หากเปลี่ยนเป็ยามปกติให้พวกเขาล่วงเกินจอมอันธพาล พวกเขาย่อมไม่กล้าเด็ดขาด แต่ตอนนี้ทุกคนต่างร่วมมือกัน โจวทงคิดจะแก้แค้นก็ไม่อาจแก้แค้นทุกคนได้ ดังนั้นทุกคนจึงไม่เกรงกลัว!
“เ้า...พวกเ้า...” โจวทงโมโหแทบคลั่ง ตอนนี้เขายังถูกผู้อื่นเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า พวกเขาแต่ละคนถึงกับลืมตาพูดปด ปกป้องนาง ช่างเป็การกลับดำเป็ขาว ไร้เหตุผลสิ้นดี!
“พี่ชาย ท่านต้องคืนความเป็ธรรมให้กับข้านะ!” โจวทงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลด้วยความเ็ป
ฉินมู่ชวนมุมปากกระตุกอย่างแรง สีหน้าดำทะมึนถึงขีดสุด เื่ที่เห็นชัดเจนเช่นนี้นางกลับพูดให้กลายเป็อีกเื่หนึ่งอย่างไหลลื่น ช่างเป็สตรีใจคอโเี้คนหนึ่ง!
“หากเ้าไม่ได้ทะเลาะวิวาทจริงๆ เช่นนั้นขอถามเ้าว่านี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่?” มือเขาใช้กระบี่ในมือกดลง ชี้ไปยังเท้าข้างหนึ่งของเฟิ่งเฉี่ยนที่กำลังเหยียบอยู่บนแผ่นหลังของโจวทง น้ำเสียงนั้นเ็า “เ้าอย่าได้บอกกับข้าว่า เ้าคิดจะบริหารเท้าจึงยกเท้าขึ้น โจวทงเผอิญวิ่งเข้ามาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเ้า?”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ลนลาน นางค่อยๆ ยกเท้าขึ้นแล้วหัวเราะ “ไม่เสียแรงที่เป็ศิษย์พี่ฉิน แค่ทายก็ถูก หากมิใช่ศิษย์ฉินท้วงติงข้ายังไม่รู้เลยว่า ที่แท้ใต้ฝ่าเท้าของข้าได้เหยียบคนๆ หนึ่งเอาไว้! ข้าก็ว่าอยู่ เหตุใดจึงได้นุ่มเช่นนี้ สบายเหลือเกิน ข้าแทบไม่อยากเอาเท้าขึ้นด้วยซ้ำ ที่แท้เป็เพราะเหยียบถูกคนโดยไม่ทันระวัง...”
นางโน้มกายลงไปยิ้มตายิบหยีกับโจวทงแล้วกล่าวว่า “คุณชายโจว ขอโทษด้วยนะ คงไม่ได้เหยียบจนเ้าเจ็บกระมัง แต่เ้าก็เหมือนกัน ตรงไหนไม่ไปนอนหมอบ เหตุใดต้องมาหมอบอยู่ใต้ฝ่าเท้าข้าด้วยเล่า ดูสิ ทำให้เกิดเื่เข้าใจผิดที่ไม่ควรเลย!”
คนทั้งหมดหัวเราะงอหงาย
นี่มันคือความสามารถในการลืมตาพูดปดชัดๆ พวกเขาเลื่อมใสนางจริงๆ!
ถังเจิ้นอวี่สองพี่น้องกลั้นหัวเราะจนหน้าตาแดงก่ำ มิเสียแรงที่เป็บุคคลในดวงใจของพวกเขา ทักษะในการลืมตาพูดปดนั้นเยี่ยมยอด พวกเขายังอยู่ห่างชั้นอีกไกล
โจวทงล้มลุกคลุกคลานก่อนจะลุกขึ้นมายืนถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยน “เ้ามันสตรีน่ารังเกียจ กล้าลบหลู่ดูิ่ข้าต่อหน้าธารกำนัล ข้าจะฆ่าเ้า!”
เขาดึงกระบี่ออกมาคิดจะแทงใส่เฟิ่งเฉี่ยน ถังเจิ้นอวี่ตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการดึงกระบี่ออกมาเช่นกัน เสียง “เคร้งงง” ดังขึ้น กระบี่สองเล่มปะทะกัน กระบี่ของถังเจิ้นอวี่ต้านรับกระบี่ของโจวทง!
เฟิ่งเฉี่ยนมิได้หลบหลีกแม้สักกระผีก นางสุขุมแน่วนิ่งแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อ้อ เวลานี้จึงจะเรียกว่าทะเลาะวิวาท! ศิษย์พี่ฉิน ให้น้องชายดึงกระบี่ออกมาต่อหน้าทุกคนในตอนนี้ บอกว่าจะสังหารข้า ท่านในฐานะศิษย์ของท่านผู้าุโฝ่ายอาญา ควรจะลงโทษเขาสถานหนักโดยไม่เห็นแก่ความเป็ญาติพี่น้องใช่หรือไม่?”
สายตาของฉินมู่ชวนคมปลาบราวกับคมดาบ เขาจ้องเฟิ่งเฉี่ยนเขม็ง เฟิ่งเฉี่ยนประสานสายตากลับไปด้วยความสุขุม ทว่าบุคลิกท่าทีกลับอยู่เหนือฉินมู่ชวน เปี่ยมไปด้วยความสูงศักดิ์และเ็าที่ติดตัวมาแต่กำเนิด คนทั้งหมดมองจนตาค้าง แต่ละคนล้วนคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าสตรีนางนี้มีความเป็มาอย่างไรกันแน่
ทั้งสองฝ่ายต่างมองประสานสายตา
พลันมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นทำลายบรรยากาศในตอนนี้ “เกิดเื่อะไรขึ้น แต่ละคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ทำอันใด?”
คนทั้งหมดมองไปเห็นเพียงคนที่มาถึงสวมอาภรณ์แขนยาวสีฟ้าอ่อน บนหน้าอกปักรูปเหมยแดงดอกหนึ่ง ชัดเจนยิ่งว่าเป็อาจารย์ขั้นสี่ เขามีอายุราวๆ สี่สิบปี รูปร่างไม่ผอมไม่อ้วน หน้าตาไม่โดดเด่นอันใด ทว่าดวงตาทั้งคู่กลับเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
ฉินมู่ชวนและศิษย์คนอื่นๆ พากันหันไปคารวะเขา ฉินมู่ชวนตอบว่า “อาจารย์จ้าว พวกเรากำลังลาดตระเวนสนามสอบ พบว่าที่นี่มีคนทะเลาะวิวาท ดังนั้นจึงมาห้ามขอรับ”
“ทะเลาะวิวาท? วันนี้เป็วันสอบเข้าของศิษย์ใหม่ ข้าอยากรู้นักว่า เป็ใครกันที่กล้าหาญเช่นนี้ กล้ามาทะเลาะวิวาทที่นี่”
จ้าวจื้อฉีหันไปมองคนสองคนที่ดึงกระบี่ออกมา สายตาของเขาตกลงบนร่างของโจวทงที่เปี่ยมไปด้วยโทสะก่อน เขาจำได้ว่านี่คือน้องชายของฉินมู่ชวน เขาขมวดคิ้ว รู้ว่านี่เป็คนที่ไม่ควรมีเื่ด้วย มองข้ามเขาไปที่คนนอกอีกคนหนึ่ง สายตาของเขาหยุดชะงักไปราวๆ สามวินาที เขากะพริบตาปริบๆ สีหน้าเปลี่ยนทันที รอยยิ้มยินดีปรากฏบนใบหน้า พร้อมทั้งก้าวเข้ามาหาด้วยความกระตือรือร้น “นี่มิใช่คุณชายสามแห่งสกุลถังหรือ? ท่านมาถึงั้แ่เมื่อใดกัน เหตุใดไม่ให้คนเข้าไปรายงานสักคำ”
คนทั้งหมดงงงัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ต่อมาได้ยินเสียงของจ้าวจื้อฉีดังขึ้นอีกว่า “คุณชายถัง ท่านมาเข้าแถวที่นี่หรือ? ท่านเป็ถึงคุณชายสามแห่งสกุลถัง สกุลถังเป็ผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ที่สุดของสำนักศึกษาเทียนหงของพวกเรา จะให้ท่านเข้าแถวได้อย่างไร?”
คนทั้งหมดกระจ่างแจ้งทันที
“ที่แท้เป็คนของสกุลถังแห่งเมืองเทียนเซียง”
“ได้ยินว่าทุกปีสกุลถังจะบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้กับสำนักศึกษาเทียนหง เป็ผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ที่สุดของสำนักศึกษาเทียนหง”
“มิน่าเล่า...”
สีหน้าของฉินมู่ชวนเคร่งลงอีก ย่ำแย่ถึงขีดสุด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายถึงกับเป็คนของสกุลถัง ต้องรู้ก่อนว่าแม้สกุลฉินและสกุลถังต่างเป็หนึ่งในสี่ของสกุลมั่งคั่งระดับแนวหน้าของแคว้นเป่ยเยียน แต่หากว่ากันด้วยเื่ทรัพย์สินแล้ว สกุลฉินยังตามหลังสกุลถังอีกไกล ในยามปกติหากสกุลฉินพบคนของสกุลถังยังต้องรั้งให้สามส่วน...
เขารู้จักคุณชายใหญ่คุณชายรองของสกุลถัง มีเพียงคุณชายสามที่เขาไม่รู้จัก คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาพบกันในครั้งนี้และยังในลักษณาการเช่นนี้ เขาหงุดหงิดและไม่ยินยอมอย่างที่สุด
“ที่แท้เป็คุณชายสามแห่งสกุลถัง ล้วนเป็คนกันเองทั้งสิ้น คนกันเองไม่รู้จักคนกันเอง เมื่อสักครู่หากล่วงเกิน ข้าผู้แซ่ฉินขอขมาคุณชายแทนน้องชายด้วย” แม้ในใจฉินมู่ชวนจะไม่ยินยอมปานใด แต่สีหน้าที่แสดงออกยังคงไม่อาจไม่ถอยให้
ทันทีที่โจวทงได้ยินว่าเป็คนของสกุลถัง ไฟโทสะในใจดับมอดลงทันใด คนทั้งคนกลายเป็ว่าง่ายรีบเก็บกระบี่แล้วหันไปยิ้มเรี่ยราดให้ถังไน่ไน่ “ที่แท้เป็คุณหนูถัง ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ เมื่อสักครู่เสียมารยาทแล้ว”
ถังไน่ไน่ถลึงตาใส่เขาเมื่อเห็นเขามีสีหน้าท่าทีเป็คนต่ำช้า นางแค่นเสียงฮึแล้วหันหน้าไปทางอื่นไม่แยแสเขาอีก
ถังเจิ้นอวี่เก็บกระบี่สีหน้าเยียบเย็น “วันนี้พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อร่วมเข้าสอบของสำนักศึกษาเทียนหง มิได้มาก่อเื่ แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้อาศัยชาติกำเนิดครอบครัวมาแสดงอำนาจที่นี่ ไม่ได้้าสิทธิพิเศษใดๆ เช่นนี้ไม่ยุติธรรมต่อคนอื่นๆ!”
คำพูดของเขาได้รับความรู้สึกประทับใจจากคนรอบข้าง
“เท่จริงๆ!”
“ไม่เพียงมีหน้าตาหล่อเหลา ทั้งยังไม่ใช้อภิสิทธิ์ใดๆ เหตุใดเขาจึงสมบูรณ์แบบเช่นนี้นะ”
“ที่สำคัญคือยังมีเงินมากมายเช่นนั้น...”
สายตาที่มองมาอย่างลุ่มหลงคลั่งไคล้มาจากทั่วทุกทิศ
จ้าวจื้อฉีตะลึงงันไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “เช่นนั้นความหมายของคุณชายถังคือ...?”
“พวกเราจะเข้าแถวอยู่ที่นี่ต่อไป ทว่า...” ถังเจิ้นอวี้ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นชี้ไปที่โจวทง แล้วพูดว่า “เขาและสหายของเขา จะต้องไปเข้าแถวด้านหลังโน่น!”
โจวทงมุมปากกระตุก หันไปมองท้ายแถว เปลือกตาของเขากระตุกถี่ๆ หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะเมื่อสักครู่ ท้ายแถวอยู่ด้านนอกประตู หากเขาต้องเข้าแถว ก็ต้องไปเข้าแถวด้านนอกประตู หากเข้าแถวเช่นนี้ผีเท่านั้นที่จะรู้ว่าก่อนฟ้ามืดพวกเขาจะได้เข้าสอบหรือไม่?
ในใจของเขากำลังหลั่งเื
จ้าวจื้อฉียังคิดว่ากรณีพิเศษอะไร ที่แท้ก็แค่ไม่พอใจที่มีคนแทรกแถว นี่มิใช่เื่ที่จัดการง่ายดายหรือ?
เขารีบทำหน้าเคร่งแล้วหันไปพูดกับโจวทงและพวก “วันนี้เป็วันสำคัญเช่นนี้ เหตุใดจึงปล่อยให้พวกเ้าทำลายกฎระเบียบของสำนักศึกษาได้ พวกเ้าไปเข้าแถวด้านหลังเดี๋ยวนี้ หากข้าพบเห็นว่าพวกเ้าแทรกแถวและก่อเื่อีกครั้ง ข้าจะถอนสิทธิ์ในการเข้าร่วมของพวกเ้า ได้ยินหรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้