ูเี่อันกำลังพยายามหลบเขาลู่เป๋าเหยียนดูออก
เธอกลัวการกินยาั้แ่เด็กตอนที่เขาไปพักที่บ้านเธอชั่วคราว มีวันหนึ่งจู่ๆ เธอก็วิ่งเข้ามาในห้องเขาเด็กหญิงอายุสิบขวบที่คล่องแคล่วว่องไวคนนั้น เข้าไปแอบอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงพลางพูดว่า
“พี่เป๋าเหยียนคะอย่าบอกคุณแม่นะว่าหนูอยู่ที่นี่”
ไม่นานแม่ของเธอก็เข้ามาหาเธอในห้องเขาลู่เป๋าเหยียนถึงได้รู้ว่าเธอไม่ยอมกินยาและสาเหตุนี้ทำให้คนทั้งบ้านต้องคอยปวดหัวกับเธอั้แ่เด็ก
ตอนหลังเขาจึงต้องเป็คนกล่อมให้เธอยอมกินเม็ดยาหลากสีหลากไซส์พวกนั้นเขาบอกเธอว่า ถ้ายอมกินเดี๋ยวเขาจะพาไปเที่ยว
แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่มีโอกาสได้ทำตามคำสัญญานั้น
ผ่านไปก็ตั้งหลายปีเธอยังคงเหมือนเดิม เวลาเห็นยาก็ทำท่าอย่างกับกระต่ายน้อยเจอหมาป่าดุร้ายอย่างไรอย่างนั้น
ลู่เป๋าเหยียนจับไหล่เธอแน่น“คิดว่าแอบเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วไม่ต้องกินยาหรือยังไง”
ูเี่อันพยายามยิ้มออกมา“ที่จริงฉันไม่ได้ปวดเท่าเมื่อเช้าแล้ว ไม่กินยาก็คงไม่เป็ไร...มั้ง”
“ฉันจะยอมเรียกนายว่าพี่ชาย!”เมื่อเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของลู่เป๋าเหยียน เธอจึงพูดเสริมขึ้น
ลู่เป๋าเหยียนดูสนใจในเงื่อนไขนี้เขาเลิกคิ้ว
“ไหนลองเรียกสิ”
“พี่เป๋าเหยียนคะ...”
คนที่โผล่หน้าออกจากผ้าห่มเพียงแค่คืบด้วยท่าทางราวกับกระต่ายน้อยแสนเชื่อฟังเธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและออดอ้อน หวานจับใจคนฟังเสียยิ่งกว่าตอนเด็ก
ลู่เป๋าเหยียนลูบผมเธออย่างพอใจ
“เด็กดี กินยาซะ”
เปรี้ยง!เหมือนมีสายฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ูเี่อันจ้องลู่เป๋าเหยียนอย่างมึนงงไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะโดนเขาแกล้งเข้าให้แล้ว
“คนนิสัยไม่ดี!”เธอเบือนหน้าหนีอย่างโมโห “นายหลอกฉันอีกแล้วนะ!”
ตอนสิบขวบหลังจากที่เธอรู้จักกับลู่เป๋าเหยียนได้ไม่นาน เธอก็ป่วยจนต้องกินยาเป็เวลานานเพื่อหลีกหนีการกินยา เธอใช้ทุกแผนการแล้วแต่ก็ไม่ได้ผลจึงลองวิ่งไปหาลู่เป๋าเหยียน โดยหวังว่าเขาจะยอมช่วยเธอ
แต่สุดท้ายเขากลับร่วมมือกับแม่ช่วยกันกล่อมเธอกินยาเธอเบะปากพลางส่ายหัวอย่างดื้อรั้น จนลู่เป๋าเหยียนพูดขึ้นว่า
“ถ้ายอมกินยาพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปสวนสนุก”
เธอกะพริบตาปริบๆและยอมฝืนกินยาเข้าไป แต่พอตกกลางคืน แม่กลับบอกเธอว่าพรุ่งนี้คุณน้าถังกับลู่เป๋าเหยียนก็จะเดินทางไปอเมริกาแล้ว
วันรุ่งขึ้นที่พวกเธอไปส่งลู่เป๋าเหยียนที่สนามบินเธอไม่ยอมคุยกับเขาแม้แต่คำเดียว ต่อให้เขายื่นอมยิ้มให้เธอมากมายแค่ไหนเธอก็ยังไม่ยอมคุยกับเขาอยู่ดี
เขารับปากกับเธอว่าจะพาไปสวนสนุกแต่แล้วทำไมเขากลับหนีไป แถมยังหนีไปในที่ที่เธอตามไม่ได้อีกต่างหาก
เธอนึกว่ามีเพียงแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ชอบหลอกเธอนึกไม่ถึงเลยว่าลู่เป๋าเหยียนก็จะหลอกเธอเหมือนกัน
สุดท้ายลู่เป๋าเหยียนจึงถอนหายใจยอมแพ้
“ต่อไปต้องเชื่อฟังคุณน้ายอมกินยาด้วยนะเด็กดี”
จากนั้นเขาก็เดินจากไปเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องภาพของเขาค่อยๆ ไกลออกไป พร้อมๆ กับตาของเธอที่เริ่มพร่ามัว
“เจี่ยนอันร้องไห้ทำไมลูก” แม่ถามพลางเช็ดคราบน้ำตาให้เธอ“ไม่อยากให้คุณน้าถังกับพี่เป๋าเหยียนจากไปใช่ไหม”
เธอร้องไห้เสียงดังพลางเอ่ยอย่างตัดพ้อ
“พี่เขาหลอกหนูเขาหลอกหนู...”
ตอนนั้นเขาหลอกเธอสำเร็จมาตอนนี้เขาก็หลอกเธออีกครั้ง
ูเี่อันรู้สึกว่าตนเองไม่เอาไหนจริงๆนับวันยิ่งชอบนึกถึงเื่ในอดีต
ลู่เป๋าเหยียนไม่นึกเลยว่าเธอยังคงจำเื่ในตอนนั้นได้เขายื่นแก้วน้ำให้เธอ
“ฉันจะไม่หลอกเธออีกแล้วกินยาเถอะนะเด็กดี”
“...”ูเี่อันไม่เชื่อเขาอีกต่อไป
“ดื่มน้ำก่อนแล้วค่อยกลืนยาตามลงไป ไม่ขมหรอก”
ลู่เป๋าเหยียนพูดอย่างใจเย็นกว่าทุกทีจนเธอเริ่มไม่กล้าที่จะตั้งแง่กับเขาอีกต่อไป เธอกินยาตามที่เขาบอกมันไม่ได้ขมเหมือนเวลากินยาก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำจริงๆ ด้วยเธอพยายามฝืนกลืนยาลงคอ และยอมนอนให้น้ำเกลือจนหมดขวด
ลู่เป๋าเหยียนกดสัญญาณให้พยาบาลมาช่วยเอาเข็มน้ำเกลือออก
“นอนพักสักครู่นะคะถ้าไม่รู้สึกอ่อนเพลีย ก็สามารถกลับบ้านได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”ูเี่อันพูดพลางตลบผ้าห่มออกเตรียมลุกขึ้น แต่ลู่เป๋าเหยียนจับไหล่เธอไว้
“พยาบาลบอกให้เธอนอนพักก่อน”
“ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อยไม่ต้องนอนพักก็ได้”
ูเี่อันรีบใส่รองเท้าอย่างรวดเร็ว“ไปกันเถอะ”
ผลของการให้น้ำเกลือและฤทธิ์กินยาทำให้สีหน้าของูเี่อันดีขึ้นมากริมฝีปากบางเริ่มมีสีสัน แววตาเริ่มสดใสขึ้นดูท่าปีศาจน้อยจอมแก่นคนเดิมจะกลับมาแล้ว
ลู่เป๋าเหยียนพาเธอออกจากโรงพยาบาลแต่ก่อนที่จะสั่งคนขับรถให้ออกรถ เขาหันมาถามเธอว่า
“อยากกินอะไร”
ได้ยินดังนั้นูเี่อันจึงนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้เขาจะพาเธอไปกินข้าวแต่สุดท้ายกลับต้องมาโรงพยาบาลเสียก่อน
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เรี่ยวแรงเท่านั้นที่กลับมาความหิวก็เธอก็กลับมาด้วย ูเี่อันคิดแล้วจึงตอบไปว่า
“อยากกินทุกอย่างเลยนายเลือกแล้วกัน”
ลู่เป๋าเหยียนให้คนขับรถพาไปที่เขตเมืองเก่า
ใน่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเมือง G เป็เมืองที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเมืองหนึ่งของประเทศเขตธุรกิจที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเทียบเคียงได้กับเมืองใหญ่ในระดับสากลส่วนเขตเมืองเก่าก็ยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่เป็เอกลักษณ์ของเมืองเอาไว้อย่างดีจังหวะชีวิตที่เร่งรีบและวุ่นวายในยุคปัจจุบันไม่อาจแทรกซึมเข้ามาในวิถีชีวิตของคนที่นี่ได้เลย
ตึกแถวที่สร้างเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำสีมรกตโคมไฟจีนโบราณที่ถูกแขวนไว้สองข้างและสิงโตหินแกะสลักที่คอยปกปักรักษาอยู่ที่หน้าประตูบ้านหากไม่มีแสงไฟนีออนจากริมแม่น้ำที่คอยย้ำเตือนว่า นี่คือโลกแห่งศตวรรษที่ 21 แล้วล่ะก็อาจจะทำให้ผู้มาเยือนเข้าใจผิดได้ว่าตนได้ย้อนกลับมาในยุคโบราณ
การพัฒนาเขตเมืองเก่าให้กลายเป็แหล่งท่องเที่ยวนั้นถูกออกแบบไว้ได้เป็อย่างดีมีการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของยุคอดีตแสงจากโคมไฟจีนและไฟนีออนช่วยกันทำหน้าที่ส่องสว่างให้กับพื้นที่ริมแม่น้ำได้อย่างลงตัว
เสียงฆ้องและเสียงกลองที่ดังลอยมาจากเวทีแสดงงิ้วที่อยู่ไกลออกไปก้องกังวานใสไพเราะจับใจ
ลู่เป๋าเหยียนพาูเี่อันเข้าไปในร้านอาหารริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง
ร้านอาหารแห่งนี้ดัดแปลงมาจากตึกแถวโบราณแผ่นกระเบื้องภายในร้านยังมีร่องรอยของความเก่าแก่ ดูมีอายุไม่น้อยโต๊ะและเก้าอี้ไม้วางอยู่ริมหน้าต่างจากตรงนั้นสามารถมองเห็นแม่น้ำและต้นไม้เขียวขจี และไกลออกไปไม่มากมีเวทีแสดงงิ้วที่นักแสดงกำลังเล่นเื่ราวสุดคลาสสิกอย่าง ‘Farewell My Concubine’1
หลายปีมานี้ซูอี้เฉิงพาเธอไปมาก็หลายที่ ไม่ว่าจะเป็ภัตตาคารหรูหราหรือร้านอาหารตามโรงแรมแต่ร้านอาหารที่สามารถนั่งชมการแสดงงิ้วไปด้วยแบบนี้ เธอเพิ่งเคยเห็นเป็ครั้งแรก
เธอชอบความอึกทึกที่อยู่ท่ามกลางความสงบแบบนี้เป็อย่างมาก
เธอมองลู่เป๋าเหยียนพลางพูด“นายเองก็ไม่ค่อยได้มาเมือง G ทำไมถึงรู้จักที่นี่ได้ล่ะ”
“ที่นี่เป็ร้านของเพื่อนฉันตึกนี้ก็เป็บ้านเก่าของตระกูลเขา”
ลู่เป๋าเหยียนลากเก้าอี้ออกมาใหู้เี่อันนั่งลงในตอนนั้นเอง ชายร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องที่ดูหนุ่มแน่นอีกสองคน
ชายคนนั้นสูงพอๆ กับลู่เป๋าเหยียนแต่ดูแข็งแกร่งบึกบึนกว่าเขาหลายเท่าภายใต้เสื้อผ้าลำลองของเขาเผยให้เห็นถึงมัดกล้ามที่แข็งแรงโครงหน้าเด่นชัดและผิวสีแทน ดูสมบุกสมบันดั่งชายชาตรีทำให้คนมองรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขาม
เขาแย้มยิ้มมุมปากบางที่ดูจะติดเ้าเล่ห์นิดๆพลางยื่นมือมาทางูเี่อัน
“ผมคือเพื่อนคนที่ลู่เป๋าเหยียนบอกคนนั้นผมแซ่มู่ มู่ซือเจวี๋ย”
ูเี่อันนึกไม่ถึงว่าร้านอาหารที่ดูประณีตขนาดนี้จะมีเ้าของจะเป็ชายร่างใหญ่คนนี้ เธอยื่นมือออกไปอย่างอึ้งๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันซู...”
“ผมรู้จักคุณ”
มู่ซือเจวี๋ยยิ้มตาหยีตอบเธอูเี่อันรู้สึกว่าในรอยยิ้มของเขาเหมือนมีความนัยบางอย่างแฝงอยู่จนเธอเริ่มชักจะสงสัย
ลู่เป๋าเหยียนปรายตามองมู่ซือเจวี๋ยเหมือนจะตักเตือนอะไรบางอย่างมู่ซือเจวี๋ยจึงถอนหายใจ
“เื่ของพวกคุณลงข่าวหน้าหนึ่งบ่อยขนาดนั้นผมก็ต้องรู้จักอยู่แล้วจริงไหม”
จากคำพูดอันแเีมีแต่เขาคงเดียวที่รู้ดีว่า ตนพูดออกไปเพียงเพื่อหลอกูเี่อันให้ตายใจเท่านั้นหากวันไหนเขานึกอยากจะจิบเหล้าพร้อมไปกับการบอกความจริงทุกอย่างให้กับูเี่อันแล้วละก็ดวงตาคู่นั้นของเธอคคงไม่ได้มีแค่เพียงความสงสัย
คนที่เถรตรงอย่างูเี่อันมีหรือจะดูออกถึงความเ้าเล่ห์ของมู่ซือเจวี๋ยเธอนับเขาเป็เพื่อนคนหนึ่งไปแล้วเรียบร้อย
“กินข้าวแล้วหรือยังคะมาร่วมโต๊ะกับเราไหม”
“ผมไม่รบกวนพวกคุณดีกว่า”มู่ซือเจวี๋ยกล่าว “ผมก็แค่เดินมาทักทายคุณเท่านั้น เพราะยังไงเราก็คงต้องรู้จักกันในไม่ช้าวันนี้อยากทานอะไรสั่งได้เลยนะครับ ผมเลี้ยงเอง”
บรรยากาศรอบกายเขาดูดำมืดและน่าเกรงขามรอยยิ้มดูอ่านยากเหมือนกับลู่เป๋าเหยียน แต่จุดที่ไม่เหมือนกันก็คือ รอยยิ้มของลู่เป๋าเหยียนมักจะเ็าจนคนมองอยากจะปาดเหงื่อส่วนมู่ซือเจวี๋ยนั้นรอยยิ้มของเขาดูลึกลับราวกับอยู่ในโลกแห่งความมืดที่มีเขาเป็ศูนย์กลาง
“พี่เจ็ดเฮยจื่อเร่งให้พวกเรารีบไปที่ท่าเรือได้แล้วครับ”ลูกน้องเตือนมู่ซือเจวี๋ยเสียงเบา
มู่ซือเจวี๋ยเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายๆพลางยิ้ม
“คงต้องขอตัวก่อนเชิญตามสบายนะครับ”
เขาเดินจากไปพร้อมกับลูกน้องทั้งสองของเขาูเี่อันมองตามหลังของมู่ซือเจวี๋ย ฝีก้าวของเขาดูกร่างและมั่นคงเธอรู้สึกได้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน จึงถามลู่เป๋าเหยียนอย่างสงสัย
“เขาเป็เพื่อนนายจริงเหรอ?”
“ถามทำไม”
“ฉันรู้สึกว่าคนคนนี้...”ูเี่อันกลืนคำที่อยากจะพูดลงไป “ฉันรู้สึกว่านายไม่น่าจะคบเพื่อนลักษณะนี้น่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้ว“ทำไมล่ะ”
“ว่ากันว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”ูเี่อันกล่าว “เขาดูไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป”
แต่จะว่าไปเธอแต่งงานกับลู่เป๋าเหยียนมาตั้งนาน นี่เป็ครั้งแรกที่ได้เจอเพื่อนเขาปกติเขาไม่เคยพูดถึงเพื่อนๆ มาก่อนจนเธอนึกว่าคนที่อยู่บนจุดสูงสุดอย่างเขาคงจะไม่มีเพื่อนแต่เขากับมู่ซือเจวี๋ยดูสบายๆ เป็กันเองจนเหมือนกับว่าสนิทกันมาก
“พวกเรารู้จักกันมานานโดยไม่มีเื่ผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง” ลู่เป๋าเหยียนอธิบาย “ที่พาเธอมาที่นี่เพราะอยากให้เธอรู้จักเขา จำไว้ อีกหน่อยหาเกิดเื่อะไรก็มาหาเขาที่นี่ได้”
ูเี่อันรู้สึกเหมือนลู่เป๋าเหยียนกำลังกำชับเตือนเธออะไรบางอย่างจึงมองเขาอย่างแปลกใจ
“อีกหน่อยจะเกิดเื่อะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
พนักงานรู้ดีถึงความชอบของลู่เป๋าเหยียนจึงรีบนำชาหลงจิ่งเข้ามาเสิร์ฟ น้ำชาสีเขียวอ่อนที่ส่งไอร้อนขึ้นมาจากถ้วยชามือลู่เป๋าเหยียนที่จับมันอยู่แน่นขึ้นในชั่วขณะ
“แค่อยากบอกเธอเผื่อเอาไว้เฉยๆ”
สายตาเขาราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรผิดแปลก
ูเี่อันจึงถามอย่างไม่ติดใจว่า
“พวกเราจะกินอะไรกันดี”
ลางสังหรณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เธอคงคิดไปเองสินะ ดูจากท่าทางของลู่เป๋าเหยียนในตอนนี้ดูไม่เหมือนจะมีเื่ไม่ดีอะไร
ลู่เป๋าเหยียนส่งเมนูที่พนักงานนำมาให้แล้วก่อนหน้านี้ให้กับูเี่อัน
“เธอสั่งแล้วกัน”
เมื่อเปิดเมนูขึ้นมาถึงได้รู้ว่าที่นี่ขายอาหารหม้อไฟสไตล์ดั้งเดิมของเมือง G
หม้อไฟของที่นี่ไม่เหมือนหม้อไฟทั่วไปน้ำซุปจะเป็สีขาวใส ตัวเครื่องหลักเป็อาหารทะเล และไม่มีการใส่พริกหมาล่าสีแดงเหมือนหม้อไฟของที่อื่นหน้าตาดูน่าทาน แถมยังรสชาติไม่จัดหญิงสาวที่มีประจำเดือนก็สามารถทานได้อย่างไม่ต้องกังวล
ูเี่อันเพิ่งพูดว่าเธออยากกินไปหมดทุกอย่างคราวนี้คงได้กินทุกอย่างจริงๆ นั่นแหละ
*******************
1 Farewell My Concubine หรือชื่อภาษาไทยคือ “หลายแผ่นดิน แม้สิ้นใจ ก็ไม่ลืม”เป็ภาพยนตร์จีนที่สร้างจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของลิเลียน ลี นักเขียนชาวฮ่องกงโดยนำเสนอความสัมพันธ์แบบสามเส้าแบบ ชาย-ชาย-หญิงภาพยนตร์สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและการเมืองจีนใน่ต้นทศวรรษที่ 20ั้แ่ยุคาจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง การพ่ายแพ้ของกองทัพญี่ปุ่นการโค่นล้มพรรคก๊กมินตั๋งโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนผ่านยุคการปฏิวัติทางวัฒนธรรมที่งิ้วกลายเป็สิ่งต้องห้าม จนมาถึงยุคปัจจุบันเป็ภาพยนตร์ภาษาจีนเพียงเื่เดียวที่ได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 1993
อ้างอิงจาก Wikipedia
