ต่อมาจึงข่มขู่เขา และในเวลานี้เองกลับมีคนเข้ามาล้อมดู คนเหล่านี้เข้ามาได้จังหวะพอดี ไม่ได้มาเร็วจนเกินไป และก็ไม่ได้มาช้าจนเกินไป คนที่ล้อมดูพวกนี้พยายามจะทำตัวเป็ผู้ไกล่เกลี่ย ไม่ว่าจะพิจารณาจากตรงไหนก็ดูเหมือนว่าเป็การวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทั้งสามคนอย่างนี้ก็เป็การแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขากำลังเผชิญกับการชนเครื่องเคลือบเพื่อหลอกเอาเงินจากคนอื่นจริงๆ และเพื่อเป็การยืนยันว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิด หลินเยว่จึงตัดสินใจที่จะลองหยั่งเชิงดู
“6 แสนหยวนแพงเกินไป ลดราคาลงหน่อยได้ไหม ผมไม่รู้จริงๆ ว่าราคาเครื่องเคลือบใบนี้จะสูงมากขนาดนี้” หลินเยว่ทำสีหน้าลำบากใจพร้อมพูดขึ้น
เมื่อเห็นท่าทีของหลินเยว่ สีหน้าของชายผู้นั้นก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ทว่าน้ำเสียงของเขาก็ยังคงแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความดูถูก “ลดราคา? ความ้าของคุณย่าผม จะมีใครมาประเมินค่าได้บ้าง? ผมต้องจ่ายเงินไปเยอะขนาดนี้แล้วใครจะมาชดใช้ให้ผมได้ล่ะ? คุณเอาแต่พูดแบบนี้มันก็ดูง่ายน่ะสิ 6 แสนหยวนขาดตัว ขาดไปหยวนเดียวก็ไม่ได้ หากคุณไม่มีเงินผมจะแจ้งตำรวจ ผมจะทำให้คุณต้องติดคุก!”
ณ เวลานี้ คนที่ร่วมมุงนั้นไม่มีใครพูดอะไรอีก พวกเขามองหลินเยว่เพื่อดูว่าหลินเยว่มีปฏิกิริยาอย่างไร
หลินเยว่แอบจดจำท่าทางและสีหน้าของคนที่ล้อมเข้ามาแต่ละคน รวมทั้งสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อยของผู้ชายคนนี้ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถลอดพ้นสายตาของหลินเยว่ไปได้ และก็เป็ตัวช่วยยืนยันความคิดของหลินเยว่
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา หลินเยว่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ แต่แล้วเขาพลันทำตัวแข็งกร้าวขึ้นมาบ้าง “ยังไงผมก็ไม่มีเงินเยอะขนาดนี้อยู่แล้ว ถ้าจะแจ้งตำรวจจับก็เอาเลย แล้วใครจะมาเป็พยานว่าผมเป็คนชนคุณได้ล่ะ เมื่อตะกี๊ผมแค่หมุนตัว แต่เป็คุณที่เข้ามาชนผมเองชัดๆ เพราะผมไม่ได้ขยับตัวเลย ผมสงสัยว่าคุณจงใจเข้ามาชนผมหรือเปล่ามากกว่า! แจ้งตำรวจสิ เอาเลย! เร็วหน่อย! ผมรออยู่”
“คุณ!” ชายหนุ่มผู้นี้รู้สึกโกรธจัดจนเอานิ้วชี้หน้าหลินเยว่พร้ะคอก “ดี! ดี! ดี! ผมแจ้งตำรวจ ผมจะทำให้คุณต้องชดใช้จนหมดตัว!”
ระหว่างที่พูดเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกระเป๋า ตอนที่กำลังหยิบนั้นเขายังมองหลินเยว่ด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง
หลินเยว่ยิ้มอย่างเ็า เขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด อย่างมากพอตำรวจมาถึง เขาก็ไปขอยืมเงินจากท่านเฮ่อฉางเหอเท่านั้นเอง และท่านเฮ่อน่าจะให้เขายืมเงินอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านของหลินเยว่ ชายหนุ่มก็เริ่มหน้าเสียขึ้นมาบ้าง
และเวลานี้เอง คนที่มุงอยู่ 3 คนก็พร้อมกันเข้าห้ามปราม มีคนหนึ่งแย่งโทรศัพท์ของผู้ชายคนนั้นไป และมีคนหนึ่งพูดขึ้น “ทำอะไรกันเนี่ย อย่าวู่วาม! ยังไงก็ห้ามวู่วามเด็ดขาด ความจริงมันเป็เื่ที่ตกลงกันเองได้นะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันศีรษะมาพูดกับหลินเยว่ “พ่อหนุ่ม คุณอย่าวู่วามไป พยายามคิดถึงอนาคตของตัวเองให้มากหน่อย หากก้าวผิดไปหนึ่งก้าวก็ไม่มีโอกาสย้อนกลับมาแก้ไขได้แล้วนะ”
เมื่อหลินเยว่ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เขาคิดอยู่ชั่วครู่และพูดขึ้น “ยังไงผมก็ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนี้อยู่แล้ว หากจะให้ผมชดใช้เงินจำนวน 6 แสนหยวน ผมยอมติดคุกดีกว่า” เวลานี้น้ำเสียงของหลินเยว่ไม่ได้ดูแข็งกร้าวเหมือนเมื่อสักครู่
เมื่อได้ยินว่าหลินเยว่เริ่มอ่อนลง เหมือน้าประนีประนอม คนที่ล้อมเข้ามาพวกนั้นก็มีสีหน้าดีใจทันที แต่ทว่าพวกเขาก็พยายามปกปิดอย่างแเี
และหนึ่งในนั้นก็พูดเตือนชายหนุ่ม “คุณก็อย่าเอาเื่อีกเลย พ่อหนุ่มคนนี้เขาก็พูดถูก เขาแค่หมุนตัวแต่ยังไม่ได้ขยับตัวเลย คุณจะใช้อะไรมาเป็หลักฐานยืนยันว่าเขาเป็คนชนคุณล่ะ ดังนั้น เขาไม่ควรเป็คนชดใช้เงินก้อนนี้ทั้งหมด ถึงเื่จะไปถึงตำรวจหรือถึงศาลแล้ว ตำรวจหรือศาลก็ไม่มีทางให้เขาชดใช้คุณเป็เงิน 6 แสนหยวนหรอก คุณลองคิดดูให้ดีละกันว่าจะยอมสูญเสียเงินก้อนนี้ไปทั้งหมดหรือว่าจะพยายามลดความเสียหายลงบางส่วน”
ชายหนุ่มก้มหน้าคิดอยู่ชั่วครู่ สีหน้าดูมีความสับสนเล็กน้อย “คุณถามเขาดูว่าเขาจะให้ได้มากสุดเท่าไร”
“สี่แสนห้าหมื่นหยวน” หลินเยว่ตอบกลับ
“สี่แสนห้าหมื่นหยวน? น้อยเกินไป ผมต้องขาดทุนถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนทันที แล้วผมยังต้องหาเครื่องเคลือบชิ้นใหม่เพื่อคุณย่าของผมอีก ความลำบากตรงนี้ก็ควรจะถูกคำนวณเข้าไปด้วยหรือเปล่า อย่างต่ำต้องห้าแสนห้าหมื่นหยวน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลินเยว่ไม่หลงกลแผนนี้เลยสักนิด เขาก็ยังพูดยืนยันความคิดของตัวเอง “สี่แสนห้าหมื่นหยวน มากกว่านี้อีกหยวนเดียวก็ไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นรอเจอกันที่ศาลเถอะ!” ระหว่างที่ชายหนุ่มพูด เขาก็พยายามแย่งโทรศัพท์ของตัวเองจากมือของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับมาเพื่อเตรียมจะโทรแจ้งตำรวจ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ คนนั้นก็รีบเบี่ยงหนีทันที เขาพยายามพูดไกล่เกลี่ย “เื่นี้พวกคุณทั้งสองฝ่ายต่างมีความผิดกันทั้งคู่ ทำไมถึงไม่ยอมถอยหลังกันคนละก้าวล่ะ เอาอย่างนี้ดีไหม ห้าแสนหยวน พ่อหนุ่ม คุณรวบรวมเงินเพิ่มอีกห้าหมื่น รวมแล้วเป็ห้าแสนหยวนได้ไหม?”
หลินเยว่คิดอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายเขาก็พยักหน้าตอบรับอย่างจนใจ “ห้าแสนก็ได้ คุณตกลงไหมล่ะ? หากตกลงก็ว่ากันตามนี้ แต่ถ้าไม่ตกลง คุณอยากทำอะไรก็เชิญทำตามสบายเลยเถอะ” ระหว่างที่หลินเยว่พูด เขาก็จ้องตรงๆ ไปยังชายหนุ่มผู้นั้น
ชายหนุ่มมีสีหน้าอึดอัด แต่ดวงตาของเขากลับเป็ประกาย ซึ่งประกายนี้ก็เป็การเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาออกมา เขาทำเป็ครุ่นคิดอยู่นานพอสมควร และสุดท้ายก็กัดฟันพร้อมถอนหายใจ “ห้าแสนก็ได้ แค่แป๊บเดียวก็ต้องขาดทุนไปหนึ่งแสน ผมทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ย”
“เหตุการณ์จบลงด้วยดี จบอย่างนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ” คนที่ยืนล้อม 3 คนนั้นก็มีสีหน้าดีใจเช่นกัน ดูจากท่าทีของพวกเขาก็เหมือนกับว่าพวกเขาได้ทำความดีอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
หลินเยว่สังเกตสีหน้าท่าทางของทั้งสามคนนี้อย่างละเอียด เขายิ้มเย็นอยู่ในใจ การกระทำของเขาเมื่อสักครู่นี้เป็การหลอกคนพวกนี้เพื่อดูท่าทีแต่ละคนว่าเป็อย่างไร คาดไม่ถึงว่าสิ่งที่เขาคิดไว้นั้นถูกต้องจริงๆ ต่อไปนี้ก็จะเป็เวลาแฉกระบวนการต้มตุ๋นของคนพวกนี้ แล้วก็จับพวกเขามัดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
หลินเยว่พูดขึ้น “จะให้ผมจ่ายให้คุณห้าแสนก็ไม่มีปัญหาหรอกนะ เดี๋ยวคุณตามผมไปเอาเงินก็พอ แต่ว่าก่อนที่จะไป ผมขอดูเครื่องเคลือบใบนี้ก่อน หากมันเป็ของปลอมขึ้นมาล่ะ”
“คุณบอกว่าเครื่องเคลือบของผมเป็ของปลอมอย่างงั้นหรอ? นี่เป็การดูถูกกันชัดๆ!” ชายหนุ่มโกรธปรี๊ดขึ้นมาทันที เขาตะคอกเสียงดัง “พวกคุณไม่ต้องห้ามผมแล้วนะ ผมจะฟ้องเขา ทำให้เขาล้มละลาย!”
“ใจเย็นๆ คุณจะร้อนใจไปทำไม?” หลินเยว่มองชายหนุ่มด้วยสายตาเ็าพร้อมพูดขึ้น “ผมไม่ได้หมายถึงว่าคุณจงใจเอาของปลอมมา ผมหมายถึงว่าของที่คุณซื้ออาจจะเป็ของปลอมชิ้นหนึ่งก็ได้ เพียงแต่ว่าคุณไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง”
“จะเป็ของปลอมได้อย่างไรล่ะ นี่เป็ของที่ผมซื้อมาจากหรงเล่อเซวียนเลยนะ หรงเล่อเซวียนไม่มีทางมีของปลอมอยู่แล้ว”
“หรงเล่อเซวียน?” หลินเยว่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเขาก็แอบดีใจ พวกแก๊ง “ชนเครื่องเคลือบ” กล้าอ้างถึงหรงเล่อเซวียนเชียวหรือ เดี๋ยวเขาจะเข้าไปหรงเล่อเซวียนพร้อมกับคนพวกนี้ พอถึงตอนนั้นคำพูดโกหกทั้งหลายก็จะถูกเปิดเผยออกมา เครื่องเคลือบใบนี้เป็ของแท้หรือของปลอม ให้ท่านเฮ่อพิสูจน์ก็จะรู้ความจริง ถึงจะเป็ของแท้จริงๆ อย่างมากเขาก็ชดใช้เงินคืนให้ชายหนุ่มผู้นี้ ถึงตอนนั้นเขาก็ชดใช้เงินได้อย่างสบายใจ อีกทั้งการไปจัดการเื่นี้ที่หรงเล่อเซวียนก็ถือได้ว่ามีความสะดวกทีเดียว
หลินเยว่นั่งลงยองๆ และหยิบเศษเครื่องเคลือบขึ้นมาดู ความจริงเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบเอกรงค์สีถั่วเขียวเลยสักนิด วัตถุโบราณพวกนี้สิ่งเดียวที่เขารู้จักก็คือเครื่องเคลือบฟ้าคราม และเขาก็โชคดีเก็บตกซื้อของถูกได้จริงๆ เสียด้วย วันนั้นเขาช่างโชคดีจริงๆ แต่ทว่าไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้เขาจะโชคดีเหมือนครั้งที่แล้วอีกหรือเปล่า
เศษเครื่องเคลือบบนพื้นเมื่อจับไว้ในมือก็ให้ความรู้สึกทั้งลื่นและเนียน เป็ความรู้สึกที่ดีจริงๆ อีกทั้งเวลาััยังให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นอีกด้วย ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้ความรู้สึกในการััเป็ตัวพิสูจน์ว่าเครื่องเคลือบชิ้นนี้เป็ของแท้หรือของปลอมได้เลย ตอนที่หลินเยว่สังเกตดู เขาจึงแกล้งทำท่าเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งการกระทำนี้ของเขานั้นมีเป้าหมายก็คือ้าสร้างความกดดันให้กับคนทั้ง 4 คนนี้ และเพื่อดูว่าสีหน้าท่าทางของพวกเขาจะเป็อย่างไร
และเป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่หลินเยว่นั่งยองๆ เพื่อหยิบเศษเครื่องเคลือบนั้น ใบหน้าของพวกเขาทั้ง 4 คนก็เริ่มแสดงความเครียดออกมาบ้าง และหลินเยว่ก็เห็นสีหน้าเหล่านี้อย่างเต็มตา
หลินเยว่จึงมีความมั่นใจมากขึ้น เขาแกล้งทำเป็สังเกตอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน
“เป็อย่างไรบ้าง? เป็ของแท้ใช่ไหมล่ะ?” ชายหนุ่มถามขึ้น
“คุณเอาของปลอมมาได้ยังไง คิดจะหลอกเอาเงินโดยการ ‘ชนเครื่องเคลือบ’ แต่กลับไม่ยอมเลือกเครื่องเคลือบที่ปลอมได้เนียนสักหน่อย โชคดีที่ผมรู้เื่เครื่องเคลือบเป็อย่างดี ไม่อย่างนั้นผมคงถูกคุณหลอกแล้วล่ะ” หลินเยว่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเ็า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกและความโกรธจัด