แรงกดดันหลายๆ ครั้งคือแรงผลักดัน คนเราหากไม่บังคับตัวเอง ก็จะไม่มีทางรู้ว่าขีดจำกัดของตนอยู่ตรงไหน
คืนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจำเป็ต้องกลับมหาวิทยาลัย เธอบอกให้แม่พาย่าอวี๋เที่ยวที่ปักกิ่งต่ออีกสักหน่อย ทว่าย่าอวี๋อยากรีบกลับไปกวาดถนน ที่บอกว่าไม่เคยมาปักกิ่งคือเื่โกหกทั้งเพ หลายสิบปีก่อนย่าอวี๋เคยเรียนที่ปักกิ่ง มีที่ไหนที่เธอไม่เคยไปบ้าง?
ปักกิ่งในปัจจุบันสิ่งที่ต่างจากเดิมมีแค่จำนวนบ้านที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น จะบ้านปูนหรือโรงแรมใหญ่ ย่าอวี๋ก็หาได้สนใจ
เธอเคยััสิ่งดีๆ มาหมดแล้ว ดังนั้นเื่พวกนี้ไม่สามารถดึงดูดใจของเธอได้
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากจองตั๋วเครื่องบินให้ทั้งสองคน แต่ย่าอวี๋ห้ามไว้เสียก่อน
“ซื้อตั๋วรถไฟเถอะ ฉันอยากนั่งรถไฟบ้างไม่ได้หรือ”
ตั๋วเครื่องบินไม่ใช่แค่ราคาแพง แต่ยังต้องใช้เส้นสายอีกด้วย
ถ้าไม่ใช่ทังหงเอินก็ต้องขอให้ตระกูลโจวช่วย อย่างไรก็ตามย่าอวี๋ไม่อยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานติดหนี้บุญคุณใคร
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ได้พูดอะไร เธอกับโจวเฉิงเคยเจอหน้าพ่อแม่ของอีกฝ่ายแล้ว แต่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายยังไม่เคยเจอหน้ากัน ซึ่งหมายความว่าตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นคุยเื่แต่งงาน ย่าอวี๋จึงไม่อยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานไปรบกวนตระกูลโจว หลิวเฟินถามว่าตนต้องไปเจอพ่อแม่ของโจวเฉิงหรือเปล่า ทว่ากลับถูกย่าอวี๋บอกปัดว่า
“มีพ่อแม่ของฝ่ายหญิงที่ไหนวิ่งไปหาพ่อแม่ฝ่ายชายบ้างฮึ?”
ย่าอวี๋ไม่สนสังคมสมัยใหม่ ขนบธรรมเนียมบางอย่างถูกส่งต่อกันมาหลายพันปี ดังนั้นจะล้มเลิกทุกอย่างไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าอนาคตจะมีฝ่ายหญิงที่ตามจีบฝ่ายชายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอไม่สามารถเกลี้ยกล่อมย่าอวี๋ได้สำเร็จ เพราะย่าอวี๋บอกว่ามันเป็การ ‘ด้อยค่า’ ในตัวเอง
คืนเดียวกัน เซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาที่มหาวิทยาลัยแล้วพบว่าหนิงเสวี่ยกำลังรอเธออยู่
“คุณปู่ฉันอยากเจอคุณย่าอวี๋ที่พักอยู่กับเธอน่ะ คุณย่าท่านพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า คุณปู่อยากเดินทางไปเยี่ยมท่านสักหน่อย”
หนิงเยี่ยนฝาน?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้รู้สึกใมากมายนัก ตระกูลจี้กับตระกูลหนิงรู้จักกันมานาน ย่าอวี๋เองก็รู้จักคุณปู่ของจี้เจียงหยวน ดังนั้นเธอจะรู้จักหนิงเยี่ยนฝานย่อมไม่แปลกอะไร ตระกูลจี้กับหนิงเยี่ยนฝานสนิทสนมกันมาก ดูท่าตระกูลจี้จะไปปรึกษาหนิงเยี่ยนฝานเป็ประจำ มิเช่นนั้นเขาคงไม่รู้ว่าย่าอวี๋เดินทางมาที่ปักกิ่งเช่นนี้
“ฉันจะบอกย่าอวี๋ให้นะ แต่ท่านอยากเจอคุณหนิงหรือเปล่า ฉันคงตัดสินใจแทนท่านไม่ได้”
หนิงเสวี่ยไม่ใช่คนไร้เหตุผลย่อมเข้าใจความหมายของเธอดี
เซี่ยเสี่ยวหลานทะเลาะกับตระกูลจี้ หนิงเสวี่ยเข้ากับจี้หย่าได้ดี เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าหนิงเสวี่ยจะยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลจี้และทำตัวเ็ากับเธอเสียอีก ทว่าใครจะไปคิดว่าหลังพูดคุยกันแค่ไม่กี่ประโยค พอเซี่ยเสี่ยวหลานจะหันหลังกลับ หนิงเสวี่ยกลับเรียกเธอไว้
“เซี่ยเสี่ยวหลาน!”
เซี่ยเสี่ยวหลานหันหน้ากลับมา สีหน้าของหนิงเสวี่ยดูจริงจังและเคร่งเครียดเป็พิเศษ
“ครั้งนี้เธอทำถูกต้องแล้ว”
จี้หย่าที่พยายามทำตัวสมบูรณ์แบบ แท้ที่จริงแล้วไม่สมบูรณ์แบบแม้แต่น้อย
ทำผิดแต่ไม่ยอมขอโทษ ไปที่ไหนก็ไร้เหตุผล หากหนิงเสวี่ยเป็เซี่ยเสี่ยวหลานก็คงยืนกรานขอให้อีกฝ่ายขอโทษเช่นกัน เื่นี้ไม่เกี่ยวกับชาติกำเนิดของหนิงเสวี่ย ขอแค่เธอยังเป็เธอ แม้เธอจะไม่ใช่หลานสาวของหนิงเยี่ยนฝาน แต่ถ้าเธออยู่จุดเดียวกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ก็คงต้องถามหาความรับผิดชอบจากจี้หย่าเช่นกัน
อัจฉริยะไม่ใส่ใจว่าจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่นหรือไม่ แต่อัจฉริยะจะไม่มีวันปล่อยให้คนอื่นมาดูถูกเหยียดหยาม
หนิงเสวี่ยพูดจบก็เดินจากไป เซี่ยเสี่ยวหลานจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้
หลังกลับมาที่มหาวิทยาลัย เธอเดินทางไปบ้านตระกูลโจวอีกครั้งเพื่อขอบคุณโจวกั๋วปินกับกวนฮุ่ยเอ๋อที่ช่วยออกหน้าแทนเธอ และแสดงเจตนารมณ์ว่าอยากทำให้จี้หย่ายอมรับผิดด้วยตัวเอง
กวนฮุ่ยเอ๋อบอกว่าเธอดื้อรั้นเกินไป ซึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ยอมรับ
แต่โจวกั๋วปินกลับไม่คัดค้าน อีกทั้งยังสนับสนุนความคิดของเธออีกด้วย
“ต่อให้ไม่ใช่เพื่อบีบให้ตระกูลจี้ยอมรับผิดก็ควรต่อสู้เพื่อตัวเอง ทำให้ตัวเองเป็คนที่มีประโยชน์ต่อสังคม ดังนั้นอยากทำอะไรก็ทำเถิด คนหนุ่มสาวขอเพียงไม่ทำผิดกฎหมายก็ควรกล้าลงมือทำสิ่งใหม่ๆ บ้าง”
โจวกั๋วปินไม่ได้สอนเซี่ยเสี่ยวหลานว่าควรทำอะไร
แน่นอนว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีความคิดเป็ของตัวเอง เด็กสาวจากชนบทคนหนึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งปีก็สามารถลงหลักปักฐานที่ปักกิ่งได้ ยังจะต้องให้โจวกั๋วปินสอนอีกหรือว่าควรดูแลธุรกิจของตัวเองอย่างไร
คนเรามีความเชี่ยวชาญที่ต่างกัน โจวกั๋วปินไม่ได้รู้สึกว่าตนจะสามารถทำธุรกิจได้เก่งกว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน หากให้โจวกั๋วปินไปเปิดแผงขายของ เขาคงปั้นหน้ายิ้มต้อนรับลูกค้าเื่มากทุกคนไม่ได้อย่างแน่นอน
สิ่งที่โจวกั๋วปิน้าสื่อก็คือ แม้จะบอกว่าอยากพึ่งตัวเองเพื่อเอาชนะตระกูลจี้ แต่เวลาที่้าความช่วยเหลือก็ขอให้บอกกันอย่างไม่ต้องเกรงใจ
ตระกูลจี้เองก็กำลังเสพสุขจากความพยายามของคนรุ่นก่อน ดังนั้นเวลา้าความช่วยเหลือจากคนรุ่นก่อน เซี่ยเสี่ยวหลานก็ควรรับเอาไว้
“คุณอาโจว ฉันทราบแล้วค่ะ”
เธอกับโจวเฉิงจะไปกันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้
แต่เธอรับรู้ได้ถึงการอบรมสั่งสอนที่ดีจากตระกูลโจว แม้คุณย่าโจวจะพูดยิ้มๆ ว่าครอบครัวตัวเองมีแต่คนเถื่อน ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่รู้สึกแบบนั้น
ไม่ว่าคนตระกูลโจวจะชอบเธอหรือไม่ ทว่าสิ่งที่พวกเขาแสดงออกมานั้นคือ ‘การให้เกียรติ’ กัน แม้กวนฮุ่ยเอ๋อจะอยากให้เธอเลิกรากับโจวเฉิง แต่วิธีการพูดก็เต็มไปด้วยความอดกลั้น ไม่ได้ด่ากราดต่อหน้าสาธารณชน ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานต้องขายหน้าที่มหาวิทยาลัย
การได้รับการอบรมมาเป็อย่างดีคืออะไร?
คือการคิดเผื่อผู้อื่น ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองอย่างคนเห็นแก่ตัว!
พอเซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางกลับไป กวนฮุ่ยเอ๋อก็ทำหน้าบึ้งตึง
“ตระกูลจี้ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง!”
รับมือผู้ใหญ่ไม่ได้เลยจงใจยั่วยุเด็กแทนอย่างนั้นหรือ
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่สนว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะดื้อรั้นแค่ไหน เพราะเพลิงโทสะของเธอไปอยู่ที่ตระกูลจี้ทั้งหมด ไหนจะทังหงเอินอีกคน คืนนั้นคนตระกูลโจวไม่อยู่ แต่ทังหงเอินอยู่ด้วยมิใช่หรือ เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นทังหงเอินเป็ผู้าุโที่เคารพนับถือ ทว่าทังหงเอินคงเข้าข้างตระกูลจี้เป็แน่
“พอได้แล้ว เื่นี้ให้จบแค่นี้เถิด ถึงเสี่ยวหลานจะยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลโจว แต่ก็ควรทำให้คนอื่นรู้ว่าคำพูดของเธอนั้นมีความสำคัญ ดังนั้นทำตามที่เธอบอกก็พอแล้ว!”
โจวกั๋วปินก็ปฏิบัติกับโจวเฉิงแบบนี้เช่นกัน
ไม่อย่างนั้นโจวเฉิงจะเอาชนะใจเส้าลี่หมินได้หรือ
หาก้าให้คนอื่นรู้ว่าคำพูดของโจวเฉิงมีน้ำหนัก ตระกูลโจวก็ต้องให้ความสำคัญกับคำพูดของเขาเสียก่อน
อยากเลี้ยงคนรุ่นหลังให้เป็คนรู้จักคิด มีความเด็ดขาด ก็ต้องยอมปล่อยมือให้พวกเขาฝ่าฟันกันเอาเอง พวกเด็กที่ไม่มีความเด็ดขาดจะเป็เหมือนลูกหลานของตระกูลจี้ อยู่ที่ตระกูลจี้ยังไม่ถูกให้ความสำคัญ คนในครอบครัวไม่เคารพความคิดของเด็กรุ่นหลัง แล้วยังจะหวังให้คนนอกให้เกียรติลูกหลานของตนอีกหรือ
ก่อนโจวเฉิงจะพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาที่บ้าน ตระกูลโจวมีใครกล้าไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานถึงอวี้หนานบ้าง ทั้งหมดนี้ก็คือการเคารพการตัดสินใจของโจวเฉิงที่ตระกูลโจวมอบให้!
โจวกั๋วปินพูดเช่นนี้ กวนฮุ่ยเอ๋อจึงเงียบไป
บางครั้งปัจจัยภายนอกคือตัวช่วยส่งเสริมให้ความสัมพันธ์แแ่ขึ้น ตระกูลจี้ก่อเื่คราวนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานกับสองสามีภรรยาตระกูลโจวใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม
หนิงเยี่ยนฝานอยากเจอย่าอวี๋ วันรุ่งขึ้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเดินทางไปที่สือช่าไห่ จึงเป็โอกาสให้เหล่าชาว 307 ได้ปรึกษาหารือกัน
“เื่นั้นของน้องหกยังจัดการไม่เสร็จสินะ จี้เจียงหยวนเองก็ยังไม่กลับมาเรียนเลย เขาจะกลับอเมริกาหรือเปล่า”
ชาวห้อง 307 เองก็ไม่กล้าถาม จึงทำได้แค่ถกกันลับหลังเซี่ยเสี่ยวหลานเท่านั้น อย่างไรก็ตามแต่ละคนต่างก็รู้สึกเห็นใจเซี่ยเสี่ยวหลานกันทุกคน
คุณปู่ของจี้เจียงหยวนนั้นเก่งกาจ ในแวดวงวิชาการตระกูลจี้ได้รับการนับหน้าถือตา ดังนั้นชาวห้อง 307 ต่างคิดว่าเื่ครั้งนี้เซี่ยเสี่ยวหลานคงถูกเอาเปรียบเป็แน่ ทุกคนจึงรู้สึกไม่พอใจ หยางหย่งหงลุกขึ้นจากเตียง
“ชาติกำเนิดสูงกว่าแล้วอย่างไร จะมีใครรังแกพวกเราไปได้ทั้งชีวิตอย่างนั้นหรือ!”
พวกเธอสอบเข้าหัวชิงได้เท่ากับเดินนำหน้าคนรุ่นเดียวกันไปหลายคน ขอแค่เพียรพยายาม ย่อมมีวันที่ประสบความสำเร็จ
ทุกคนในหอพักล้วนเห็นด้วยกับคำพูดของหยางหย่งหง
ลฺหวี่เยี่ยนถอดหูฟัง “ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ใหญ่ และคิดว่าน้องหกจะต้องมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน เื่ที่เธออยากทำล้วนไม่เคยล้มเหลวสักครั้ง อย่างการแข่งขันภาษาอังกฤษ ต่อให้ยากแค่ไหน น้องหกก็ยังฝ่าฟันจนเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ ตอนนี้ตระกูลจี้ดูถูกน้องหก ทว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะได้รู้ถึงความเก่งกาจของเธอ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้