บทที่ 43 ลู่หนานและมู่เสวียน
“เอาละๆ ปู่ไม่ถามก็ได้!” มู่ซิงเหอคิดว่ามันเป็เื่ภายในของตระกูลลู่อยู่แล้ว ในเมื่อลู่ไท่ชังยอมรับแล้ว หากตัวเองเซ้าซี้ไม่หยุดก็เหมือนเป็การยุ่งเื่ชาวบ้าน อีกอย่างเขาก็แปลกใจไม่น้อยว่านายน้อยตระกูลลู่จะปรุงปรุง “ยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง” ออกมาได้จริงหรือไม่ แต่ได้ยินมาว่าเขาปรุง “ยามหัศจรรย์ทำลายล้างเจ็ดดาว” ออกมาได้สำเร็จแล้ว หากเช่นนั้นก็น่าจะมีความเป็ไปได้สูงมาก
ดังนั้นลู่ไท่ชังจึงกล่าวว่า “เช่นนี้ข้ามู่ซิงเหอคงต้องอยู่รบกวนหลายวัน หากมีโอกาสได้เป็พยานให้อัจฉริยะที่ปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงสักคน คงจะเป็เื่ที่น่ายินดียิ่งนัก!” เขาตัดสินใจรอเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ดังนั้นจึงพูดอย่างไม่เกรงใจ
ลู่ไท่ชังหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “รบกวนอะไร? ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสิบปี พอดีเลย ข้าก็มีหลายเื่จะปรึกษากับสหายมู่เช่นกัน กลัวแต่ว่าเ้าจะอยู่ที่นี่น้อยไปเสียมากกว่า!” หลังจากพูดจบก็สั่งให้ลู่หงเซิ่ง ที่อยู่ด้านข้างไปเตรียมจัดที่พักให้สองปู่หลานตระกูลมู่
หลังจากที่ลู่เหว่ยจุนกลับมาถึงที่พักของตัวเอง ในขณะที่กำลังเตรียมฝึกบำเพ็ญเพียร จู่ๆ ผู้เฒ่ารองลู่หงชางก็มาหา
“เขาหนิงชุยเฟิงได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลลู่ และยังจงใจขึ้นราคายาอายุวัฒนะทุกอย่างสูงขึ้น คนด้านล่างเพิ่งได้รับข่าวและส่งต่อมาให้ข้า ข้าจึงนำมารายงานต่อท่านประมุข ดูว่าทางเราจะรับมือกันอย่างไรดี?” ลู่หงชางพูดขึ้นมาทันทีที่นั่งลง
เมื่อลู่เหว่ยจุนได้ยินเช่นนี้ ก็ถามอย่างใจเย็นว่า “แล้วกองกำลังอื่นๆ มีท่าทีตอบสนองอย่างไรบ้าง?”
ลู่หงชางส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่มีท่าทีตอบสนองว่าอย่างไร อาจกำลังรอดูสถานการณ์อยู่ แต่ตระกูลเมิ่งปลื้มปีติยินดีกันไม่น้อย ได้ยินมาว่าอัจฉริยะของตระกูลเมิ่ง เมิ่งเทียนอวิ๋นหายจากอาการาเ็แล้ว ยังคุยโวว่าจะท้าทายลู่อวี่อีกครั้ง”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา แต่เื่ยาวิเศษจะปล่อยไปไม่ได้ ถ่ายทอดคำสั่งให้ผู้าุโที่คุมคลังวัตถุดิบของตระกูลลู่ แจ้งให้เขาไปกว้านซื้อและสำรองยาวิเศษทุกขนานไว้ แม้ว่าจะเสียเปรียบไปบ้างในยามนี้ก็ต้องยอม! ส่วนคนตระกูลเมิ่งให้จับตาเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเป็พอ ตระกูลเมิ่งมักมีแผนการและวางกลอุบายบางอย่าง จึงต้องระวังไว้ ่นี้พวกเราต้องนิ่งดูท่าทีไปก่อน!”
ลู่หงชางขานรับและพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงลุกขึ้นขอตัว
ลู่เหว่ยจุนยังคงนั่งพิจารณาวิธีรับมืออยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่ามันไม่มีปัญหา ถึงได้หยิบแผ่นหยกออกมาเก็บข้อมูล จากนั้นจึงประสานฝ่ามือและนิ้วเข้าหากัน แล้วเสกคาถาส่งไปทันที นี่คือม้วนตำราหยกส่งสารที่ส่งถึงลู่หงิผู้เฒ่าห้าในเมืองเทียนตูเซียน โดยขอให้เขารีบเดินทางกลับมาทันที เพราะอีกไม่นานลู่อวี่จะปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงแล้ว หากมีคนที่คุ้นชินกับการปรุงยาอายุวัฒนะอยู่ข้างกายหลายคน ก็อาจช่วยลดภาระบางอย่างได้ เพื่อให้เขาสามารถจดจ่ออยู่แต่กับการปรุงยาอายุวัฒนะจนสำเร็จ
เช้าของวันที่สี่ ลู่หงินำคนปรุงโอสถของตระกูลลู่ทยอยกันกลับ ่เวลานี้เขาให้คนปรุงโอสถที่มีระดับขั้นต่ำกว่าเกณฑ์ในตระกูลทำการปรุงยาในที่พักของตระกูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อฝึกฝนวิธีการปรุงโอสถ เป็การช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ หากมีเวลาก็จะมาคอยชี้แนะให้ ส่วนตัวเขานั้นก็ได้ไปเข้าร่วมงานประมูลต่างๆ ในเมืองเทียนตูเซียน เมื่อใดที่เห็นว่ายาวิเศษใดมีราคาเหมาะสม ก็จะกว้านซื้อมาทั้งหมด
ครั้งนี้ท่านประมุขตระกูลลู่ส่งจดหมายมาแจ้งให้ทราบ จึงรู้ว่าลู่อวี่กำลังจะปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง แต่เนื่องจากมียาวิเศษล้ำค่าปรากฏขึ้นในงานประมูลหนึ่งจึงต้องล่าช้าไปสองวัน ตอนนี้ได้กลับมาถึงตระกูลแล้ว จึงรีบไล่คนปรุงโอสถที่มีระดับขั้นต่ำกว่าเกณฑ์ให้ออกไปก่อน จากนั้นถึงได้มุ่งหน้าไปยังห้องปรุงโอสถทันที เพราะกลัวว่าลู่อวี่จะเริ่มปรุงยาอายุวัฒนะแล้ว และเขาจะไล่ตามไม่ทัน
เวลานี้ลู่อวี่กลับไม่ได้อยู่ในห้องปรุงโอสถ แม้ว่ายาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง ที่กำลังจะปรุงออกมานั้นมีความสำคัญมากและปรุงยาออกมาได้ยากมากสำหรับคนอื่น แต่อุปสรรคเพียงอย่างเดียวสำหรับเขาตอนนี้มีเพียงพลังยุทธ์เท่านั้น แต่ระดับพลังยุทธ์ที่มีอยู่ในตอนนี้ ยังคงสามารถปรุงยาอายุวัฒนะขั้นห้าได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้นิสัยเขาเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว เมื่อชาติก่อนเขาชอบขลุกตัวอยู่แต่ในห้องปรุงโอสถ มายามนี้หากไม่มีอะไรก็จะไม่ไปขลุกตัวอยู่ในห้องนั้น แต่เลือกที่จะฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนักอยู่แต่ในที่พักของตัวเองเท่านั้น
แต่ความสงบสุขของวันนี้กลับถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ลู่อวี่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการฝึกฝนในตอนเช้า และกำลังจะพักผ่อนสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนพลังเวทของตัวเอง แต่กลับได้ยินเสียงะโดังมาจากด้านนอก
“พี่ลู่อวี่ ข้ามาเยี่ยมพี่แล้ว พี่ตื่นหรือยัง? ข้าพาเพื่อนมาให้พี่ด้วยคนหนึ่ง!” เสียงใสกังวานของลู่หนานดังเข้าหูของลู่อวี่มา
ลู่อวี่พึมพำกับตัวเอง “ข้าไม่ได้เป็อะไร มีอะไรให้ต้องดู สาวน้อยผู้นี้กลับมาั้แ่เมื่อไรกัน?” แล้วนี่ยังพาเพื่อนมาอีก? แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ยังลุกขึ้นและเดินออกไปหา ไม่เช่นนั้นแม่นางคงยืนรออยู่ที่นี่ทั้งวัน
“ให้พวกเขาเข้ามา!” ลู่อวี่เดินออกไปสั่งองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก องครักษ์ที่นี่ทุกคนได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากตระกูล แม้ว่าลู่หนานจะเป็หลานสาวของผู้เฒ่าใหญ่ และยังเป็เ้าหญิงน้อยอันเป็ที่รักที่สุดของคนในตระกูลด้วยแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ตัดสินเอง หรือยินยอมให้นางเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะลู่อวี่ในตอนนี้ ไม่ใช่นายน้อยที่มีชื่อเสียงไว้คอยตบตาคนคนนั้นแล้ว แต่เป็นายน้อยอัจฉริยะของตระกูลลู่ ทั้งสองได้รับการปฏิบัติต่างกันราวเมฆาบนท้องนภากับผืนดินที่อยู่เบื้องล่างก็ไม่ปาน
“พี่ลู่อวี่ เ้าดูสิ นี่คือมู่เสวียนสหายของข้า ข้าเพิ่งรู้จักนางวันนี้ ปู่ของนางเป็สหายกับผู้เฒ่าสูงสุด เขามาเป็แขกที่ตระกูลของเรา ท่านน่ะอย่าได้ทำเมินเฉยเชียวเล่า!” ลู่หนานส่ายผมเปียเล็กๆ แล้วลากแขนเด็กสาวชุดสีเขียววัยใกล้เคียงกันกับนางวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ
“กลับมาั้แ่เมื่อไร?” ลู่อวี่อมยิ้มมองลู่หนานพร้อมกับเอ่ยปากถาม แล้วเอื้อมมือไปลูบหัวของสาวน้อย จากนั้นก็ชำเลืองไปมองสตรีน้อยในชุดสีเขียว ก็เห็นว่านางเป็สตรีที่มีใบหน้าน่ารัก แลดูชาญฉลาดผู้หนึ่ง โดยเฉพาะท่าทางที่แสร้งทำตัวสุภาพเรียบร้อยและสง่างามหายวับไปกับตา เมื่อถูกลู่หนานลากตัววิ่งมาได้ไม่กี่ก้าว และเวลานี้กำลังกะพริบตาคู่สวยมองดูเขาอย่างสงสัย
ลู่หนานปัดมือของลู่อวี่ทิ้งด้วยความโมโห จ้องมองเขาและกล่าวว่า “เหตุใดพี่ถึงชอบเขย่าหัวคนอื่นเช่นนี้ ไม่สู้ไปเขย่าหัวตัวเองเล่า!” หลังจากพูดจบก็หันไปพูดกับมู่เสวียนที่อยู่ข้างๆ “เ้าดูสิ นี่แหละคือคนปรุงโอสถขั้นห้าที่เ้าอยากเจอ จริงๆ แล้วมันก็แสนธรรมดา มีหัวหนึ่งหัว ตาสองดวง แขนสองข้างและขาสองข้างเหมือนกัน แค่หน้าตารูปร่างไม่ดีเท่านั้นเอง!”
ลู่อวี่ตีหัวน้องสาวด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “มีใครแนะนำคนอย่างเ้าอีกหรือไม่?” จากนั้นก็หันไปพูดกับมู่เสวียนว่า “เ้าคือมู่เสวียนใช่หรือไม่ ในเมื่อเ้าและเสี่ยวหนานเป็เพื่อนกันแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะเรียกเ้าว่าเสี่ยวเสวียนดีหรือไม่? เ้าก็เรียกข้าว่าลู่อวี่เหมือนนาง หรือจะเรียกพี่ชายก็ได้ ฮ่าๆ!” เมื่อพูดมาถึงท้ายประโยค ลู่อวี่กลับรู้สึกเหมือนเขากำลังหลอกลวงเด็กสาวอยู่ ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะหากรวมชาติก่อนหน้านี้ของเขาด้วยแล้ว อายุที่แท้จริงของเขาคงเกินสองร้อยปีไปแล้ว
มู่เสวียนขานรับเบาๆ กัดริมฝีปากล่างด้วยฟันเล็กๆ ดูเป็คนเรียบร้อยและขี้อายมาก แล้วพูดเสียงเบาว่า “คารวะพี่ลู่!” แต่หัวใจกลับเต้นรัวด้วยความดีใจ มีพี่ชายเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าผู้หนึ่ง สิ่งนี้นับว่าน่าอิจฉาไม่น้อย!
นี่คือจอมเสเพลอันดับหนึ่งในตำนานของเทียนตูหรือ? ไม่เห็นจะเหมือนสักนิด! ระดับพลังยุทธ์ก็ไม่ได้ย่ำแย่ อยู่ใน่ปลายขั้นพลังจิตเลยทีเดียว สูงกว่านางไปขั้นเล็กๆ หน้าตาก็หล่อเหลาอีกทั้งยังเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าด้วย ไอ๊หยา แล้วเื่พวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย เชอะ!
ในขณะที่สาวน้อยครุ่นคิดอยู่นั้น ใบหน้าก็พลันแดงระเรื่อขึ้น เพราะกลัวว่าจะถูกคนอื่นเห็นเข้าจึงรีบหันไปมองซ้ายทีขวาที แสร้งทำเป็ไม่สนใจ
ลู่หนานเห็นมู่เสวียนเป็เช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เมื่อครู่นี้ไม่เห็นเป็เช่นนี้เลย แต่ก็คิดไม่ตกว่าเหตุใด ดังนั้นจึงไม่สนใจแต่หันไปคว้าแขนของลู่อวี่แล้วถามว่า “พี่ลู่อวี่ ได้ยินมาว่าพี่จะปรุงยาอีกแล้ว ปู่สิบหก รีบกลับมาเพราะกลัวว่าพี่จะเริ่มปรุงยาก่อน เช่นนั้นแล้วทันทีที่เขากลับมาถึง จึงวิ่งไปที่ห้องปรุงโอสถทันที แล้วพี่จะเริ่มปรุงยาเมื่อไรกัน ข้ากับมู่เสวียนไปดูด้วยได้หรือไม่?”
หลังจากพูดจบก็ทำหน้าตาออดอ้อนน่ารัก และจ้องมองลู่อวี่อย่างคาดหวัง
ลู่อวี่แตะจมูกแล้วพูดล้อเล่นว่า “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ยาอายุวัฒนะนี้มีไว้ให้ผู้เฒ่าสูงสุดใช้ วัตถุดิบก็มีค่ามาก หากเกิดพวกเ้าไป แล้วทำให้ข้าล้มเหลวในการปรุงยาอายุวัฒนะ พวกเ้าสองคนใครจะชดเชยวัตถุดิบยาให้ข้าได้?”
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไร? หากพวกเราไปจะเชื่อฟังไม่ส่งเสียงหรือขยับเลย! ท่านตกลงนะ!?” เมื่อลู่หนานได้ยินเช่นนี้ ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที เพราะนางเพิ่งจะรับปากกับมู่เสวียนสหายคนใหม่ว่าจะให้ลู่อวี่ตอบตกลง แต่ตอนนี้กลับทำผิดสัญญา เด็กสาวมีหรือจะยอมแพ้ รีบคว้าแขนของพี่ชายแล้วเขย่าไปมาไม่หยุด โดยไม่สนใจว่าจะขายหน้าผู้อื่นหรือไม่
ลู่อวี่แค่อยากจะแกล้งนางเล่นเท่านั้น แม้ว่าครั้งที่แล้วเขาจะให้ลู่หนานดูเขาปรุงยาอายุวัฒนะ แล้วนางจะไม่อยู่นิ่งเงียบตามสัญญา แต่ก็ทำตัวดีมากจริงๆ ดังนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “แค่ล้อเ้าเล่นเท่านั้น พี่ชายปรุงยาอายุวัฒนะมีหรือจะสนใจว่ามีคนดูมากน้อยเท่าไร? เ้าเคยเห็นพี่ชายล้มเหลวในการปรุงยาอายุวัฒนะเมื่อไรกันเล่า?”
จากนั้นลู่หนานถึงได้ยอมปล่อยเขาไป เมื่อคิดๆ ดูแล้วมันก็จริง เพราะนับั้แ่ลู่อวี่ปรุงยาอายุวัฒนะได้ก็ไม่เคยมีข่าวลือว่าเขาล้มเหลวในการปรุงยาอายุวัฒนะมาก่อน ดังนั้นจึงรู้สึกเชื่อมั่นในตัวของพี่ชายมากขึ้น และขานรับอย่างเชื่อฟัง แต่กลับจับมือของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย!
มู่เสวียนมองดูทั้งสองคนด้วยความอิจฉาอยู่ข้างๆ แม้ว่านางจะอายุใกล้เคียงกับลู่หนาน แต่ในแง่ของความรู้และประสบการณ์กลับไม่อาจเทียบลู่หนานได้แม้แต่น้อย เดินทางไปมาจนทั่วยุทธภพกับปู่ของนางั้แ่ยังเป็เด็ก สิบปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าต้องประสบพบเจอกับผู้คนมาไม่น้อย ย่อมต้องมีความเป็ผู้ใหญ่มากกว่าลู่หนานอยู่แล้ว
ลู่อวี่ส่ายหัวอย่างไม่มีทางเลือก จูงมือลู่หนานไปที่ศาลาเล็กๆ ทางฝั่งตะวันตกของลานที่พักก่อนจะนั่งลง จากนั้นถึงพูดกับมู่เสวียนว่า “เช้าตรู่เช่นนี้พวกเ้าสองคนไม่ตั้งใจฝึกฝน อย่าบอกนะว่ามาที่นี่เพื่อถามข้าว่าไปดูข้าปรุงยาอายุวัฒนะได้หรือไม่เพียงเท่านี้?”
มู่เสวียนเหลือบมองลู่หนาน และเห็นว่านางไม่มีท่าทีสนใจ ดังนั้นจึงพูดว่า “ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ข้าแค่รู้สึกอยากรู้อยากเห็น เพราะได้ยินพี่ชิงเหยียนบอกว่า พี่ลู่อวี่คือคนปรุงโอสถขั้นห้าที่อายุน้อยที่สุด และมีพร์มากที่สุดในเทียนตู เช่นนั้นแล้วจึงอยากมาเห็นกับตา ถึงได้ไปขอร้องลู่หนานให้พาข้ามาที่นี่!”
ลู่อวี่มองเด็กสาวสองคนที่ว่างมากจนไม่มีอะไรทำ ก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ จึงส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจ และทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “ว่าอย่างไรนะ?เ้าสนิทสนมกับเซี่ยชิงเหยียนมากหรือ?”
เมื่อลู่หนานได้ยินก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “ไม่เพียงแต่จะสนิทสนมกันเท่านั้น ข้ามู่เสวียน และพี่ชิงเหยียนเป็สหายที่ดีที่สุดของกันและกัน ครั้งนี้หากท่านปู่มู่ไม่พามู่เสวียนมาด้วย เกรงว่านางคงจะยังอยู่ที่นั่นกับพี่ชิงเหยียนไปอีกสักพัก” หลังจากที่น้องสาวพูดจบ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม ซึ่งทำให้ลู่อวี่ที่มองอยู่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่น้อย
ในเวลานั้นเอง ก็มีองครักษ์รีบร้อนเข้ามา และรายงานด้วยความเคารพว่า “นายน้อย ท่านผู้เฒ่าห้ามาขอเข้าพบ!”
ลู่หนานกลับพูดพึมพำแทรกมาจากด้านข้าง “ทุกครั้งที่ข้ามาหาพี่ลู่อวี่ที่นี่เขาก็จะตามมาก่อกวนทุกที ดูสิ วันหลังข้ายังจะสนใจเขาหรือไม่!” แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่ก็รู้ว่าผู้เฒ่าห้ามาที่นี่ต้องมีธุระพูดคุยด้วยแน่นอน เช่นนั้นแล้วจึงเบะปากและพูดกับลู่อวี่ว่า “ในเมื่อพี่ชายมีธุระ ข้ากับมู่เสวียนคงต้องขอตัวก่อน ข้ายังต้องพานางไปดู ‘ต้นหยกฉยงหลิน’ และ ‘ลำธารหมอกพระจันทร์ิญญา’ ของเขาตงชานอีก!”