ใน่ยามเย็น เจียงเฉินได้ออกจากคฤหาสน์เ้าเมืองทันทีและเริ่มออกเดินทางสู่เมืองชื่อ
เจียงเฉินเปลี่ยนชุดเป็ชุดสีขาวบริสุทธิ์ เขามวยผมเป็ลูกซาลาเปาบนหัวและปล่อยให้ผ้าผูกผมตกลงมาสองด้าน เขาสวมเข็มขัดไหมสีทองและถือพัดกระดาษสีขาว เขาดูสงบและดูหล่อเหลา ราวกับคุณชายจากชนชั้นสูง
ระยะทางระหว่างเมืองเทียนเซียงกับเมืองชื่อห่างกันสองถึงสามพันลี้ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีูเากั้นระหว่างเมืองทั้งสองอยู่ นอกจากนี้ยังมีเมืองชื่อเรียกว่าเมืองเทียนหุ่ย เมืองเทียนหุ่ยมีขนาดใกล้เคียงกับเมืองเทียนเซียง และมีผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ขั้นปลายเป็ผู้ดูแลอยู่ เมื่อเทียบกับเมืองชื่อแล้ว มันยังอ่อนแอกว่ามาก
ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แสงแดดสาดส่องไปทั่ว เจียงเฉินได้เดินทางมาแล้ว 1 วัน 2 คืน ก่อนมาถึงเมืองเทียนหุ่ยถ้าหากเขา้าที่จะไปถึงเมืองชื่อเขาจะต้องเดินทางผ่านเมืองเทียนหุ่ย หากเขาเลี่ยงที่จะเข้าเมืองเทียนหุ่ยล่ะก็เขาต้องอ้อมไปพื้นที่กันดารและเต็มไปด้วยสัตว์อสูร นั่นทำให้การเดินทางของเขาล่าช้า นั่นเป็เหตุว่าทำไมเขาจึงเข้าไปยังเมืองเทียนหุ่ยและผ่านเมืองโดยตรง
เจียงเฉินได้เข้าไปในเมืองเทียนหุ่ยโดยไม่แวะพักแต่อย่างใด เขาไม่ได้สนใจในเมืองที่คล้ายกับเมืองเทียนเซียงที่เขาอยู่ มันเป็ไปไม่ได้ที่เขาจะหาสิ่งที่เขา้าพบในเมืองแห่งนี้
นั่นว่าทำไมเจียงเฉินตัดสินใจที่จะเดินผ่านเมืองเทียนหุ่ยโดยไม่หยุดดูอะไร
ในอีกด้านของเมืองเทียนหุ่ย มีจตุรัสขนาดใหญ่ติดอยู่กับประตูเมือง มีผู้คนในพื้นที่จตุรัสเป็จำนวนมากโดยเฉพาะในตอนเช้า วันนี้มีผู้คนมาที่นี่มากเป็พิเศษ
"หน่วยทหารรับจ้าง!"
คำ4คำถูกสลักขึ้นบนก้อนหินข้างๆหน่วยอักษรใหญ่กว่าหนึ่งจ้างด้วยอักษรสีแดง และรอบๆหน่วยทหารรับจ้าง มีกลุ่มคนยืนอยู่รอบๆในรถม้าหลากหลายคันรถ บางคันรถมีการคุ้มกันอย่างแ่าเพื่อปิดบังสิ่งที่อยู่ภายในรถ
"พี่ชาย หน่วยทหารรับจ้างนี่มีไว้ทำไมหรือ?"
เจียงเฉินสุ่มถามคนๆหนึ่ง คนผู้นี้อายุราวสามสิบ ทั่วร่างเต็มไปด้วยมัดกล้าม เขามีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตฉีจิงระดับเก้า
"เวร! นี่เ้าไม่รู้หรือว่าจัดตั้งกลุ่มทหารรับจ้างเพื่ออะไร ท่านปู่ทวดเ้าเถอะ เ้าไสหัวให้พ้นจากหน้าข้าซะ"
ชายผู้นั้นโบกมือไล่ กล่าวออกมาด้วยความรังเกียจ
'น้องสาวเ้าสิ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?'
เจียงเฉินกลอกตาของเขา นี่เป็ครั้งแรกที่เขามาเมืองเทียนหุ่ย แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเื่ราวของเมืองแห่งนี้
"เ้า เ้าและเ้า เป็เม็ดยามนุษย์หยวนสามเม็ดใช่ไหม ดี คนพอแล้ว ไปได้"
ไม่ไกลจากที่นี่ มีชายชราสวมชุดหรูหราผู้หนึ่งชี้นิ้วไปที่ชายอีก3คน พวกเขาได้ขึ้นม้าตัวใหญ่ลากของออกจากเมือง
ผู้ที่ถูกเลือกต่างรู้สึกฮึกเหิมที่ได้ตามกลุ่มนั้นไป แต่ทว่าคนที่ไม่ได้รับเลือกนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา แต่นี่เป็สถานการณ์ปกติอยู่คนที่ไม่ได้รับเลือกก็ไปหาเป้าหมายถัดไป
หลังจากถามอีกสองสามคน ในที่สุดเจียงเฉินก็เข้าใจว่าจัดตั้งกองทหารรับจ้างไว้เพื่ออะไร และจตุรัสทหารรับจ้างนี้มีไว้เพื่อให้ทหารรับจ้างได้หางานและแลกเปลี่ยนสิ่งของ
เมืองเทียนหุ่ยและเมืองชื่อนั้นอยู่ติดกันมีขบวนพ่อค้ามากมายเดินทางผ่าน นี่เป็เหตุผลที่นี่้าหน่วยทหารรับจ้างเป็อย่างมาก ขบวนพ่อค้านั้นสามารถจ่ายเงินเพื่อจ้างทหารรับจ้างมาคุ้มกันจากกลุ่มโจรป่าหรือสัตว์อสูรในระหว่างทางไปยังเมืองชื่อเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง การใช้จ่ายในการจ้างทหารรับจ้างมันคุ้มค่ามาก
เมืองเทียนเซียงและเมืองเทียนหุ่ยมีขนาดเมืองพอๆกัน แต่ทำเลที่ตั้งของเมืองเทียนหุ่ยนั้นดีกว่าเมืองเทียนเซียงเป็อย่างมาก เดิมแล้วเจียงเฉินก่อนที่จะถือกำเนิดใหม่เป็คุณชายเสเพลไร้ประโยชน์ และไม่เคยสนใจกิจการของคฤหาสน์เ้าเมืองแม้แต่น้อย นั่นเป็เหตุที่ว่าทำไมเจียงเฉินจึงไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย
มีขบวนพ่อค้าจำนวนมากและกองทหารรับจ้างอยู่ในเมืองแห่งนี้ในจตุรัสแห่งนี้ ขบวนพ่อค้าต่างเลือกผู้คุมกันอย่างระมัดระวัง เฟ้นหาทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งและเหมาะสม อย่างไรก็ตามก็มีขบวนรถม้าแห่งหนึ่งที่เงียบเหงา เจียงเฉินดูสิ่งที่จะส่งและพบว่ามีคนทั้งหมดเจ็ดคนที่อยู่ข้างๆขบวนรถม้า ทั้งเจ็ดคนนั้นดูแข็งแกร่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะชายแก่ที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าพวกเขา หน้าตาดูขึงขังจริงจังยิ่ง มีพลังปราณแข็งกล้า เขาเป็ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ขั้นปลายแต่เขาไม่สามารถที่จะเทียบกับเจียงเจิ้นไห่หรือมู่หรงเจิ้นได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ถือว่าเป็ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง
อีกหกคนล้วนเป็ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ ซึ่งแตกต่างจากขบวนรถม้าอื่นๆที่รับผู้เชี่ยวชาญฉีจิง ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ทั้งเจ็ดนั้นดึงดูดสายตาผู้คนนัก
"ดูนั่นสิ ขบวนรถม้านั่นรอมากว่าสองวันแล้วยังไม่ออกเดินทางอีก"
"ชู่ว!.....อย่าไปพูดถึงพวกเขาสิ ขบวนรถม้าคันนั้นจะไปยังเยี่ยนหยวี่โหรวที่อยู่เมืองชื่อน่ะ ดูชายแก่ที่อยู่ตรงนั้นสิ เขาอยู่ระดับฉีไห่ขั้นปลาย เขามาจากตระกูลเยี่ยน ข้าสงสัยว่าครั้งนี้เขาขนส่งอะไร ข้าได้ยินว่าเขาจะไม่ออกเดินทางหากหาผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ได้ไม่ครบแปดคน ตอนนี้้าอีกคนนึง"
"มันไม่ง่ายเลยนะที่จะต้องหาผู้เชี่ยวชาญระดับฉีไห่ ในความคิดข้านะพวกเขาไม่สามารถหาได้หรอก ถึงแม้ว่าต้องรอไปอีกหนึ่งวันก็ตาม"
ผู้คนจำนวนมากกำลังพูดถึงเื่นี้อยู่
"นี่พี่ชาย เยี่ยนหยวี่โหรวนี่แข็งแกร่งมากหรือ?"
เจียงเฉินถามคนที่อยู่ข้างๆเขา
ชายคนนั้นกลอกตามาแล้วพูด
"น้องชายดูเป็คนหลักแหลมนะ เหตุใดเ้าถึงถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนั้นเล่า ทุกๆคนต่างรู้กันว่าขุมกำลังที่แข็งแกร่งในเมืองชื่อมีสองแห่ง หนึ่งเยี่ยนหยวี่โหรวและอีกหนึ่งคือตระกูลหลี่"
เจียงเฉินเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาได้เดินตรงไปยังขบวนรถม้าที่เป็ของเยี่ยนหยวี่โหรวทันที จะบอกได้ว่าพยัคฆ์สองตัวอยูู่เาลูกเดียวกันไม่ได้ ในเมื่อเยี่ยนหยวี่โหรวนั้นทรงพลังเทียบเท่ากับตระกูลหลี่ ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลนี้คงไม่ต่างกับตระกูลมู่หรงและตระกูลเจียง ตอนนี้เจียงเฉินได้ล่วงเกินตระกูลหลี่ไปแล้ว เป็สิ่งที่ฉลาดหากเลือกที่จะผูกมิตรกับเยี่ยนหยวี่โหรว
แน่นอน นี่มิใช่สาเหตุสำคัญที่สุด เป้าหมายหลักของเขามิใช่ไปสู้รบกับตระกูลหลี่ แต่เป็รักษาิญญาของเขา เหตุผลหลักคือที่เขาไปยังเมืองชื่อเพื่อค้นหาเม็ดยาที่สามารถฟื้นฟูิญญาของเขา เยี่ยนหยวี่โหรวเป็ขุมกำลังใหญ่แห่งเมืองชื่อ เขาจะต้องใช้พวกเขาให้เป็ประโยชน์
เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินมาทางพวกเขา ชายร่างบึกบึนได้ถามขึ้น
"เ้าหนู เ้าสนใจที่จะเข้าร่วมกับพวกข้างั้นรึ"
"ใช่ ข้าสนใจ"
เจียงเฉินตอบพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
"ฮ่าฮ่า เ้าหนูเ้าดูเ้าสำอางเกินไป เ้าไม่เหมาะที่จะเป็ทหารรับจ้างหรอก กลับบ้านไปกินนมซะไป"
ชายวัยกลางคนได้เย้ยหยันเจียงเฉิน คนอื่นๆก็หัวเราะด้วยสายตา เจียงเฉินวัยเพียง 15-16 ปีมาจากตระกูลผู้ดี คุณชายอย่างเขาเอามาก็มาเป็ภาระไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตามชายแก่ที่อยู่ระดับฉีไห่ขั้นปลายยังมองสำรวจเจียงเฉิน สัญชาติญาณของเขาบ่งบอกว่าเจียงเฉินนั้นแตกต่างชายหนุ่มทั่วไป เขาดูสงบนิ่งไม่ได้เสแสร้ง และมันไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มทั่วไปสามารถทำได้
"ขบวนรถม้าเยี่ยนหยวี่โหรวนี้ รับทหารรับจ้างโดยไม่เกี่ยงเื่อายุ พวกข้าสนใจความสามารถแท้จริงของคนๆนั้น เ้าอยู่ระดับฉีไห่งั้นรึ?"
ชายแก่ถามขึ้น
ปัง!
พลังมหาศาลได้ปลดปล่อยออกมาจากร่างเจียงเฉินทันที มันเป็พลังปราณระดับฉีไห่ ทหารรับจ้างคนอื่นๆหยุดหัวเราะโดยพลันและมองไปยังเจียงเฉินด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อ
ผู้คนอื่นๆที่อยู่ในจตุรัสได้ถูกดึงดูดเช่นกัน พวกเขามองไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญฉีไห่และพวกเขาได้เห็นชายหนุ่มสวมเสื้อสีขาว ทุกคนต่างตกตะลึงโดยเฉพาะคนที่แกล้งเจียงเฉินก่อนหน้า
"เวรกรรม เขาต้องเป็อัจฉริยะจากตระกูลใหญ่ที่ไหนสักแห่งเป็แน่...เขาเข้าสู่ระดับฉีไห่ด้วยอายุเพียงแค่นี้ได้อย่างไร?"
"ข้าดันไปหยอกอัจฉริยะรุ่นเยาว์ขอบเขตฉีไห่เมื่อครู่ด้วยสิ"
ได้พบว่าเจียงเฉินมีระดับการบ่มเพาะฉีไห่ ดวงตาของเขาลุกวาว ท่าทางของเขาได้เปลี่ยนเป็กันเองมากขึ้น
"ผู้เฒ่านามเยี่ยนเิ ไม่ทราบว่าน้องชายมีนามว่าอะไรหรือ?"
ชายแก่ได้บอกนามของเขา เขาไม่ได้สนใจอะไรมากนักหากเป็ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ทั่วไป แต่ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่วัยเพียงแค่ 15 ปีนั้นแตกต่างยิ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นนับเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากแม้ในตระกูลเขา
"เจียงเฉิน"
เจียงเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"ดี น้องชายเจียงเฉิน จุดหมายที่พวกเราจะไปอยู่ที่เยี่ยนหยวี่โหรวในเมืองชื่อ ข้าจะจ่ายให้เ้าเป็เม็ดยามนุษย์หยวนทั้งหมด 20 เม็ด ยอมรับหรือไม่?"
เยี่ยนเิถาม
"น้องเจียงเฉิน รีบตอบรับข้อเสนอสิ พวกเราจะได้ออกเดินทางทันทีที่ตอบรับ พวกข้ามารอที่นี่กว่าสองวันแล้ว"
ชายที่บอกให้เจียงเฉินกลับบ้านไปกินนมกล่าวออกมา
"ข้ายอมรับ"
แน่นอนว่าเจียงเฉินต้องยอมรับแน่ เขาไม่ได้ใส่ใจกับเม็ดยามนุษย์หยวน 20 เม็ด จุดหมายเขาอยู่ที่เมืองชื่อ เขานั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นั่น ถ้าหากเขาตามขบวนรถม้านี้ไปเขาอาจได้ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองชื่อก็เป็ได้
"ดี ออกเดินทางได้"
เยี่ยนเิได้กล่าวเสียงทุ้มลึก ทั้งแปดคนได้เดินคุ้มกันขบวนรถม้ารอบด้านและออกจากเมืองเทียนหุ่ย
"เฒ่าเยี่ยน ได้บรรทุกสิ่งใดไปงั้นรึถึงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่จำนวนมากคุ้มกัน?"
ในระหว่างทางชายคนที่แกล้งเจียงเฉินนั้นมีนามว่า หวังถิง เขาเป็คนตรงๆ มีอัธยาศัยดี
"เ้าอย่าได้ถามจะดีกว่า"
ชายแก่ที่ยืนถัดจากหยางเิพูดออกมาและจ้องไปยังหวังถิง ในทั้งแปดคนนี้ ข้างๆหยางเินั้นยังมีชายแก่อีกสองคนซึ่งเป็คนตระกูลเยี่ยน หนึ่งในนั้นอยู่ระดับฉีไห่ขั้นกลาง และอีกคนหนึ่งระดับฉีไห่ขั้นต้น
หวังถิงไม่ได้โกรธหลังโดนว่ากล่าว เขายิ้มให้แล้วหันมายังเจียงเฉิน
"น้องเจียงเฉิน เ้าอยู่ระดับนี้ั้แ่อายุแค่นี้ ดูจากการแต่งกายเ้าคงเป็คุณชายจากตระกูลผู้ดีเป็แน่ ทำไมเ้าถึงได้้าที่จะตามมาในฐานะทหารรับจ้างล่ะ"
หวังถิงได้ถามเจียงเฉิน และคนอื่นๆก็หันมาเพราะอยากรู้เช่นกัน
"ท่านพ่อของข้าได้บอกข้าว่า ถึงเวลาอันสมควรที่เ้าจะออกไปหาประสบการณ์ชีวิตแล้ว"
เจียงเฉินพูดพลางหัวเราะพลาง
เยี่ยนเิได้หันมาทางเจียงเฉินพร้อมยิ้มให้เขา
"ท่านพ่อของเ้านั้นหลักแหลมอย่างยิ่ง คนหนุ่มเช่นเ้าเหมือนดังดอกไม้ในเรือนกระจก ไม่ว่าเ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด หากขาดการฝึกฝนประสบการณ์จริงมันก็ไร้ค่า นั่นเป็เหตุว่าทำไมเ้าถึงต้องออกไปหาข้างนอกเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ จริงสิ......น้องชายเจียงเฉินเ้ามาจากเมืองเทียนหู่งั้นรึ?"
"ข้ามาจากเมืองเทียนเซียงน่ะ แต่ข้าจะไปที่เมืองชื่อเช่นกัน"
เจียงเฉินกล่าวออกมา
"เมืองเทียนเซียง? ข้าได้ยินมาว่ามีเื่ใหญ่เกิดขึ้นที่นั่น นายน้อยตระกูลหลี่ได้โดนสังหารโดยใครบางคนที่อยู่ที่นั่น และเมื่อวานผู้คนจากตระกูลหลี่ได้รีบร้อนผ่านเมืองเทียนหู่"
หวังถิงกล่าวออกมาโดยมีสีหน้าสนใจเื่นี้
"ข้าได้ออกจากเมืองเมื่อหลายวันก่อน ข้าจึงไม่ทราบอะไรเลย"
เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าข่าวว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเมืองเทียนเซียงได้กระจายไปทั่วทั้ง 28 หัวเมืองเป็ที่เรียบร้อย และนามของเขานั้นหลายคนคงจะได้ยิน
ทุกคนได้เดินทางไปและพูดคุยหัวเราะกันตลอดทาง บรรยากาศผ่อนคลายเนื่องจากไม่ได้เดินทางอย่างเร่งรีบมากเกิน พวกเขาจะถึงหน้าเมืองชื่อในตอนเย็น ในระหว่างการเดินทางมีโจรป่ามากมาย และมีสัตว์อสูรอยู่อีก แต่ทุกคนในคาราวานล้วนอยู่ระดับฉีไห่ทั้งสิ้น ไม่มีโจรคนไหนกล้ามายุ่ง หากกล้าเข้ามายุ่งก็จะตกตายเอง
อย่างไรก็ตามเจียงเฉินรู้สึกถึงบางสิ่งซึ่งมันไม่ได้เรียบง่ายนัก เยี่ยนเิใช้จ่ายเป็จำนวนมากในการจ้างทหารรับจ้างระดับฉีไห่ มันจะต้องมีสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้แน่
