ชั่วขณะที่หานเซียวหมายจะสะบัดมือคราสุดท้ายเพื่อซัดมีดบินสังหารออกไปเอาชีวิตศัตรู สีหน้ามันพลันแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง มันกลับไม่ทันได้จู่โจมแล้ว!
ไป๋หยุนเฟยที่ดูเหมือนจะเสียหลักกลับบิดพลิกร่างด้วยท่าทางประหลาด ราวกับไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหลีกแต่แรก มือขวามันกวัดแกว่งวูบ ประกายแสงสีครามพุ่งวาบราวสายฟ้าพุ่งตรงไปยังคอหอยศัตรู!
รวดเร็ว รวดเร็วยิ่ง! รวดเร็วจนหานเซียวไม่อาจหลบเลี่ยงได้ทัน ยามที่มันบังเกิดความคิดหลบเลี่ยงประกายสีครามก็พุ่งมาถึง!
เมื่อถึงยามคับขันเป็ตาย เคราะห์ดีที่หานเซียวมีปฏิกิริยาอันรวดเร็วจึงสามารถเคลื่อนกายไปด้านซ้าย ราวหนึ่งนิ้ว จากนั้นมันก็รู้สึกเย็นะเืที่แขนขวา แม้จะป้องกันไม่ให้คอหอยถูกทะลวงแต่ก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงรูกลวงที่ทิ้งไว้บนไหล่ขวาได้!
กระนั้นรูโหว่บนไหล่ขวานี้กลับหลั่งโลหิตไม่มาก ปากแผลราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ ชั่วพริบตาความเย็นะเืก็แผ่ซ่านไปทั้งร่างจนหานเซียวแทบสั่นสะท้าน ยามนี้มันไม่อาจรู้สึกถึงไหล่ขวาและแขนขวาได้อีก
ขณะมองดูรูบนหัวไหล่ดวงตาหานเซียวก็เปี่ยมด้วยความหวาดกลัวล้ำลึก แต่ทันทีที่มันเงยหน้าขึ้นก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า
ประกายแสงสีแดงฉานสาดส่องทั่วคลองจักษุหานเซียว มันหวังจะเคลื่อนกายหลบเลี่ยงทว่าร่างมันกลับแข็งทื่อจึงสายเกินกว่าจะหลบหลีกได้!
“ฉึก!”
ปลายทวนแทงทะลุออกจากท้ายทอย หลังจากถูกชโลมด้วยโลหิตประกายแสงสีแดงฉานที่เปล่งออกมาก็ยิ่งให้ความรู้สึกน่าหวาดหวั่น
ไป๋หยุนเฟยชักทวนกลับปล่อยให้ร่างศัตรูมันล้มไปด้านหลัง โลหิตก็ฉีดพุ่งออกจากคอราวน้ำพุ กระเซ็นไปทั่วบริเวณ
หัวหน้าแห่งค่ายไม้ดำ ผู้ฝึกปรือิญญาที่บรรลุด่านวีรชนิญญากลับตายอย่างง่ายดายเช่นนี้!
หลังจากลงมือประสบผลไป๋หยุนเฟยพลันส่ายโงนเงนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ราวกับมันเสื่อมสิ้นเรี่ยวแรงทั้งมวล สุดท้ายมันก็ไม่อาจประคองตัวและล้มลงนั่งกับพื้นเอนหลังพิงกำแพงหอบหายใจ
“เคราะห์ดี... หนามธารน้ำแข็งไม่สร้างความผิดหวังแก่ข้าหลังจากใช้พลังิญญาเฮือกสุดท้ายซัดออก ไม่เช่นนั้นข้าคงตายไปแล้ว ต่อไปข้าไม่อาจต่อสู้อย่างหุนหันอีกเพราะข้าคงไม่โชคดีเช่นนี้ทุกครา...”
เมื่อเห็นหานเซียวขาดใจตายไป๋หยุนเฟยก็ระบายลมหายใจโล่งอกและสงบใจที่เต้นระทึกลง จากนั้นเริ่มต้นฟื้นฟูพลังิญญาและกำลังกายที่สูญสิ้นไป
การต่อสู้ครานี้เกินความคาดหมายมันไปบ้าง อีกทั้งมิคาดว่าจะสามารถสังหารผู้ฝึกปรือิญญาสองคนที่ไม่ด้อยกว่ามันแม้แต่น้อย --- ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณสิ่งของที่ได้รับการอัพเกรดทั้งหลาย โดยเฉพาะหนามธารน้ำแข็งอันทรงพลังที่มีส่วนช่วยให้มันเอาชนะในยามตัดสินเป็ตายได้
ที่จริงหานเซียวไม่สมควรพ่ายแพ้ง่ายดายและรวดเร็วเช่นนี้ สำหรับผู้บรรลุด่านปัจเจกิญญาโดยทั่วไปย่อมไม่อาจต้านทานผู้บรรลุด่านวีรชนิญญาได้ เนื่องเพราะนอกเหนือจากควบคุมิักล้ามเนื้อและควบคุมโลหิตกระดูกแล้ว ด่านวีรชนิญญายังเรียนรู้การควบคุมร่างกายระดับที่สาม --- ควบคุมจุดชีพจร!
จุดชีพจรนับเป็สิ่งลึกลับในร่างกาย เป็สิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ดังเช่นิั กล้ามเนื้อ กระดูกและโลหิต ทว่ากลับมีอยู่จริง แม้จะเล็กละเอียดแต่จุดชีพจรเหล่านี้กลับเก็บกักพลังอันสุดหยั่งไว้
ไม่มีผู้ใดทราบว่ามีจุดชีพจรทั้งหมดเท่าใดในร่างกายมนุษย์ แม้จะมีจุดชีพจรหลากหลายถูกค้นพบแต่ยังคงมีอีกไม่น้อยที่ไม่มีผู้ใดทราบประโยชน์
ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายที่ฝึกฝนร่างกายโดยอาศัยพลังจากภายนอกก็ยึดถือจุดชีพจรบนร่างมนุษย์เป็เป้าจู่โจมก่อให้เกิดผลอันเกินคาด นอกจากนี้ทางการแพทย์ยังมีการรักษาหลายอย่างที่ใช้การฝังเข็มลงบนจุดชีพจร
คนเหล่านี้เพียงกระตุ้นจุดชีพจรด้วยพลังจากภายนอกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ต่างๆ แต่ทว่าผู้ฝึกปรือิญญากลับสามารถควบคุมจุดชีพจรเหล่านี้ได้!
พลังิญญาและความชำนาญในการควบคุมร่างของผู้ฝึกปรือิญญาที่พัฒนาขึ้น หลังจากบรรลุถึงด่านวีรชนิญญาจะสามารถััการคงอยู่ของจุดชีพจรทั้งหลายในร่าง การจะรับรู้ถึงจุดชีพจรเหล่านี้ได้มากเท่าใดล้วนขึ้นอยู่กับพร์และวาสนา นอกจากจุดชีพจรทั่วไปแล้ว ยังมีจุดชีพจรที่ต้องใช้เคล็ดวิชาเฉพาะในการฝึกปรือให้ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพ หากแต่เคล็ดวิชาเหล่านี้เป็เคล็ดิญญาอันร้ายกาจจึงหาได้ยากยิ่ง ผู้ฝึกปรือิญญาทั่วไปย่อมไม่อาจได้
พลังิญญาของหานเซียวบรรลุถึงด่านวีรชนิญญาระดับกลาง ทว่าความชำนาญในจุดชีพจรทั้งหลายกลับต่ำต้อย ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ถูกส่งออกจากสำนักให้มายึดครองูเาและกลับกลายเป็โจรเยี่ยงนี้ แม้กระทั่งยามนี้มันเพียงสามารถควบคุมจุดชีพจรพื้นฐานบนแขนขาได้เพียงไม่กี่จุด ถึงอย่างนั้นพลังและความเร็วที่มันปลดปล่อยออกมาก็ไม่ใช่ผู้บรรลุด่านปัจเจกิญญาจะเทียบได้
กระนั้นมันกลับต่อสู้กันคนที่ไม่สมควร ในสถานที่ไม่สมควร ยามที่ไม่สมควร ด้วยวิธีการต่อสู้ที่ไม่สมควร!
ยามที่หานเซียวเตรียมออกสอดแนมตามแผน ไป๋หยุนเฟยและหลี่เฉิงเฟิงกลับชิงลงมือจู่โจมก่อน เพียงเริ่มต้นก็ทำให้จิตใจมันก็ว้าวุ่น จากนั้นยิ่งได้เห็นหยางเทียนถูกฆ่าต่อหน้ายิ่งทำให้มันขวัญกระเจิง
อีกทั้ง เดิมทีมันก็หวาดเกรงทวนในมือไป๋หยุนเฟยอยู่แล้วจึงไม่กล้าทุ่มเทกำลังโหมจู่โจม หลังจากหยั่งเชิงคู่ต่อสู้มันก็ตัดสินใจใช้มีดบินที่มันช่ำชอง หวังจะพิชิตคู่ต่อสู้จากระยะไกล
แต่มันไม่คาดคิดว่าไป๋หยุนเฟยก็มีวิชามีดบินไม่ต่ำทราม! หลังจากพวกมันทั้งคู่ซัดมีดไปมาชั่วขณะไป๋หยุนเฟยก็เริ่มเสียเปรียบ ที่เลวร้ายคือแทบถูกเอาชีวิตไป ทว่าไป๋หยุนเฟยกลับมีไพ่ตายเก็บไว้!
นั่นคือหนามธารน้ำแข็ง! ด้วยผลเพิ่มเติมอันร้ายกาจทรงพลังก็แทบทำให้หมดหน้าที่ดั้งเดิมคือ‘การทิ่มแทง’ ไป๋หยุนเฟยจึงใช้มันต่างะุหรือมีดบิน ตลอดระยะเวลาที่มันต่อสู้ศัตรูมาหลายคราหนามธารน้ำแข็งนี้มีบทบาทมากกว่าทวนเปลวอัคคีด้วยซ้ำ!
ครานี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น!
เสียงร้องโหยหวนจากพวกโจรดังจากด้านนอกเป็ระยะ การต่อสู้ของหลี่เฉิงเฟิงยังคงดำเนินอยู่ ไป๋หยุนเฟยเพียงฟื้นฟูพลังิญญาได้บางส่วนก็ลุกขึ้นและร่วมต่อสู้...
การต่อสู้ครานี้นับว่าได้ชัยอย่างหมดจด! นับแต่นี้ค่ายไม้ดำจะถูกลบชื่อไปจากแผ่นดิน!
… … … …
หลังการต่อสู้ในค่ายไม้ดำ ไป๋หยุนเฟยและหลี่เฉิงเฟิงใช้เวลาสองวันสะสางสตรีที่ถูกคร่ากุมมา พวกมันมอบทรัพย์สินทั้งหมดในค่ายแก่เหล่าสตรีให้พวกนางนำกลับไปยังหมู่บ้านทั้งหลายที่ถูกพวกโจรปล้นชิง
ห้าวันต่อมาทั้งคู่ก็กลับถึงหมู่บ้านที่หลี่เฉิงเฟิงอาศัย ระหว่างทางกลับหลี่เฉิงเฟิงราวกับปลดเปลื้องภาระออกหมดสิ้น เพียงเฝ้าคะนึงหาหลิงเอ๋อร์ทั้งวันวาดฝันถึงการแต่งงานที่จะจัดหลังจากมันกลับถึงหมู่บ้าน
หลี่เฉิงเฟิงรักษาคำมั่นของมัน สองวันหลังจากกลับถึงหมู่บ้านก็จัดพิธีวิวาห์อย่างเอิกเกริกพร้อมด้วยงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ ทั้งหมู่บ้านล้วนร่วมยินดีทั้งงานเต็มไปด้วยการหยอกล้อและเสียงหัวเราะ
วันต่อมาไป๋หยุนเฟยก็กล่าวอำลาทุกคน เตรียมตัวกลับสู่เมืองลั่วซี
ที่หน้าหมู่บ้านไป๋หยุนเฟยมองท่าทีลังเลของหลี่เฉิงเฟิงจึงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “มีอันใด? จะกล่าวอันใดก็รีบกล่าว เ้าออกเรือนแล้วอย่าได้พิรี้พิไรมากความ”
“เอ่อ... ฮ่า ฮ่า หยุนเฟย เ้าไฉนไม่อยู่ต่ออีกสักหลายวัน? ไม่ช้าข้าจะบรรลุด่านปัจเจกิญญาแต่เ้ายังไม่ได้มอบม้วนคัมภีร์เคล็ดวิชาแก่ข้า หากเ้าไปข้าย่อมไม่อาจฝึกฝนต่อไปได้” หลังจากลังเลอยู่ครึ่งค่อนวัน หลี่เฉิงเฟิงจึงกล่าวด้วยท่าทีลำบากใจอยู่บ้าง
ไป๋หยุนเฟยยังคงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ที่เ้าจะกล่าวไม่ใช่เื่นี้กระมัง? ฮ่า ฮ่า อย่าได้กังวล ข้าเพียงกลับไปสะสางสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ อย่าได้คิดจะร่วมทางไปช่วยเหลือข้า เพียงอยู่ข้างกายหลิงเอ๋อร์ที่น่ารักก็พอ เ้าต้องดูแลนางให้ดี หลังจากข้าสะสางเื่ราวเสร็จจะออกพเนจรแต่ก่อนจะไปข้าจะมาหาเ้าเพื่อมอบคัมภีร์ให้”
“เ้า... โธ่เอ๋ย... ตกลง เช่นนั้นเ้าต้องระวังตัวให้ดี หาก้าความช่วยเหลือก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ เ้าเป็ผู้มีพระคุณของข้า และที่สำคัญเ้าเป็สหายข้า ข้า...”
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราเป็สหาย ข้าจะไม่กล่าวมากความ ข้าต้องมาหาเ้าอีกอย่างแน่นอน อย่าได้พร่ำพิไรแล้ว... ข้าขออำลา!”
ขณะมองดูเงาร่างไป๋หยุนเฟยลับตาไป แววตาหลี่เฉิงเฟิงก็ฉายแววกังวลอีกครา มันถอนหายใจแ่เบา “โธ่... ยามที่เ้าเอ่ยถึงการกลับเมืองลั่วซีดวงตาก็ปรากฏร่องรอยความเคียดแค้น ไฉนข้าจะไม่พบเห็น? ในเมื่อข้าคุ้นเคยกับความรู้สึกเช่นนี้อย่างยิ่ง... หยุนเฟย ขออย่าได้เกิดเหตุร้ายกับเ้า ข้าติดค้างเ้ามากเกินไป ให้โอกาสข้าได้ตอบแทนเ้าด้วยเถอะ!”
บนเส้นทางกลางป่าไป๋หยุนเฟยวิ่งตะบึงสุดฝีเท้า ทว่าดวงตามันกลับเหม่อลอยอยู่บ้าง ราวกับมันหวนคำนึงถึงบางสิ่ง สีหน้ามันบางคราก็อับอาย บางคราก็โกรธเกรี้ยวและบางคราก็โศกเศร้า...
“ไม่ช้า... อีกไม่ช้าข้าจะล้างหนี้แค้น จางหยางยามนี้ข้าไม่ใช่ผู้ที่เ้าจะเข่นฆ่าราวมดปลวกตาม้าอีกต่อไป ข้าจะให้เ้าชดใช้อย่างสาสมในสิ่งที่เ้ากระทำ!”
“โลกนี้ช่างอยุติธรรม คนดีและคนชั่วต่างเท่าเทียมกัน แต่ในเมื่อ์ไม่ลงทัณฑ์คนชั่วช้า ข้าก็จะลงทัณฑ์ในสิ่งที่พวกเ้าทำเอง!”
