หลังซาวข้าวเสร็จแล้วใส่ลงไปในหม้อเซี่ยยวี่หลัวนำผักป่าที่เซียวจื่อเซวียนเก็บกลับมาเมื่อวานลงจากตะขอ โน้มตัวลงเด็ดใบผักสีเหลืองและหญ้าออกจากผักป่า
เซียวจื่อเมิ่งเห็นเซี่ยยวี่หลัวก้มตัวอยู่ข้างเตานางกำลังใส่ฟืนเข้าไปในเตาจำนวนหนึ่ง ก่อนยกเก้าอี้ตัวเล็กไปอยู่ข้างๆ เซี่ยยวี่หลัววางเก้าอี้ไว้ใต้บั้นท้ายเซี่ยยวี่หลัว พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านนั่งสิเ้าคะ!"
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยยกเก้าอี้มาให้ตน ก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก "ขอบคุณนะจื่อเมิ่ง!"
เซียวจื่อเมิ่งถูกพี่สะใภ้ใหญ่ชม แย้มรอยยิ้มอย่างเหนียมอายใบหน้าของนางที่เดิมทีซีดเซียว อาจเพราะหลายวันที่ผ่านมาได้กินอาหารที่มีประโยชน์เมื่อยิ้มแย้ม พวงแก้มจึงมีเืฝาด
ทั้งที่ผ่านมาไม่กี่วัน กลับเห็นผลได้ชัดเจน
เซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยแววตาครุ่นคิดระคนหวาดกลัวก่อนกัดริมฝีปากบนล่าง จนสุดท้าย ก็รวบรวมความกล้าเพื่อคุยกับเซี่ยยวี่หลัว
"พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดท่านถึงเรียกผักนี่ว่าจี้ช่าย? มันชื่อผักจี้ช่ายอย่างนั้นหรือ?" เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใสน้ำเสียงนุ่มนวลน่ารัก
เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียงเอ๋ ก่อนกล่าว “ทำไมเล่า? พวกเ้าไม่ได้เรียกมันว่าผักจี้ช่ายหรอกหรือ?”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า “เราเรียกมันว่าผักตีนไก่”
ผักตีนไก่?
เซี่ยยวี่หลัวกลัวว่าเซียวจื่อเมิ่งจะจับพิรุธได้จึงกล่าว “คนแต่ละท้องที่เรียกต่างกัน”
นางเป็คนจากหมู่บ้านอื่นจึงอาจเรียกต่างกันก็เป็ได้!
เซียวจื่อเมิ่งอายุน้อย คนอื่นกล่าวอะไรนางก็เชื่อตาม “อ่อ มิน่าล่ะ แต่ผักจี้ช่ายฟังดูดีกว่าผักตีนไก่มากทีเดียว”
“เช่นนั้นต่อไปเ้าเรียกมันว่าผักจี้ช่ายก็ได้ถึงอย่างไรเราก็เป็คนตั้งชื่อเอง อยากเรียกอย่างไรก็เรียก” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้าด้วยท่าทางว่าง่ายช่วยทำงานครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้ามองเซี่ยยวี่หลัว อยากใกล้ชิดเซี่ยยวี่หลัวมากกว่านี้ทว่ายังหวาดกลัว
หลังคุยเื่ผักจี้ช่ายจบยังจะคุยเื่อะไรกับพี่สะใภ้ใหญ่ได้อีก?
เซียวจื่อเมิ่งพยายามครุ่นคิดหาหัวข้อสนทนา
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเด็กคนนี้คุยกับตัวเองอย่างหวาดระแวงจึงเ็ปใจไม่ใช่น้อย
เด็กตัวเล็กแค่นี้ ต้องคอยดูสีหน้าตัวเองปกติเซี่ยยวี่หลัวเ้าของร่างเดิมทารุณเด็กคนนี้อย่างไรกัน
เซียวจื่อเมิ่งไม่รู้ว่าจะคุยอะไรเช่นนั้นเซี่ยยวี่หลัวก็เป็ฝ่ายเริ่มเอง
เซี่ยยวี่หลัวเล่าเื่ตลกให้ฟังเมื่อเห็นเด็กคนนี้หัวเราะจนแทบหงายหลัง ลืมความหวาดกลัวที่มีต่อนางไปชั่วคราว จึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ให้เด็กคนนี้ค่อยเป็ค่อยไปแล้วกันรอให้นางขจัดความเข้าใจผิดที่มีต่อตนเองทั้งหมด นางก็จะไม่กลัวตนเองอีกต่อไป
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานพร้อมเตรียมอาหารไปด้วยไม่นานก็เตรียมผักจี้ช่ายได้กว่าครึ่งตะกร้า
“เซียวจื่อเซวียน เซียวจื่อเซวียน เ้าเด็กเลวเ้าไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้...”
จู่ๆ ก็มีเสียงก่นด่าดังขึ้นหน้าประตูใหญ่ด้านนอกน้ำเสียงไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย
เซี่ยยวี่หลัวหันมองไปตามต้นเสียงเซียวจื่อเมิ่งะโขึ้นแทบจะทันที ใบหน้าเล็กใจนขาวซีด “พี่สะใภ้ใหญ่ แย่แล้ว ท่านป้าเถียนเอ๋อมาเ้าค่ะ”
“เทียนเอ๋อ? [1] ” เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะ ใครจะตั้งชื่อแบบนี้กัน
เซียวจื่อเมิ่งฟังไม่ออกว่าวาจาของเซี่ยยวี่หลัวมีการออกเสียงผิดนางกล่าวด้วยความวิตก “ใช่ ท่านป้าเถียนเอ๋อนางคือท่านแม่ของเซียวต้าหมิน คนที่เราแกล้งให้ใในท้องนาเมื่อวานเ้าค่ะ...”
อ่อ หมายถึงเด็กผู้ชายตัวสูงใหญ่แต่กลับใกับคำพูดประโยคเดียวของตนจนปัสสาวะราดนั่นเอง!
เซี่ยยวี่หลัวครุ่นคิด คงเห็นว่าตัวเองสู้ไม่ได้จึงไปเรียกกำลังเสริมมา
เซียวจื่อเมิ่งแสดงสีหน้าวิตก “อือ เซียวต้าหมินต้องกลับไปพูดอะไรแน่ ท่านป้าเถียนเอ๋อจึงมาคิดบัญชีกับพวกเรา”
สำหรับท่านป้าเถียนเอ๋อเซียวต้าหมินสำคัญยิ่งชีพ เขาอายุจะสิบขวบแล้ว นางยังประคบประหงมกลัวต้องออกไปตากลมตากฝน รักใคร่เอ็นดูเสียยิ่งกว่าอะไร จะกระทบกระเทือนสักนิดไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัวแค่นเสียงหัวเราะ “มาคิดบัญชีกับพวกเรา? ข้าไม่ได้ไปคิดบัญชีกับนางก็ถือว่าไม่เป็บุญแล้วนางยังกล้ามาหาพวกเราอีก!”
เด็กผู้ชายตัวโตในิดหน่อยก็กลับไปฟ้องแม่เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งเคยพบเห็น
เขากลั่นแกล้งจื่อเมิ่งจนในางยังไม่ได้ไปคิดบัญชีกับผู้ใหญ่ในบ้านเขาเลย!
เซียวจื่อเมิ่งกลัวท่านป้าเถียนเอ๋อ นางไม่เพียงแต่ชอบด่าแต่ยังชอบตีคนอื่นด้วย จื่อเมิ่งจำได้ว่าเพื่อนของเซียวต้าหมินเคยผลักเขาลงน้ำท่านป้าเถียนเอ๋อถึงกับตบหน้าเด็กคนนั้นฉาดหนึ่งจนล้มกองบนพื้นลุกไม่ได้กว่าครึ่งวันกว่าจะลุกขึ้นได้ ใบหน้าครึ่งซีกก็ปูดบวม ด้วยเหตุนี้สองบ้านนั้นเกือบจับอาวุธมาสู้กันตายไปข้าง
“พี่สะใภ้ใหญ่...” เซียวจื่อเมิ่งหวาดกลัวยิ่งนัก
เซี่ยยวี่หลัวมองเซียวจื่อเมิ่ง ก่อนหัวเราะเบาๆกล่าวว่า “จื่อเมิ่ง เรามาเล่นละครกันเถอะ!”
เถียนเอ๋อโวยวายเสียงดังอยู่ด้านนอกเพื่อนบ้านที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงต่างได้ยิน เมื่อเห็นว่านางมาหาเื่เซียวจื่อเซวียนบางคนจึงเดินออกมาดู
ชาวบ้านบางคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นต่างก็คาดเดากันว่าเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งจะโดนเซี่ยยวี่หลัวตบตีหนักเพียงใดยิ่งตอนนี้เซียวยวี่ไม่อยู่เรือนด้วยแล้ว ไร้คนปกป้อง เกรงว่าเด็กสองคนนี้คงโดนตีจนตายเป็แน่
“ท่านป้าเถียน ท่านทำอันใด? จื่อเซวียนทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือ?” มีคนกล่าวเป็เชิงช่วยเซียวจื่อเซวียน
ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านล้วนมีจิตใจดีมีเพียงส่วนน้อยที่เป็คนจิตใจคับแคบ
เถียนเอ๋อยืนมือเท้าเอว ชี้ประตูใหญ่ของเรือนเซียวจื่อเซวียนพร้อมด่าแบบสาดเสียเทเสีย “เ้าเด็กสารเลวนั่นทำร้ายต้าหมินของข้า ต้าิกลับบ้านมาก็บอกว่าหนาวนอกพักหนึ่งคืนก็ยังไม่หาย ข้าคิดว่าเขาคงเล่นซนอยู่ข้างนอกนานจนเป็ไข้ ลองถามดูถึงได้รู้ว่าเมื่อวานต้าหมินของข้าโดนเ้าเด็กเลวเซียวจื่อเซวียนกลั่นแกล้งให้ใมันน่านัก ต้าหมินของข้ากลัวงูที่สุด ทำแบบนี้คิดจะเอาชีวิตลูกชายข้าหรืออย่างไร!”
มีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซียวจื่อเซวียนซึ่งเป็เพื่อนเล่นของเขาเห็นว่าท่านป้าเถียนเอ๋อมาหาเื่เซียวจื่อเซวียน จึงแอบไปตามหาเซียวจื่อเซวียนแล้ว
เถียนเอ๋อยกมือขึ้นตบประตูดัง “ปังปัง” พร้อมกล่าว “เซียวจื่อเซวียน เ้าเด็กเลวออกมาเดี๋ยวนี้ออกมา!”
นางออกแรงตบอย่างหนัก ทั้งยังโมโหจึงไม่ทันระวังทันทีที่เซียวยวี่หลัวเปิดประตูใหญ่เรือนออก ร่างกายครึ่งซีกที่พิงประตูใหญ่ของเถียนเอ๋อจึงทรงตัวไม่ได้จนล้มเข้าไปในลานบ้านเสียงดัง “ฟุ่บ” อยู่ข้างเท้าเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวหลบออกด้านข้าง พร้อมอุทาน “ไอ๊โย ท่านป้าเทียนเอ๋อ วันนี้ไม่ใช่วันปีใหม่ ไม่ใช่วันเทศกาลอะไรท่านเป็ผู้หลักผู้ใหญ่ เหตุใดต้องมากพิธี คำนับผู้น้อยอย่างข้าเช่นนี้!”
นางกำลังคำนับอยู่ไม่ใช่หรือ?
เถียนเอ๋อหมอบอยู่ข้างเท้าเซี่ยยวี่หลัว ท่าทางหมอบคำนับแบบนี้เหมือนกับตอนไหว้ปีใหม่เลยไม่ใช่หรืออย่างไร!
มีคนปิดปากกลั้นหัวเราะ
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวหยอกล้อเสร็จจึงรีบยื่นมือช่วยพยุงเถียนเอ๋อ น้ำเสียงของนางดังก้องกังวานผู้คนรอบข้างต่างได้ยินชัดเจน
“ท่านป้าเทียนเอ๋อ นี่ท่านมา… ขอขมาลาโทษอย่างนั้นหรือ?” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยปากถามก่อน
ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบข้างส่งเสียงหัวเราะทันที
“ท่านป้าเถียนมากล่าวโทษเซียวจื่อเซวียนต่างหาก!”
เซี่ยยวี่หลัวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เซียวจื่อเซวียนทำอะไรหรือ?”
ราวกับว่าอีกไม่กี่อึดใจ นางจะจับเซียวจื่อเซวียนมากระหน่ำตีก็ไม่ปาน!
เชิงอรรถ
[1]天鹅 เทียนเอ๋อ หมายถึง หงส์