เสียงรองเท้าส้นสูงของ กิตติกา พงศ์ธาดา หรือ "กริ่ง" เลขาสาวสวยของประธานบริษัท ก้าวเข้ามาในบริษัท Akara Group ด้วยท่าทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เธอส่งยิ้มแสนหวานทักทายพนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมา
เหล่าพนักงานชายทั้งหลายตายตาเยิ้มฉ่ำไปกับรอยยิ้มของคนสวยที่เดินผ่านไป รวมถึงพนักงานสาว ๆ ก็ต่างชื่นชมที่เธอดูดีไปเสียทุกอย่าง
วันนี้กิตติกาต้องทำงานกับประธานคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานวันนี้วันแรก ถึงแม้ว่าเธอจะดูมั่นใจแต่ในใจก็มีความหวาดหวั่นอยู่บ้าง ว่าบอสคนใหม่นั้นจะเป็ยังไง เธอจะสามารถทำงานอย่างราบรื่นได้เหมือนเดิมหรือไม่
ข่าวลือเื่ อัคนี วิชิตอัครวรกุล หรือ ไฟ ทายาทคนเดียวของเ้าสัวอดิศวร วิชิตอัครวรกุล ผู้ก่อตั้งบริษัทเข้ามารับตำแหน่งประธานคนใหม่จากบิดา เป็ที่ฮือฮาในหมู่พนักงานมาหลายวันแล้ว
กิตติกาได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าลูกชายของเ้าสัวอดิศวรนั้นทำงานในอีกบริษัทจนประสบความสำเร็จ จนเ้าสัววางใจให้มาบริหารงานที่บริษัทใหญ่
เธอยกแฟ้มข้อมูลเข้ามาห้องทำงานของประธานบริษัท ห้องนี้ถูกออกแบบกว้างขวาง โปร่งโล่ง และดูหรูหรา มีกระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวเมืองทั้งเมือง
กิตติกาวางแฟ้มไว้บนโต๊ะ กวาดสายตาทั่วห้องเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย แต่...เสียงเปิดประตูจากด้านหลังดังขึ้นเรียกความสนใจจากเธอ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หุ่นสมบูรณ์แบบในชุดสูทสีเข้ม ดวงตาสีนิล ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองเธออยู่ สายตาคมเข้มของเขานั้นทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย เหมือนมีแรงดึงดูด ราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปในใจคนได้เพียงแค่สบตาเพียงครู่เดียว โดยรวมแล้วเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่อันตรายและดูอย่างน่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมาจากเขา
ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ทั้งคู่สบตากัน ผู้หญิงตรงหน้าคงจะเป็เลขาส่วนตัวที่บิดาของเขาเลือกไว้ให้
"สวัสดีค่ะ คุณอัคนี" หญิงสาวกล่าวทักทายขึ้นมาก่อน ยกมือขึ้นกลางอกก้มหัวเล็กน้อย
คนนี้สินะ อัคนี วิชิตอัครวรกุล เ้านายคนใหม่ของเธอ
“สวัสดี” อัคนีกระตุกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
เขามองร่างบางในชุดสูทเรียบโก้พอดีตัว เน้นทรวดทรงแบบที่ไม่เกินงาม เส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบครึ่งศีรษะเผยให้เห็นลำคอระหงและใบหน้าสวยสะกดทุกสายตา
ดวงตากลมโตที่ซ่อนความฉลาดไว้ภายในจับจ้องเขานิ่ง ทว่าเขาไม่เห็นถึงความตื่นตระหนกหรือเกรงกลัวใด ๆ จากดวงตาคู่นั้นเลย รับรู้ได้เพียงเธอให้ความรู้สึกทำให้เขาตื่นตัว
อัคนีขยับสายตาอย่างแเี ไล่ั้แ่ใบหน้าได้รูปลงไปยังเรียวขาเรียว ก่อนจะรีบละสายตากลับขึ้นมาสบตากับเธออย่างรวดเร็ว ซ่อนความพึงพอใจทั้งหมดเอาไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉย
ไม่คิดว่าเลขาที่บิดาหาให้จะถูกใจเขาอย่างนี้
อัคนีเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ ดวงตาคมยังคงจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าราวกับกำลังประเมิน
“นั่งสิ”
กิตติกาเลื่อนเก้าอี้ออกและนั่งลงด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่มีความลุกลี้ลุกลนหรือตั้งใจยั่วยวนแบบที่เขาคุ้นเคยจากเลขาคนก่อน ๆ
"กิตติกา พงศ์ธาดา? คุณกริ่ง"
"ค่ะ" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ผมได้ยินมาว่า คุณเป็คนเก่ง" อัคนีเริ่มต้นเสียงเรียบ "แต่ผมก็เป็คนที่ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ"
กิตติกายิ้มบาง ราวกับไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงท้าทายนั้น มือเรียวเลื่อนแฟ้มข้อมูลของบริษัทไปตรงหน้าเขา
"นี่เป็ข้อมูลโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ของ Akara Group ค่ะ"
มุมปากอัคนียกยิ้ม ปรายตามองเอกสาร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง
"ผมขอบอกความ้าของผมให้คุณทราบสักหน่อย ผม้าเลขาที่ทำงานเร็ว ถูกต้อง และเข้าใจผม" เขาพูดตรงๆ "หวังว่าคุณจะทำได้"
"ฉันจะพยายามให้สุดความสามารถค่ะ" กิตติกาบอกเขาด้วยท่าทางนิ่งเงียบ
"ดี...ผมชอบ" เขาบอกเธอด้วยแววตาที่เหมือนกำลังท้าทาย
กิตติกายังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แววตาก็ดูไม่มีความหวาดหวั่นใด ๆ ทั้งที่เพิ่งเจอความกดดันจากเ้านายคนใหม่
อัคนีชอบเธออย่างที่พูดจริง ๆ กิตติกานั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและเสน่ห์เพียงแค่ได้สบตา
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง ก่อนที่กิตติกาจะเปิดประตูเข้าไป อัคนีที่กำลังอ่านเอกสารสำคัญอยู่เงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย
แล้วบอกเธอ "เชิญนั่ง"
เขาเป็คนเรียกเธอเข้ามาเพื่อ้าสั่งงาน กิตติกานั่งลงตามคำบอก อัคนีเลื่อนแฟ้มเอกสารไปตรงหน้าเธอ
"อันนี้เป็รายงานโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในไตรมาสนี้ ผม้าสรุปความคืบหน้า และปัญหาทั้งหมดให้อยู่ในไฟล์เดียว และเข้าใจง่ายที่สุด”
“ได้ค่ะ” กิตติกาพยักหน้ารับ
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหยิบเอกสารขึ้นมา เ้านายคนใหม่ก็เอ่ยขึ้นมา กิตติกาเห็นว่าเขาน่าจะสั่งงานอีกหลายอย่างเลยหยิบมือถือขึ้นมา เข้าแอพเพื่อทำการบันทึกงานที่เขาสั่งเธอ
"ผม้ารายงานบริษัทคู่แข่ง วิเคราะห์เปรียบเทียบว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของพวกเขาคืออะไร"
“ได้ค่ะ” เธอรับคำ
“แล้วก็” อัคนีพูดต่อ “ช่วยนัดประชุมบอร์ดบริหารภายในอาทิตย์นี้มให้ผมด้วย ขอความคืบหน้าเกี่ยวกับงานของแต่ละฝ่ายด้วยนะ แล้วก็... ตรวจสอบการประชาสัมพันธ์ของ Akara Group ในไตรมาสที่ผ่านมา ดูว่ามีข่าวเชิงลบอะไรที่อาจกระทบต่อชื่อเสียงบริษัทหรือไม่”
เขาหยุดมองหน้าเธอครู่เดียวแล้วพูดค่อ “และที่สำคัญ ขอกาแฟดำ 1 แก้ว”
กิตติกาทำการบันทึกทุกอย่างลงมือถือเรียบร้อย ก่อนจะถามขึ้น “้ากาแฟแบบไหนเป็พิเศษไหมคะ” เธอถามเพื่อจะได้หากาแฟมาให้ตรงกับความ้าเขามากที่สุด
อัคนีเอนหลังพิงเก้าอี้ มองเธออย่างพิจารณา “กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล เื่ที่บอกคุณไปทุกอย่างผมขอภายในวันนี้”
“รับทราบค่ะ”เธอตอบสบตาเขานิ่ง ก่อนจะขอตัวออกไปจากห้องเพื่อจัดการงานที่เขาสั่ง
อัคนีมองตามหญิงสาวด้วยสายตาพึงพอใจ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะสามารถจัดการงานที่เขาสั่งให้ได้ภายในวันนี้หรือไม่
กิตติกาเคาะประตูเป็สัญญาณขออนุญาตเข้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูให้แม่บ้านที่ถือถาดกาแฟและของว่างเข้ามาก่อน
เธอแจ้งเื่ที่จัดการเรียบร้อยให้เขาทราบก่อน “ประชุมบอร์ดบริหาร นัดประชุมเป็วันที่.... ค่ะ ข้อมูลจากทุกแผนกขอเวลาถึงพรุ่งนี้เย็นจะสรุปให้ก่อนเข้าประชุมค่ะ”
“ขอบคุณ”
“ขอตัวนะคะ”
อัคนีพยักหน้าเป็เชิงอนุญาต มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจเลขาที่บิดาหามาให้ไม่ใช่มีดีแค่สวย แต่สามารถจัดลำดับการทำงานได้เป็อย่างดี
่บ่ายเลขาคนสวยเอาเอกสารมาวางเรียงอย่างเป็ระเบียบบนโต๊ะของเขา พร้อมกับบอกรายละเอียดให้ทราบ รายงานโครงการอสังหาฯ วิเคราะห์คู่แข่ง การประชาสัมพันธ์ ข้อมูลทั้งหมดถูกระบุเอาไว้ชัดเจนในรูปแบบเอกสารและเธอได้ทำการส่งเป็ไฟล์ให้เขาทางอีเมลเรียบร้อยเช่นกัน
“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ” กิตติกาสรุปจบให้เสร็จสรรพ
อัคนีหยิบแฟ้มขึ้นมาพลิกดูทีละหน้า แล้วเงยหน้ามองเธอ “ขอบคุณมากคุณกริ่ง ผมเรียกชื่อเล่นได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่ดูเหมือนอันตรายพอ ๆ กับแววตาของเขาในความรู้สึกของเธอ
“น่าสนใจดี คุณจะเรียกชื่อเล่นผมก็ได้นะ”
“รับทราบค่ะ”
กิตติกาทำงานร่วมกับอัคนีมาได้สามเดือนแล้ว เธอสามารถทำงานร่วมกับเขาได้เป็อย่างดี ยิ่งนานวันเข้าก็รู้ว่าเ้านายของเธอนั้นเป็คนที่ทำงานได้ละเอียดและเนี๊ยบไม่แพ้เ้าสัวอดิศวรเลย สมกับที่เป็พ่อลูกกันมาก
อัคนียืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานของตัวเอง ดวงตาคมจ้องมองออกไปยังด้านนอก ที่เปิดมู่ลี่ให้สามารถเห็นเลขาคนเก่ง ที่กำลังง่วนกับเอกสารในมือ ริมฝีปากของเขายกยิ้มโดยไม่รู้ตัว
ั้แ่ก้าวเข้ามารับตำแหน่งประธานของ Akara Group เขาคิดว่าตัวเองเป็คนที่ควบคุมทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็เื่งานหรือเื่คน แต่ดูเหมือนจะมีแค่เธอ กิตติกา ที่ทำให้สมดุลในชีวิตที่เขาคิดเริ่มสั่นคลอน
ไม่ใช่เพราะเธอทำงานไม่ดี แต่กลับตรงกันข้าม เธอคือเลขาที่สมบูรณ์แบบเกินความคาดหมายของเขามาก ความสามารถของเธอไร้ที่ติ เธอรู้ว่าเขา้าอะไรโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำทั้งที่ทำงานด้วยกันได้ไม่นาน
แต่ปัญหาคือ
เขากำลังมองเธอในแบบที่ ‘เ้านาย’ ไม่ควรมองเลขา
ทุกครั้งที่เธอเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่โชยมาจากตัวเธอทำให้เขาเสียสมาธิ ทุกครั้งที่เธอยืนใกล้ ๆ เขาต้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่ปล่อยสายตาไล่ไปตามเรียวคอระหงและชุดกระโปรงที่โอบรับสัดส่วนของเธอ
-ในห้องเก็บเอกสาร-
กิตติกากำลังไล่สายตาหาแฟ้มไปตามชั้นเก็บเอกสาร หัวคิ้วของเธอขมวดมุ่นเพราะไม่เห็นแฟ้มที่้าอยู่ในที่ของมัน นิ้วเรียวไล่ตามสันแฟ้มทีละเล่มเพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้พลาดหรือเลื่อนสานตาผ่าน
"ทำไมหาไม่เจอ ใครมาเอาไปไว้ที่อื่นรึเปล่าเนี่ย" เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
"หาเจอไหม?"
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นกะทันหันจากด้านหลัง ทำเอากิตติกาสะดุ้งด้วยความใ เธอหันขวับไปทันที เห็นอัคนียืนอยู่ด้านหลัง
ทำไมเ้านายเธอถึงชอบเข้ามาแบบเงียบแบบนี้นะ
"บอส้าอะไรเหรอคะ?" เธอถามเสียงไม่พอใจ พลางถอยออกมาเล็กน้อย เขาประชิดตัวเธอจนทำให้เธอต้องถอยหลังไปจนชิดกับชั้นเก็บเอกสาร
อัคนียกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมทอมองเธอด้วยประกายเ้าเล่ห์ ก่อนจะตอบคำถามเธอ "ไม่มี"
"แล้วทำไมมายืนเงียบ ๆ ข้างหลังแบบนี้คะ ใหมด" กิตติกาเหลือบตามองเขาแววตาต่อว่าเล็กน้อย
"ก็เห็นว่าคุณหายเข้ามานานผิดปกติคงหาแฟ้มไม่เจอ ผมเป็เ้านายที่ใจดี กะว่าจะมาช่วยคุณหาสักหน่อย" อัคนีว่าพลางเอนตัวไปด้านหน้าเพื่อเข้าใกล้เธออีก สายตาเต็มไปด้วยแววตาเ้าเล่ห์
"งั้นเหรอคะ" เธอถามกลับ พร้อมหรี่ตาอย่างจับผิด
เขาหัวเราะเบา ๆ "ใช่ครับ"
กิตติกาเงยหน้ามองเขา เอียงหน้าแล้วยิ้มให้เ้านายสุดหล่อ "งั้นไม่เกรงใจนะคะ รบกวนบอสช่วยหาแฟ้มข้อมูลโครงการรีสอร์ททางเหนือให้หน่อยนะคะ"
"ได้สิ ถ้าผมหาเจอละ" อัคนีโน้มตัวเข้าใกล้อีก ก่อนจะกระซิบเสียงนุ่ม "ช่วยแล้วมีรางวัลให้ไหมครับ?"
กิตติกาชะงักเหล่ตามองเขาด้วยสายตาจับผิด "บอส้ารางวัลอะไรคะ?"
"ขออุ๊บไว้ก่อน"
“งั้นไม่เป็ไรค่ะ ฉันหาเองน่าจะง่ายกว่า” พูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ “เชิญบอสออกไปรอข้างนอกดีกว่าค่ะ”
“ไม่เป็ไร ผมอยากช่วย” อัคนีบอกสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาดื้อดึง
“เก็บความหวังดีของบอสเอาไว้ดีกว่านะคะ ฉันเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมเต็มใจช่วย”
“งั้นบอกหาตรงชั้นโน้นนะคะ เดี๋ยวฉันหาตรงนี้เอง” เธอรีบบอกพิกัดให้เขา เพื่อให้เขาถอยห่างจากเธอ จะได้ไม่ต้องมายืนเถียงกันให้เสียเวลา
“เจอแล้ว” อัคนีบอกพร้อมกับชูแฟ้มที่หาเจอให้เธอดู เขาเพิ่งจะหาได้ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ
“ทำไมไปอยู่แถวนั้นได้” กิตติกาแปลกใจที่เห็นแฟ้มไปอยู่ในจุดที่ไม่ใช่ที่เก็บของมัน
“อ่ะนี่ แฟ้มของคุณ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ออกไปกันเถอะ อ่อ...แล้ววันนี้ตอนเย็นคุณเตรียมตัวไปพบคุณศุภชัยกับผมด้วยนะ” อัคนีบอกเธอตอนที่เดินกลับจากห้องเก็บเอกสาร
“ฉันต้องไปด้วยเหรอคะ” เสียงหวานของเธอถามเขาด้วยความสงสัย เพราะอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนใจที่จะให้เธอไปด้วย
ปกติหากนัดหมายไหนที่เขา้าให้เธอไปด้วยจะบอกให้เธอรู้ั้แ่ตอนที่เธอแจ้งตารางงานให้เข้าทราบในตอนเช้าั้แ่เริ่มงาน ทำไมถึงมาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้เสียได้
“ใช่ หรือว่ามีนัดอื่นอยู่ก่อนแล้ว?” เขาหันกลับเธอ
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นก็ดี” อัคนีพูดจบก็หันกลับเดินต่อ
กิตติกามองแผ่นหลังกว้างที่เดินอยู่ข้างหน้าอย่างหมั่นไส้ คิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน ถ้าเธอมีนัดอยู่ก่อนไม่ต้องผิดนัดเหรอเนี่ย
“อ่อ..ผมไปรับที่คอนโดประมาณ 1 ทุ่ม” อัคนีหันกลับมาบอกกะทันหัน
“ว๊าย!!” กิตติกาที่เดินตามหลังเขาไม่ทันตั้งตัวเพราะกำลังก้มดูหน้าจอโทรศัพท์เพื่อเช็กเวลานัดหมาย
กิตติกาชนเข้ากับแผ่นอกของอัคนีอย่างจัง แรงชนทำให้กิตติกาเสียหลัก หงายหลังไปตามแรงกระแทก
แต่ก่อนที่เธอจะล้มลง อัคนีคว้าตัวเธอไว้ทัน แขนแข็งแรงของเขาตวัดรอบเอวบางของเธอได้ด้วยความเร็วโดยอัตโนมัติ
กิตติกาเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความใที่เกือบจะล้มหงายหลัง
"คุณไม่เป็ไรใช่ไหม?" เสียงทุ้มถามขึ้น แต่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย
กิตติกากะพริบตาเร็ว ๆ ตั้งสติ ก่อนจะรีบถอยตัวออกจากอ้อมแขนนั้นเล็กน้อยเมื่อทรงตัวได้ มีความเคอะเขินอยู่บ้างเพราะความใกล้ชิดที่ไม่ทันตั้งตัว
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวัง” เธอเอ่ยเสียงเบา
อัคนีปล่อยมือจากคนตัวหอม “คราวหน้าระวังด้วย เดี๋ยวจะเจ็บตัวเปล่า ๆ”
“ค่ะ” กิตติกากะพริบตาปริบ ๆ มองเ้านายอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพูดแบบนั้นออกมา แต่...เมื่อกี้เป็เขาไม่ใช่เหรอที่อยู่ ๆ ก็หันมาไม่บอกไม่กล่าว แล้วทำไมเหมือนตอนนี้เธอไม่ระวังอยู่คนเดียวละ
-คอนโดของกิตติกา-
กิตติกากำลังเลือกชุดที่จะต้องใส่ไปนัดพบลูกค้ากับเ้านายสุดหล่อ มือบางหยิบเดรสยาวผ้าซาตินสีดำสนิทขึ้นมาสวม หมุนซ้ายขวามองตัวเองในกระจกอย่างพอใจ
มือเรียวจับกระเป๋าคลัตช์หรูใบเล็กขึ้นมาถือเข้าคู่กัน ก่อนที่เธอจะมองเข้าไปในกระจกและเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งออกจากห้อง
อัคนีส่งข้อความมาบอกว่าใกล้จะถึงแล้ว ให้เธอลงมารอเขาอยู่ด้านล่างได้เลย เวลาพอเหมาะพอเจาะกับที่เธอแต่งตัวเสร็จพอดี
รถยนต์คันหรูของอัคนีแล่นเข้ามาถึงหน้าประตูคอนโดของเธอ อัคนีเหลือบมองไปเห็นหญิงสาวเดินออกมายืนรออยู่ก่อนแล้ว สายตาของเขาสะดุดกับร่างบางที่ยืนอวดทรวงทรงในชุดที่ยิ่งขับให้รูปร่างและผิวพรรณของเธอโดดเด่น
กิตติกาอยู่ในชุดเดรสที่เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายเธอได้ชัดเจน ไหนจะเปิดเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนอีกเต็มตาอีก เมื่อยามเธอเดินก้าวออกมากระโปรงเริ่มคลี่ออกเป็ระลอกคลื่นยิ่งทำให้เห็น่เอวคอดชัดเจน
“วันนี้คุณดูสวยมากนะ” อัคนีเอ่ยชม ทันทีที่เธอเข้ามานั่งในรถกับเขา
“ขอบคุณค่ะ” กิตติกายกยิ้มพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย ท่าทางแบบนั้นของเธอเหมือนจะบอกเขาว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็คนสวยแต่ก็ขอบคุณสำหรับคำชม
เห็นท่าทางแบบนั้นอัคนีก็ยิ้มขึ้นมาทันที ผู้หญิงแบบกิตติกาเรียกว่าถูกจริตกับเขามาก เธอไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้เลยสักคน ความแตกต่างแบบนี้ทำให้เขาสนุกทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเธอ
อัคนีเปิดประตูลงรถ ยื่นมือไปให้เธอจับเพื่อพยุงตัว ก่อนจะยกศอกขึ้นเพื่อให้เธอคล้องแขนเข้าไปในร้าน กิตติกาทำตามที่เขา้าไม่ได้อิดออดอะไร
ทั้งสองก้าวเข้าไปในสถานที่นัดหมาย ร้านอาหารกึ่งผับ สุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บรรยากาศของร้านมีให้เลือกหลายแบบ มีทั้งแบบพื้นที่ส่วนตัว หรือหาก้าความครึกครื้นก็มีให้บริการ
ทั้งคู่เดินตามพนักงานไปยังโซนที่จองเอาไว้แล้ว นั่งรอไม่นานคนที่นัดหมายไว้ก็มาถึง
เสียงดนตรีแจ๊ซเบาๆ คลออยู่ในบรรยากาศหรูหรา โต๊ะอาหารที่จัดไว้สำหรับการเจรจาธุรกิจถูกล้อมรอบไปด้วยเครื่องดื่มราคาแพงและอาหารเลิศรส
อัคนีพูดคุยอย่างเป็กันเองกับศุภชัย นักธุรกิจหนุ่มเ้าของบริษัทนำเข้าเครื่องจักรกลที่เป็คู่ค้าสำคัญของ Akara Group ใน่หลายปีที่ผ่านมา
เครื่องดื่มถูกเติมลงแก้วอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศการคุยเป็ไปอย่างผ่อนคลาย ทุกคนพูดคุยกันอย่างเป็กันเอง ดื่มกินกันอยู่นานจนเวลาล่วงเข้าสู่วันใหม่ ก็ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับ
วันนี้กิตติกาถูกศุภชักชวนเธอดื่มมากกว่าปกติ สีหน้าของหญิงสาวแดงเหมือนลูกตำลึงเพราะผิวที่ขาวจัดของเธอ
การคุยงานก่อนหน้ากับศุภชัยที่เธอมาพร้อมกับเ้าสัวอดิศวร ไม่ได้ดื่มมากแบบนี้ จากที่กิตติกาเคยมั่นใจว่าตัวเองเป็คนที่คอแข็งอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ตอนนี้ชักเริ่มจะตาพร่า หัวก็มึน ๆ เข้าแล้ว
ระหว่างทางกลับคอนโด อัคนีและกิตติกานั่งอยู่เบาะหลังไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ กิตติกาเอนศีรษะพิงเบาะ หลับตาลงเพื่อลดอาการมึนหัวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
กิตติกาไม่ได้เมามายจนภาพตัด เพราะตอนนี้เธอยังรู้สึกตัวอยู่ สามารถพูดโต้ตอบได้แต่อาจจะช้ากว่าปกติอยู่มาก
“ไวน์คงจะอร่อยน่าดูเลยนะ” อัคนีเอ่ยแซว เมื่อเห็นว่านอนเอนตัวพิงประตูอีกด้านอย่างหมดแรง
“อะ..ร่อยค่ะ” เธอพึมพำตอบเขาทั้งที่ยังหลับตา
อัคนีหันไปมองเธอ เธอในชุดเดรสสีดำยังคงดูสวยสะกดตา แสงไฟจากถนนที่ลอดผ่านหน้าต่างรถ สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่หลับตาอยู่
อัคนียิ้มกว้างหันทั้งตัวเพื่อมองภาพของเลขาคนสวยที่ปกติจะเนี๊ยบอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลับนอนหมดสภาพเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“แต่จริง ๆ ก็ถือว่าคุณคอแข็งเหมือนกันนะเนี่ย แต่...ถ้าไม่มีผมอย่าดื่มเยอะแบบนี้นะ” เขาโน้มหน้าเข้าไปพูดกับเธอ
กิตติกาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาปรือปรอยของเธอมีประกายบางอย่าง “รับทราบค่ะ...บอส พรุ่งนี้หยุด วันนี้เมาได้”
อัคนีหัวเราะพรืดกับคำตอบของเธอ
รถจอดสนิทที่หน้าคอนโดอัคนีเตะแขนเธอเบาให้เธอรู้ตัว กิตติกาหันไปบอกขอบคุณคนขับรถ กำลังจะหันมาบอกเ้านายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่เจอเขาแล้ว
กิตติกาลงมาจากรถแบบทุลักทุเลนิดหน่อย แล้วเธอก็เห็นเ้านายสุดหล่อยืนเด่นเป็สง่าอยู่ข้างรถซะงั้น กิตติกามองเขาด้วยความสงสัยว่าเขายืนทำอะไรตรงนี้
อัคนีจับยื่นมือมาจับข้อมือเธอ บอกเธอว่า “ผมขึ้นไปส่ง” แล้วพาเธอเดินเข้าไปภายในคอนโด
กิตติกามองแผ่นหลังกว้างของคนที่เดินนำอยู่แล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว เดินตามแรงชักจูงไปอย่างว่าง่าย อัคนีไม่ได้สนใจว่าเธอหัวเราะอะไร คิดว่าคงเป็อาการของคนเมาปกติเท่านั้น
ในลิฟต์อัคนียังคงจับมือเธอเอาไว้ ไม่มีคำพูดใด ๆ จากทั้งสองคน ก่อนหญิงสาวจะช้อนสายตามองใบหน้าหล่อนั้นก่อน อัคนีรับรู้จึงก้มลงไปหาเธอ สายตาที่สบกันในระยะใกล้ เหมือนจะทำให้บรรยากาศที่เงียบก่อนหน้าเปลี่ยนไป
อัคนีกระชับรวบเอวเธอให้เขามาแนบชิดกับเขา โน้มใบหน้าใกล้เธอยิ่งขึ้น จนรู้สึกและััได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน
“ไม่ถามเหรอ ว่าทำไมผมถึง ขึ้นไปส่งคุณ” กิตติกาส่งยิ้มหวาน ๆ ไม่ได้ผละออกจากการกอดรัดของเขา
เสียงนาฬิกาปลุกดังแ่เบาในเช้าวันใหม่ กิตติกา ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นท่ามกลางแสงแดดที่ลอดผ่านม่านเข้ามา
ความรู้สึกแรกที่เธอรับรู้ คือ...มีความหนักอึ้งของอะไรสักอย่างที่พาดอยู่บนเอวเธอ กิตติกาเปิดผ้าห่มขึ้นดู ก็เห็นเป็แขนของใครสักคน เธอจึงค่อย ๆ หันหลังไปมอง อัคนียังคงนอนหลับตานิ่งด้วยความสงบ จึงทำให้ความทรงจำเมื่อคืนของเธอไหลย้อนกลับมา
สายตาที่เร่าร้อน ััที่ร้อนแรง และเสียงกระซิบข้างหูที่ยังดังก้องอยู่ในใจของกิตติกา
เธอขยับตัวเล็กน้อยเพื่อดูว่าเขาจะรู้สึกตัวไหม เพื่อเตรียมจะลุกออกจากเตียง แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวให้พ้นจากแขนนั้น อัคนีก็ขยับแขนรั้งตัวเธอให้กลับมาแนบชิดกับเขาเหมือนเดิม
“จะหนีไปไหนแต่เช้า?” เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความง่วงงุนดังขึ้น
กิตติกาชะงัก แล้วค่อย ๆ หันกลับมาหาเขา “เปล่าค่ะ แค่จะไปเข้าห้องน้ำ”
อัคนีลืมตาสายตาคมเข้มสบกับดวงตาของเธอราวกับกำลังอ่านใจ ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มบาง ๆ
“เมื่อคืน…” เขาเว้น่ไปเล็กน้อย “ผมไม่ได้บังคับเธอใช่ไหม?”
“เปล่าค่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่มองมา
อัคนีขยับตัวขึ้นมานอนเท้าแขนมองหน้าเธอ “แล้วตอนนี้คุณรู้สึกยังไง?”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยตอบ “ไม่ได้รู้สึกอะไรค่ะ”
“หมายความว่าไง?” อัคนีหรี่ตามองราวกับกำลังประเมินคำตอบของเธอ
กิตติกาหลบเลี่ยงสายตานั้นอีกครั้ง “ฉันต้องรู้สึกอะไรละคะ?”
“เรานอนด้วยกันแล้ว”
“ใช่ค่ะ แล้วคุณ้าให้ฉันรู้สึกอะไรเหรอคะ?”
อัคนีหยักไหล่ เขาเองก็ไม่รู้ว่า้าให้เธอรู้สึกยังไง แค่อยากให้เธอบอกความรู้สึกตอนนี้เท่านั้น
กิตติกามีท่าทางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “ฉัน...รู้ว่าคุณไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์...แบบที่มีข้อผูกมัด แล้วเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็ไม่ใช่การบังคับใช่ไหมล่ะ งั้นเราก็ไม่ต้องกังวลอะไรดีไหมคะ”
อัคนีเลิกคิ้ว “แน่ใจ?”
“แน่ใจค่ะ” เธอตอบกลับทันที ก่อนจะหันมามองเขา คำพูดของเธอ ทำให้อัคนีนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
“ถ้าคุณคิดแบบนั้น ผมก็ไม่มีปัญหา” อัคนีโน้มตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขี้เล่น “ผมเองชอบข้อตกลงแบบนี้เหมือนกัน”
“เอ่อ ปล่อยก่อนได้ไหมคะ ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำ”
เขาค่อย ๆ คลายอ้อมแขนออก ปล่อยให้เธอลุกขึ้นจากเตียงไปห้องน้ำตามที่เธอขอ สายตาคมยังคงทอดมองร่างบางจนเธอปิดประตูห้องน้ำ
แต่มันไม่จบแค่วันนี้แน่ อัคนีบอกตัวเองในใจ
และค่ำคืนนั้นก็กลายเป็ จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ลับๆ ที่ไม่มีใครล่วงรู้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้