"แต่วันนี้เป็วันตายของนางเปิ่นกงจะลืมมันได้อย่างไร วันนั้นนาง...นอนอยู่ในอ้อมแขนของเปิ่นกง ทั้งร่างอาบไปด้วยเื"
เสียงนั้นเปี่ยมด้วยความเศร้าโศกของฮองเฮาอวี่เหวิน ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากน้ำเสียงที่สง่างามที่ได้ยินในวันนั้น
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ในทุกปี วันนี้เป็วันที่เ็ปที่สุดของนาง แต่ในฐานะฮองเฮานางต้องระงับความเ็ปและทำหน้าที่ฮองเฮาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เฉพาะเมื่อไม่มีใครอยู่รอบๆ นางก็จะมาที่นี่ไว้อาลัยลูกสาวของนางในสวนร้อยสัตว์แห่งนี้
“จี้เยวี่ยเอ๋ยจี้เยวี่ย บิดาของเ้ารักเ้ามากในตอนนั้นแต่ตอนนี้ ในใจเขาจะยังจำเ้าได้อยู่หรือไม่?” ฮองเฮาอวี่เหวินมุมปากแสดงออกถึงความขมขื่น“หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดถึงเ้าเลย ไม่เคยแม้แต่มาที่สวนร้อยสัตว์ที่นี่กลายเป็ที่ต้องห้าม เป็เพราะกลัวที่จะััที่ที่เกิดเหตุแต่ใครจะรู้เหตุผลที่แท้จริง”
คำพูดสุดท้ายของนางถูกตำหนิขึ้นมาเล็กน้อย
“เหนียงเหนียงเพคะ พระองค์อย่าตำหนิฝ่าาเลยเพคะ ฝ่าาเองก็ทุกข์ใจไม่น้อยเช่นกันเพคะ”เสียงปลอบใจจากเจินกูกู[1]ที่อยู่ข้างๆ นางเป็สาวใช้ส่วนตัวของฮองเฮา คอยปรนนิบัติรับใช้ฮองเฮามาตลอดเื่ราวยามนั้น นางก็ผ่านมาด้วยตัวเอง
"ทุกข์ใจงั้นหรือ?"ฮองเฮาอวี่เหวินหัวเราะเบาๆ ความเกลียดชังผุดขึ้นมาบนใบหน้า "หากเขาทุกข์ใจเขาจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวข้าจากไปอย่างไม่ชัดเจนเยี่ยงนี้"
"เหนียงเหนียง..."เจินกูกูอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีกครั้งทว่าก็ถูกฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยตรัสบทขึ้นมาก่อน
"เ้าออกไปเถิดให้เปิ่นกงอยู่เป็เพื่อนจี้เยวี่ย"ฮองเฮาอวี่เหวินดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าอารมณ์ของนางกระวนกระวายเกินไปในตอนนี้ นางสงบลงเล็กน้อยและสั่งนางกำนัลาุโ
เจินกูกูเหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวิน“เหนียงเหนียงเพคะ เช่นนั้นบ่าวจะไปต้มโจ๊กให้ท่าน เมื่อครู่ในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวเหนียงเหนียงยังไม่ได้กินอะไรเลยนะเพคะ”
คำตอบของนางคือความเงียบ ชั่วขณะหนึ่งเจินกูกูถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เหนียงเหนียงเพคะ ตอนกลางคืนที่นี่อากาศเย็น เหนียงเหนียงพักอยู่นี่ครู่หนึ่งแล้วกลับตำหนักฉิ่นเถิดเพคะ”
หลังจากนั้น หญิงชราก็คำนับฮองเฮาอวี่เหวินและเดินออกไปนอกูเาจำลอง
เหนียนยวี่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหินอย่างระมัดระวังฟังเสียงฝีเท้าของนางกำนัลาุโ แต่กลับมีคำพูดที่เพิ่งได้ยินดังก้องอยู่ในหัว
เหนียนยวี่รู้สึกใ นางคิดมาตลอดว่าทุกคนในแคว้นเป่ยฉีคิดว่าฮ่องเต้และฮองเฮาเป็สามีภรรยาที่รักใคร่กันแม้ในชาติก่อน ยามที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อโปรดปรานชิงหร่านระหว่างสองพระองค์ก็ยังคงเคารพกันและกันเฉกเช่นเคารพแขกผู้มีเกียรติทว่าคาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่าในใจของฮองเฮาอวี่เหวินจะเกลียดชังฮ่องเต้หยวนเต๋อเช่นนี้
องค์หญิงจี้เยวี่ย...
''หากเขาทุกข์ใจเขาจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวข้าจากไปอย่างไม่ชัดเจนเยี่ยงนี้’
ความหมายในคำพูดของฮองเฮาอวี่เหวิน หมายความว่าการตายขององค์หญิงจี้เยวี่ยไม่ได้ง่ายเช่นที่เห็นอย่างนั้นหรือ
“ลูกสาวข้า เป็แม่ที่ไม่ดีเองวันนั้นหากไม่ใช่เพราะแม่ไม่ได้อยู่กับเ้า เ้าคงไม่...” ด้านนอกสวนร้อยสัตว์เสียงของฮองเฮาอวี่เหวินดังขึ้นอีกครั้งอย่างอ่อนล้า “เ้าคงจะรู้วันนั้นที่เห็นร่างกายเ้าอาบไปด้วยเื แม่เกลียดชังจนอยากจะทำร้ายตัวเองคนที่ทุกข์ใจคือข้าเอง เ้ายังเด็กนัก แต่…”
คำพูดในตอนท้าย ความเ็ปในหัวใจของฮองเฮาอวี่เหวิน ราวกับมิอาจเอ่ยเอื้อนคำใดต่อไปได้อีก
เงียบไปนานครู่หนึ่ง เหนียนยวี่ที่ยืนอยู่ในถ้ำของูเาจำลอง ดูเหมือนจะสามารถััได้ถึงความเ็ปในหัวใจของฮองเฮาอวี่เหวินที่ภายนอกดูเด็ดเดี่ยวได้
นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชาติที่แล้วลูกในท้องนางที่เกือบจะครบเดือนคนนั้น...
หัวใจของนางเต้นแรงด้วยความเ็ป หากนางไม่นำทหารออกสำรวจในวันนั้นเด็กคนนั้นคงไม่ตายในสนามรบ และทั้งหมดนี้...
ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นผุดขึ้นในใจนาง ถ้าวันนั้นนางไม่เคยได้ยินว่าจ้าวเยี่ยนนำทัพทหารในสนามรบนางก็จะไม่สูญเสียเหตุผลของนางไป ทว่าตอนนี้คิดดูแล้ว ในฐานะที่จะนำทัพด้วยตนเองของเขานั่นคงเป็เพียงกลอุบายที่จะบังคับให้นางเป็ฝ่ายเริ่มก่อน เขารู้ว่า มีเพียงนาง ''เหนียนยวี่'' เท่านั้นที่จะสามารถตีทัพแตกได้
และเขารู้ด้วยว่านางยอมตกอยู่ในอันตรายมากกว่าจะปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตราย
นางชนะการต่อสู้และทำให้แคว้นตงหลียอมจำนนแทบเท้าของเป่ยฉี ราคาที่ต้องแลกไปคือนางสูญเสียลูกในท้องต้องนอนป่วยอยู่บนเตียงและเกือบสิ้นชีวิต
นอกค่ายทหาร เขาบอกกับนางว่าในวันข้างหน้าเราจะมีลูกด้วยกันอีกมากเท่าที่นาง้า นาง้ามีมากเท่าใดก็จะมีมากเท่านั้น
ตอนนั้นในใจของเขาเคยเ็ปเพราะสูญเสียลูกไปบ้างหรือไม่?
ไม่ต้องคิด เหนียนยวี่ก็รู้คำตอบชายคนนั้นใช้ตัวเองเป็หมากั้แ่ต้นจนจบ ในใจไม่มีเื่สตรี ไม่มีเชื้อไขมีแต่บัลลังก์ อำนาจและความทะเยอทะยานที่ไม่มีวันเติมเต็มได้!
จ้าวเยี่ยน...ท่าทางที่ไม่แยแสของเขาผุดเข้ามาในหัวของเหนียนยวี่ มุมปากที่ยกยิ้มเย้ยหยันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
"ท่านแม่..."
ในความมืดมีเสียงเรียกเบาๆดึงความคิดของเหนียนยวี่กลับคืนมา
ท่านแม่หรือ?
เสียงเด็กวัยละอ่อนนั่น...
ในใจของเหนียนยวี่คับแน่น จากนั้นนางก็ได้ยินน้ำเสียงเคลือบความสงสัยของฮองเฮาอวี่เหวินดังขึ้นมา
"จี้เยวี่ยหรือ? ลูก...จี้เยวี่ย ใช่เ้าหรือไม่?" ฮองเฮาอวี่เหวิน ดูกังวลเล็กน้อย
“ท่านแม่...โอ๊ย...ช่วยลูก ช่วยข้าด้วยข้าเจ็บ...” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นอีกครั้งดูเหมือนความกลัวและความเ็ปรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงพูดไม่ใกล้นัก เสียงมาจากทิศไกลๆและที่มาของเสียงนั้น...
ด้วยไม่รู้ว่ามีเหนียนยวี่ ฮองเฮาอวี่เหวินก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจากทางสวนร้อยสัตว์
สวนร้อยสัตว์หรือ?
สวนร้อยสัตว์เป็พื้นที่ต้องห้าม แล้วจะมีเสียงร้องออกมาได้อย่างไรแล้วยังเป็เสียงเด็กอีกด้วย
และเสียงที่เรียกท่านแม่ นั่นมิใช่มายา แต่ว่ามีอยู่จริง
เหนียนยวี่ตระหนักได้ถึงความไม่ปกติของเื่นี้ทว่าตอนนี้ฮองเฮาอวี่เหวินที่ในใจคิดถึงลูกสาวของนาง เมื่อได้ยินเสียงนั้นดูเหมือนจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว เสียงนั้นร้องเรียกท่านแม่ เดี๋ยวกรีดร้องขอความช่วยเหลือราวกับทำให้นางได้หวนกลับไปในเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อนจี้เยวี่ยที่นอนอยู่ในอ้อมแขน ทั้งร่างอาบไปด้วยเื ร้องขอความช่วยเหลือ
“จี้เยวี่ย ไม่ต้องกลัว แม่จะช่วยเ้า ไม่ต้องกลัว...” ฮองเฮาอวี่เหวินเต็มไปด้วยความกังวลน้ำตาไหลไม่หยุด นางก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เดินไปที่ประตูสวนร้อยสัตว์และขยับกลไกของประตู
เมื่อก่อนไม่มีประตูเช่นนี้ในสวนร้อยสัตว์หลังจากเหตุการณ์ขององค์หญิงจี้เยวี่ยในปีนั้น ฮ่องเต้หยวนเต๋อได้สั่งปิด ตอนนั้นเองที่มีการสร้างประตูเช่นนี้ขึ้น
กลไกนั้นยากมากที่บุรุษจะขยับ แต่ยามนี้มันกลับเปิดได้อย่างง่ายดาย
เสียงแ่เบาแว่วเข้ามาในหูของเหนียนยวี่ เหนียนยวี่ใ ฮองเฮาอวี่เหวิน...นาง กำลังจะเข้าไปในสวนร้อยสัตว์หรือ
นี่เป็ไปได้อย่างไร?
แม้ว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อจะสั่งให้จัดการสัตว์ป่าทั้งหมดแล้วแต่ในสวนร้อยสัตว์...
เมื่อนึกอะไรขึ้นได้สีหน้าของเหนียนยวี่ก็ยิ่งเคร่งขรึม หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับสวนร้อยสัตว์ แต่นางรู้ว่ามีป่าปกคลุมหนาแน่นและภูมิศาสตร์ก็ซับซ้อนมากโดยเฉพาะในพุ่มไม้หนาม ยากที่คนธรรมดาจะหาทางออกได้
หากฮองเฮาอวี่เหวินอยู่นอกป่าหนามก็พอได้แต่ถ้าเข้าไปในป่าละก็...
เหนียนยวี่ตระหนักถึงอันตรายโดยแทบไม่ต้องคิด นางรีบวิ่งออกจากถ้ำพยายามป้องกันไม่ให้ฮองเฮาอวี่เหวินเข้าไปในสวนร้อยสัตว์...
[1]กูกูคำเรียกนางกำนัลาุโ