“เพื่อนอย่างข้านี่ ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเลยจริงๆ!”
เ่ิูบ่นตัวเอง
คิดถึงตรงนี้แล้ว เ่ิูก็ไม่รีบไปรายงานตัวที่ปีสอง เขาตัดสินใจจะออกตามหานาง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเอ่ยทักทายและรู้ให้จงได้ว่าเด็กน้อยอยู่ที่ไหน นอกจากนั้นแล้วเขายังเตรียมของขวัญจากข้างนอกมาให้นางอีกด้วย
ยังดีที่เ่ิูยังพอรู้ตำแหน่งที่ตั้งส่วนใหญ่ของหอหญิง
เ่ิูแบกปลอกหอกดำสนิทและหอกยาวเดินไปตามทางอิฐสายเล็กข้างหออย่างเงียบเชียบ สายลมพัดใบไม้ดังหวีดหวิว ใบไม้สีเหลืองกรอบโรยราลงปกคลุมผืนหญ้าจนแน่นขนัด เ่ิูเพิ่งให้ความสนใจกับทัศนียภาพอันงดงามนี้เป็คราแรก
ทว่าเขตหอพักนี้ค่อนข้างโล่งโปร่งนัก แทบจะไม่มีเงาคนอยู่ให้เห็นเลย
เ่ิูรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
หากว่าเป็วันก่อนๆนู้น ที่นี่ ณ ตอนนี้ผู้คนต้องมีมากพอตัวแล้ว มองไปมองมาก็เวลาที่ครึกครื้นที่สุดดีๆ นี่เอง ทว่าวันนี้แม้แต่คนเดียวก็ไม่เห็น ผิดปกติไปหน่อยกระมัง
ไม่นานก็หาหอพักนักเรียนหญิงเจอ
ตลอดทางที่เดินผ่าน เด็กหนุ่มไม่พบเห็นเพื่อนปีหนึ่งคนอื่นเลยแม้แต่คนเดียว
นั่นยิ่งทำให้เขาแปลกใจเข้าไปอีก
จากการถามอาจารย์คุมหอสามคนห้าคนติด เ่ิูก็รู้แน่ชัดแล้วว่าแม่นางตัวเล็กอยู่ที่ใดและหอไหน
“อีกสักพักค่อยมาเถิด ศิษย์ปีหนึ่งทุกคนไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ชั้นปีหมดแล้ว” อาจารย์ประจำหอเป็สตรีกลางคนท่าทีมีเมตตา ราวจะแอบซ่อนพลังแท้จริงไม่ให้ได้มองเห็น นางหัวเราะฮิๆ พลางว่า “หนุ่มน้อย เ้ามิใช่ศิษย์ปีหนึ่งหรือ? ไฉนไม่ไปเข้าประชุมใหญ่ชั้นปีเล่า? หรือว่าจะโดดเรียน...”
เ่ิูตะลึงไปชั่วขณะ
ประชุมใหญ่ชั้นปี?
มิน่าเล่าตลอดทางถึงไม่เจอใครคนอื่นเลย ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง
ทว่าทำไมต้องจัดประชุมชั้นปีด้วยเล่า? หรือว่าสำนักกวางขาวจะเกิดเื่ใหญ่? จากประสบการณ์ที่ผ่านมานานนม หากมิใช่เื่ใหญ่ที่ข้องเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศของสำนักแล้วล่ะก็ ยากนักจักหาโอกาสจัดขึ้นมาได้
เ่ิูตอบกลับอารามมึนงงคำสองคำ เขาหันกลับไปนั่งรอบนม้าหินในศาลาข้างทาง รอคอยเงียบๆ
ทั้งเขตหอพักเงียบ มากเสียจนได้ยินเสียงลมพัดเป่าใบไม้หลุดโรย
เ่ิูนั่งได้ครู่หนึ่งก็ชักเบื่อ เขาปิดตาลงอย่างลวกๆ เริ่มฝึกวิชาลมหายใจไร้ชื่อ ในพริบตาก็เข้าสู่กระบวนการเต็มตัว หายใจเข้าแล้วผ่อนออก เป็จังหวะจะโคนยิ่งนัก
พลังปราณใต้หล้ารอบข้างถูกดูดกลืนเข้ามาหาด้วยความเร็ว เข้ารวมตัวที่ร่างของเขา
กำลังภายในของนักยุทธ์ขั้นอาณาน้ำพุิญญานั้น หมายรวมถึงการดูดพลังจากโลกภายนอกเข้ามากักตุนเป็ของตัวเอง การฝึกฝนประจำวันของนักยุทธ์ ก็มีเพื่อเพิ่มพูนและให้ความอบอุ่นเป็หลักสำคัญทั้งนั้น ดูดกลืนพลังปราณใต้หล้าแล้วเก็บกักไว้ในโลกตันเถียน เมื่อต้องประมือกับศัตรูก็กระตุ้นพลังะเิออกมา เข่นฆ่าเป้าหมายที่้าได้ดั่งใจ
การเก็บหอมรอมริบนี้ เป็ขั้นตอนที่ต้องใช้เวลายาวนานอย่างยิ่ง
หากเอ่ยถึงนักยุทธ์มากมายแล้ว เมื่อต่อสู้อย่างทรหดและดิ้นรนมาแล้ว มีแนวโน้มจะผลาญกำลังภายในจนหมดสูง ต้องเพิ่มพูนพลังปราณใต้หล้าอย่างแข็งขันครั้งใหม่ แน่นอนว่าสิ่งที่กระบวนการนี้้าไม่ได้ใช้เวลามากมายอะไรนัก
มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่เข้าอาณาทะเลระทมได้แล้วเท่านั้น ที่กำลังภายในแห่งโลกตันเถียนจะเพิ่มพูนไม่มีวันหยุด บังเกิดไร้ดิ้นดับ ไม่มีทางพึ่งพาพลังปราณใต้หล้าจากภายนอกอย่างแน่นอน นี่คือเหตุผลที่นักยุทธ์อาณาทะเลระทมเก่งกว่านักยุทธ์อาณาพิภพข้อหนึ่งด้วย
สำหรับเ่ิูแล้ว ตอนนี้กำลังเพิ่มจำนวนพลังปราณใต้หล้าเพื่อกักเก็บไว้ใช้ หล่อหลอมจนกลายเป็ขั้นสำคัญของกำลังภายในตัวเอง
ณ ขั้นนี้ โลกตันเถียนของเขามีน้ำพุเพียงตาเดียว ยังอีกไกลกว่าจะเพียงพอ ต้องบุกเบิกน้ำพุตันเถียนจนกว่าจะครบ จึงจะสามารถดูดกลืนและซึมซับพลังปราณใต้หล้ามากักตุนไว้ พัฒนาความแข็งแกร่งไม่หยุดยั้ง
เ่ิูโคจรวิชาลมหายใจไร้ชื่อ ความเร็วในการดูดพลังปราณใต้หล้าจึงมากจนน่าอัศจรรย์
ไม่ถึงสามสิบนาทีดี ก็เห็นลมกรดพลังหมุดวนเป็วงอยู่รอบกายเ่ิู ก่อเป็รูปลักษณ์ประหลาดน่าพิศวง
รูปลักษณ์นั้นทำให้อาจารย์สตรีอ่อนหวานผู้ยืนอยู่ไกลออกไปใ
“การเคลื่อนไหวแบบนี้...ข้ารู้แล้ว หนุ่มน้อยคนนี้เอง มิน่าล่ะถึงมาตามหาเสี่ยวจวิน” นางทึกทักฐานะของเ่ิู
เวลาผันผ่านไปทีละนาที...นาที
รอบกายเ่ิูไปสองสามเมตรนั้นค่อยๆ บังเกิดลมกรดหมุนเวียนล้อมรอบพันธุ์ไม้และกิ่งใบ ดุจดั่งผีเสื้อสีทองกำลังเริงร่า พลังหลั่งไหลและเคลื่อนที่ประหนึ่งมหาสมุทร กลายเป็ทิวทัศน์ตระการตายิ่งยวด
ขณะนั้น เ่ิูก็รู้สึกถึงบางอย่าง เขาลืมตาขึ้นมา หยุดการเคลื่อนพลังไปโดยสิ้นเชิง
การหลั่งไหลของพลังพันรอบด้านนั้นหยุดกะทันหัน ใบไม้กรอบที่ปลิดปลิวหล่นกันว่อน กลายเป็กองระเนระนาดรอบศาลาหลังน้อย ราวกับมีคนจงใจหยิบใบไม้มากองไว้ที่เดียวกันอย่างไรอย่างนั้น
ไกลออกไป หมู่ชนเริ่มปรากฏกาย
เขตหอพักอันเงียบสงบ พลันคึกคักขึ้นมาทันตา
ศิษย์หญิงในชุดเครื่องแบบยาวเดินหัวเราะบ้างพูดบ้างมาแต่ไกล เหมือนว่าการประชุมใหญ่จะสิ้นสุดลงแล้ว มีคนรีบวิ่งจี๋เข้าหอพักไป แล้วก็มีผู้รีบแจ้นเข้าสนามแสดงยุทธ์ กลุ่มดรุณีดั่งน้ำท่วมสะพัดมาจากทิศบูรพา แล้วก็แบ่งแยกออกเป็ลำธารสายเล็ก ไหลตรงไปสู่หอพักต่างเส้นทาง
เมื่อเดินผ่านศาลานั้น บางคนก็จำเ่ิูได้ ต่างก็ประหลาดใจเหลือจะเอ่ย
อายุสิบสี่สิบห้าคือ่ที่หนุ่มสาวเริ่มริรัก ่สี่ห้าเดือนที่ผ่านมานี้ ในสำนักก็มีเื่รักๆ ใคร่ๆ บังเกิดขึ้นไม่น้อย บ่อยครั้งที่จะมีศิษย์หนุ่มมาปรากฏกายอยู่ที่เขตหอพักหญิง ตามจีบนารีที่ตนชอบพอ เื่นี้ไม่ใช่เื่น่าแปลกแต่อย่างใด
กระทั่งโอรสจากฟากฟ้าอย่างฉินอู๋ซวง ยังเคยมาปรากฏตัวที่ใต้อาคารหอหญิงเลย
ทว่าเื่ราวต่อมาก็ทำให้เหล่าศิษย์ที่คาดหวังว่าจะได้เห็นหงส์เคียงัเป็อันต้องผิดหวัง เมื่อสาวน้อยผู้โชคดีถูกฉินอู๋ซวงตามจีบนั้น ถูกเด็กสาวคนอื่นอิจฉาตาร้อนได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนดีก็ถูกสลัดรัก ความจริงประจักษ์แล้วว่า ศิษย์หญิงที่น่าสงสารนางนี้เป็เพียงของเล่นฆ่าเวลานอกการฝึกของฉินอู๋ซวงเท่านั้น เล่นจนเบื่อแล้วก็โยนทิ้งไม่ไยดี...
ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม หอศิษย์หญิงจะมีแรงดึงดูดให้ศิษย์หนุ่มทั้งหลายเป็ล้นพ้น
ทว่าตลอดมาก็มีอยู่แค่สองเท่านั้นที่เป็ข้อยกเว้น
หนึ่งคือเยี่ยนสิงเทียน บุรุษคนยากผู้เป็อัจฉริยะหาตัวจับยาก ั้แ่ต้นยันปัจจุบันเขาไม่เคยโผล่หน้ามาที่เขตนี้เลย ภายหลังเมื่อเขาหายสาบสูญไประหว่างการทดสอบ ก็ค่อยๆ ถูกลืมเลือนไปทีละน้อย
และอีกคนหนึ่งนั้น ก็คือเ่ิู
าามารเย่รูปงามหล่อเหลา วรยุทธ์เลิศล้ำ ผลการต่อสู้ล้วนแกร่งกร้าวยิ่งนัก มีคนทำการพิจารณาและคัดเลือกมาแล้วว่า เ่ิูนั้นเป็ศิษย์ที่มีความเป็บุรุษมากที่สุดในชั้นปีหนึ่ง หากเขามีใจแล้วล่ะก็ น่ากลัวว่าแค่มองมา ก็สามารถทำให้สาวงามมากมายใจเต้นตึกตัก...
ทว่าาามารเย่ไม่เคยปรากฏตัวที่หอหญิงเลย
กระทั่งพื้นฐานก็ไม่เคยติดต่ออะไรกับศิษย์สตรีเลย
ทุกวันจะอยู่ที่หอพัก โรงอาหาร หอสมุดคลังแสงและลานแสดงยุทธ์ สถานที่สี่อย่างในกิจวัตรประจำวัน การกระทำที่จำเจอย่างนี้ทำให้คนมากมายตั้งคำถาม ว่าเ่ิูจะยืนหยัดอยู่ต่อไปได้อย่างไรกัน
เพียงผู้เดียวที่สัมพันธ์ชิดใกล้กับเขา คือเด็กหญิงตัวน้อยนาม่เี่ิเท่านั้น
ใครจะนึกเล่าว่าวันนี้ าามารเย่จะมาแสดงตัวที่เขตหอพักหญิง
หากเื่นี้เผยออกไป มีหวังกลายเป็ข่าวใหญ่แน่
พริบตานั้น ก็มีศิษย์สตรีบางกลุ่มตัดสินใจไม่กลับเสียดื้อๆ ยอมละวางมือจากภารกิจที่คิดจะทำแล้วมองจากที่ไกลๆ ว่าเ่ิูมารอใครกันแน่
ไกลออกไป
มีเสียงหัวเราะคิกคักดังเข้ามา
ศิษย์หญิงสิบนางที่เปล่งประกายประหนึ่งกลุ่มดาวเกาะกลุ่มล้อมสตรีชุดแดงมา นางในชุดแดงนั้นงดงามเป็ที่ยิ่ง ผิวพรรณดั่งหยก บุคลิกไร้บกพร่อง ราวกับ์ส่งมาเกิดพร้อมแสงสว่าง เจิดจรัสวับวาวจนศิษย์หญิงมากมายน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเอง
ข้างกายสาวชุดแดงนั้นมีหญิงชุดขาวอยู่นางหนึ่ง งดงามไม่แพ้กัน อาภรณ์ขาวพละพลิ้ว ให้อารมณ์ดั่งเทพเซียนหญิง ทว่าใบหน้ากลับอ่อนวัยนัก ไม่มีความงามชนิดทำให้คนตกตะลึงดั่งถูกกระชากิญญาเช่นนางในอาภรณ์สีแดง
“ศิษย์พี่เสี่ยวหาน ข้าได้ยินมาว่าการแข่งคราวใหญ่ระหว่างสองสำนักนี้ จะเป็การจุดชนวน ‘สมรภูมิหุบเขาปัดป้อง’ แล้วหรือ?” นารีชุดขาวถามด้วยรอยยิ้ม
นารีอาภรณ์แดงเพียงแย้มยิ้ม “ศิษย์น้องชิงหลัวพูดถูกแล้ว ครานี้น่ะ ศิษย์หงส์ฟ้าก่อเื่รุนแรงเกินพอดีไป ้ากดดันสำนักกวางขาวเราชัดๆ เบื้องสูงของสำนักเราก็มีคนไม่พอใจแล้ว จึงจัดการตาต่อตาฟันต่อฟัน ทุ่มสุดตัวเสียครั้งหนึ่ง ดังนั้นแนวโน้มที่จะจุดชนวนสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนั่นมีมากทีเดียวล่ะ!”
“ถ้าเป็เช่นนั้นจริงก็ดีสิ ข้าเองก็อยากรู้เื่สมรภูมิหุบเขาปัดป้องในตำนานจริงๆ นะ” นารีชุดขาวว่าอย่างตื่นเต้น
“ศิษย์พี่ชิงหลัววรยุทธ์เป็เลิศ พลังแท้จริงมากพอจะเข้าเป็หนึ่งในห้าอยู่แล้ว หากเลือกตามชั้นปีจริง การจะได้เข้าสมรภูมินั้นท่านต้องมีคุณสมบัติอยู่แล้วล่ะ เป็ดังที่ท่านตั้งใจแน่” สาวสวยอีกนางเอ่ยปากบ้าง ประจบประแจงนางอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อื้ม ชิงหลัวเ้าต้องพยายามไว้ให้มากนะ คราวนี้มีโอกาสเป็หนึ่งในคนสมัครเข้าขบวนต่อสู้แล้ว” สตรีชุดแดงด้วยดวงหน้างามล้ำ ทำให้เมื่อนางแย้มยิ้มนั้นทรงเสน่ห์เกินใครจะต้านทาน แม้แต่นักเรียนหญิงก็ยังไม่พ้นถูกนางดึงดูด “การเข้าสมรภูมิหุบเขาปัดป้องน่ะข้อดีเยอะมาก เป็โอกาสที่เยี่ยมยอดนัก ข้าจักไปเสนอชื่อเ้ากับหัวหน้าหมวดหวังเองนะ!”
“เช่นนั้นก็ขอบพระคุณศิษย์พี่แล้ว” เ้าตัวรีบเร่งขอบคุณทันควัน
บุคลิกพวกนางนั้นสูงลิบลิ่ว บรรยากาศผสมกลมกลืนกันดีนัก
ด้านหลังของพวกนาง กลับมีร่างเล็กเตี้ย ทั้งน่ารักและพิลึกเหมือนตุ๊กตาหยกที่เหนื่อยล้านัก เดินตามต้อยๆ อย่างไร้อารมณ์ ท่าทางเบื่อหน่ายสุดชีวิต นางสวมชุดที่ดูออกแต่ไกลว่าหลวมโพรกไม่น้อย พองแก้มด้วยความโกรธแต่ก็มิได้เข้าไปร่วมวงกับเหล่าคนเบื้องหน้าแต่อย่างใด
กลางศาลา
เ่ิูคลี่ยิ้มเป็คราวแรก
ทุกครั้งที่เห็นท่าทีพิลึกน่ารักของเด็กน้อย อารมณ์ของาามารเย่ล้วนแล้วแต่ดีขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
เขาโบกมือทักทายแต่ไกล
ราวกับใจมีลางสังหรณ์ ่เี่ิที่เคยก้มหน้าเบื่อสุดใจพลันรู้สึกถึงบางสิ่ง นางเงยหน้าขึ้นคราวเดียวก็มองเห็นเ่ิูโบกมือให้ตนจากกลางศาลากลายๆ
เด็กหญิงน้อยหยุดนิ่งไปทีหนึ่ง นางนึกว่าเป็ภาพหลอน พลันก็ก้มหน้าเดินต่อไปอีก
เดินไปอีกสองสามก้าวก็เหมือนจะคิดอะไรออก นางเงยหัวขึ้นอีกครั้ง ขยี้ตายิบๆ ยืนยันให้แน่ใจว่าตนมิได้ตาฝาด เท่านั้นแหละก็ะโขึ้นมาด้วยดีใจนัก นางร้องเรียกทีหนึ่งก็วิ่งแจ้นไปทางศาลาราวกับติดปีก
เหมือนกวางน้อยแสนสุขที่วิ่งว่อนอยู่เลย
เ่ิูไม่อาจหลีกหนีความขบขำจากท่าทางนางได้
เสียงร้องของนางนี้ทำให้คนที่ไม่เห็นเ่ิูเช่นสาวชุดแดงพลันมองไปทางกลางศาลา ชำเลืองบุรุษหนึ่งเดียวในนั้น
“เขาหรือ?” สตรีอาภรณ์แดงแววตาแข็งสนิท นางหยุดเดิน ไม่อาจรู้ว่าคิดอะไรอยู่
ส่วนลึกในดวงตาสตรีชุดขาวนั้นแฝงความไม่พอใจ ทว่าเมื่อเห็นท่าทางเปรมปรีดิ์ของเด็กหญิงน้อยแล้ว เื่ที่อยากจะพูดก็ไม่ได้พูดออกมา