ไอน้ำลอยเอื่อยปกคลุมร่างขาวซีดอย่างเลือนราง แขนที่เรียวเล็กเหมือนลำไผ่ ไม่ว่าจะบรรยายอย่างไรก็หนีความจริงไปไม่พ้น ความจริงที่ว่าร่างเด็กสาวโตไม่เต็มที่ไม่มีส่วนใดน่าชื่นชมสักนิด ไหนจะมือที่สุดแสนจะหยาบกร้านเต็มไปด้วยตุ่มไต เป็ร่างกายที่ผุพังร่างหนึ่ง
“จางจื่ออี๋...บิดดามารดเ้าให้เบ้าหน้าฟ้าประทานนี้มา ต่อไปนี้จะปล่อยให้ปัจจัยภายนอกมาบดบังความงามนี้ไม่ได้อีกต่อไป ริอาจจะเป็ตัวประกอบร้ายๆ ก่อนอื่นใบหน้าต้องงามล้ำ สัดส่วนรึก็ต้องล่อลวงบุรุษได้ หากอยากมีชีวิตรอดมีเงินอย่างเดียวมันไม่พอ ยุคสมัยอันโหดร้ายเช่นนี้เราต้องมีที่พึ่ง”
“ต้องเป็ขาใหญ่ที่ใจถึงพึ่งได้ ขาทองคำฝังเพชรนี้ ต้องหาทางเข้าหาให้ได้ หึๆๆ”
จางจื่ออี๋ส่งเสียงหัวเราะในลำคอไม่หยุด สมองคิดวนเวียนแต่เื่หาที่ตาย โอ้...หากจะให้นางหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและความสามรถ เช่นนั้นก็ลืมมันไปได้เลย
ข้าจางจื่ออี๋ แม้จะมีเคยใช้ชีวิตอย่างผู้นำ มีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายร้อย แต่เหนือขึ้นไปก็ยังมีผู้บัญชาการ และผู้บัญชาการของผู้บัญชาการ สูงสุดก็คือผู้บัญชาการสูงสุด เห็นหรือไม่ว่านางผ่านชีวิตที่ต้องเลียแข้งขา เกาะขาใหญ่มาไม่น้อย หากมีเลเวลถึง100 ตัวนางก็อยู่เวลเวลที่99 แล้วล่ะ
หลักหารง่ายๆ ของการหาที่พึ่งคือ...
หน้าหนา และใจกล้า เข้าไว้
แน่นอนว่าทุกสิ่งอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ต้องอยู่ในพื้นฐานที่เ้ามีความสามารถอยู่ในเกณฑ์์มาตรฐาน หรือจะให้ดีคือความสามรถล้ำเลิศ อย่างนี้แล้วผู้บังคับบัญชาก็จะพึงพอใจกับการประจบประแจงของเ้าอย่างถึงที่สุด
ต่อไปไม่ว่าเ้าจะทำเื่ะเืไปทั้งชั้นฟ้า หรือถึงขั้นะเิดวงดาว ผู้บังคับบัญชาก็จะมองว่าการะเิดวงดาวเป็สิ่งที่สมควรแล้ว การกำจัดวัตถุกีดขวางนั้นถูกต้องตามระเบียบการบิน ไม่-ใช่-เื่-ร้าย-แรง
ตัวนางในยามนั้นกำลังคิดทำการใหญ่ รัชทายาทฏที่มีชีวิตรอดว่าจนถึงทุกวันนี้ เื่ราวเส้นสนกลในจะเป็เช่นไร...แน่นอนว่าคนอย่างจางจื่ออี๋ไม่สนใจอยู่แล้ว
บอกว่าฆ่าก็ต้องฆ่า บอกว่าล้างแค้นก็ต้องล้างแค้น
มีคำกล่าวว่า...
หนี้แค้นสังหารบิดา มิอาจอยู่ร่วมฟ้า
การตัดสินใจของจางจื่ออี๋ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว ประสบการณ์และชั่วโมงบินของนางไม่ต่ำต้อย การจัดการคนกลุ่มหนึ่งที่ซ่อนตัวมายาวนาน ไม่ใช่เื่ยาก ทุกสิ่งอย่างประกอบกันเป็กระบวนการ เมื่อมันเริ่มขึ้น มันก็จะส่งผลกระทบ เกิดเป็ปฏิกิริยาลูกโซ่* บูม... พลังทำลายล้าง เกิดจากจุดเล็กๆ หนึ่งจุด** เมื่อมันพุ่งชนกันก็จะเกิดพลังทำลายล้างมหาศาล
ถึงตอนนั้นคงสนุกน่าดู
อย่าพึ่งคิดไปไกล เวลายังพอมีอยู่ แผนที่วางไว้นั้นหยาบเกินไป ต้องกลับไปคิดให้รอบคอบอีกที ตอนนี้ต้องพักผ่อน นอนให้เต็มอิ่ม พรุ่งนี้ต้องออกไปขายหนังเ้าเหลือมั้แ่เช้า
คิดได้เช่นนั้นจางจื่ออี๋ก็ลุกขึ้นจากถังน้ำทันที เสียงน้ำในถังสาดกระเซ็น ใช้เวลาไม่นานหญิงสาวก็จัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัว สวมใส่เสื้อผ้า เสร็จแล้วก็มานั่งเช็ดผมที่เปียกชื้นอยู่บนเก้าอี้ ปล่อยความคิดล่องลอยไปมิรู้จบ สมองมนุษย์นั้นซับซ้อน ยิ่งใช้มันยิ่งถูกกระตุ้น
“ท่านพี่ หลับอยู่หรือไม่ขอรับ อาหารเย็นทำเสร็จแล้วจะให้ข้ายกเข้าไปให้หรือไม่”
เสียงเรียกที่หน้าประตู ปลุกจางจื่ออี๋ให้ตื่นจาภวังค์ หญิงสาวมองผ้าเช็ดผมที่อยู่ในมือไม่รู้ว่าตัวเองหยุดเช็ดผมไปั้แ่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าเส้นผมของนางในตอนนี้แห้งสนิท และภายในห้องที่ไร้แสงสว่าง อีกแล้วสินะ...คิดเพลินไปหน่อย
ผ่านไปหลายชั่วยามจนฟ้ามืด ั้แ่ต้นจนถึงบัดนี้ นางตื่นอยู่ตลอด หมายถึงสมองที่ตื่นและทำงานอย่างหนักแต่ร่างกายกลับอยู่ในภาวะหยุดนิ่ง เมื่อเป็อย่างนี้เท่ากับว่าจางจื่ออี๋ไม่ได้พักผ่อน ซ้ำยังทำให้ร่างกายเหนื่อยล้ายิ่งกว่าที่เป็
ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะผลที่ได้มันคุ้มค่า คิดได้ดังนั้นนางก็เผยยิ้มอย่างสบายใจ ไปกินข้าวเติมพลังดีกว่า
“ไม่ต้องยกเข้ามา พี่จะออกไปกินเอง”
จางจื่ออี๋ผลักบานประตูให้เปิดออกหลังจากพูดจบ น้องชายตัวน้อยยืนรออยู่อย่างเชื่อฟัง สายตาของเขากลอกไปมาดูลุกลนชอบกล ไม่ต้องให้นางเดาก็รู้ ยามนี้เลยเวลาอาหารเย็นมานานโข คนบ้านเหลียงคงกินกันหมดเหลือเพียงเ้าตัวน้อยนี่ที่รอกินพร้อมนาง
“ไง หิวล่ะสิ”จางจื่ออี๋ทักน้องชายด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
“หิวแล้วขอรับ ท่านย่าเหลียงทำหมูสามชั้นตุ๋นด้วยนะขอรับ แล้วก็มีน้ำแกงไก่สำหรับท่านพี่ด้วย”จางจื่อเหยาเดินนำพี่สาวไปที่ห้องโถงเพื่อกินข้าว ทุกคนล้วนเข้านอนกันหมด เหลือเพียงเขาและท่านพี่ ท่านย่าเหลียงบอกว่าท่านพี่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ทั้งเหน็ดเหนื่อย ทั้งอันตราย ปล่อยให้นางได้พักผ่อนให้เต็มอิ่ม ตื่นมาค่อยเรียกมากินข้าว ดังนั้นจางจื่อเหยาจึงรอพี่สาวอย่างเชื่อฟัง แค่กินข้าวช้าหน่อยไม่ได้ทำให้เขาหิวจนทนไม่ไหว แต่เดิมเขาก็ชาชินกับความหิวโหย แค่ได้กินอิ่มท้องไม่กี่วันไม่ได้ทำให้เขาลืมตัวไปได้
“งั้นก็ไปกินกันเถิด จะปล่อยให้อาเหยาของเราทนหิวไม่ได้ พี่ใหญ่เช่นข้าจะปวดใจ”
“ท่านพี่อย่าห่วงข้าเลย แค่กินข้าวช้าหน่อยข้าทนไหว”
จางจื่ออี๋มองรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์ของเ้าน้องชายตัวน้อยอย่างอ่อนโยน ดูครอบครัวของนางสิ นี่ไม่ควรค่าให้นางทำเื่เสี่ยงตายเพื่อปกป้องรอยยิ้มนี้หรอกหรือ แล้วก็ยังมีเ้าตัวจิ๋วที่กำลังเติบโตนั่นอีก
เป็อย่างนี้แล้วจะใช้ชีวิตแบบขอไปทีคงไม่ได้ จะต้องสร้างความมั่นคงในชีวิต วางรากฐานให้พวกเขาเติบโตอย่างไร้กังวล
“เอาล่ะ ลงมือได้!”
“อื้ม!”
สองพี่น้องลงมือจัดการอาหารบนโต๊ะกันอย่างเอร็ดอร่อย ใช้เวลาไม่นานจานอาหารและโถน้ำแกงต่างว่างเปล่า เพราะกินมากเกินไปจึงทำให้ท้องอืด สองพี่น้องจะกละเป็ต้องเดินรอบลานบ้านหลายสิบรอบจนได้เหงื่อ อาการแน่นท้องค่อยหาย
เพราะอากาศที่หนาวเหน็บทั้งสองจึงไม่อยากพูดอะไร เมื่ออาการท้องอืดทุเลา ต่างคนตางแยกย้ายไปเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น
จางจื่ออี๋ลืมตาตื่นั้แ่กลางยามอิ๋น(03.00 – 05.00 น.) หญิงสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงครู่หนึ่งเพื่อจัดระเบียบความคิด ตอนตื่นนอนนับเป็่เวลาที่นางไม่ชอบมากที่สุด เพราะนับตั้งที่ที่นางทะลุมิติเข้ามาในร่างนี้ระบบการทำงานของสมองที่ติดตามมาเหมือนจะติดปัญหาบางอย่าง การตื่นนอนของนางมีปัญหา ความคิด ชุดข้อมูล การสั่งการพื้นฐาน มันผสมกันมั่วไปหมด ต้องใช้เวลา3-5นาทีกว่าที่มันจะกลับมาเป็ปกติ
เป็สัญญาณอันตราย อันตรายมากๆ
“คิดมากไปก็เท่านั้น ชีวิตมันก็ต้องดิ้นรนต่อไป”
“ก่อนอื่นต้องไปต้มน้ำมาล้างหน้าก่อน ทำอาหารเช้า เสร็จแล้วค่อยไปตัวอำเภอ ออกเดินทางเช้าหน่อยจะได้มีเวลาสำรวจลู่ทาง”
วางแผนให้ตัวเองเสร็จสรรพร่างผอมบางก็เริ่มขยับร่างกายทันที
ทันทีที่เปิดประตูลมหนาวก็พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า เรียกความสดชื่นให้สมองตื่นตัวยิ่งกว่าเสพคาเฟอีนเสียอีก บรึ๋ย~
หนาวจริง
กลักจุดไฟถูกจุด ไฟในเตาลุกโชน ใช้เวลาไม่นานน้ำก็เดือด ไอน้ำพวยพุ่งช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ จางจื่ออี๋ล้างหน้าสีฟันอย่างตั้งใจ ในลังถึงมีซาลาเปาที่ย่าเหลียงห่อไว้ั้แ่เมื่อคืน น้ำแกงไก่ก็เหลืออีกครึ่งหม้อใหญ่ ความตั้งใจที่จะได้แสดงฝีมือทำอาหารเช้าของนางก็มีอันต้องพับเก็บ ซาลาเปาก็นึ่งพอส่วนที่ตัวเองกิน ส่วนน้ำแกงไก่ก็ตั้งอุ่นไว้ที่เตาไฟเล็กด้วยไฟอ่อนเพื่อให้มันร้อนอยู่ตลอด
หลังจากเติมท้องจนเต็มก็ได้เวลาออกเดินทางสักที ไหสุราเปล่าขนาดเล็กถูกจาง จื่ออี๋นำมาเติมน้ำร้อนจนเต็มแล้วปิดด้วยจุกไม้
ท่ามกลางหมอกหนาทึบและน้ำค้างที่จับตัวเป็น้ำแข็ง ร่างผอมบางของแม่นางน้อยนางหนึ่งเดินแบกตะกร้าไม้ไผ่ย่ำเท้าฝ่าไปอย่างมั่นคง ในหัวน้อยๆ นั่นไร้ซึ่งความหวั่นเกรงที่ต้องเดินเท้าลำพังตามเส้นทางเปลี่ยว นางคิดเพียงว่าวันนี้จะทำเงินได้มากน้อยเท่าไหร่
วันนี้ข้าจะร่ำรวย!
[สาระสอดแทรก]
(*ปฏิกิริยาลูกโซ่ มาจาก ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ (อังกฤษ: nuclear chain reaction) เกิดขึ้นเมื่อปฏิกิริยานิวเคลียร์หนึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์อื่นต่อไปอีก นำไปสู่การเพิ่มจำนวนตนเองของปฏิกิริยาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ปฏิกิริยานิวเคลียร์หนึ่ง ๆ อาจเป็ฟิชชันของไอโซโทปหนัก (เช่น ยูเรเนียม 235) หรือฟิวชั่นของไอโซโทปเบา (เช่น ดิวทีเรียมหรือทริเทียม) ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์จะปลดปล่อยพลังงานออกมามากกว่าปฏิกิริยาเคมีหลายล้านเท่า
**เกิดจากจุดเล็กๆ หนึ่งจุด มาจาก ปฏิกิริยานิวเคลียร์ (อังกฤษ: Nuclear reaction) ในสาขาฟิสิกส์นิวเคลียร์และเคมีนิวเคลียร์ หมายถึงกระบวนการที่นิวเคลียส 2 ตัวของอะตอมเดียวกัน หรือนิวเคลียสของอะตอมหนึ่งและอนุภาคย่อย ของอีกอะตอมหนึ่งจากภายนอกอะตอมนั้น ชนกัน ทำให้เกิดนิวเคลียสใหม่หนึ่งตัวหรือมากกว่าหนึ่งตัวที่มีจำนวนอนุภาคย่อยแตกต่างจากนิวเคลียสที่เริ่มต้นกระบวนการ)
[ขอบคุณข้อมูลจาก: https://th.wikipedia.org]
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้