คำพูดนี้ท่านย่าหลี่ไม่ชอบฟังแล้ว ในครอบครัวนี้นางถือเป็ผู้ที่เผด็จการที่สุด มาพูดว่าหลานชายของนางไม่ดี ร้ายแรงยิ่งพูดว่านางไม่ดีเสียอีก นางร้องเสียงเย็นดัง ‘ฮึ’ ขึ้นครั้งหนึ่ง “เ้าคนเปลือกตาบางเช่นเ้า ไม่เคยเห็นโลกภายนอกก็ช่างเถิด แต่ปากของเ้านี่ก็ช่างกระไรเสียจริง พาเ้าออกไปไม่เท่ากับเป็การทำให้หลานชายข้าเสียหน้าหรือไร?”
“ท่านแม่” สะใภ้รองหลี่โมโหแล้ว
“อย่าได้พูดว่าข้าพูดจาไม่น่าฟัง พวกเ้าไม่ว่าผู้ใดหากทำให้หลานชายข้าต้องเสียหน้า ข้าจะตีพวกเ้าให้ตาย ในหมู่บ้านไม่ดีใช่หรือไม่? ในเมืองใหญ่กฎระเบียบมากมาย นั่นไม่ใช่ขายหน้าพวกเ้าหรอกหรือ” ท่านย่าหลี่มีหรือจะไม่รู้ทันความคิดของสะใภ้นางคนนี้ “ครั้งนี้หลานชายของข้าได้นำสิ่งของมาให้พวกเ้า เมื่อก่อนครอบครัวของพวกเรายากจน ไม่มีของดีสักชิ้น ดังนั้นยายแก่เช่นข้าจึงใจแคบ เวลานี้หลานชายล้วนมีสิ่งของให้พวกเ้า ข้าเองก็ไม่ใช่ยายแก่ขี้เหนียว กินข้าวเสร็จแล้วจะแบ่งให้พวกเ้า ซื่อเหนียงรู้จักหนังสือ สิ่งของทุกอย่างล้วนแบ่งอยู่ในถุงเงินแล้ว เขียนชื่อของพวกเ้าเอาไว้เรียบร้อย ไม่มีผิดพลาด”
ความจริงแล้วท่านย่าหลี่เห็นสิ่งของทั้งหมดแล้ว แม้นางจะรู้สึกว่าหลานชายของตนซื้อสิ่งของมามากมายเกินไป แต่ไม่ได้หยิบออกมาสักเท่าไรนัก ที่จริงท่านย่าหลี่เมื่ออยู่ในเรือนนี้คำพูดของนางเป็อันสิ้นสุด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลานชายของนาง ยังคงลดความรุนแรงลงหลายส่วน นางยังฟังคำพูดของหลานชายอยู่บ้าง
เมื่อได้ยินว่าทุกคนต่างมีส่วนแบ่ง สะใภ้รองหลี่จึงไม่พูดต่อแล้ว แววตาปรากฏความยินดีขึ้นหลายส่วน แทบจะทนรอไม่ไหวอยากไปแบ่งสิ่งของเดี๋ยวนี้เลย
“ข้าเองก็คิดถึงลั่วเอ๋อร์แล้วเช่นกัน” หลี่อู่หลางกล่าว เขาเป็คนสติไม่ดีคนหนึ่ง ไม่เป็ผู้ใหญ่ เมื่อยามที่หลี่ลั่วยังไม่ได้ข้ามมิติมานั้น เขามักจะเล่นกับหลี่ลั่ว
“ลั่วเอ๋อร์คิดถึงท่านเช่นกัน ท่านเป็ท่านอาที่เขาชมชอบที่สุด” หลี่ซื่อเหนียงพูด คีบเนื้อให้เขาชิ้นหนึ่ง “กินข้าวเถิด ประเดี๋ยวไปดูกันว่าลั่วเอ๋อร์ส่งของขวัญอันใดมาให้ท่าน”
“อื้มๆ” หลี่อู่หลางกินข้าวอย่างดีใจ
“เนื้อของวันนี้อร่อยจริงๆ”
“แกงจืดปลานี้อร่อยจริงๆ”
“มีไข่ไก่ด้วย ไม่เหมือนไข่ไก่ที่เรากินในยามปกติเลย”
“สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็ลั่วเอ๋อร์ให้คนส่งมา” ท่านย่าหลี่กล่าว “วันนี้ให้พวกเ้าเอาเปรียบแล้ว เดิมทีจะบำรุงร่างกายให้สะใภ้เล็กของพวกเ้า เนื้อเหล่านี่ก็คือหมูสามชั้น ยังมีแกงจืดปลานี้ ตุ๋นมาจากเนื้อปลาแห้ง...สิ่งของในเมืองหลวงนั้นมากมาย ต้องขอบคุณบ่าวสองคนนั้นที่นั่งรถม้ามาส่ง แล้วยังมาบอกอีกว่าไว้ปีใหม่จะมารับพวกเราไปเมืองหลวง ข้าคิดว่าคงไม่ไปแล้ว ท้องของซื่อเหนียงไปกลับทรมานเกินไป”
“ท่านแม่พูดถูกแล้วเ้าค่ะ รอให้ข้าคลอดแล้วค่อยไปเยี่ยมลั่วเอ๋อร์ เขาต้องดีใจกว่าแน่ๆ เ้าค่ะ”
“ใช่ๆๆ ประเดี๋ยวเ้าไปเขียนจดหมายให้ลั่วเอ๋อร์เสีย บอกเขาว่าพวกเราไม่ไปแล้ว...เขาเพิ่งจะกลับไปเมืองหลวง อายุยังน้อย พวกเราอย่าไปเพิ่มความยุ่งยากให้เขาเลย รอให้เขาเติบใหญ่เสียก่อน ยายแก่เช่นข้าค่อยไปพักอยู่ในเมืองหลวงสักหลายวันหน่อยก็มีความสุขแล้ว” ท่านย่าหลี่มีความคิดเป็ของตนเองยิ่งนัก
ข้าวมื้อนี้นับเป็มื้อที่ดีที่สุดของสกุลหลี่ แม้กระทั่งน้ำแกงก็กินจนแห้งเหือด
พอกินข้าวเสร็จทุกคนก็นั่งตาปริบๆ รอแบ่งสิ่งของ
“เก็บของๆ เก็บให้เรียบร้อยแล้วค่อยดู” ท่านย่าหลี่พูดออกมาแล้ว ดังนั้น สะใภ้ใหญ่หลี่ สะใภ้รองหลี่ อาหญิงเล็กหลี่ และยังมีเจี่ยเอ๋อร์อีกสองคนลุกมาช่วยกัน เก็บโต๊ะให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
ท่านย่าหลี่ไปที่ห้องของตน อุ้มสิ่งของมากองหนึ่ง สิ่งของที่หลี่ลั่วส่งมาล้วนวางไว้ในห้องของนาง สิ่งของทุกอย่างในบ้านล้วนเป็นางที่เป็ผู้ดูแล
หญิงสาวหลายคนตาเป็ประกาย เดิมทีคิดว่ามีเพียงเครื่องประดับ คิดไม่ถึงว่ายังมีแพรพรรณอีกด้วย ผ้าเหล่านี้มีส่วนของพวกนางด้วยหรือไม่?
ท่านย่าหลี่นำสิ่งของวางลงบนโต๊ะ หญิงสาวทั้งหลายอดไม่ไหวที่จะยื่นมือออกมาลูบคลำ “ดูท่าทีของพวกเ้าสิ” ท่านย่าหลี่ร้องฮึ “ผ้าลายดอกสีแดงพับนี้ให้ซื่อเหนียงตัดเสื้อใหม่ชุดหนึ่ง ดูเป็มงคลยิ่ง ที่เหลือให้นำไปตัดเสื้อผ้าและกระโปรงให้กับเจี่ยเอ๋อร์ทั้งสองคน” ท่านย่าหลี่กล่าว
“ขอบคุณท่านแม่เ้าค่ะ”
“ขอบคุณท่านย่าเ้าค่ะ” ต้าเจี่ยเอ๋อร์และเอ้อร์เจี่ยเอ๋อร์ดีใจยิ่งนัก พวกนางต่างเติบโตขึ้นมาภายใต้ ‘การกำราบ’ ของท่าย่าหลี่ ขโมยกินเนื้อเพียงชิ้นเดียวก็ยังต้องถูกตี คิดไม่ถึงว่าวันนี้ยังมีเสื้อผ้าใหม่ตัดให้พวกนางด้วย
“ผ้าสีฟ้าพับนี้ให้พวกเ้า สะใภ้ทั้งสอง ผ้าผืนนี้เพียงพอสำหรับตัดเสื้อได้สองชุด” เมื่อครั้งท่านย่าหลี่ยังสาวนางตัดเสื้อผ้าเป็ ดังนั้นผ้าหนึ่งพับตัดเสื้อผ้าได้กี่ชุด นางจึงกระจ่างแจ้งดีเป็อย่างยิ่ง
“ขอบคุณท่านแม่เ้าค่ะ” สะใภ้ใหญ่หลี่กล่าว
“ผ้าของเมืองหลวงนั้นดีจริงๆ ลูบดูแล้วลื่นมือยิ่งนัก” สะใภ้รองหลี่กล่าว แม้จะเป็เพียงเสื้อผ้าชุดเดียว แต่ก็ถือว่ามีเสื้อผ้าใหม่แล้ว ต้องรู้ว่านางนั้นไม่ได้สวมเสื้อใหม่มาสองปีแล้ว แค่คิดขึ้นมาดวงตาก็แดงก่ำ แต่งเข้ามาในสกุลหลี่ไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลย วันนี้นับได้ว่าดีขึ้นบ้าง
ต่อมาเป็ผ้าสีชมพูพับหนึ่ง ท่านย่าหลี่เหลือไว้ให้อาหญิงเล็กหลี่ “เ้าใกล้ถึงเวลาทาบทามคู่ครองแล้ว ผ้าพับนี้ตัดเสื้อผ้าให้เ้าได้สองชุด แม่...” พูดถึงตรงนี้ ท่านย่าหลี่ขอบตาแดงเล็กน้อย ครอบครัวของพวกเขายากจน เมื่อก่อนหากนางไม่คิดอ่านรอบคอบ จะมีชีวิตกันอย่างไร
“ท่านแม่อย่าร้องไห้ วันนี้ต้องดีใจจึงจะถูกเ้าค่ะ” อาหญิงเล็กหลี่กุมมือท่านย่าหลี่เอาไว้
“อืม แม่ดีใจ แม่ดีใจจริงๆ” แต่เมื่อคิดว่าสิ่งของเหล่านี้ต้องใช้หลานชายแลกมา นางก็อยากร่ำไห้ ต่อมานางหยิบผ้าออกมาอีกพับหนึ่ง “ผ้าพับนี้ให้เอ้อร์หลางและอู่หลางตัดเสื้อผ้า”
“มีเสื้อผ้าใหม่ใส่แล้ว” หลี่อู่หลางปรบมือดีใจ
หลี่เอ้อร์หลางเองก็มีรอยยิ้มเล็กน้อย ั้แ่เขาขาพิการก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย
ทั้งครอบครัว เมื่อหลี่ลั่วส่งสิ่งของมานั้นคิดไม่ถึงว่าครอบครัวป้าใหญ่หลี่สองสามีภรรยาจะอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมสิ่งของให้ แต่ผู้ที่เป็มารดาไฉนเลยจะทำให้บุตรสาวของตนลำบากใจได้ ดังนั้นในมือท่านย่าหลี่จึงยังมีผ้าสีม่วงอีกพับหนึ่งให้กับป้าใหญ่หลี่
“ท่านแม่” ป้าใหญ่หลี่ตาแดงก่ำ
“ลูกสาวแม่ เ้ากับลูกเขยเป็คนดี หลายปีมานี้ดีที่ลูกเขยคอยแอบช่วยเหลือ ยัดเยียดเงินให้กับแม่ แม่รู้” ท่านย่าหลี่ตบมือของป้าใหญ่หลี่ “ลำบากเ้าแล้ว”
ป้าใหญ่หลี่ส่ายหน้า ครอบครัวของสามีไม่มีเงิน แม่สามีก็อยู่ด้วยยาก แต่ฐานะดีกว่าที่บ้านตน และสามีของนางเป็ผู้ชายที่ดี ท้องของนางก็รักดี คลอดบุตรชายติดๆ กันสามคน แม่สามีต่อให้อยู่ด้วยยากกว่านี้ก็เห็นแก่หน้าหลานชาย ยังไม่ทำให้นางลำบากใจมากนัก
สะใภ้รองหลี่ตาแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย ป้าใหญ่หลี่ถือดีอย่างไรจึงได้ผ้าไปทั้งพับ แต่นางไม่กล้าพูดออกไป มีความกล้าเพียงใช้สายตามองเท่านั้น
ต่อมาเป็เครื่องประดับ ท่านย่าหลี่เปิดกล่องเครื่องประดับ “ซื่อเหนียง เ้ามาแบ่งเสีย”
“เ้าค่ะ” หลี่ซื่อเหนียงแบ่งตามชื่อที่เขียนอยู่บนถุงผ้าให้แก่พวกเขา
สะใภ้ใหญ่หลี่ผิวค่อนไปทางคล้ำ ใบหน้าซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ดังนั้นนางจึงได้ปิ่นปักผมเงินหนึ่งชิ้น ต่างหูเงินหนึ่งคู่ ต่างหูพลอยสีน้ำเงินหนึ่งคู่ ที่จริงของเหล่านี้ไม่ใช่พลอย แต่เป็เครื่องประดับเล็กน้อย แค่ดูดีเท่านั้น ของเหล่านี้รวมกันแล้วมีราคาเพียงแค่หนึ่งตำลึง ถูกอย่างยิ่ง
สะใภ้รองหลี่มองสะใภ้หลี่ใหญ่ แล้วจึงมองตนเอง สะใภ้รองหลี่ค่อนข้างผิวขาว นิสัยฉุนเฉียวรุนแรง ต่างหูของนางเป็สีแดง เข้ากับสีผิวของนาง ของๆ นางเป็เงินเสียมาก แต่ไม่มีปิ่นปักผม ที่เพิ่มมาคือกำไลข้อมือเงิน
น้ำหนักเงินของกำไลข้อมือนั้นหนักกว่าปิ่นปักผม ไม่ใช่ด้วยหลี่ลั่วลำเอียง แต่สะใภ้รองหลี่เป็คนป่าเถื่อนนัก ให้นางรู้สึกได้เปรียบผู้อื่นจึงจะทำให้นางสบายใจได้
หลี่ลั่วเข้าใจถึงลักษณะนิสัยของพวกเขาอย่างกระจ่างแจ้ง
เครื่องประดับของอาหญิงเล็กหลี่มีน้ำหนักมากกว่าพวกเขาเล็กน้อย ต่างหูสีชมพูและปิ่นปักผมสีชมพูนั้นเป็คู่กัน ทั้งยังมีต่างหูไข่มุกอีกหนึ่งคู่ ปิ่นปักผมไข่มุก และกำไลข้อมือเงิน บนกำไลข้อมือแกะสลักเป็ลวดลายดอกไม้เล็กๆ
ที่สิ่งของของอาหญิงเล็กหลี่มีมากกว่าตนนั้น สะใภ้รองหลี่ยอมรับได้ เพราะหลี่เสี่ยวกูกำลังจะทาบทามคู่ครอง แล้วยังเป็ลูกสาวแท้ๆ ของท่านย่าหลี่
ส่วนป้าใหญ่หลี่ไม่มีเครื่องประดับ
“โอ้โห สิ่งของของอาหญิงเล็กงดงามเหลือเกินเ้าค่ะ” ดวงตาของต้าเจี่ยเอ๋อร์เป็ประกายวาบ
“อืม งดงามจริงๆ น้องลั่วเอ๋อร์ช่างดียิ่งนัก” เอ้อร์เจี่ยเอ๋อร์มองแล้วก็ชมชอบเป็อย่างมาก อยากได้อย่างยิ่ง
หลี่ซื่อเหนียงหัวเราะเบาๆ “พวกเ้าก็มี” นางนำถุงผ้าสองใบแบ่งให้พวกนางสองพี่น้อง
สิ่งของของพวกนางทั้งสองนั้นเหมือนกัน กำไลข้อมือกระดิ่งคู่หนึ่ง สร้อยเงินหนึ่งเส้น ดอกไม้ผ้าสองดอก และยังมีเงินอีกหนึ่งร้อยอีแปะ
“มีเงินด้วย” เอ้อร์เจี่ยเอ๋อร์กล่าว “ท่านแม่ มีเงินด้วยเ้าค่ะ”
“คาดว่าเงินเหล่านี้ลั่วเอ๋อร์คงให้พวกเ้าไปซื้อขนมกิน” หลี่ซื่อเหนียงกล่าว ที่จริงเมื่อตอนที่ตรวจสอบนั้น ท่านย่าหลี่คิดจะเก็บเงินหนึ่งร้อยอีแปะขึ้นมา แต่หลี่ซื่อเหนียงอ้อนวอนนาง นี่เป็น้ำใจเล็กน้อยของหลานชายของตน นางจึงไม่ได้เก็บขึ้นมา
“ยังไม่นำไปซ่อนไว้อีก น้องชายเ้าให้เ้า เ้าก็เก็บเอาไว้” สะใภ้รองหลี่พูดเช่นนี้ แต่คิดเอาไว้ว่ากลับไปแล้วจะต้องเก็บเงินนี้ขึ้นมา
ท่านย่าหลี่นำถุงเงินเก่าๆ ถุงหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตน “วันนี้หลานชายยังส่งเงินมาด้วยจำนวนหนึ่ง พวกเ้าทั้งสองแต่งเข้ามาในสกุลหลี่เป็เวลาหลายปีแล้ว ข้าไม่เคยให้เงินส่วนตัวแก่พวกเ้าเลย วันนี้ถือเสียว่าชดเชยที่ผ่านมาด้วยก็แล้วกัน ต่อไปทุกๆ ปีจะให้พวกเ้าสองตำลึง”
สะใภ้ใหญ่หลี่และสะใภ้รองหลี่ฟังแล้วดวงตาเป็ประกาย ปีละสองตำลึง กินใช้นั้นล้วนเป็ของกองกลาง ส่วนเงินสองตำลึงนี้สามารถเก็บเอาไว้ได้ รอจนลูกเติบโต ก็สามารถเก็บออมได้ยี่สิบตำลึงแล้ว
ท่านย่าหลี่เก็บอาการยินดีของพวกนางเอาไว้ในสายตา ในแววตานั้นปรากฏความปวดใจพาดผ่าน นางหยิบถุงเงินถุงละสิบตำลึงให้พวกนางคนละถุง “อยากกินอะไร ไปซื้อด้วยตนเอง”
สะใภ้รองหลี่ยังนำเงินมากัดอย่างจริงจัง “เป็ของจริง ข้าไม่ได้กำลังฝันไป”
อาหญิงเล็กหลี่หัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง
สะใภ้รองหลี่ไม่ได้รู้สึกหน้าแดงแต่อย่างใดเช่นกัน ก็นี่เป็เงินนี่นา เมื่อก่อนกลับบ้านมารดาเมื่อใดเป็ต้องถูกหัวเราะเยาะ ยามนี้มีเสื้อผ้าใหม่แล้ว ทั้งยังมีเครื่องประดับใหม่ และยังมีเงินส่วนตัว ดูซิว่าผู้ใดยังจะกล้าหัวเราะเยาะนางอีก
แบ่งของเสร็จแล้ว คนทั้งเรือนก็ต่างเข้านอน ค่ำคืนนี้ คนในสกุลหลี่ล้วนอารมณ์ดียิ่งนัก รอยยิ้มบนริมฝีปากนั้นแทบจะหุบไม่ลง
ยกตัวอย่างเช่นสะใภ้รองหลี่ หลังจากหลี่เอ้อร์หลางได้รับาเ็จนขาพิการนางก็เอาแต่รังเกียจเขา ในยามปกติเื่เข้าหอนั้นไม่พูดคุยกัน ทันทีที่เห็นขาของหลี่เอ้อร์หลาง นางก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ อีกทั้งเื่เข้าหอนั้นขาพิการใช้ไม่ได้ ต้องให้ฝ่ายหญิงเป็ฝ่ายกระตือรือร้นเอง ดังนั้นนางจึงไม่อยากทำเื่เข้าหอ ส่วนหลี่เอ้อร์หลางนั้นยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตนเองยิ่งกว่า ย่อมไม่เรียกร้องเอาจากนาง
แต่วันนี้หลังจากที่สะใภ้รองหลี่อาบน้ำเสร็จกลับยั่วยวนหลี่เอ้อร์หลางบนเตียงอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน นางสวมต่างหูสีแดงคู่นั้น ร่างของนางที่ทั้งขาวทั้งนุ่มนั้นพัวพันอยู่บนร่างของหลี่เอ้อร์หลาง จนกระทั่งมานั่งลงบนกายหลี่เอ้อร์หลาง “งดงามหรือไม่?”
ค่ำคืนนี้ หลี่เอ้อร์หลางถูกนางเรียกร้องเอาหลายครั้งเลยทีเดียว ทั้งสองคนต่างนำความอัดอั้นในหลายปีมาปลดปล่อยในค่ำคืนนี้
แม้ว่าฉนวนกั้นเสียงของเรือนนี้จะไม่ดี แต่สมาชิกที่เป็หญิงสาวของสกุลหลี่นั้นมีมาก ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็คือหลี่อู่หลางที่มีภรรยาเป็ของตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วการเคลื่อนไหวขนาดนี้คงทำให้ชายหนุ่มผู้อื่นถึงกับเืกำเดาไหลกันบ้าง
และความจริงก็กลับกลายเป็ว่า การที่ฝ่ายหญิงเป็คนนำบทรักเช่นนี้กลับสร้างความหฤหรรษ์ให้มากเสียยิ่งกว่ายามที่เอนกายทอดร่างอยู่ด้านล่างฝ่ายชายเสียอีก