ไป๋เจินจูเพิ่งส่งลูกค้าไปสองราย ฉลองตรุษจีนสิ้นสุดไปได้ไม่นาน ทว่าความคึกคักของตลาดสินค้าขนาดเล็กยังไม่ถึงจุดสูงสุด
หากเป็่ก่อนตรุษจีน ไป๋เจินจูมีเวลาว่างสนทนากับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียเมื่อไรพอยุ่งขึ้นมาก็ไม่เป็อันกินนอน เธอเพิ่งเริ่มทำธุรกิจนี้ตอนเดือนธันวาคมถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแค่สองเดือนเท่านั้นแต่ขณะที่ร้านเสื้อผ้าในซางตูของเซี่ยเสี่ยวหลานขายดีจนสินค้าหมดไป๋เจินจูก็ได้พบกับ่เวลาค้าขายรุ่งเรืองที่สุดของปีแล้วเช่นกัน
ผู้คนให้ความสำคัญต่อเทศกาลตรุษจีน ทำงานมาตลอดปีต่อให้คนจับปลาก็ต้องสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ที่ดูมีภูมิฐานเพื่อเฉลิมฉลอง
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีคนงานก่อสร้างอาคารมากมายขนาดนั้น ‘ความเร็วเผิงเฉิง’ ที่คนกล่าวกันคือคำศัพท์ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เสียสละวันหยุดประดิษฐ์ขึ้นวันหยุดของการเฉลิมฉลองตรุษจีนไม่เพียงพอสำหรับให้พวกเขาเดินทางกลับบ้านเกิดด้วยซ้ำโชคดีที่เงินเดือนสูง ส่งเงินส่วนใหญ่กลับไปให้ครอบครัวส่วนที่เหลือเก็บไว้ซื้อเสื้อผ้าให้ตนเองสักชุด ตรุษจีนนี้ก็ถือว่ามีความสุขแล้ว
ก่อนตรุษจีนไป๋เจินจูไม่เพียงแต่จำหน่ายกางเกงแบบตะวันตกราคาย่อมเยาว์เธอยังขายชุดสูทครบชุดอีกด้วย
ราคาไม่แพง ดังนั้นปริมาณที่ขายได้จึงไม่น้อยเลย
เมื่อได้ยินเซี่ยเสี่ยวหลานถามว่าเธอทำเงินได้เท่าไรแล้วไป๋เจินจูนึกอยู่สักครู่แล้วจึงตอบออกไป “สักเจ็ดแปดพันน่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ทันพูดอะไร ศิษย์พี่ว่านรู้สึกเหลือเชื่อ “แค่แผงเล็กๆ นี่ สองเดือนทำเงินได้เจ็ดแปดพัน?”
อันที่จริงเวลาสองเดือนไป๋เจินจูไม่ได้ทำเงินเพียงเจ็ดแปดพันก่อนหน้านี้ยังเคยปันผลส่วนหนึ่งให้เซี่ยเสี่ยวหลานอีกด้วยศิษย์พี่หลี่กระตุกแขนของศิษย์พี่ว่าน ความสงสัยของศิษย์พี่ว่านปกปิดไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ไป๋เจินจูไม่เก็บซ่อนเป็ความลับไว้ จากนั้นจึงเล่าประสบการณ์ในตลาดของตน “สิ่งทำเงินได้มากที่สุดย่อมไม่ใช่การขายสินค้าเทกอง [1] แบบฉันแน่นอน สินค้ามากมายขายเปลี่ยนมือหนึ่งครั้งจากตลาดสินค้าเล็ก และ ‘สินค้าทางน้ำ’ พวกนั้นก็ถูกคนรับซื้อไปที่หมู่บ้าน...แต่ทุกวันมีผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ พวกย่ายายในหมู่บ้านลงทุนขายหอยนางรมทอดง่ายๆหนึ่งเดือนยังได้ตั้งหลายร้อยหยวน ศิษย์พี่ ถ้าพี่้าทำธุรกิจอะไรจริงๆมาขายของกินกับพี่สะใภ้ที่นี่ก็ไม่เลว พี่สะใภ้ฝีมือดี ทำของกินไม่ขาดทุนหรอก”
จากความคิดของไป๋เจินจู ไม่จำเป็ต้องอยู่ในตลาดสินค้าขนาดเล็กอย่างเดียวทำรถเข็นสักคันขายทุกที่ หนึ่งเดือนได้หลายร้อนหยวนยังถือว่าคำนวณด้วยจำนวนขั้นต่ำมีฝีมือไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนมาซื้อ ขอเพียงไม่กลัวเหน็ดเหนื่อยต้องทำเงินได้แน่นอน
ศิษย์พี่ว่านไม่ส่งเสียงอันใด จะให้ภรรยาเขามาขายของกินเขาลดศักดิ์ศรีไม่ลง
อีกอย่างภรรยาของเขามีงานประจำในหยางเฉิง จะให้ละทิ้งมาทำธุรกิจอิสระอย่างง่ายดายได้เสียที่ไหน?
เดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานอยากปรึกษาอะไรกับไป๋เจินจูเสียหน่อยดันเห็นว่าศิษย์พี่ว่านปิดปากสนิทไม่พูดเช่นนี้อีกแล้วศิษย์พี่ว่านและศิษย์พี่หลี่นิสัยแตกต่างกัน คุณธรรมควรค่าแก่การไว้วางใจ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีความคิดของตนเองเซี่ยเสี่ยวหลาน้าร่วมหุ้นทำธุรกิจที่ใหญ่กว่าเดิมกับไป๋เจินจูถ้าศิษย์พี่ว่านอยากเข้าร่วมด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานจะปฏิเสธต่อหน้าได้อย่างไร?
มิใช่การก่อตั้งบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เสียหน่อยมีผู้ถือหุ้นมากขนาดนั้นเพื่ออะไร มากคนมากความอาจไม่สามารถร่วมแรงทุ่มเทกำลังไปด้านใดด้านหนึ่งได้
และอีกอย่าง ธุรกิจนี้ลงทุนไม่น้อย ศิษย์พี่ว่านจะออกเงินทุนจำนวนมากได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจจะวนเวียนดูในเขตพิเศษโดยละเอียด
เธอยังตั้งใจไปดูอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าตงหูลี่เยวี่ยนซึ่งเป็สถานที่แห่งแรกของเขตพิเศษโดยเฉพาะด้วยเวลานี้สกุลเงินหยวนแข็งกว่าสกุลเงินฮ่องกงทีเดียว ตงหูลี่เยวี่ยน 2000 ดอลล่าร์ฮ่องกงต่อตารางเมตรแลกเป็สกุลหยวนต้องใช้เงินหยวนมากกว่าเล็กน้อยควักเงินแสนกว่าซื้อบ้านหนึ่งหลัง? ไม่อยู่ในความคิดของคนเผิงเฉิงด้วยซ้ำบ้านรวมทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าหลังไม่ได้สร้างให้คนท้องที่เผิงเฉิง ทว่าถูกซื้อไปโดยคนฮ่องกงที่มาเพราะได้ยินข่าวคราวต่างหาก
เตร็ดเตร่อยู่หนึ่งรอบ ก็ไม่พบช่องทางหรือมีโอกาสทำเงินว่องไวอะไรเลย
เซี่ยเสี่ยวหลานเสียดายเหลือเกินไม่เห็นกระทั่งเงาของบ้านสวัสดิการราคาเพียงไม่กี่ร้อยหยวนต่อตารางเมตรตามคำบอกเล่าการจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเผิงเฉิงจำเป็ต้องรอโอกาสจริงๆเธอดูเหมือนกำลังเดินเตร่สะเปะสะปะ ศิษย์พี่หลี่ใจเย็นมากเขารับเงินมาปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ไม่จุ้นจ้านว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยากไปที่ไหน
ตกกลางคืนศิษย์พี่ว่านกลับบ่นอุบอิบกับศิษย์พี่หลี่ “นายว่าเธอมาเผิงเฉิงเพียงเพื่อเที่ยวเล่นหรือ? ฉันเห็นเธอวนเวียนอยู่ด้านนอกพื้นที่ก่อสร้างเธอสามารถแย่งธุรกิจกับหน่วยงานก่อสร้างได้ด้วย?”
ศิษย์พี่หลี่เองก็ไม่เข้าใจ แต่ศิษย์พี่หลี่ไม่แสดงความคิดเห็น
“ฉันไม่ยุ่งเื่ของคุณผู้หญิงเซี่ย ให้พวกเราตามก็ตามเถอะ”
ทุกหนแห่งของเผิงเฉิงล้วนกำลังก่อสร้างอาคารเซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดว่ารับผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆจากในมือหน่วยงานใหญ่ได้หรือไม่ แม้เธอทำธุรกิจนี้ด้วยตนเองไม่ได้แต่กรุยทางแทนหลิวหย่งผู้เป็ลุงได้ ทว่าความงดงามของเธอไม่อาจใช้งานกับพื้นที่ก่อสร้างโดยสิ้นเชิงคนที่ทำงานเห็นเธอเข้าก็ไล่เธอไปให้ไกล เพราะกลัวว่าเธอจะโดนอิฐกระแทกใส่
“ฉันไม่เข้าใกล้หรอก แค่ดูนิดหน่อยเท่านั้นตึกนี้พวกคุณต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะสร้างเสร็จหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงถามไถ่เรื่อยเปื่อย คนกลุ่มหนึ่งพูดคุยพลางเดินมา
ชายหลายคนสวมหมวกนิรภัยสำหรับก่อสร้าง คนหนึ่งถือพิมพ์เขียวชี้อธิบายเ้าหน้าที่เขตก่อสร้างดึงเซี่ยเสี่ยวหลานไปอีกทาง พอเซี่ยเสี่ยวหลานเงยหน้ามองก็รู้สึกยินดีปรีดาในบัดดล!
ชายผู้เดินนำหน้าสวมแว่นตา ลักษณะสุภาพมีมารยาทดีมิใช่คนผู้นั้นที่เคยช่วยเซี่ยเสี่ยวหลานบนรถไฟหรือ?
“หัวหน้า คุณว่าตรงนี้...”
สายตาของชายวัยกลางคนกวาดผ่านร่างเซี่ยเสี่ยวหลาน ไม่ได้แสดงออกเป็พิเศษ
คนอื่นล้วนห้อมล้อมเขา เรียกเขาว่าหัวหน้า เพียงเท่านี้เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือหัวหน้าอะไรกันแน่เธอจึงไม่ก้าวเข้าไปตีสนิท ทว่าถอยไปอีกด้านอย่างเงียบๆ
ศิษย์พี่ว่านบ่นในใจ ไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานเฝ้าเขตก่อสร้างสกปรกนี้ไม่ไปไหนเสียที
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้บอกว่าเธอเห็นคนที่รู้จัก
อย่างไรเสียต้องลองดูอยู่ดี หากโอกาสร่วงหล่นอยู่ตรงหน้าแต่ยังไม่รู้จักคว้าไว้ให้มั่นก็เสียทักษะสุดยอดหนังหน้าหนาที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยฝึกฝนมาในชาติก่อนโดยเปล่าเธอไม่แย่งไม่ชิง มิตรมากหนทางย่อมมากไปด้วย อีกฝ่ายไม่ยินดีสนทนากับเธอเธอแค่รอนานอีกหน่อยก็ไม่เสียเปรียบอันใด
ท่าทางของเขามีมาดของหัวหน้าจริง นี่คือมาเพื่อสังเกตการณ์พื้นที่ก่อสร้างหรือ?
ไม่ทราบว่าเป็หัวหน้าจากหน่วยงานปลูกสร้างหรือคนขององค์กรรัฐ
เซี่ยเสี่ยวหลานรอเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงมองเห็นชายวัยกลางคนผู้นั้นถูกคนรายล้อมออกมา จับมือกับคนที่ติดตามทีละคน จากนั้นก็มีรถคันใหม่ขับมามีคนเปิดประตูให้แก่ชายวัยกลางคน เมื่อคนผู้นั้นขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย รถยนต์ก็เคลื่อนตัวบนถนนดินจากไปบรรดาคนรอบกายยืนอยู่ที่เดิมพลางโบกไม้โบกมือด้วยความเสียดาย
ศิษย์พี่หลี่พอดูออก หรือว่าคุณหญิงเซี่ยกำลังรอใครอยู่?
แต่เธอกำลังรอใครน่ะ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงเธอยังรู้จักคนอื่นนอกจากศิษย์น้องไป๋เจินจูอีกหรือนี่!
เซี่ยเสี่ยวหลานจ้องรถคันนั้นอย่างผิดหวังพิจารณาท่าทีแล้วคุณอาผู้เคร่งขรึมคนนั้นไม่ยินดีทักทายสนทนากับเธอ
จิ๊ แม้เธอจะเฉลียวฉลาดสะสวยขนาดนี้ แต่ก็กลับมีต้นขาที่กอดไม่ได้ [2] เหมือนกัน
“ไปเถอะ พวกเราไปหาสักที่กินข้าวกลางวันกัน”
ศิษย์พี่ว่านคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังจงใจโปรยเสน่ห์สร้างความสับสนแต่เขาไม่โง่เขลาถึงขั้นแสดงความไม่พึงพอใจออกมาทั้งสองคนเดิมตามเซี่ยเสี่ยวหลานต่อไป และวนครบรอบกำแพงล้อมเขตก่อสร้างอีกรอบทว่าพบกับรถคันเมื่อครู่จอดอยู่ตรงนั้น
กระจกหน้าต่างรถลดลงครึ่งหนึ่งชายมีภูมิฐานกำลังก้มหน้าอ่านพิมพ์เขียวในมือ
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งสัญญาณให้นายว่านและนายหลี่รออยู่ที่เดิม ตัวเธอวิ่งเหยาะตามไป “คุณอา คุณรอคนอยู่ตรงนี้หรือ?”
ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้น “ไม่ใช่ว่าเธอกำลังรอฉันหรือ? เช่นนั้นฉันคงเข้าใจผิดแล้ว เสี่ยวหวัง ขับรถต่อเถอะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานจะปล่อยให้รถขยับเขยื้อนไปได้ที่ไหน เธอหัวเราะร่วน “ฉันกลัวว่าคุณลืมฉันแล้ว ธุระคราวก่อนยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยถ้าไม่ได้คุณเรียกตำรวจรถไฟ ฉันต้องโดนพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไปขายแน่นอน!”
เชิงอรรถ
[1]散货 สินค้าเทกอง คือ สินค้าทั่วไปที่ไม่มีหีบห่อขนส่งคราวละจำนวนมากโดยการเทกองรวมกันบนเรือขนส่งสินค้า เช่น ปุ๋ย ถ่าน แร่
[2]抱不上的大腿 ต้นขาที่กอดไม่ได้ มาจาก กอดต้นขา (抱大腿) คือพฤติกรรมเยินยอหรือหยิบยืมข้อได้เปรียบของคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ต้นขาที่กอดไม่ได้จึงหมายถึง คนที่ไม่เปิดช่องว่างให้ขอหยิบยืมข้อได้เปรียบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้