เอี๊ยด... มีคนผลักประตูเข้ามา
ถังชิงหรูมิได้หันไป แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าเป็หลีซู ยิ่งไปกว่านั้นชาวบ้านที่นี่ไม่มีอารมณ์จะไปไหนมาไหน นับั้แ่พวกเขาติดโรคร้าย ก็ไม่มีแก่ใจจะไปทำอันใดทั้งสิ้น
หลีซูยืนอยู่ข้างกายนาง มองดูนางทำการรักษาให้เฉินิ จนกระทั่งนางตรวจอาการเสร็จเรียบร้อย เขาถึงเอ่ยวาจา
"โรคของคนในหมู่บ้านเป็โรคติดต่อ หากเ้าไม่อยากอายุสั้น ทางที่ดีก็ควรรีบไปเสียเดี๋ยวนี้ อย่าให้ตนเองต้องเดือดร้อน" หลีซูเอ่ยวาจาเนิบๆ "เดิมทีคิดจะประลองพิษกับเ้า ว่าใครจะแก้พิษเก่งกว่ากัน ใครจะสามารถแก้พิษที่ผู้อื่นแก้ไม่ได้ ไม่นึกว่าจะมาเจอกับเื่แบบนี้ก่อน ทำเอาหมดสนุก แต่ทว่า เื่นี้ก็สามารถใช้เป็หัวข้อในการประลองระหว่างเราได้ หากเ้าสามารถช่วยเหลือคนในหมู่บ้านได้ ต่อไปข้าจะยอมให้เ้าเป็หนึ่งในใต้หล้า"
ถังชิงหรูขำพรืด ขณะเปล่งเสียงหัวเราะ ก็พ่นน้ำลายออกมาเต็มหน้าเฉินิ จนเ้าตัวตื่นขึ้นมา ยกมือขึ้นลูบใบหน้า
พอเห็นหลีซูอยู่ด้านข้าง สายตาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น "พวกเ้ามาดูว่าข้าตกต่ำแค่ไหนใช่หรือไม่ ยามนี้เมื่อเห็นแล้ว ก็ไสหัวไปเสีย"
ถังชิงหรูรู้ว่าตอนนี้เฉินิกำลังอ่อนไหว แต่ต่อให้อ่อนไหวอย่างไรก็มิควรเอ่ยวาจาทำนองนี้ ดังนั้นพอได้ยินคำพูดของเขา จึงเกิดความไม่พอใจ
"เมื่อท่านไม่ยินดีต้อนรับ งั้นพวกเรากลับกันเถอะ" ถังชิงหรูลุกขึ้น
เฉินิเห็นนางทำท่าจะไป ก็รีบคว้าข้อมือของนางไว้ สายตาเต็มไปด้วยความเศร้าใจ "เดี๋ยวสิ หากข้าตาย เ้าจะมาดูข้าหรือไม่"
"ไม่" ถังชิงหรูเอ่ยอย่างแล้งน้ำใจ "คนตายแล้วมาดูจะมีประโยชน์อันใด ถึงอย่างไรก็ไม่ฟื้นกลับคืนมา"
"ผู้หญิงอย่างเ้านี่มัน..." พอได้ฟังคำตอบที่แสนจะเ็าของนาง เฉินิก็ปวดร้าวใจยิ่ง "เ้าไปเลย ไปสิ ต่อไปก็อย่ามาอีก จะได้ไม่เป็การทำร้ายตัวเ้าเอง"
ถังชิงหรูเห็นเขาเป็แบบนี้ ก็ใจไม่แข็งพอที่จะประชดประชันเขาต่อไป "ท่านป่วยหนักขนาดนี้ ข้าเป็หมอ จะนิ่งดูดายได้อย่างไร ข้าจะตรวจหาสาเหตุการเจ็บป่วยของท่านก่อนแล้วค่อยไป"
ดวงตาของเฉินิเต็มไปด้วยความรู้สึกหวั่นไหว หลังประสบกับเื่นี้ พวกพ้องคนสนิทที่รับใช้เขาอยู่ไม่รู้ว่าถูกส่งไปอยู่ที่ไหน เหลือเพียงเขาตัวคนเดียวที่รอวันตายอยู่ที่นี่ สองวันมานี้เขาหิวจนหน้ามืด แม้แต่ลงจากเตียงยังทำไม่ได้ จึงไม่ต้องเอ่ยถึงเื่หาของกิน ภายในระยะเวลาสั้นๆ เขาได้รู้ซึ้งถึงน้ำใจคนในยามร้อนหนาวอย่างแท้จริง
เขาไม่โกรธแค้นพระเชษฐา ที่ทรงทำเช่นนี้จะต้องถูกบีบบังคับมาเป็แน่ เขานอนอยู่บนเตียงขบคิดเื่ราวมากมาย เป็ห่วงที่สุดคือพระเชษฐา ตนเองเป็เพียงอ๋องธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีผลกระทบกับภาพรวมของคนเ่าั้ การที่พวกเขาลงมือกับอ๋องว่างงานเช่นตนเองก็เพื่อข่มขู่พระเชษฐา พระองค์อยู่ในวังเพียงลำพัง ไม่รู้ว่าจะต้องทนกับความลำบากสักเพียงไหน
"เ้าอย่ามายุ่งกับข้าดีกว่า ตอนนี้สถานการณ์ของข้าไม่ดีนัก หากเ้าช่วยเหลือข้า ก็เท่ากับเป็ศัตรูกับคนเ่าั้ ถึงเวลาหากทำให้เ้าต้องเดือดร้อน ก็จะกลายเป็ความผิดของเปิ่นหวางอีกน่ะสิ" เฉินิอยากลุกขึ้นมานั่ง แต่ร่างกายอ่อนแอเกินไป แค่จะลุกขึ้นยังไม่มีเรี่ยวแรง
ปรกติเฉินิเป็คนร่าเริงกระฉับกระเฉง เหมือนเด็กที่สามารถเล่นได้ไม่หยุดตลอดทั้งวัน ยามนี้แม้แต่ขยับกายยังทำไม่ได้ ถังชิงหรูรู้สึกสลดใจอย่างบอกไม่ถูก
สตรีเป็เพศที่ใจอ่อน ถังชิงหรูหาใช่เป็แค่สตรี แต่ยังเป็หมอหญิง ย่อมยิ่งใจอ่อนคนกว่าคนทั่วไป
"ท่านอย่าปากแข็งนักเลย หากข้าไม่สนใจ อีกไม่กี่วันท่านก็คงได้อดตาย คนเ่าั้ส่งท่านมาอยู่ที่นี่ ย่อมไม่สนใจความเป็ความตายของท่านอยู่แล้ว" ถังชิงหรูเอ่ยพลางหน้านิ่วคิ้วขมวด
"ที่นี่ขึ้นชื่อว่าหมู่บ้านมรณะ เ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมถึงเรียกว่าหมู่บ้านมรณะ นั่นก็เพราะมีคนตายทุกวัน แต่ละวันก็จะมีคนป่วยใหม่ถูกโยนเข้ามาในนี้ แค่พบว่าเป็โรคที่มิอาจรักษาให้หายได้ ก็จะถูกพามาทิ้ง ที่นี่จึงเป็หมู่บ้านที่ถูกทอดทิ้ง" เฉินิยิ้มขื่น "ตอนนั้นพ่อบ้านหลินเคยเอ่ยถึงหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ข้าไม่สนใจ นี่คงเป็กรรมสนองกระมัง ข้าไม่สนใจไยดีที่นี่มาตลอดหลายปี ตอนนี้ก็เลยถูกเอามาทิ้งไว้จนกว่าจะตายไปเอง"
"ท่านทอดทิ้งแม้แต่ตนเองเช่นนี้ ดูไม่ใช่วิสัยของเฉินิที่ข้ารู้จักเลย" ถังชิงหรูมองเขาด้วยสีหน้าคลางแคลง
"หากแม้แต่ตนเองยังทอดทิ้งได้ เ้าจะอยู่ที่นี่ไปทำไม กลับกันเถอะ" หลีซูมองเฉินิด้วยความเดียดฉันท์ พลางกล่าวเสียงเรียบ
เฉินิจับมือถังชิงหรูไว้แน่น แรงบีบค่อยๆ เพิ่มทีละน้อย จนฝากรอยประทับไว้บนข้อมือเล็กๆ ของนาง
ถังชิงหรูรู้สึกจนปัญญา เ้าหนุ่มนี่ปากไม่ตรงกับใจ แต่นางพอจะเข้าใจสิ่งที่เขาเป็ได้ เขาถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ พอเกิดเหตุการณ์พลิกผันในชีวิตย่อมจะรับไม่ได้ เนื้อในของเขาเป็คนหยิ่งในศักดิ์ศรี เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย ยามนี้จึง้านางเป็พิเศษ แต่ก็กลัวว่าตนเองจะทำให้นางเดือดร้อน ดังนั้นจึงเหมือนโล่กับหอกที่ขัดแย้งกันเอง
"คุณชายหลี ข้าจะอยู่ดูแลเขา หากท่านไม่มีธุระอันใดแล้ว ก็กลับไปก่อน ส่วนเื่พิษของท่าน เอาไว้พวกเราค่อยมาดูกันวันหลังเถิด" ถังชิงหรูหันไปบอกกล่าวกับหลีซู
สีหน้าของเขาพลันบึ้งตึง สีโลหิตในดวงตาค่อยๆ ขยายเพิ่มทีละน้อย จนดูผิดปรกติ
ถังชิงหรูััได้ถึงอันตราย แต่นางก็ยังคงมองหลีซูอย่างมุ่งมั่น ไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ
เฉินิกลายเป็แบบนี้ นางในฐานะสหายย่อมไม่อาจทอดทิ้งเขา ไม่เพียงแต่จะรักษาให้หาย ยังต้องช่วยให้เขาพ้นจากความลำบากครานี้ ไหนจะชาวบ้านที่นี่อีกเล่า พวกเขาล้วนเป็ผู้บริสุทธิ์ เมื่อครู่จากที่นางแค่มองดูคร่าวๆ ชาวบ้านมากมายยังสามารถรักษาให้หายได้ เมื่อก่อนนางไม่รู้ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ ถ้าหากรู้ ก็คงมารักษาให้พวกเขานานแล้ว
ในยุคสมัยที่การแพทย์ยังล้าหลัง เพียงแค่ลมหนาวเล็กน้อยก็อาจทำให้คนตายได้ ในสายตาของพวกเขาโรคเหล่านี้ไร้ทางเยียวยา แต่แท้จริงแล้วก็ไม่ถึงกับรักษาไม่ได้ แต่ในสายตาของถังชิงหรู ความเจ็บป่วยของพวกเขาโดยส่วนใหญ่เป็เพียงแค่ปัญหาเล็กน้อย ไม่นับว่าเป็โรคที่หมดหนทางรักษา
หลีซูถลึงตาใส่ถังชิงหรูสองสามครั้ง ในที่สุดก็สงวนวาจา สะบัดแขนเสื้อจากไป
เฉินิเห็นอีกฝ่ายจากไปแล้ว ส่วนถังชิงหรูยังอยู่ แววตาก็ผุดแววสับสน เขามองสตรีตรงหน้าด้วยหัวใจกำลังจะจมดิ่ง ยิ่งถลำลึกลงไปเรื่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อย จนเขารู้สึกว่าสามารถทุ่มเทได้ทั้งหมดให้กับความรู้สึกนี้
เริ่มแรกเขาเพียงแค่รู้สึกชื่นชม หนึ่งเพราะนางเป็สตรีเพียงคนเดียวที่เขาััได้ ราวกับว่านี่คือชะตาลิขิตเอาไว้แล้วให้เขาไม่อาจแตะต้องสตรีอื่น ััได้แต่นางเพียงคนเดียวเท่านั้น เขารู้สึกว่านี่คือคู่ชีวิตที่์ประทานให้ ส่วนอีกทางก็เป็เพราะอุปนิสัยของนางตรงกับที่เขาชอบ นางไม่ตามตอแยเขาเหมือนสตรีคนอื่นๆ ดวงตาคู่นั้นใสบริสุทธิ์ ไม่เห็นความซับซ้อนวุ่นวาย นางกล้าด่า กล้ารังแก กล้าขัดแย้ง ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตที่เผชิญอยู่สดใสขึ้นเป็กอง ไม่ใช่แค่หุ่นเชิดไร้ประโยชน์ ชั่วขณะนี้ เขาััได้ถึงความอ่อนโยนของนาง สตรีผู้นี้ปรกติชอบทำตัวเหมือนบุรุษ ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่กับพี่ชายน้องชาย น้อยครั้งมากที่นางจะแสดงความเป็ผู้หญิงออกมา ยามนี้มืออันนุ่มนวลอบอุ่นลูบมาบนเส้นผมของเขาให้ความรู้สึกเหมือนมารดาผู้เมตตาอ่อนโยน เขาหลับตาลง รู้สึกสงบอย่างหาได้ยากยิ่ง
ความว้าวุ่น ความไม่ยินยอม ความลังเล และความโกรธเกรี้ยวตลอดสองสามวันที่ผ่านมาค่อยๆ สลายไปจนหมดสิ้น หัวใจที่ร้อนรุ่มกลับคืนสู่ความสงบสุข
ครืดคราด! ครืดคราด!
ถังชิงหรูมองเฉินิหลับตาอย่างเป็สุข ขณะกำลังจะดึงมือออกไป พลันได้ยินเสียงร้องออกมาจากท้องของเขา
เฉินิที่เพิ่งหลับตาไปพวงแก้มแดงซ่าน แทบจะอยากจะมุดรูหนีไปด้วยความอับอาย
นางเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ กล่าวว่า "ท่านอยู่ที่นี่คงไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องแน่ๆ ข้าจะไปทำอะไรมาให้กิน"
"ไม่มีอาหาร จะทำของกินได้อย่างไร" เฉินิกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "เ้าเข้ามาที่นี่ คิดจะออกไปคงยากแล้ว พวกเขาไม่ปล่อยเ้าออกไปหรอก"
"ปากทางเข้าหมู่บ้านมีคนเฝ้าอยู่ แต่พวกเขาจะไม่เข้ามาในนี้ ใช่หรือไม่" ถังชิงหรูเดาได้นานแล้ว คนเ่าั้จับเฉินิโยนเข้ามาหวังให้เขาฆ่าตัวตายเองที่นี่ แต่เพราะว่าในนี้มีแต่โรคร้าย จึงไม่อาจเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด ได้แต่เฝ้าอยู่หน้าหมู่บ้านไม่ให้เขาออกไป
จริงสิ นางนึกขึ้นมาได้ เมื่อครู่ยามหลีซูพานางเข้ามาก็ใช้เส้นทางลัดสายหนึ่ง นั่นก็หมายความว่าตอนที่นางเข้ามาในหมู่บ้านคนเ่าั้มิได้สังเกตเห็น บุรุษอาภรณ์สีแดงผู้นั้นไม่ยอมให้เฉินิได้อยู่เป็สุข ถ้ารู้ว่ามีคนคอยช่วยเหลือ นางคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างราบรื่น ดังนั้นนางจะออกจากหมู่บ้านอย่างเปิดเผยไม่ได้
เพียงแต่... ถ้าไม่สามารถออกไปข้างนอก ก็ไม่มีทางหาของกินเข้ามาในนี้ เช่นนั้นนางกับเฉินิจะมีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านที่แสนจะแร้นแค้นเช่นนี้ได้อย่างไร ยังมีอีกเื่ ที่นี่ไม่มีสมุนไพร นาง้ารักษาโรคให้คนในหมู่บ้าน หากไม่มียาจะทำอย่างไร หรือว่าควรไปหาหลีซู?
หลีซู้าให้นางช่วยขจัดพิษในร่างกาย เขาต้องมาหานางแน่ คราวหน้าหากเขามาอีก ค่อยให้เขานำสิ่งของมาด้วย แม้ว่าคนผู้นั้นจะค่อนข้างเ็า แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเขามักให้ความร่วมมือกับนางทุกครั้ง
ทว่าเวลานี้ไม่มีอะไรสักอย่าง นางจำเป็ต้องออกไปหาของกิน
"หากของที่ติดตัวฉันมาด้วยเป็ระบบครัวเทวดา ไม่ใช่แพทย์อัจฉริยะก็คงจะดี" ถังชิงหรูเปรยกับตนเองเบาๆ
"ติ๊ง! เสี่ยวอีขอประท้วง นายหญิงรังเกียจเสี่ยวอี ฮือๆ " เสียงของเสี่ยวอีดังขึ้นในสมอง
"เอาน่า ฉันแค่บ่นสองสามประโยคเอง นายก็จริงจังไปได้" ถังชิงหรูเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "ตอนนี้ฉันเหลือแต้มจิตพิสัยจรรยาแพทย์อยู่เท่าไร"
"หกร้อยเจ็ดสิบสามแต้ม" เสี่ยวอีตอบ "หากนายหญิงไม่ได้รักษาคนไข้เป็เวลานานต่อเนื่อง ค่าจิตพิสัยจรรยาแพทย์ก็จะลดลงไปทีละเล็กทีละน้อย นายหญิงต้องระวังนะครับ"
"แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ฉันไม่สนใจเขาไม่ได้" ถังชิงหรูนวดคลึงหน้าผาก พลางเอ่ยว่า "จริงสิ หากฉันรักษาคนป่วยที่นี่ ก็จะได้แต้มจิตพิสัยจรรยาแพทย์เหมือนกัน"
"หากนายหญิงอยากได้แต้มจิตพิสัยเยอะขึ้นกว่าเดิม เสี่ยวอีก็มีอีกวิธีหนึ่ง แค่นายหญิงใช้สมุนไพรของยุคสมัยนี้รักษาพวกเขาจนหาย แต้มที่ได้จะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า ่เวลาที่ผ่านมา นายหญิงน่าจะสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่ท่านใช้ระบบในการรักษาคนป่วย แต้มที่ได้จะไม่สูงมาก แต่หากใช้การแพทย์แผนโบราณในการรักษาคนไข้ที่นี่ ค่าจิตพิสัยจรรยาแพทย์กลับทวีคูณเป็สองเท่า"
ถังชิงหรูกล่าวอย่างสลดใจ "...ทำไมไม่เตือนให้เร็วกว่านี้ ฉันไม่เคยรู้กฎเกณฑ์เหล่านี้เลย เท่ากับว่าการที่ฉันตรากตรำรักษาคนป่วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แล้วยังได้จิตพิสัยจรรยาแพทย์เพียงน้อยนิด ก็เพราะว่าใช้วิธีรักษาและอุปกรณ์การแพทย์ที่เหนือชั้นกว่ายุคสมัยนี้เองน่ะหรือ"