มิมีการซ้อมเต้นของอวิ๋นอี้อีกต่อไป ยิ่งเข้าใกล้วัน นางยิ่งสงบเสงี่ยม
แม้แต่หรงซิวก็ไม่เข้าใจนาง บีบใบหน้าเล็กๆ ของนางอย่างกังวลและถามว่า “ประหม่าใช่หรือไม่?”
ประหม่าหรือ?
ตลกน่า!
จริงๆ มีอยู่บ้างนั่นแหละ
อวิ๋นอี้ยิ้มแป้น พูดความจริงว่า "ข้าเพียงอยากพักผ่อน หากประหม่าเกินไปจะไม่เป็ผลดีต่อการแสดงเพคะ"
"ที่พูดมาก็มีเหตุผล" หรงซิวแตะเบาๆ ที่ปลายจมูกของนาง ในดวงตาที่มืดมิด มองเห็นได้ถึงความเอ็นดู
หลังจากที่อยู่กันมานานกว่าสัปดาห์ ทั้งสองมองอีกฝ่ายต่างไปเล็กน้อย
อวิ๋นอี้พบว่าหรงซิวเป็ผู้ที่มีความสามารถมาก ความสามารถนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงการดูแลตนเองและการดูแลครอบครัวเท่านั้น ทว่ายังรวมถึงดนตรี หมาก อักษรและการวาดภาพด้วย
อืม...สรุปคือเป็ผู้ที่มีเสน่ห์มาก
คนอย่างหรงซิว ค้นพบกระไรได้มากกว่าอยู่แล้ว
ความคิดของเขาแต่เดิมนั้นหายไปหมดแล้ว อวิ๋นอี้มิได้แสร้งทำเป็ความจำเสื่อม นางความจำเสื่อมจริงๆ แต่มันไม่เหมือนกับความจำเสื่อมจริง มันเหมือนกับว่า...นางเปลี่ยนไปเป็คนละคน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาหรงซิวพลันมืดลง เขาเจอสมุดเล่มหนึ่งโดยบังเอิญที่ร่องเตียง
สมุดบันทึกนี้เป็ของอวิ๋นอี้ ที่บันทึกความรู้สึกและความลับบางอย่างของนาง
มีความลับที่อยู่ในนั้นทำให้เขาใและมิมีทางเข้าใจได้
อวิ๋นอี้ นาง...
หรงซิวจิตใจซับซ้อน ฟุ้งซ่านโดยมิได้ตั้งใจก็ถูกสาวน้อยจับได้
อวิ๋นอี้มิรู้ว่าเขาคิดกระไรอยู่ เห็นเพียงว่าเขาไม่สบายใจเล็กน้อย นางฮัมเสียงเบาๆ แล้วตบหน้าอกของเขา "ฝ่าา ตอนอยู่กับข้า ฝ่าากลับคิดถึงสตรีผู้อื่นหรือเพคะ?"
“......” เขาทำได้เพียงต้องตั้งสติ ปรับอารมณ์ให้เป็ปกติ แสร้งพูดเป็เล่นว่า "ข้ายังมิได้ทานเ้าเลย จะมีใจคิดถึงสตรีอื่นได้อย่างไร?"
อยู่ด้วยกันมานาน ในเื่พฤติกรรมของเขา อวิ๋นอี้รู้ดี ฟังเขาพูดไร้สาระเช่นนี้มิได้รู้สึกรำคาญเลย นางสะบัดผม "รู้ก็ดีเพคะ"
พ่อบ้านที่อยู่นอกห้องมาตาม บอกว่าทูตจากต้าฉีมาเยี่ยม ้าให้หรงซิวไปทักทายด้วยตนเอง
หลังจากที่ถูกเรียก อวิ๋นอี้ก็รีบผลักเขาออกไป "รีบไปทำธุระของฝ่าาเถิดเพคะ"
"อืม งานเลี้ยงในวังคืนนี้ ข้าจะมารับเ้า"
อวิ๋นอี้พยักหน้า "ทราบแล้วเพคะ เพลานี้ข้าจะไปร้านตัดเสื้อ ออกไปด้วยกันเถิดเพคะ"
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปที่ประตูจวน แล้วแยกทางกัน
ชุดเต้นละตินที่ออกแบบไว้ก่อนหน้านี้เสร็จตั้งนานแล้ว เพียงแต่อวิ๋นอี้ลองแล้วยังไม่พอใจ จึงปรึกษากับช่างตัดเสื้อแล้วเพิ่มเครื่องประดับหินอาเกตลงไป
แน่นอนว่าหรงซิวต้องเป็ผู้จ่ายเงิน มีแผ่นเงินสีขาวอยู่บนเสื้อนับไม่ถ้วน ตอนหมุนตัว เพียงนึกภาพก็รู้สึกถึงความสวยงาม
อวิ๋นอี้รีบร้อนใจ โชคดีที่ถนนโล่ง การเดินทางราบรื่น
ช่างตัดเสื้อรออยู่นาน หลังจากที่ทั้งสองพบกันก็ขึ้นไปห้องชั้นบน นางสวมชุดละตินที่ดัดแปลงแล้ว เมื่อออกมาจากด้านหลังม่าน ช่างตัดเสื้อพลันเอามือปิดปากอย่างเกินจริง พูดชมนางว่าสวยมากมิได้หยุด
งดงามจริงๆ
ยืนอยู่หน้ากระจก สะท้อนให้เห็นถึงรูปร่างเรียวบางของนาง
อวิ๋นอี้ดูดี หุ่นดี ขาคู่เรียวยาวยิ่งทำให้สะดุดตา นางมักจะใส่ชุดยาวหนาๆ กระโปรงยาวนั่นปกปิดความงามของนางไว้อย่างหมดจด
ขณะนี้มิมีผู้ใดอยู่ในห้อง นางยืนอยู่ตรงนั้น เผยให้เห็นความงามของนาง ชิ้นส่วนสีเงินที่อยู่บนเสื้อผ้างดงามไม่เท่าดวงตาของนาง
“สวยนัก! งดงามจริงๆ!” ช่างตัดเสื้อตื้นตันมากจนพูดได้เพียงว่า “งามจนอยากจะร้องเลยเพคะ!”
อวิ๋นอี้ยิ้ม นางมองไปที่คนในกระจก ยิ้มอย่างมีความมั่นใจ ราวกับเรือนร่างแพรวพราว
หลังจากรับคำชมอย่างไร้สติจากร้านตัดเสื้อ อวิ๋นอี้บอกว่ายังมีเื่ที่ต้องทำอีก บอกลาเสร็จนางก็เดินกลับไป
เนื่องจากอยู่ไม่ไกล นางจึงมิได้นั่งรถม้า เพียงแค่พาองครักษ์ไปด้วยสองคนเท่านั้น
ระหว่างทางกลับ แน่นอนว่านางเป็ผู้เดินอยู่เบื้องหน้าตามด้วยองครักษ์
อวิ๋นอี้อารมณ์ดี ฝีเท้าของนางรวดเร็ว ที่ไม่ดีคือหลังจากผ่านทางเลี้ยวไป นางพลันคิดถึงซูเมี่ยวเออร์ ไม่ทันได้ระวังจึงเดินชนเข้ากับคนที่เดินออกมาจากร้านค้า
“ฮูหยิน! เป็กระไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์ทั้งสองถามด้วยแววตาตื่นตระหนก
อวิ๋นอี้ปัดมือ เดินไปช่วยคนที่นางชนล้มทันทีก็พบว่าเป็หลี่ซูซวน!
เจอเขาอีกได้อย่างไรกัน!
ขายหน้าจริงๆ ช่างขายหน้าจริง!
ในใจอดมิได้ที่จะคิดย้อนกลับไปตอนที่เจอกันคราก่อน!
นางพูดพล่ามใส่เขา พูดแต่เื่แย่ๆ เกี่ยวกับเขาตั้งนานโดยที่มิรู้ตัว และไอ้เ้าบ้าหลี่ซูซวนยังฟังจนจบ จากนั้นบอกกับนางอย่างเฉยเมยว่านางเข้าใจผิดไป
เหตุการณ์ผ่านไปนานแล้ว ทว่าเมื่อนึกถึงยังตะขิดตะขวงใจอยู่
ตอนที่นางอยู่ในภวังค์ หลี่ซูซวนจำนางได้ ยิ้มไม่จริงใจแล้วฮัมเสียง "ยังแค้นอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?"
"ข้าเปล่าเสียหน่อย" อวิ๋นอี้เข้าใจได้ในทันทีและตอบทันใด
“เปล่าแล้วเหตุใดถึงชนข้า?” หลี่ซูซวนมิได้มองนาง จับกรอบประตูข้างๆ แล้วยืนขึ้น ขาของเขาเป๋ แต่มิได้เป็อุปสรรคในการเดินของเขา
อวิ๋นอี้มองดูท่าทีของเขาและบอกกับตนเองว่าต้องทำดีกับผู้พิการ ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดเสียดสีของเขา ก็โกรธขึ้นหน้า “ข้ามิได้ตั้งใจ!”
“เช่นนั้นเหตุใดจึงมิได้ชนผู้อื่นเล่าพ่ะย่ะค่ะ? โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ แต่กลับเลือกชนข้า?” ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึม
อวิ๋นอี้มิรู้จะพูดอย่างไรจริงๆ "ข้าบอกไปแล้วไงว่ามิได้ตั้งใจ!"
หลี่ซูซวนยักไหล่ พ่นลมเบาๆ แล้วเดินกะเผลกออกไป
ประสาท!
นางสาปแช่งเขาในใจ ฟังคำพูดคนมิรู้เื่หรือไร คนดีๆ เขียนกลอนได้เช่นนั้น กลับมีอารมณ์ฉุนเฉียวปานนี้!
ไม่แปลกที่ความนิยมจะแย่เช่นนี้!
อวิ๋นอี้มองว่าเป็เพียงเื่นี้เล็กน้อยเท่านั้น ทำเอาไม่สบอารมณ์ นางจึงมิคิดเื่นี้อีกต่อไป หลังจากนั้นนางจึงกลับไปที่จวนองค์ชายโดยมิมีกระไรเกิดขึ้น
เซียงเหอรู้ว่าวันนี้เป็วันสำคัญ ทันทีที่นางกลับมาถึง จึงเริ่มแต่งหน้าให้นาง
กลุ่มคนพากันยุ่งทั้ง่บ่าย และแล้วทุกอย่างก็เตรียมพร้อม
ภายใต้เสื้อคลุมธรรมดา อวิ๋นอี้สวมชุดเต้นละตินสุดเย้ายวน เมื่อถึงเวลาแสดง เพียงแค่ถอดเสื้อนอกออกก็แสดงได้เลย
ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา พระอาทิตย์อัสดงเริ่มลับฟ้า หรงซิวกลับมาที่จวนเพื่อรับนาง
เมื่อเห็นอวิ๋นอี้ก็พลันตะลึงไปเลย
โดยปกติแล้วนางจะแต่งหน้าเบาๆ สดใส ทว่าวันนี้กลับไม่เหมือนเช่นเคย ดูเย้ายวน งดงามราวจะโบยบินหายไปได้ทุกเมื่อ
หรงซิวสูดหายใจเฮือกใหญ่มองลง สายตาไปตกอยู่ที่เนินอกของนางทั้งยังเอวที่เรียวบาง พลันละสายตาออกทันที
ที่แท้ในระยะเวลาสามปีที่เขามิได้ใส่ใจนาง นางผอมเพรียวมีเสน่ห์และน่ารักเช่นนี้เชียว
“เป็กระไรเพคะ?” นางกะพริบตา งดงามมากแต่ตนเองกลับมิรู้
"วันนี้เ้างามมาก" หรงซิวชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจ เขามองดูนาง แววตาพลันลึกซึ้งขึ้น
อวิ๋นอี้ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า เหลือบมองเขาอย่างอ่อนโยน มันแทบจะฆ่าเขา
“ไปกันเถิด” หรงซิวจงใจหลบสายตานาง จูงมือนางพาไปที่วังด้วยกัน
นี่มิใช่คราแรกที่อวิ๋นอี้เข้าวัง ทว่ากลับรู้สึกประหม่าอย่าบอกไม่ถูก และตั้งตารอด้วย
นางอยากจะเห็นว่าคืนนี้ซูเมี่ยวเออร์จะแพ้ให้นางอย่างไร!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้