหว่านเปลี่ยนท่าทีทันใด หากแต่มิได้แสดงความโมโหโกรธา ทว่าฉวยขนมหม่าถีซูจากมือชายหนุ่มมาโยนลงกล่อง แล้ววิ่งออกจากจวนทันที
หลิวอวี้ตะลึงงันไปชั่วครู่ พอตั้งสติได้ ก็โค้งกายคำนับสวีเพ่ยหราน ก่อนรีบวิ่งตามคุณหนูของตน
สวีเพ่ยหรานหยิบผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนออกมาเช็ดมุมปาก พลางมองตามหลังไป
พอพ้นประตูจวนเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ หลิวอวี้ที่กำลังยืนหอบหายใจก็ถามว่า “คุณหนู เกิดอะไรขึ้นหรือเ้าคะ?”
หนีจวิ้นหว่านทุ่มกล่องขนมลงกับพื้นดินอย่างแรง “หนีเจียเอ๋อร์ เ้าจงใจกลั่นแกล้งข้า ข้าจะไม่เชื่อเ้าอีกแล้ว!”
...
อีกด้านหนึ่ง
หนีเจียเอ๋อร์นำตำราที่ตนคัดลอกไปให้นายท่านหนีและเว่ยอี๋เหนียงดู แน่นอนว่านายท่านสกุลหนี ย่อมไม่กล้าตำหนินางต่อหน้าเว่ยอี๋เหนียงมากนัก ในไม่ช้า ก็ปล่อยบุตรสาวเป็อิสระ
จากนั้นไม่นาน โจวชิงหวาก็ปรากฏตัวขึ้น และแอบพาหญิงสาวไปยังทะเลสาบซึ่งอยู่แถบชานเมือง
ผิวน้ำสะท้อนแสงจันทร์ กับหมอกบางๆ ที่ลอยละล่องอยู่เหนือทะเลสาบ ช่างดูงดงามจนไม่อาจละสายตา
“เป็สถานที่ที่สวยงามยิ่งนัก” หนีเจียเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ริมทะเลสาบกล่าว แล้วค่อยๆ หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ “เ้ารู้จักที่นี่ได้อย่างไร?”
“แต่คนตรงหน้าข้างดงามยิ่งกว่า” โจวชิงหวาเดินไปซ้อนหลังอีกฝ่าย ก่อนค่อยๆ ยกมือขึ้นปิดตานาง “หลับตาลง”
“แอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ อีกแล้ว” หนีเจียเอ๋อร์เอ่ยอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมหลับตาลงแต่โดยดี
ตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นจากอีกฟากของทะเลสาบ
บนท้องฟ้า มีประกายไฟพร่างพรายราวกับดอกไม้หลากสี
พอได้ยินเสียงปะทุ หนีเจียเอ๋อร์จึงลืมตาขึ้นด้วยความใ ใบหน้าอันงุนงง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็รอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นภาพตรงหน้า “โจวชิงหวา เ้าจะเก่งเกินไปแล้ว แม้แต่พลุก็ยังสรรหามาได้”
โจวชิงหวาที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เงยหน้ามองดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าอย่างประหม่า พลางลอบกลืนน้ำลายด้วยความตื่นเต้น ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวเอ๋อร์ ข้าชอบเ้า ชอบมานานแล้ว ชอบั้แ่เด็ก...”
หนีเจียเอ๋อร์หันขวับกลับมา พร้อมคิ้วที่ขมวดแน่น “เมื่อครู่ เ้าพูดกับข้าหรือ?”
เสียงพลุและแสงหลากสีสิ้นสุดลง...
ท่ามกลางความมืดมิดและเงียบเชียบ มีเพียงเสียงปลาะโขึ้นมาเหนือน้ำ ช่วยทำลายบรรยากาศอันเงียบงัน
พอเห็นว่าชายหนุ่มมิได้พูดอันใด หนีเจียเอ๋อร์จึงเข้าใจไปว่าเมื่อครู่ ตนอาจจะหูแว่วไปเอง นางหันไปมองรอบๆ ก่อนวิ่งไปยังทะเลสาบที่อยู่ตรงหน้า
ชายกระโปรงยาวที่หญิงสาวถกขึ้นมาเล็กน้อย พลิ้วไหวไปตามลม “น่าเสียดายที่ตอนนี้มืดแล้ว มิฉะนั้น เราคงจะจับปลาตัวใหญ่กลับไปได้สักสองสามตัว”
เมื่อมองท่าทีตื่นเต้นราวกับเด็กน้อยของอีกฝ่าย โจวชิงหวาก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ อุตส่าห์ตั้งใจจะใช้พลุสร้างบรรยากาศเพื่อสารภาพรัก ทว่า กลับกลายเป็อุปสรรคไปเสียนี่...
-----------------------------------
[1] ขนมหม่าถีซู (马蹄酥) ขนมอบชนิดหนึ่ง คล้ายขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงโรยงา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้