เซียวเฉินอยู่ในภาวะฝึกวิชา ชักนำแสงดาราและความว่างเปล่ามากัน ร่างของเขาปลดปล่อยแสงดาราและแฝงพลังแห่งแสงสว่างรางๆ ตลอดร่างในเวลานี้เจิดจรัสดุจเทพ์
เวลาระหว่างฝึกวิชาผ่านไปเงียบๆ
เซียวเฉินไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิดเป็เวลาสองเดือน การรับรู้ดวงดาราให้พลังแห่งมิติแก่เซียวเฉิน ดาวแต่ละดวงบนเวิ้งนภาดุจคุณสมบัติมิติที่แตกต่างกัน แทรกซึมเข้าสู่ร่างอย่างต่อเนื่องและให้พลังอันไร้ที่สิ้นสุดแก่เขา
นั่นคือพลังเสวียนจากยุคแรกเริ่ม
ตูม!
เซียวเฉินทะลวงขั้นเสวียนเต๋าสี่ชั้นฟ้าระดับสูงสุดย่างสู่ขั้นห้าชั้นฟ้าทันที!
ดาราหล่อหลอมพลังแห่งมิติแทรกซึมเข้าสู่ร่างของเซียวเฉิน ครู่ถัดมา ร่างของเขาก็คล้ายสุญตาปกคลุมความว่างเปล่า เซียวเฉินต่อยหมัดจู่โจม ปลดปล่อยคุณสมบัติมิติ พลังอันกล้าแข็งสะท้อนไปมานับร้อยครั้ง รุนแรงจนทำให้ความว่างเปล่าสั่นะเือย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าจะแตกสลายในวินาทีถัดไป
แววตาของเซียวเฉินเป็ประกาย
“พลังสะท้อนของมิติอันแข็งแกร่ง” เซียวเฉินกล่าว แม้เวลานี้เขารับสืบทอดพลังแห่งมิติแล้ว แต่ระดับขั้นของเขายังไม่อาจะโข้ามมิติได้อย่างสมบูรณ์ แค่กระบวนท่านี้ก็เพียงพอที่จะให้เขาใช้ต้านคนนับพันได้ เป็วิชาอันยอดเยี่ยมจริงๆ!
เซียวเฉินรับการสืบทอดอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงการสืบทอดสายสุดท้าย เขามีสายตาเคร่งขรึม จากนั้นย่างเข้าประตูบานสุดท้าย
“แคว้นกู่มีทายาทแล้ว...”
ชายชรามีน้ำเสียงตื่นเต้น หากกายเนื้อของเขายังอยู่ ต้องรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวอย่างแน่นอน เพราะหลายพันปีให้หลัง มีความหวังว่าแคว้นกู่จะมีการสืบทอดไม่ขาดสายอีกครั้ง
“พี่ใหญ่เฉินยอดเยี่ยมมาก!”
ฉู่เยียนหรานยิ้มกล่าว ฉู่หยวนที่อยู่ด้านข้างก็เช่นกัน หากเซียวเฉินเห็นพวกเขาต้องตาเป็ประกายแน่ เพราะเวลาสามเดือนนี้ คนทั้งสองมีความก้าวหน้าสุดขีด ฉู่หยวนย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าเก้าชั้นฟ้า ส่วนฉู่เยียนหรานย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าเจ็ดชั้นฟ้า
ความสามารถของคนทั้งสองรุดหน้าอย่างมหาศาล แม้ได้รับสืบทอดคุณสมบัติเพียงไม่กี่สายและยังไม่ถึงขั้นเชี่ยวชาญ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของคนทั้งสองในเวลานี้ก็น่าตระหนก
กลิ่นอายของฉู่หยวนแข็งแกร่งขึ้น เขามีความสามารถรุดหน้าจนมั่นใจว่าสามารถต่อกรกับผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋าหนึ่งชั้นฟ้าได้ ส่วนฉู่เยียนหรานหัวไวขึ้นมาก เก็บงำกลิ่นอาย ทำให้คนดูไม่ออก มีเพียงดวงตาฉลาดเฉลียวแฝงความเยียบเย็นอยู่รางๆ
นิสัยของคนทั้งสองเปลี่ยนไป คุณสมบัติร่างกายเพิ่มพูน มุ่งหน้าไปยังเส้นทางของผู้เข้มแข็งมากขึ้น
ส่วนเซียวเฉินย่างเข้าประตูบานที่แปด
ประตูบานสุดท้ายราวกับเป็สถานที่ในยุคแรกเริ่มเมื่อแรกกำเนิดฟ้าดิน ทุกสิ่งเป็ความว่างเปล่า เสมือนว่าที่นี่คือจุดกำเนิดของโลก
“ในที่สุดก็มาแล้ว...”
มีเสียงดังก้องในความว่างเปล่า ทำให้เซียวเฉินร่างสะท้าน
“ผู้าุโเป็ใคร?”
เสียงของเซียวเฉินดังก้องในมิติเก่าแก่อยู่เนิ่นนานไม่จางหาย เสียงนั้นถอนหายใจแล้วเอ่ยช้าๆ “ข้าละอายต่อฉีเหล่า [1] ให้เขาเฝ้าอยู่ข้างนอกตั้งหนึ่งพันเจ็ดร้อยกว่าปี...”
แสงเสวียนปรากฏขึ้น มีบุรุษวัยกลางคนเดินออกมา
บุรุษผู้นั้นสง่างามสูงศักดิ์ ยามเคลื่อนไหวแฝงด้วยกลิ่นอายสยบฟ้าดิน นั่นเป็กลิ่นอายของผู้เข้มแข็งระดับสูง เซียวเฉินม่านตาหดวูบ
“ผู้าุโคือผู้ปกครองแคว้นลั่วเทียนกู่!”
บุรุษผู้นั้นแย้มยิ้มผงกศีรษะ “ฉีเหล่าบอกเ้าแล้วสินะ เ้าเป็เด็กที่มีพร์ยอดเยี่ยม นิสัยโดดเด่น ความกล้าไม่เลว เป็ต้นอ่อนที่ดีจริงๆ”
เวลานี้ เซียวเฉินแสร้งทำเป็สงบนิ่ง ทว่าความจริงเขาใจนพูดไม่ออก คนที่อยู่เบื้องหน้าคือผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดในยุคกลาง ผู้ปกครองแคว้นกู่ ผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์ที่ต้านทานลิขิตฟ้าได้!
แม้ว่าบุรุษในยามนี้จะไม่ใช่ร่างจริง เป็เพียงอานุภาพกดดันส่วนหนึ่ง แต่ก็มิใช่สิ่งที่เซียวเฉินจะรับไหว หากมิใช่เซียวเฉินมีสายโลหิตสัตว์เทพที่สามารถสลายพลังส่วนหนึ่งได้ เกรงว่าเขาในเวลานี้คงทรุดไปกองกับพื้นแล้ว
เซียวเฉินพยายามเค้นรอยยิ้มบางๆ และเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ผู้เยาว์เซียวเฉิน คารวะผู้าุโ...”
อานุภาพกดดันของฉินเทียนหยางปกคลุมทั่วทั้ง์และนรกดุจัั์ที่หลับใหลตื่นขึ้นมา นั่นคือกลิ่นอายอันน่าสะพรึงสุดขีด กดทับเซียวเฉินจนแม้แต่จะพูดจาก็ยังลำบาก แต่เซียวเฉินกลับยังยืนตัวตรงและค้อมกายคารวะฉินเทียนหยาง
แค่บุคลิกอันแข็งกร้าวก็ทำให้ฉินเทียนหยางชื่นชมอย่างมาก เขาชื่นชมความทะนงตนของเซียวเฉิน
เมื่อปีนั้นเขาก็หยิ่งทะนงเช่นนี้
“ไม่ต้องมากพิธี เดินมาถึงขั้นนี้ได้ ก็พิสูจน์ว่าเ้ามีคุณสมบัติเป็ผู้สืบทอดของข้า” ฉินเทียนหยางอมยิ้ม จากนั้นก็สลายอานุภาพกดดัน เดินมาใช้มือทั้งสองข้างลูบคลำกระดูกของเซียวเฉินแล้วพยักหน้า
“อายุสิบเจ็ดปี มีความสามารถขั้นเสวียนเต๋าห้าชั้นฟ้า ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่กลับมีจุดที่ข้ามองร่างกายเ้าไม่ออก เ้าหนู เ้ามีเื่ราวมากมายเชียวนะ”
เซียวเฉินไม่สงสัยความสามารถของฉินเทียนหยางเลย ผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์จะตรวจสอบเขาก็ไม่ใช่เื่แปลก แต่ฉินเทียนหยางกลับตรวจไม่พบความลับของเขา นี่ไม่ใช่เื่ธรรมดา ต้องรู้ก่อนว่า ต่อให้เป็ผู้าุโผู้ยิ่งใหญ่ในเขต์ที่อยู่เหนือดินแดนเทียนเสวียนก็ยังมองเขาไม่ออก แล้วฉินเทียนหยางจะมองออกได้อย่างไร?
การที่เขาได้รับสืบทอดจากเทียนฮวงยิ่งไม่ใช่สิ่งที่ฉินเทียนหยางััได้ ต่อให้เป็ผู้เข้มแข็งระดับสุดยอด มีความสามารถขั้นเทพ์ของดินแดนเทียนเสวียนก็ไม่ยกเว้น
เื่เ่าั้เป็ความลับที่เซียวเฉินบอกไม่ได้
“ผู้าุโโปรดอภัย” เซียวเฉินกล่าว
ฉินเทียนหยางยิ้มกล่าว “ไม่เป็ไร มีใครไม่มีความลับบ้าง ข้าเพียงสงสัยว่า ผู้สืบทอดคนนี้ของข้าเป็คนวิปริตเช่นไรกันแน่ ในตัวถึงกับมีการสืบทอดขนาดใหญ่สองสาย และถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าข้า”
เซียวเฉินยิ้ม “ผู้เยาว์แค่โชคดีเท่านั้น”
ฉินเทียนหยางไม่ได้สนทนาในหัวข้อนี้ต่อ แต่เอ่ยว่า “เซียวเฉิน เ้าเตรียมตัวพร้อมรับการสืบทอดของแคว้นกู่หรือยัง?”
ร่างของเซียวเฉินสะท้าน จากนั้นพยักหน้า
“ข้าเตรียมพร้อมแล้ว”
วินาทีถัดมาฉินเทียนหยางกลับยิ้ม “การสืบทอดของแคว้นกู่เรายังไม่สมบูรณ์ ไหนเลยจะมีสิ่งใดถ่ายทอดให้เ้า”
เซียวเฉินอึ้ง จากนั้นอดหัวเราะไม่ได้
ที่แท้ผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์ก็มีอารมณ์ขัน
“แต่ข้าสามารถตอบคำถามเ้าได้สามข้อ จากนั้นมอบโชคดีให้เ้าหนึ่งครั้ง เวลาของข้าเหลือไม่มากแล้ว เ้าต้องทะนุถนอมสามคำถามนี้ไว้ให้ดี” ฉินเทียนหยางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
สามคำถาม โชคดีหนึ่งครั้ง...
“ผู้าุโสามารถสำเร็จขั้นเทพ์ในดินแดนเทียนเสวียน ณ ปัจจุบันได้หรือไม่?” เซียวเฉินถามด้วยสีหน้าจริงจัง ฉินเทียนหยางยิ้มราวกับเดาได้ว่าเซียวเฉินจะต้องถามแบบนี้
“ได้ แต่ยากมาก” ฉินเทียนหยางกล่าว “ปีนั้นข้ากับอีกสองคนฝ่าฝืนมติ์ ฉีกลิขิตฟ้า ทำให้ดินแดนเทียนเสวียนไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ใช่ว่านับจากนั้นจะไม่มีโอกาสสำเร็จขั้นเทพ์ในดินแดนเทียนเสวียนเลย เพียงแต่ยากกว่าในอดีตหลายเท่าตัว เพราะปราณเสวียนแห่งฟ้าดินรั่วไหลออกไปมาก ไม่เพียงพอที่จะสร้างผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์”
เอ่ยถึงตรงนี้ เซียวเฉินก็มีสีหน้าหนักใจ
หมายความว่า สามารถสำเร็จขั้นเทพ์ได้ แต่ยากเย็นแสนเข็ญดุจปีนป่ายขึ้น์
“ถามได้ดี คำถามนี้คือสาเหตุว่าทำไมเวลานับพันปีหลังจากแคว้นกู่ล่มสลายจึงไม่ปรากฏผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์อีกเลย แม้แต่ผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ก็มีอยู่น้อยนิด”
เซียวเฉินตั้งใจฟังโดยไม่ได้เอ่ยแทรก
ฉินเทียนหยางกล่าว “คิดจะเข้าสู่ขั้นเทพ์ มิใช่มีปราณเสวียนแห่งฟ้าดินมากก็สามารถเลื่อนขั้นได้ แต่จำเป็ต้องมีโอกาส โอกาสสำคัญมาก คนหนึ่งมีโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่จะบรรลุและทะลวงขั้นเทพ์ได้ หากบรรลุไม่ได้ก็ไม่มีทางย่างสู่ขั้นเทพ์ไปชั่วชีวิต นอกจากมีผู้เข้มแข็งที่เหนือกว่าขั้นเทพ์ช่วยเสริมส่วนที่ไม่สมบูรณ์ของดินแดนเทียนเสวียน!”
เอ่ยถึงตรงนี้ ลมหายใจของเซียวเฉินก็กระชั้นขึ้นมา ดวงตาจับจ้องฉินเทียนหยางด้วยเกรงว่าจะพลาดประโยคใดไป
“การทะลวงขั้นเทพ์นั้น ตอนเ้าอยู่ขั้นดารา์จำเป็ต้องสำเร็จขั้นดารา์สิบชั้นฟ้าก่อนจึงจะก่อให้เกิดโอกาสทะลวงขั้นเทพ์ได้!”
---
[1] ฉีเหล่า คือ คำเรียกชายชราแซ่ฉี