เกาจิ่วพลิกหน้าบัญชีไปยังหน้าที่บันทึกน้ำหนักไก่ จากนั้นคำนวณอยู่นานสักพักใหญ่แล้วจึงเอ่ย “เ้าดูในนี้ ้าเขียนไว้ว่ารับซื้อไก่จากครอบครัวเ้าห้าพันตัว มีไก่ตัวเมียสี่พันตัว ทั้งหมดสองหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยสี่สิบสามชั่ง ไก่ตอนหนึ่งพันตัว ทั้งหมดหนึ่งหมื่นสี่พันสี่ร้อยเก้าสิบเอ็ดชั่ง”
เกาจิ่วรวมน้ำหนักเหล่านี้เข้าด้วยกัน ใช้ลูกคิดคำนวณแล้วเอ่ยไปพลางๆ “ตอนแรกคุยกันไว้ว่า ไก่ชั่งละยี่สิบอีแปะ เมื่อเป็เช่นนี้ ทั้งหมดเท่ากับเจ็ดร้อยยี่สิบหกตำลึงหกเฉียนกับอีกแปดสิบอีแปะ”
หลิวซานกุ้ยมองไปที่ลูกคิด พร้อมกับสะกดกั้นความตื้นตันในใจ
ตำแหน่งของลูกคิดนั้นกำลังบ่งบอกเขาอย่างชัดเจนว่า เกาจิ่วกำลังจะจ่ายเงินให้เขาทั้งหมดหนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบแปดตำลึงห้าเฉียนกับหกสิบสี่อีแปะ
เกาจิ่วเห็นว่าเขาดูสงบ จึงแอบชื่นชมหลิวซานกุ้ยที่สะกดกลั้นอารมณ์ได้ดี จึงยิ้มแล้วถาม “ซานกุ้ย ข้าจะให้ตั๋วเงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึง แล้วก็ที่เหลือเป็เงินก้อนดีหรือไม่?”
“เกาจิ่ว วันนี้ลำบากทุกคนแล้ว เราปัดเศษเงินออกก็ได้ นับว่าเป็น้ำใจเล็กน้อยจากข้า ให้ทุกคนได้กลับไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมฟู่กุ้ยสักหน่อย ข้ารับไว้เพียงหนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบตำลึงก็พอ ส่วนจะเป็ตั๋วเงินหรือเงินก้อนก็แล้วแต่เ้าจะจัดสรร”
ทันทีที่เขาพูดออกมา เกาจิ่วก็มองเขาสูงส่งขึ้นมาอีกหน่อย
“ซานกุ้ย เ้าตบรางวัลพวกเขาแบบนี้ ขอบใจมาก ทุกคน เมื่อครู่นายท่านหลิวสามบอกว่าจะขอเชิญทุกท่านไปกินเลี้ยงที่โรงเตี๊ยมมื้อใหญ่ นายท่านหลิวสามเป็คนใจกว้าง ข้าเองคงใจแคบไม่ได้ วันนี้ให้ทุกคนกินอย่างอิ่มหนำสำราญ ทางร้านคิดแค่ค่าต้นทุน”
ชั่วขณะนั้น สวนหลังบ้านก็ส่งเสียงอึกทึกครึกโครม คนที่ช่วยกันยกกรงไม้หัวเราะร่ากันยกใหญ่ เหนื่อยแทบตายมาทั้งวันจนแทบไม่ได้หายใจ ในที่สุดหลังจบงานก็จะได้กินอย่างอิ่มหนำสักมื้อ หัวใจของทุกคนเบิกบานมากเพียงใดคงไม่ต้องเอ่ย
“นายท่านสาม ขอบคุณมาก”
“แล้วก็นายท่านจิ่ว เราจะเปิดกระเพาะกินกันเต็มที่ ถึงตอนนั้นท่านอย่าเสียดายล่ะ”
......
เกาจิ่วส่ายศีรษะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นกวักมือเรียกหลิวซานกุ้ยไปยังสถานที่เงียบเชียบ แล้วมอบตั๋วเงินกับเงินก้อนให้หลิวซานกุ้ย
“ซานกุ้ย เ้าวางใจได้ คนที่ข้าพามาเป็คนที่ปิดปากเงียบทุกคน!”
หลิวซานกุ้ยรู้สึกโล่งใจ เขาจำคำพูดของบุตรสาวคนรองไว้ได้เสมอ ยิ่งในครอบครัวมีเงินมากเพียงใดก็ยิ่งต้องถ่อมตน
เหนือูเายังมีูเา เหนือฟ้ายังมีฟ้า
หลิวซานกุ้ยเห็นด้วยกับเื่นี้เป็อย่างมาก เพื่อไม่ให้ครอบครัวมีนิสัยอวดดี มิฉะนั้น หากไม่ทันระวังอาจจะเรือล่มในคูน้ำได้
ในไม่ช้า บรรดาคนงานก็เก็บไก่เรียบร้อย ส่วนหมูสองร้อยตัวตอนกลางวันให้คนส่งไปนานแล้ว หลิวเต้าเซียงได้ยินเกาจิ่วเคยบอกว่าจะส่งไปยังชิงโจว
ในตอนค่ำนี้หลิวซานกุ้ยตื่นเต้นมาก จางกุ้ยฮัวยังคงนั่งกุมครรภ์ขนาดใหญ่และหัวเราะเบิกบานทั้งวัน มองดูกรงที่ถูกเกวียนล่อลากออกไป แล้วคิดถึงว่าคงมีเงินเข้ามาในบัญชีไม่น้อยทีเดียว!
เฉินซื่อก็ยิ้มไม่หุบทั้งวัน ชีวิตของบุตรสาวนั้นดีขึ้นทุกวัน
ส่วนหลิวชิวเซียงช่วยงานในครัวทั้งวัน เมื่อเห็นหมูกับไก่ในบ้านขายออกไป ก็รู้สึกว่าที่เหนื่อยมาทั้งปีคุ้มค่าแล้ว
หลิวเต้าเซียงเองก็มีความสุขมาก ในที่สุดนางก็มีช่องทางในการเอาเงินออกมาใช้ได้อย่างเปิดเผยแล้ว!
กำหมัดแน่น!
นี่เป็ก้าวสำคัญที่จะเข้าใกล้สู่เป้าหมายของนาง!
เกาจิ่วต้องรีบนำส่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ หลังจากคนงานขนกรงขึ้นเกวียนทั้งหมด จึงกล่าวลากับหลิวซานกุ้ย
“เดิมทีข้าอยากชวนเ้าไปดื่มด้วยกันที่ตำบล แต่ว่าสิ่งมีชีวิตปล่อยไว้นานไม่ได้ ต้องรีบนำไปส่งที่ตัวเขต รอหลังปีใหม่ เราค่อยมาดื่มด้วยกัน”
หลิวซานกุ้ยตอบรับทันที ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสมควรที่จะดื่มเหล้า จึงนัดหมายกับเกาจิ่วเพื่อเจอกันภายหลัง
หลังจากส่งเกาจิ่วและคณะจากไป หัวใจของหลิวซานกุ้ยนั้นเต้นโครมคราม ขณะเดียวกันในบ้านก็เงียบลงไปมาก
“ท่านพ่อ นายท่านจิ่วไปแล้วหรือ?” ่ค่ำหลิวเต้าเซียงอยู่เป็เพื่อนจางกุ้ยฮัวในห้องตลอด กลัวว่ามารดาจะดีใจแล้วเบ่งเด็กน้อยในครรภ์ออกมาด้วย
หลิวซานกุ้ยเอื้อมมือออกไปััศีรษะของบุตรสาวคนรอง ยิ้มแล้วตอบ “อืม ไปเถิด เราเข้าไปกินข้าวในบ้านกัน จากนั้นค่อยคำนวณบัญชี ดูสิว่าเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปี เราได้กำไรเท่าไรกันแน่ แล้วก็ยังต้องปรึกษากันเื่พันธุ์ไก่หนึ่งหมื่นตัว และพันธุ์หมูหนึ่งพันตัวด้วย เพื่อให้มีบทสรุป”
หากบอกว่าไม่ตื่นเต้นคงเป็เื่โกหก ตอนนั้นที่น้าชายนำเงินสินเ้าสาวหนึ่งร้อยตำลึงมาให้ภรรยา เขาก็ดีใจ ขณะเดียวกันก็แอบตัดพ้อตนเอง
แต่คราวนี้ เงินที่ได้มาล้วนเป็ของตระกูลหลิว เป็ของครอบครัวหลิวซานกุ้ย
“เข้าใจแล้ว ท่านพ่อ” หลิวเต้าเซียงแอบติดต่อกับสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดไปด้วยขณะที่เดิน
“เ้าสัตว์ปีศาจน้อย อย่าโกรธไปเลยน่า!”
“ฮึ่ม!” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดทำเสียงคำรามในลำคออย่างแรงเพื่อแสดงท่าทีว่าโกรธจริงๆ!
หลิวเต้าเซียงลูบจมูกเล็กๆ อย่างขำขัน งอนจริงแฮะ!
นี่กำลังอยากให้ง้อสินะ!
“เด็กดี เ้าสัตว์ปีศาจน้อย นายวางใจได้ เราต้องค่อยๆ ก้าวเดิน รอที่บ้านมีชีวิตที่ดีเมื่อไรและไม่ต้องกังวลเื่กินเื่ใช้ ย่อมมีเวลาว่างเข้าไปในห้วงมิติมากขึ้น คำโบราณกล่าวไว้ว่าการลับขวานให้ดีไม่ส่งผลต่อการตัดไม้”
กลีบใบไม้ของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดสั่นไหว เหมือนว่าหลิวเต้าเซียงพูดได้สมเหตุสมผล?!
“แล้วคุณคิดจะเริ่มเมื่อไร?” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดได้ยินแล้วก็เริ่มใจคอโลเล
หลิวเต้าเซียงปลอบโยนมัน “ฉันอยากจัดการเื่ในบ้านให้ดีก่อน นายคิดดูนะ ตอนนี้ฉันพักงานพัฒนาห้วงมิติไว้ ก็เพื่ออยากเอาไข่ไก่ที่มีทั้งหมดมาแลกเป็ทรัพยากร รอจนบ้านฉันมีความสามารถมากพอที่จะเลี้ยงไก่กับหมูได้ ย่อมต้องมีเวลาว่างไปพัฒนาห้วงมิติอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นเราจะได้ไม่ต้องเอาไก่กับไข่ไปแลกเงิน แต่นำไปขยายพื้นที่กัน”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดยังคงกระดิกกลีบใบไม้สามใบของมัน และกำลังวิเคราะห์ข้อเสนอของหลิวเต้าเซียงว่าอยู่ในกฎเกณฑ์ของบริษัทหรือไม่
หลิวเต้าเซียงเดาว่าสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดน่าจะเป็สมองกลขนาดเล็ก
ภายในไม่กี่อึดใจ สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบและอารมณ์ที่มั่นคง “อืม หลังจากวิเคราะห์ดู ข้อเสนอของคุณใช้ได้ เพียงแต่คุณห้ามยืดเยื้อนานเกินไป”
หลิวเต้าเซียงพินิจ เมื่อนางตัดสินใจเช่นนี้ คงไม่อาจอาศัยห้วงมิติได้เช่นแต่ก่อน นางต้องเก็บเงินที่มากเพียงพอให้แก่ครอบครัวเสียก่อน
“สามปีก็แล้วกัน!” หากไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง สามปีต่อจากนี้นางน่าจะได้เป็เ้าของที่ดินแล้ว
“อย่างมากสุดหนึ่งปีครับ เซียงเซียง ปีนี้คุณก็หาเงินได้ไม่น้อยแล้ว ปีหน้าอีกหนึ่งปี ครอบครัวคุณก็น่าจะมีความมั่นคงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ก็ไม่ได้บอกว่าคุณห้ามพึ่งพาห้วงมิติทั้งหมด ผมเองก็มีเหตุผลนะครับ”
ขณะที่สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดพูดขึ้น กลีบใบไม้สีเขียวของมันก็มีสีม่วงแซมขึ้นมา
หลิวเต้าเซียงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นอย่างนั้น
“หนึ่งปีครึ่งเถอะ วันนี้นายก็ได้ยินแล้วว่าเกาจิ่วไม่พอใจกับสะพานนั้น อีกอย่าง บ้านก็เล็กเกินไป เกวียนล่อเรียงกันเข้ามาไม่ได้ แล้วก็ในบ้านยังต้องสร้างเรือนหลังใหญ่กว่านี้ ตอนนี้โรงเก็บของน้อยเกินไป ใส่วัตถุดิบได้ไม่มาก”
ข้อเสนอนี้นางได้ใช้ดุลยพินิจไตร่ตรองออกมาแล้วจึงเสนอขึ้น
“ตกลงตามนี้!” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดตอบรับอย่างรวดเร็ว
จนทำให้หลิวเต้าเซียงเกิดความสงสัยในใจ หรือว่านางต่อรองให้ตนเองเสียเปรียบเกินไป รู้แบบนี้ควรเสนอสักสองปี
ตอนนี้สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดตกลงไปแล้ว นางนึกเสียใจทีหลังก็เปล่าประโยชน์ หนึ่งปีครึ่งก็ได้
ขณะที่นางแอบสื่อสารกับสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด ก็เดินตามหลิวซานกุ้ยเข้าไปในบ้านและทานข้าวจนเสร็จ จากนั้นหลิวชิวเซียงก็ช่วยเฉินซื่อเก็บโต๊ะ
หลิวซานกุ้ยกล่าวว่า “ท่านแม่ วันนี้ท่านคงเหนื่อยมากแล้ว รีบไปนั่งพักเถิด เื่เหล่านี้ให้สองพี่น้องทำกันก็พอ”
เฉินซื่อยิ้ม “ข้าก็อยู่เฉยๆ อยู่แล้ว ทำงานหนักมาหลายปี จู่ๆ ให้ข้าไม่ต้องทำอะไร กระดูกของข้ามันคันไปหมด”
นางคุ้นเคยกับการทำงานไม่หยุด หากจะให้พักจริง นางคงรู้สึกไม่สบายตัว ไม่ถึงสามวันก็เริ่มโอดครวญว่าเจ็บตรงนี้ คันตรงนั้น แต่หากนางได้ทำงานยุ่ง ฟันก็ดี กระเพาะก็ดี นอนหลับสบายจนถึงเช้า
หลิวเต้าเซียงะโลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปหาเฉินซื่อ “ท่านยาย ข้าช่วยท่านเอง ใกล้เสร็จแล้ว ดูสิว่าปีนี้ผลผลิตของครอบครัวเราเป็อย่างไรบ้าง ท่านแม่บอกว่า หากปีนี้มีกำไร ทุกคนจะได้ชุดใหม่ และจำต้องตัดชุดสวยๆ ให้ท่านยายหลายๆ ชุดเลย”
เฉินซื่อดีใจเพียงใดคงไม่ต้องเอ่ย ใครๆ ก็บอกว่าชีวิตของบุตรสาวนั้นอาภัพ นางก็เป็กังวลไปด้วย
หากเป็โชคชะตาที่อาภัพจริง เหตุใดบุตรสาวเมื่อย้ายออกมาจากบ้านเดิมแล้ว ชีวิตก็โชติ่ขึ้นทุกวันเล่า?
เฉินซื่อพึมพำในใจ เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าหลิวฉีซื่อต่างหากที่เป็ตัวกาลกิณี?
ไม่เห็นหรือว่าแต่ละคนในตระกูลหลิว ไม่มีใครได้เื่แม้แต่คนเดียว
คนเดียวที่สามารถเล่าเรียนได้ เล่าเรียนมาหลายปีก็ยังเป็ได้แค่ระดับถงเซิง แล้วอย่างไร?
ไม่นานนัก เฉินซื่อก็ได้สองพี่น้องหลิวเต้าเซียงมาช่วยเก็บถ้วยชามตะเกียบไปล้างเรียบร้อย
หลิวซานกุ้ยและจางกุ้ยฮัวจุดตะเกียงน้ำมันสองดวงไว้นานแล้ว
ทันทีที่หลิวเต้าเซียงเข้ามาก็หยอกล้อ “ครอบครัวของเรากลายเป็เศรษฐีใหม่แล้ว จุดตะเกียงน้ำมันถึงสองดวงเชียว”
หลิวซานกุ้ยตอบด้วยรอยยิ้ม “พ่ออยากทำแบบนี้มานานแล้ว ดูสิ ตะเกียงน้ำมันสองดวง ในบ้านสว่างขึ้นมากนัก”
หลิวเต้าเซียงยิ้มและเชิญเฉินซื่อไปยังที่นั่ง หลิวชิวเซียงเป็เด็กเรียบร้อย ได้ช่วยบิดาหยิบลูกคิด พู่กันและหมึกมาเรียบร้อยแล้ว
หลิวซานกุ้ยหยิบลูกคิดและกวักมือเรียกหลิวเต้าเซียง “มานี่เร็ว ลูกรอง ในมือเ้าเป็บัญชีของปีนี้สินะ!”
“ใช่แล้ว ท่านพ่อ ปีนี้เราเลี้ยงไก่ห้าพันตัว เดิมทีมีหกพันตัว เพียงแต่ร่างกายไม่แข็งแรงจึงตกหล่นไป ต่อมาจึงมีทั้งหมดห้าพันสามร้อยเจ็ดสิบเก้าตัว หมูทั้งสองร้อยสิบสี่ตัว เงินที่ซื้อพันธุ์ลูกหมู หลังจากไก่วางไข่ก็นำไปชำระหมดสิ้น”
ขณะที่นางยื่นสมุดบัญชีให้หลิวซานกุ้ยก็ตอบไปด้วย
หลิวซานกุ้ยหยิบสมุดบัญชีและมองไปที่จางกุ้ยฮัว จากนั้นจึงเอ่ยไปพลาง “เราควรคำนวณให้ดี ไม่รู้ว่าหลังจากทำงานหนักมาทั้งปี ได้กำไรกันเท่าไร?”
สิ่งที่เขารู้คือ ปีนี้ซื้อไปเพียงข้าวโพดหลายหมื่นชั่ง แล้วก็มีอย่างอื่นอีก เงินค่าใบมันเทศของแม่ยายก็ต้องคำนวณเงินให้
หลิวเต้าเซียงรับสมุดบัญชีจากมือของจางกุ้ยฮัว พลิกและพูดไปพลาง “ท่านพ่อ ข้าจะขานตัวเลข ท่านคำนวณ ท่านพี่ ช่วยบันทึกเลขไว้ด้วย”
ปีนี้ครอบครัวของนางได้ซื้อพันธุ์ลูกไก่หกพันตัว ในนั้นมีที่อ่อนแอและตายไปกว่าเจ็ดร้อยตัว ขายไปห้าพันตัว ตอนนี้ในเล้าไก่ยังเหลืออีกสองร้อยกว่าตัว ต้องใช้่ปีใหม่ส่วนหนึ่ง และตั้งใจเก็บไว้ทำพันธุ์ลูกไก่สองร้อยตัว
ข้อเสนอนี้เป็ของจางกุ้ยฮัว ไม่ใช่แค่ไก่ อีกทั้งหมูก็ต้องเก็บไว้ทำพันธุ์ เดิมทีนางไม่อยากเสียเงินไปซื้อบ้านอื่น แต่การมาเยือนของเกาจิ่วก็ทำให้นางต้องวางแผนใหม่
-----
