อะไรก็ตามที่ข้องเกี่ยวกับยุคดึกดำบรรพ์ล้วนมิใช่เื่ธรรมดา นับประสาอะไรกับซากโบราณใหญ่ั์เฉกเช่นนี้ นี่เป็สิ่งแปลกประหลาดยิ่งยวดของประวัติศาสตร์ทวีปเฉียนหยวน
ตอนนั้นขุนเขากระบี่เทียนหยวนเพียงค้นพบหลุมศพเล็กๆ หลุมหนึ่งจากยุคดึกดำบรรพ์ แค่นั้นก็ทำให้มีคนมากมายหลั่งไหลมาดหมายมาแก่งแย่ง่ชิง ถ้ามิใช่เพราะขุนเขากระบี่เทียนหยวนเป็ขุมพลังอันทรงอำนาจ เกรงว่าคงแพ้พ่ายในาไปนานแล้ว
แม้ว่าขุนเขากระบี่เทียนหยวนจะเสียหายใหญ่หลวงจากา แต่ก็ได้รับวรยุทธ์หนึ่งจากยุคดึกดำบรรพ์มา จอมยุทธ์ในสำนักล้วนใช้เคล็ดกระบี่ของยุคสมัยดึกดำบรรพ์เป็ต้นแบบ พัฒนาแตกออกเป็เคล็ดกระบี่หลายแขนง เพราะเหตุนั้นขุนเขากระบี่เทียนหยวนจึงมีเคล็ดกระบี่มากมายกว่าร้อยแปดวิชา
“จะเข้าไปในซากโบราณดึกดำบรรพ์ดีหรือไม่?” ซั่งกวานจือหนิงสูดลมหายใจเข้าลึก
“มาถึงขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าต้องเข้าไปสิ!” จูชิงยิ้ม
“ใช่แล้ว ซากโบราณดึกดำบรรพ์คุ้มค่าที่จักลองเสี่ยง” เย่หยางพูดด้วยความตื่นเต้น
เย่หยางเป็แค่ชนชั้นรากหญ้า เป็ผู้ที่อยู่จุดต่ำสุดของพีระมิดทองคำ นี่เป็โอกาสดีที่จะได้เปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง เขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปง่ายๆ
อีกทั้งเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถึงจะทำไม่สำเร็จก็ไม่เป็ไร แต่ถ้าทำสำเร็จสิ่งที่ได้รับนั้นย่อมล้ำค่าเกินพรรณนา
“เอาสิ!” จินขวางเช็ดกระบี่ทลายทอง
“ครืนนน!”
“ครืนนน!”
สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์นับสิบคำราม บ้างก็พ่นอัสนีบาต บ้างก็กระพือปีกอัคคี บ้างก็ใช้เขาพุ่งเข้าชนกำแพงซากโบราณดึกดำบรรพ์อย่างบ้าคลั่ง
ถึงกำแพงจะดูอ่อนแอ หากแต่การโจมตีเ่าั้กลับมิทำให้กำแพงสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย มิว่าพวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์จักแข็งแกร่งแค่ไหน หากเมื่ออยู่เบื้องหน้ากำแพงโบราณกลับมิต่างอันใดกับมดปลวก
พอเห็นภาพนั้น สำนวนหนึ่งพลันผุดขึ้นในหัวของจูชิง ‘มดงานมิอาจโค่นต้นไม้ใหญ่’ สิ่งที่พวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์กำลังทำไม่ต่างอะไรกับมดงาน มดงานก็คือมดงาน ไม่ว่าพวกมันจะมีจำนวนมากแค่ไหนก็ไม่มีทางทำลายซากโบราณดึกดำบรรพ์ที่เป็เหมือนกับต้นไม้สูงค้ำฟ้าลงได้
“สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ยังทำลายซากโบราณไม่ได้ แล้วพวกเราจักทำได้รึ?” ซั่งกวานจือหนิงถามอย่างอดไม่ได้
สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์แข็งแกร่งกว่าพวกเขาหลายเท่า ทว่าพวกมันกลับทำลายกำแพงเพียงกำแพงเดียวที่ขวางกั้นเส้นทางไม่ได้ แล้วพวกเขาที่ถูกยับยั้งอยู่เพียงขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณจักทำอะไรได้?
“บางเื่ใช่ว่าต้องใช้กำลังจึงจักทำสำเร็จ” จูชิงยิ้มแล้วเดินไปที่กำแพง จับจ้องมองรอยแตก ดวงตาเป็ประกายระยิบระยับ
มีใครบางคนเคยทลายกำแพงด้วยพลังมหาศาลเกินหยั่งถึง แม้กำแพงจะฟื้นตัวกลับคืนเป็ดังเดิม หากทำไมรอยร้าวพวกนี้ถึงยังไม่หายไป
สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์นับพันหมื่นยังทำอะไรกำแพงนี้ไม่ได้ แต่คนผู้นั้นกลับสามารถทำลายกำแพงจนแหลกเป็เสี่ยง จูชิงไม่อยากจินตนาการเลยว่าอีกฝ่ายเป็จอมยุทธ์ที่เก่งกาจเพียงใด
“เดินตามรอยแตกพวกนี้ไปจนสุดทาง เ้าจักเห็นก้อนหินนูนออกมาก้อนหนึ่ง” หลังจากเดินไปตามคำชี้แนะของเฒ่าปีศาจ จูชิงก็พบก้อนหินอยู่ก้อนหนึ่ง
มีรอยร้าวเป็พันรอยอยู่บนกำแพง เส้นแต่ละเส้นตัดกันเป็รูปกากบาท ถ้ามิใช่เพราะเฒ่าปีศาจบอก จูชิงไม่มีทางสังเกตเห็นอย่างแน่นอน
“ขับเคลื่อนพลังอักขระาหลัวโหวส่งเข้าไปในหินสิ” เฒ่าปีศาจพูด
“ต้องขับเคลื่อนอักขระาหลัวโหวด้วยงั้นรึ ซากโบราณนี่มีความเป็มาอย่างไรกันแน่?” จูชิงตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าซากโบราณจะมีความข้องเกี่ยวกับอักขระาหลัวโหว
“ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดเอาไว้ั้แ่ต้นแล้ว ข้าไม่รู้ว่าคนที่ฝังเ้าเอาไว้ที่นี่มีความเป็มาอย่างไร หากแต่เขาทำได้ถึงขนาดนี้ย่อมน่ากลัวยิ่งกว่าที่ข้าคิดไว้หลายร้อยเท่า” เฒ่าปีศาจถอนหายใจ
ครั้งหนึ่งเฒ่าปีศาจเคยคิดว่าตัวเองคือผู้อยู่เหนือหล้าฟ้าดิน แต่พอได้เห็นสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ทำ กระทั่งเขายังต้องยอมรับในความแข็งแกร่ง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงได้ทำการใหญ่เพื่อชุบชีวิตเด็กหนุ่ม
“ซากโบราณเกี่ยวข้องกับเ้าอย่างนั้นสินะ” จูชิงเหลือบมองเฒ่าปีศาจที่กำลังทำกรรมฐานอยู่บนศิลาผนึกิญญาพิชิต์
“เกี่ยวข้องงั้นรึ จักว่าใช่ก็ไม่ใช่ จักว่าไม่ใช่ก็ไม่เชิง สำหรับข้าแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” เฒ่าปีศาจยิ้ม
“ครืนนน!” หลังจากที่จูชิงผสานพลังของอักขระาหลัวโหวเข้าไป รอยแตกนั้นก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พลานุภาพผลาญฟ้าทะลักทลายทั่วทั้งฟ้าดิน!
สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่กำลังโจมตีกำแพงอย่างบ้าคลั่ง พากันแหงนหน้ามองฟ้าด้วยความหวาดกลัว แม้แต่สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์อย่างปักษาเพลิงยังอกสั่นขวัญแขวน!
บรรดาสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์คำรามกึกก้อง หมอกลึกลับประจักษ์กลางท้องฟ้าเสมือนเทพปีศาจพิชิต์!
“พลังนี่มัน!” จูชิงจับจ้องมองเงาร่างที่ก่อตัวอยู่ในม่านหมอก สำหรับสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์แล้วมันคือพลังพินาศสรรพสิ่ง ทว่าสำหรับจูชิง มันช่างคุ้นเคยยิ่งนักราวกับว่ามาจากบ้านเกิดเดียวกัน
“พลังของจ้าวปีศาจโบราณกาลหลัวโหว!” เฒ่าปีศาจใจสั่นสะท้าน
“จ้าวปีศาจโบราณกาล...หมายถึงยุคดึกดำบรรพ์งั้นรึ?” จูชิงตะลึง
“โบราณกาล เก่าแก่ยิ่งกว่าดึกดำบรรพ์!” เฒ่าปีศาจตอบ
“เก่าแก่ยิ่งกว่าดึกดำบรรพ์ แล้วมันเก่าแก่ขนาดไหน?” จูชิงถาม
“มากที่สุด” เฒ่าปีศาจกล่าว
“มากที่สุดแล้วมันมากขนาดไหนล่ะ?” จูชิงกลอกตา
“มากกว่าที่เ้าจะสามารถจินตนาการ” เฒ่าปีศาจยิ้ม
บทสนทนาที่ไม่มีข้อพิสูจน์ จะพูดว่าเป็เื่ไร้สาระย่อมไม่ผิด ทว่าจูชิงคุ้นชินกับวิธีการพูดเฉกเช่นนี้ของเฒ่าปีศาจแล้ว และมันทำให้เขาเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง บางทียุคสมัยนั้นอาจจะเก่าแก่เกินกว่าที่เขาจักจินตนาการถึงก็เป็ได้ เก่าแก่เสียจนเขาที่อยู่ในขั้นพลังนี้มิอาจััถึง
สำหรับจอมยุทธ์ทวีปเฉียนหยวน ยุคดึกดำบรรพ์คือสิ่งลึกลับเหลือล้ำ การมียุคสมัยก่อนยุคดึกดำบรรพ์อยู่ก่อนนั้น เดาว่าทั้งทวีปเฉียนหยวนไม่มีผู้ใดล่วงรู้
“จ้าวปีศาจโบราณกาลหลัวโหวคือหลัวโหวเดียวกับ《เคล็ดวิชา์าหลัวโหว》ใช่หรือไม่?” จูชิงถาม
“เขาไม่ใช่คน!” เฒ่าปีศาจส่ายศีรษะ
จูชิงเอามือลูบจมูก “เหมือนคำด่าอย่างไรก็ไม่รู้”
“เขาเป็ปีศาจ จ้าวปีศาจที่สร้างความอึกทึกแห่งยุคสมัยโบราณกาล!” แสงเส้นหนึ่งประจักษ์ในดวงตาของเฒ่าปีศาจ
ซากโบราณนี้มิใช่สิ่งที่ถูกทิ้งไว้ในยุคดึกดำบรรพ์ หากเป็ยุคสมัยที่เก่าแก่ยิ่งกว่ายุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งก็คือหลุมศพของจ้าวปีศาจโบราณกาลหลัวโหว!
“เขาตายแล้วรึ?” จูชิงเลิกคิ้ว
“ถ้ายังไม่ตายจักมีหลุมศพได้อย่างไร?” เฒ่าปีศาจยิ้มตอบ
“แต่เ้าบอกว่าเขาเป็จ้าวปีศาจที่แข็งแกร่งมาก” จูชิงพูด
“แม้ว่าจักแข็งแกร่งแต่ก็ใช่ว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกา” เฒ่าปีศาจกล่าว
“แล้วแข็งแกร่งขนาดไหนล่ะ?”
“มากกว่าที่เ้าสามารถจินตนาการ?”
...
...
“เขาคือผู้สร้าง《เคล็ดวิชา์าหลัวโหว》” เฒ่าปีศาจพูด
จูชิงพยักหน้า “เช่นนั้นเขาก็คืออาจารย์ข้าน่ะสิ?”
“มิใช่ เขามิใช่อาจารย์ของเ้า ปีศาจที่ตายไปแล้วเป็อาจารย์ของเ้าไม่ได้” เฒ่าปีศาจส่ายหัวพลางยิ้ม
“เ้าบอกว่าเขาเป็จ้าวปีศาจ คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นย่อมมีคุณสมบัติเป็อาจารย์ข้าอยู่แล้ว” จูชิงกลอกตา
“จริงอยู่ที่เขานั้นแข็งแกร่ง ทว่ายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จักเป็อาจารย์ของเ้า เพราะเขาตายไปแล้ว” เฒ่าปีศาจพูด สีหน้าปราศจากคลื่นอารมณ์
“ข้าไม่เข้าใจ แต่ข้าเรียนเคล็ดวิชาของเขาไม่ใช่รึ” จูชิงขมวดคิ้ว
“เรียนเคล็ดวิชาไม่ได้หมายความว่าเขาจักเป็อาจารย์ของเ้า ถ้าจะให้พูดก็คือ เขาเป็ศิลาฤกษ์ของเ้า ศิลาฤกษ์ที่ทำให้เ้าเติบโต” เฒ่าปีศาจพูด
“ดูเหมือนเ้าจะมิได้ยอมรับจ้าวปีศาจขนาดนั้น”
“ข้าไม่นับถือจ้าวปีศาจที่ตายไปแล้ว”
“เพราะเขาแข็งแกร่งไม่พอรึ?”
“ใช่ ข้านับถือแค่ผู้ที่แข็งแกร่ง เพราะเขาแข็งแกร่งไม่พอ ดังนั้นถึงได้ตาย”
เหตุผลของเฒ่าปีศาจแปลกประหลาดเป็อย่างมาก บางทีมันอาจเป็แค่ความคิดของเขา ไม่ว่าเฒ่าปีศาจจักพูดอย่างไรจูชิงก็ยังคงชื่นชมจ้าวปีศาจผู้นั้น ผู้ที่สามารถสร้างวิชาน่าพรั่นพรึงเฉกเช่น《เคล็ดวิชา์าหลัวโหว》ขึ้นมา แน่นอนว่าต้องเป็ผู้ยิ่งใหญ่โดยมิต้องสงสัย
เฒ่าปีศาจจับจ้องมองกำแพงที่กำลังพังทลาย ดวงตาที่ลึกล้ำคล้ายกับสามารถทะลุทะลวงความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด จากนั้นก็เข้าไปในซากโบราณ
“ใคร ใครคือผู้ที่อยู่เื้ั?” เฒ่าปีศาจพูดพึมพำในใจ เขาอยากรู้คำตอบ เขาอยากรู้ว่าใครปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากความว่างเปล่า
“ข้าไม่รู้ว่าเ้าเป็ใคร ทว่าเ้ากักขังข้าไว้ในศิลาผนึกิญญาพิชิต์เพราะ้าให้ข้าปกป้องเ้าเด็กนี่ใช่หรือไม่? ดูถูกข้าเกินไปรึเปล่า!” เฒ่าปีศาจคำรามด้วยโทสะอยู่ในใจ
แม้ว่าจักไม่เต็มใจ แต่ก็อดยอมรับมิได้ว่า ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นได้มอบโอกาสให้กับเขาเป็ครั้งที่สอง ผู้ไม่ถูกเลือกคนอื่นคงกลายเป็ิญญาเร่ร่อนอยู่ในความว่างเปล่า
การรวบรวมเศษเสี้ยวิญญาที่แหลกสลายเป็เสี่ยงให้กลับคืนเป็อันหนึ่งอันเดียว มิใช่สิ่งที่คนสามัญธรรมดาสามารถทำได้ กระทั่งเขาเองก็ยังไม่มีพลานุภาพพลิกฟ้าพลิกปฐีเฉกเช่นนั้น!
“ปกป้อง ปกป้อง มีแค่ต้องปกป้องเ้าเด็กนี่ หากทำให้เขาสำเร็จจุดสูงสุดของเส้นทางบำเพ็ญเพียร ข้าอาจได้เห็นเ้า หรือบางทีจุดสูงสุดนั้นอาจเป็แค่จุดเริ่มต้น?” เฒ่าปีศาจถอนหายใจ
“ครืนนน!” กำแพงพังทลาย ร่างเงาที่อยู่ในหมอกลึกลับสั่นะเื สายลมหอบพัดปกคลุมพวกจูชิงอันตรธานหายวับไป เหลือทิ้งไว้เพียงสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์แผดเสียงคำรณลั่นฟ้า!
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดข้าถึงจำอะไรไม่ได้เลย?” ซั่งกวานจือหนิงรู้สึกว่านางได้พบกับสิ่งน่าพรั่นพรึงเข้า หากทว่าความทรงจำส่วนหนึ่งของตัวเองกลับหายไป พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
