ผู้เฒ่าอวิ๋นมองอวิ๋นโส่วจง สีหน้าหม่นหมองลง “เ้ารอง... เ้ากำลังโทษข้าหรือ?”
อวิ๋นโส่วจงไม่เอ่ยตอบ
“จะให้ทำยังไงได้ ปีนั้นเกิดภัยอดอยาก ผู้คนล้มตายเป็เบือ เงินที่ได้จากการขายนางก็เอาไว้เลี้ยงดูคนตระกูลอวิ๋นอย่างพวกเ้า จะตำหนิหรือ เขามีสิทธิ์อะไรจะมาตำหนิเล่า?”
อวิ๋นโส่วจงแค่นเสียงเ็า “ปีนั้นเกิดภัยอดอยาก ผู้คนล้มตายมากก็จริง แต่ตอนนั้นตระกูลอวิ๋นยังมีเสบียงอาหารอยู่ บวกกับข้าวที่ข้าส่งมาให้อีก อย่างน้อยก็ประทังชีวิตไปได้จนกว่าทางราชสำนักจะส่งเสบียงมาช่วยเหลือในอีกสองเดือนให้หลัง!”
ได้ยินดังนั้น เถาซื่อโวยวายขึ้นทันที “ใครจะไปรู้ว่าทางราชสำนักจะส่งเสบียงมาช่วยเหลือ? ยายเฒ่าเช่นข้าต้องทำงานหนักเลี้ยงดูคนทั้งบ้าน กลัวว่าทุกคนจะอดตาย ส่วนเ้ากลับมาไม่คิดจะกตัญญูต่อพ่อแม่ คิดแต่จะจับผิดพ่อแม่ ยิ่งไปกว่านั้นยายเฒ่าเช่นข้าขายฮวาเอ๋อร์แล้วจะทำไม? ต่อให้เป็พวกเ้าพี่น้อง ยายเฒ่าเช่นข้าอยากจะขายก็ขายได้ทั้งนั้น! เป็หลักถูกต้องชอบธรรม! อีกอย่างนะ เ้ารอง ยายเฒ่าอย่างข้าขอพูดตรงนี้เลย รีบมอบเงินของพวกเ้าออกมาให้ส่วนกลางซะ! พวกเ้าเป็คนตระกูลอวิ๋น ข้าวของที่พวกเ้านำกลับมาก็เป็ของตระกูลอวิ๋นทั้งสิ้น!”
เมื่อเห็นหน้าอกของบิดากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง อ้อมแขนที่กอดนางก็แน่นขึ้น อวิ๋นเจียวจึงแสร้งทำเป็เอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านย่า พวกเราเป็คนตระกูลอวิ๋น ไม่ว่าอะไรก็เป็ของตระกูลอวิ๋นทั้งหมดเลยหรือเ้าคะ?”
เถาซื่อเหลือบมองอวิ๋นเจียวอย่างเ็า “แน่นอนอยู่แล้ว! คนโตอย่างพ่อเ้า ยังไม่รู้ความเท่าเด็กน้อยเช่นเ้าเลย!”
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ที่นั่งข้างๆ เถาซื่อรีบพูดแทรกด้วยดวงตาเป็ประกาย “รีบเอาปิ่นปักผมรูปผีเสื้อของเ้ามาให้ข้า จริงสิ แล้วก็ปิ่นดอกไม้บนหัวของเ้าด้วย!”
เถาซื่อโบกมือ “รีบไปเอาหีบเครื่องประดับของเ้ามาให้อาของเ้าเร็วเข้า!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นหน้าแดงก่ำ เคาะกล้องยาสูบกับโต๊ะเสียงดัง “ยายแก่! มันจะมากเกินไปแล้ว! ผู้ใหญ่แย่งชิงของของเด็กแบบนี้ไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรือ? เอาไปสักชิ้นสองชิ้นก็พอแล้ว ยังจะเอาทั้งหมดอีก!”
ได้ยินดังนั้น อวิ๋นเจียวก็ได้แต่กลอกตาไปมาในใจ จะเอาไปสักชิ้นสองชิ้นงั้นหรือ? มีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ? พวกเ้าคิดว่าใหญ่มากนักหรือไง?
เถาซื่อโกรธขึ้นมาทันที “ทำไมจะเอาไม่ได้? พวกเขาเป็คนตระกูลอวิ๋น ของของนางก็เป็ของตระกูลอวิ๋น อย่าว่าแต่จะเอาหีบเครื่องประดับเลย ต่อให้ยายเฒ่าเช่นข้าขายนางทิ้ง ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น!”
อวิ๋นฉี่ซานได้ยินเถาซื่อพูดว่าจะขายอวิ๋นเจียว ดวงตาก็มีประกายไฟลุกโชนด้วยความโกรธ “ท่านกล้าหรือ!”
เถาซื่อ “หึ! ขายเ้าไปด้วยเลย!”
อวิ๋นเจียวแสร้งทำเป็ใ “ท่านย่า ท่านอย่าขายข้าเลยเ้าค่ะ ในเมื่อท่านย่าบอกว่าพวกเราเป็คนตระกูลอวิ๋น งั้นข้ายกหีบเครื่องประดับให้ท่านอาก็ได้เ้าค่ะ เพียงแต่ ถ้าเกิดว่า... ตอนที่พวกเรากลับมา รถม้าดันไปชนคนเข้าหลายคน พวกเขาเรียกร้องค่าชดเชย แต่ท่านพ่อข้าไม่มีเงินติดตัวพอดี จึงบอกพวกเขาว่าวันนี้ให้มาหาพวกเราที่บ้านตระกูลอวิ๋น ท่านย่าบอกว่าพวกเราเป็คนตระกูลอวิ๋น เช่นนั้นเื่นี้ตระกูลอวิ๋นก็ต้องรับผิดชอบไม่ใช่หรือเ้าคะ?”
อวิ๋นฉี่ซานประหลาดใจ ไม่มีเื่แบบนี้เกิดขึ้นสักหน่อย! “น้องสาว...”
อวิ๋นฉี่เยว่จ้องน้องชายอย่างตำหนิ เอ่ยตัดบทเขา “อีกฝ่ายเรียกร้องค่าเสียหายหนึ่งร้อยตำลึงเงิน พวกเราไม่มี ท่านพ่อจึงให้พวกเขามาที่บ้านตระกูลอวิ๋นวันนี้ และตกลงกันว่าจะชดใช้ด้วยรถม้าสองคัน ตอนนี้รถม้าไม่มีแล้ว ขอให้ท่านปู่ท่านย่าเตรียมเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินด้วยขอรับ มิฉะนั้นหากพวกเขามาที่นี่แล้วตระกูลอวิ๋นไม่มีเงินจ่าย คงไม่งามแน่!”
เถาซื่อะโลุกขึ้น “อะไรนะ? ให้พวกเราจ่าย ฝันไปเถอะ! พวกเ้าเป็คนชนเอง ก็ต้องหาวิธีรับผิดชอบเองสิ!” หนึ่งร้อยตำลึงเงิน เท่ากับฆ่านางให้ตายทั้งเป็! นางยังไม่ได้รีดไถเงินจากพวกเขาเลย กลับต้องเสียเงินก่อน ไม่มีทางซะหรอก!
อวิ๋นโส่วจงมองผู้เฒ่าอวิ๋นด้วยสายตาเ็า สายตาที่ห่างเหินของเขาทำให้ผู้เฒ่าอวิ๋นรู้สึกอึดอัดใจ “ท่านพ่อ ตกลงว่าข้าเป็คนตระกูลอวิ๋นจริงหรือไม่? ตอนจะเอาทรัพย์สินของข้า ก็เป็คนตระกูลอวิ๋น พอต้องรับผิดชอบหนี้สินของข้า กลับมิใช่คนตระกูลอวิ๋นแล้วหรือ?”
“เ้ารอง...”
“วางใจเถอะ หนี้สินไม่ต้องให้พวกท่านรับผิดชอบ แต่ของของข้า พวกท่านก็อย่าคิดจะแตะต้อง ตอนนี้ข้าต้องไปทำธุระ พอกลับมาต้องเห็นรถม้าสองคันอยู่ในสภาพดี มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ญาติพี่น้องแล้วไปแจ้งความ! ท่านพ่อ ท่านคิดให้ดีๆ การลักขโมยวัวหรือม้าในราชวงศ์นี้เป็ความผิดร้ายแรง!”
“เ้ากล้าหรือ! อีกอย่าง คนในครอบครัวเดียวกัน ยืมของกันจะเป็การลักขโมยได้อย่างไร?” เถาซื่อไม่คิดว่าอวิ๋นโส่วจงจะกล้าพูดเื่แจ้งความ นางโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง
อวิ๋นโส่วจงมองนางด้วยสายตาเ็า “เหตุใดข้าจะไม่กล้า? อีกอย่าง ท่านอย่าลืม นับั้แ่ข้าออกจากบ้านไปตอนอายุสิบสาม ข้าก็มิใช่คนตระกูลอวิ๋นแล้ว! ในบันทึกผังตระกูลก็ไม่มีชื่อข้า!”
“เ้าลูกอกตัญญู! ยายเฒ่าเช่นข้าจะไปบอกผู้ใหญ่บ้าน ไล่เ้าลูกอกตัญญูเช่นนี้ออกไปจากหมู่บ้านไหวซู่!"
อวิ๋นเจียวเหลือบมองเถาซื่อที่โกรธจนตัวสั่น ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้กับอวิ๋นโส่วจง แล้วเอ่ยถาม “ท่านพ่อ ท่านอาเล็กกำลังสอบเป็บัณฑิตอยู่หรือเ้าคะ? หากเขาแอบใช้ของของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางการจะให้เขาสอบหรือไม่เ้าคะ?”
อวิ๋นโส่วจงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก อวิ๋นฉี่เยว่ก็ยิ้มบางๆ แล้วพูดแทรก “การหยิบฉวยสิ่งของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็การลักขโมย การอ่านตำราของนักปราชญ์ ย่อมต้องให้ความสำคัญกับมารยาท ความชอบธรรม ความซื่อสัตย์ และความละอายใจเมื่อทำผิดหากมีมลทินเื่การลักขโมย อย่าว่าแต่การสอบเลย แม้แต่สำนักศึกษาก็ไม่กล้ารับคนพรรค์นี้เข้าเรียน!”
พี่ชายน้องสาวหนึ่งร้องหนึ่งรับ ส่วนอวิ๋นฉี่ซานก็ยังเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ แม้เถาซื่อจะไม่เข้าใจในสิ่งที่อวิ๋นฉี่เยว่พูด แต่คำพูดของอวิ๋นเจียวกับอวิ๋นโส่วจงนางเข้าใจดี ความหมายก็คือ ตอนนี้อวิ๋นโส่วจงไม่ใช่คนตระกูลอวิ๋นแล้ว หากพวกเขาไปแจ้งความจริงๆ ลูกชายคนเล็กของนางก็จะไม่ได้สอบเป็บัณฑิตซิ่วไฉ [1] แล้ว!
หากไม่อาจสอบบัณฑิตซิ่วไฉได้ ผลลัพธ์เช่นนี้เถาซื่อไม่มีทางยอมรับได้โดยเด็ดขาด! ตอนนี้นางรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างกายโงนเงนแทบจะยืนไม่อยู่
“ท่านแม่!” อวิ๋นเหมยเอ๋อร์รีบเข้าไปประคองนาง พลางชี้หน้าอวิ๋นโส่วจงด้วยความโกรธ “พี่รอง! ท่านคิดอะไรอยู่? กลับมาทั้งที ยังจะทำให้ท่านแม่โมโหตายหรือยังไง? ก็แค่รถม้าสองคันมิใช่หรือ? พวกท่านใจร้ายกันจริงๆ ข้าจะไปถามท่านลุงผู้ใหญ่บ้านเอง ว่าคนอย่างท่านที่ไม่เห็นญาติพี่น้องอยู่ในสายตา อกตัญญูต่อบุพการีเช่นนี้ หมู่บ้านไหวซู่จะกล้าเก็บคนพรรค์นี้ไว้หรือไม่!”
อวิ๋นฉี่เยว่ประสานมือคำนับอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ ดวงตาฉายแววเ็า “เช่นนั้นก็รบกวนท่านอาหญิง พวกข้าจะไปแจ้งความเดี๋ยวนี้! จะอยู่หรือไม่อยู่ที่หมู่บ้านไหวซู่ก็ไม่เห็นจะเป็ไร ใต้หล้านี้กว้างใหญ่ไพศาล จะไม่มีที่ให้ครอบครัวพวกข้าอยู่เชียวหรือ! น่าขันสิ้นดี!”
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ถูกอวิ๋นฉี่เยว่พูดสวนกลับจนหน้าแดงก่ำ ส่วนเถาซื่อก็ตัวสั่นเทา
ผู้เฒ่าอวิ๋นมองอวิ๋นโส่วจงด้วยความผิดหวัง “เ้ารอง ตอนแรกที่เ้ากลับมา พ่อดีใจมาก แต่ตอนนี้... ไยเ้าถึงกลายเป็แบบนี้ไปได้?”
อวิ๋นโส่วจง “ท่านพ่อ ข้ากลายเป็แบบไหนหรือขอรับ? ท่านจะให้ข้ายืนดูท่านแม่ขายลูกชายลูกสาวข้า หรือยืนดูท่านแม่แย่งชิงของของลูกสาวข้า หรือว่าท่านพ่อจะช่วยข้าจ่ายหนี้หนึ่งร้อยตำลึงนั่น?”
ผู้เฒ่าอวิ๋นก้มหน้าลง โบกมือไปมา “เอาเถอะๆ เ้าก็โตเป็ผู้ใหญ่ ปีกกล้าขาแข็งแล้ว ในใจไม่มีตระกูลอวิ๋นอีกต่อไป... รถม้าน่ะ ข้าจะให้เ้าสามไปตามเ้าสี่ บอกให้เขานำรถม้ามาคืนพวกเ้า”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องไปแจ้งความถึงศาลาว่าการ”
“พวกเ้าไสหัวออกไปจากบ้านของข้าซะ อีกอย่างนะ พวกเ้าพักที่นี่หนึ่งคืนแล้ว จ่ายค่าที่พักมา!” เถาซื่อจ้องมองอวิ๋นโส่วจงอย่างเคียดแค้นพร้อมตวาดลั่น
อวิ๋นโส่วจงหยิบเงินสองตำลึงจากอกเสื้อออกมายื่นให้อวิ๋นฉี่ซานนำไปส่งต่อให้ผู้เฒ่าอวิ๋น แล้วพูดว่า “อย่างไรเสีย ข้าก็เป็ลูกของท่าน ไม่มีเหตุผลที่กลับบ้านเกิดทั้งทีแล้วจะไม่กตัญญูต่อท่าน ต่อไปนี้ทุกๆ ต้นปีข้าจะมอบเงินเลี้ยงดูท่านสิบตำลึง”
ผู้เฒ่าอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จ้องมองบุตรชายตรงหน้านิ่งงัน นับั้แ่ที่ไม่ได้เจอกันนานถึงยี่สิบปี เขายิ่งมองบุตรชายคนนี้ไม่ออกมากขึ้นทุกที! นี่... ยังเป็ลูกชายของเขาอยู่หรือ? ผู้เฒ่าอวิ๋นรู้สึกว่าในใจช่างว่างเปล่าเหลือเกิน
เชิงอรรถ
[1] ซิ่วไฉ 秀才 คือ ตำแหน่งบัณฑิตที่สอบผ่านระดับท้องถิ่นของการสอบคัดเลือกขุนนาง และมีสิทธิ์เข้าสอบในระดับที่สูงขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้