บทที่ 58 การประลองยุทธ์ที่สิ้นสุดลง
ทุกคนอ้าปากค้างตกตะลึงจนใจลงไปกองกับพื้น ปากอ้าจนแห้ง สีหน้าใเกินจะกล่าว ในสมองไร้ความคิดใดๆ ผุดขึ้นมา ทำให้ทั้งลานประลองตกอยู่ในความเงียบงัน
เดิมที ฉู่อวิ๋นเองก็อยู่ในสภาพของคนใกล้ตายแล้ว แต่เพียงชั่วครู่เดียวนั้น สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฟ้าพับแผ่นดิน[1]
สิ่งที่น่าฉงนคือ เมื่อแสงสีแดงของกระบี่ชื่อยวนส่องประกายออกไป ผู้าุโหกก็ดูเหมือนจะถูกระงับด้วยบางสิ่งบางอย่าง หยุดการเคลื่อนไหวลงในทันที จึงทำให้ฉู่อวิ๋นมีโอกาสคว้ากระบี่แทงท้องเขาทะลุด้วยความโกรธได้
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีใครตอบสนองทัน
ยามนี้ ลานประลองราวกับถูกแช่แข็ง แม้แต่ฉู่อวิ๋นและผู้าุโหกต่างหยุดนิ่ง
"ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง"
ได้ยินเพียงเสียงเืหยดเบาๆ เท่านั้น
“อึก...” ผู้าุโหกกระอักออกมาเป็เื ั์ตารู้สึกสับสน ใบหน้าเต็มไปด้วยความใ และร่างกายที่สั่นเทาก็อ่อนแรงลงเนื่องจากความเ็ปอย่างรุนแรง
เขาตัวสั่นและก้มลง มองเห็นกระบี่ชื่อยวนถูกเสียบเข้ามาในช่องท้องของเขาจนมิดด้าม เืพุ่งกระฉูด และั์ตาของฉู่อวิ๋นก็ฉายแววโกรธแค้นมากขึ้น ราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องมองมาที่เขา
“ข้า...อึก...ข้า ทำไมเมื่อกี้ข้าถึงขยับไม่ได้?!” ผู้าุโหกพูดด้วยความเ็ป ใบหน้าที่มีร่องรอยเหี่ยวย่นตามวัยเต็มไปด้วยความสงสัย จากนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววดุร้าย อยากที่จะตอบโต้กลับไป
“ย๊า——!!!” เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ะโขึ้นมาอีกครั้งและใช้กำลังทั้งหมดของตนแทงกระบี่เข้าไปอีกรอบหนึ่ง กระบี่ชื่อยวนเคลื่อนตัวไป ก่อนที่ปลายกระบี่จะแทงทะลุร่างของผู้าุโหกจนมิดด้ามอีกครั้ง
“อึก...อย่าคิดที่จะฆ่าข้าเลย!” ผู้าุโหกกระอักเืและจู่ๆ ก็ลดกรงเล็บลง พยายามแทงฉู่อวิ๋น
ตอนนี้ เมื่อเจตนาฆ่าของผู้าุโหกฟื้นขึ้น แรงกดดันจิติญญาอันทรงพลังก็กลับมาอีกครั้ง ทำให้เขาไม่อาจควบคุมร่างกายได้
“ทำ...ทำไม?!” ผู้าุโหกสับสนและเริ่มตื่นตระหนก เขาพบว่าตนเองไม่สามารถฆ่าฉู่อวิ๋นได้
ไม่ใช่ พูดให้ชัดเจนกว่านี้คือ เขาได้รับอิทธิพลจากพลังที่ไม่รู้จัก จิติญญาถูกระงับจนไม่อาจฆ่าฉู่อวิ๋นได้
ดวงตาของผู้าุโหกกะพริบถี่ เขามองไปที่ฉู่อวิ๋นอย่างหวาดกลัว และพูดว่า "เ้า...เ้าเด็กทรยศ เ้าฝึกวิชามารแบบไหนกัน...?!"
ในขณะที่พูด เขาก็กระอักเืออกมาอีกหลายคำ ลมหายใจค่อยๆ รวยริน
“ฆ่า...ฆ่า!” ฉู่อวิ๋นเสียสติไปนานแล้ว จึงไม่ได้ตอบผู้าุโหก
ตอนนี้เขาเหลือความคิดเดียวเท่านั้น นั่นคือการฆ่าสารเลวที่อยู่ตรงหน้าเขา ที่เป็คนใส่ร้ายเขา สังหารพ่อของเขาฉู่ซานเหอ และแม้กระทั่งทรยศต่อตระกูล
"ย๊า!!!"
ทันใดนั้น ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เบิกกว้างขึ้น เขา้าดึงกระบี่ออกมาและแทงลงไปอีกสองสามครั้งเพื่อฆ่าผู้าุโหกให้ตายสนิท แต่เขาในเวลานี้หมดแล้วซึ่งเรี่ยวแรง ทำได้เพียงรักษาท่าคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับถือกระบี่ไว้ได้เท่านั้น ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
ชั่วครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นและผู้าุโหกคล้ายถูกขังอยู่ในทางตัน ไม่มีใครสามารถเคลื่อนไหวได้ สิ่งนี้ทำให้ผู้ชมทั้งหมดไม่อาจเข้าใจ พวกเขาตกอยู่ในภาวะสับสนและพูดไม่ออก
“แค่ก…” ผู้าุโหกรู้สึกเ็ปมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มไอออกมาเป็เื ความมีชีวิตชีวาของเขาค่อยๆ หายไป ในเวลาเดียวกัน เขาก็จ้องไปที่กระบี่ชื่อยวนที่เปื้อนเื สีหน้ามีความหวาดกลัว และตกอยู่ในสภาวะครุ่นคิด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆ ผู้าุโหกก็สะดุ้งขึ้นมาและอุทานด้วยเสียงอันแ่เบา "เช่นนี้นี่เอง... เช่นนี้นี่เอง! กระบี่...กระบี่เล่มนี้เป็สมบัติที่สืบทอดมาจากตระกูลฉู่เชื้อสายไป๋หยาง!"
"ความสามารถที่บังคับบัญชาคนในตระกูลได้นั้น แท้จริงแล้วมีพื้นฐานอยู่บนหลักการนี้ ใช้ข้อจำกัดทางสายเืเพื่อสร้างความกดดันทางจิติญญาต่อคนในตระกูล..."
“แท้จริง...แท้จริงแล้วนี่คืออาวุธิญญาที่สลักคำสาปต้องห้ามทางสายเื!”
ทันใดนั้นผู้าุโหกก็รู้แจ้ง ดวงตาของเขาเป็ประกายจนเห็นความโลภชัดเจนมากขึ้น แต่ในขณะที่เขา้าัักระบี่ เขาก็แสดงสีหน้าหดหู่ ประเดี๋ยวก็สับเปลี่ยนไปมา ดูเหมือนจะเป็บ้าไปแล้ว
“ไม่ถูก...ไม่ถูก! เ้าเด็กนี่ กลายเป็นายของกระบี่แล้วจริงๆ หรือ?! แค่ก แค่ก...”
ก่อนจะพูดจบ ผู้าุโหกใมากจนกระอักเืออกมาเต็มปาก จากนั้นเขาก็ค้นพบข้อเท็จจริงอีกอย่างหนึ่ง สีหน้าของเขาเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ และพูดกับตัวเองว่า "ไม่มีทาง! เมื่อครู่เ้าฉู่อวิ๋นนี่าเ็สาหัสเพราะข้า แต่เขากลับใช้เืสังเวยแก่กระบี่เล่มนี้แล้วกระตุ้นแรงกดดันทางิญญาหรือ?!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ผู้าุโหกก็บ้าคลั่งทันที ด้วยไม่คิดว่ากรงเล็บที่เจาะทะลุช่องท้องนั้น จะทำให้ความปรารถนาของฉู่อวิ๋นเป็จริงขึ้นมาได้
"ข้าไม่ยอม...ข้าไม่ยอม! ข้า ฉู่เจิ้นหยวน ทำงานแทบตาย ไม่แม้แต่จะลังเลสมรู้ร่วมคิดกับองค์กรนั่นเพื่อสร้างแผนการที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ แต่กลับ...กลับถูกฉู่อวิ๋นมันใช้ประโยชน์เอาเสียได้!"
"ไม่! ไม่! ไม่! -"
ทันใดนั้นเสียงของผู้าุโหกก็ดังก้องไปทั่วทั้งผู้ชม ทุกคนได้ยินเพียงเขาะโขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฆ่า...ฆ่า...”
ในเวลานี้ ดวงตาของฉู่อวิ๋นเหม่อลอย จิตสำนึกของเขาฟุ้งซ่าน ร่างกายอ่อนล้าสั่นไหว และไม่อาจพยุงตัวเองได้อีกต่อไป
แต่เสียงคำรามของผู้าุโหก ทำให้ฉู่อวิ๋นได้สติขึ้นมา ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นในใจของเขาเป็ระยะๆ "นี่เป็โอกาสสุดท้ายแล้ว... ผู้าุโหกจะต้องตาย... ข้าอยากกลับไปพบพี่หญิงแบบมีชีวิต”
“อยากล้างแค้นให้ท่านพ่อ...ยังหลับไม่ได้...ยังหลับไม่ได้!!!”
ฉู่อวิ๋นเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาสะท้อนความโกรธ ราวกับว่าเขากำลังจะเผาผลาญพลังสุดท้ายของตัวเองให้มอดไหม้
ด้วยสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ เขารวบรวมพลังปราณอย่างบ้าคลั่งและถ่ายเทเข้าสู่กระบี่ชื่อยวน เพื่อเปิดใช้งานลายสลักาเปลวเพลิงทั้งหมดในทันที
"พรึบ!"
มองเห็นลายสลักาเปลวเพลิงห้าสิบกลกะพริบแสง และทันใดนั้น ตัวกระบี่ก็ลุกเป็ไฟ เปลวไฟลุกโชนโชติ่ พยายามแผดเผาทุกสิ่ง
“เผาให้ตายไปซะ!!!”
ฉู่อวิ๋นจ้องมองด้วยความโกรธและคำรามเสียงดังราวกับสัตว์ร้ายโบราณ ที่เข้าปราบปรามทุกทิศทางด้วยแรงผลักดันอันน่าสะพรึงกลัว!
“อ๊า!!!” ผู้าุโหกกรีดร้องอย่างน่าสมเพชและก้มลงมองดูที่ท้อง เขาเห็นเปลวไฟที่ลุกโชนและความร้อนอันไม่มีที่สิ้นสุดแผ่ออกมา
“ร้อนมาก...เจ็บมาก!! อ๊า!!! ช่วย...ช่วยด้วย!!!”
เปลวไฟเผาไหม้แรงขึ้นเรื่อยๆ เผาอวัยวะภายในของผู้าุโหก ทำให้เขากรีดร้องโหยหวน สร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคน แต่ทว่าคนนอกไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้เป็ตายได้ ดังนั้นจึงแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้แล้ว
วึม--"
ไฟรุนแรงลุกโชนและเผาท้องของผู้าุโหกจนไหม้เป็สีดำ เขากรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าและดิ้นรนอย่างสุดชีวิต พยายามดึงกระบี่ชื่อยวนออก
“อย่าแม้แต่จะคิด!!!” ฉู่อวิ๋นคิด และทันใดนั้นกระบี่ชื่อยวนก็ปล่อยแสงสีแดงออกมาหลายดวง ส่งแรงกดดันิญญาไปยังผู้าุโหก ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ได้แต่เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่ มองตนเองถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟอันร้อนแรง
“อ๊ะ โอ้ย อูย อ๊า อ๊ะ โอ๊ะ” เสียงกรีดร้องของผู้าุโหกราวกับเสียงโหยหวนของผีและหมาป่า เบาจนไม่อาจได้ยิน
"ตาย! ตาย! ตาย!!!"
ดวงตาของฉู่อวิ๋นเป็สีแดง พลังปราณของเขาพุ่งออกมา กระตุ้นลายสลักาเปลวเพลิงอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ไฟยิ่งดุเดือดและร้อนขึ้นเรื่อยๆ!
ชั่วครู่ต่อมา มีเพียงร่างไฟที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์อยู่บนเวทีประลอง โดยมีควันไฟสีแดงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
หนึ่งนาที สองนาที สามนาทีผ่านไป...
ในที่สุดผู้าุโหกก็ถูกไฟทรมานนานหนึ่งเค่อ! การเผาไหม้ยังไม่สิ้นสุดจนกว่าฉู่อวิ๋นจะใช้พลังงานในร่างกายจนหมด
บนเวทีประลอง มีชายหนุ่มคนหนึ่งคุกเข่าลงกับพื้น ถือกระบี่เสียบแทงก้อนสีดำก้อนหนึ่งไว้
เห็นได้ชัดว่าผู้าุโหกถูกเผาทั้งเป็
“จบ... จบแล้ว...หรือ...” เมื่อมองดูร่างสีดำไหม้เกรียมตรงหน้า ความคิดสุดท้ายก็แวบเข้ามาในใจของฉู่อวิ๋น จากนั้นเปลือกตาของเขาก็ค่อยๆ หนักขึ้น ดวงตาคมเข้มปิดสนิท และสูญเสียสติไปโดยสิ้นเชิง
ทว่าเขายังคงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ในมือกำกระบี่ไว้แน่น เมื่อมองแวบแรกเขายังคงดูไม่คิดยอมแพ้
ขณะนี้ดวงอาทิตย์ลับหายหายไปแล้ว พระจันทร์สุกสกาว ค่อยๆ ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ดวงดาวบนท้องนภาส่องแสงระยิบระยับอย่างเงียบ ๆ
ไม่มีใครออกไปจากลานประลอง ทุกคนจ้องมองไปที่เวทีประลองเล็กๆ อย่างสับสนมึนงง
เหตุการณ์เมื่อครู่นี้น่าใมาก ฉู่อวิ๋นแทงผู้าุโหกด้วยกระบี่และเผาเขาทั้งเป็ เปลวไฟลุกโชน แสงสีแดงที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันช่างน่าจดจำจริงๆ
“นี่...เ้าเด็กคนนี้มีบางอย่างแปลกๆ ข้าอยากจะพาเขากลับไปที่ตระกูลเพื่อสอบสวน!” ทันใดนั้น ผู้าุโสามก็อุทาน ผุดตัวลุกขึ้น และะโขึ้นไปบนเวทีประลอง ้าพาฉู่อวิ๋นออกไป
"ฟุ่บ--"
ตอนที่ผู้าุโสามกำลังจะจับฉู่อวิ๋น เงาไม้ขนาดั์ก็ลอยตัดอากาศมาด้วยแรงส่งอันน่าประหลาดใจ ทำให้เขาผงะจนต้องรีบถอยหลังไปครึ่งก้าว
“ท่านเ้าเมืองมู่หรง หมายความว่าอะไร?” ผู้าุโสามพูดเสียงเคร่งขรึม พร้อมกับเลิกคิ้วด้วยความไม่พอใจ
คนที่ปกป้องฉู่อวิ๋น แท้จริงแล้วคือมู่หรงเจี๋ยที่กำลังลังเลใจ
“ข้าเ้าเมืองสัญญาไว้แล้วว่าจะให้ความยุติธรรมแก่ทุกคน ตอนนี้การต่อสู้เป็ตายได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้าุโหกเป็ฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่ฉู่อวิ๋นและถูกเผาทั้งเป็ โดยทั่วไปแล้วคนอื่นๆ ไม่สามารถให้ฉู่อวิ๋นรับผิดชอบสิ่งอื่นใดได้อีกต่อไป” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ทันใดนั้นเขาก็เหวี่ยงไม้ั์และฟาดลงไปอย่างแรงจนพื้นแตกร้าว เศษทรายหินปลิวว่อน พลังนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“ข้าไม่ได้้าไล่ตามเซ้าซี้ฉู่อวิ๋น แค่้าตรวจสอบว่าเหตุใดกระบวนท่าของผู้าุโหกจึงหยุดลงกะทันหัน หรือแม้แต่เื่นี้ ท่านเ้าเมืองมู่หรงก็ยังคิดจะเข้ามายุ่งเื่ในตระกูลเรา? "
ผู้าุโสามขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาค่อนข้างโกรธ ในเวลาเดียวกัน ผู้าุโคนอื่นๆ ก็ะโขึ้นไปบนเวทีประลองและเผชิญหน้ากับมู่หรงเจี๋ยด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
ครู่หนึ่ง บรรยากาศในลานประลองดูเคร่งเครียด สถานการณ์ไม่ชัดเจนอย่างยิ่ง
“ทุกท่านในตระกูลฉู่โปรดใจเย็นก่อน เื่นี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนงำนัก ข้าคิดว่าควรย้ายฉู่อวิ๋นไปไว้ในที่ที่ปลอดภัยก่อน ปล่อยให้เขาพักผ่อนให้ดี หากเขาฟื้นตัวดีแล้วพวกท่านก็ค่อยตรวจสอบทีหลัง หนทางยังอีกยาวไกล ทุกท่านไม่ต้องกังวลไปเช่นนี้" หลี่จ้านะโไปยืนข้างมู่หรงเจี๋ยและเสนอแนะอย่างสุภาพ
“ใช่ นี่เป็วิธีแก้ปัญหาที่ดี ข้าเห็นด้วย” ผู้นำตระกูลคนหนึ่งยืนข้างฝ่ายมู่หรงเจี๋ย ด้วยท่าทางค่อนข้างตื่นเต้น
“ข้าก็คิดว่าใช้วิธีนี้ก็เป็ความคิดที่ดี”
“ใช่แล้ว นี่เป็วิธีที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว”
ผู้นำตระกูลเริ่มมาที่เวทีประลองทีละคน โดยทุกคนยืนอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดรู้สึกประทับใจกับจิติญญาที่ไม่ยอมแพ้ของเขา
ครู่ต่อมา เวทีประลองเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งระดับสูงของขั้นมหาสมุทร แรงกดดันนี้ทำให้ผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนหายใจไม่ออก
"เห็นด้วย!"
"เห็นด้วย!"
ทันใดนั้น ก็มีคนเป็ผู้นำเริ่มส่งเสียงะโ ทำให้ทั้งลานประลองเดือดพล่านอีกครั้ง ผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนยืนขึ้น ะโเสียงดัง เห็นด้วยกับคำแนะนำของหลี่จ้าน
เมื่อผู้าุโสามเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี เขาก็หายใจเข้าลึกๆ และเริ่มประนีประนอม "ก็ได้... แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ ในขณะที่กำลังพักฟื้นฉู่อวิ๋นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมืองไป๋หยางเด็ดขาด!"
“มิฉะนั้น ถ้าข้ารายงานเื่นี้ต่อเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่และพวกเขาสอบสวนขึ้นมา ข้าเกรงว่าท่านเ้าเมืองมู่หลงจะรับไม่ไหว!”
เมื่อได้ยินคำว่า "เชื้อสายหลักของตระกูลฉู่" ไม่ว่ามู่หรงเจี๋ยจะสงบเพียงใด คิ้วของเขาก็กระตุกขึ้นมาหลายครั้งโดยไม่รู้ตัว เขาหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างเคร่งขรึม "ตกลง! ข้าเ้าเมืองยอมรับคำขอของท่าน"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้าุโสามก็หรี่ตาลงมองไปที่ฉู่อวิ๋นซึ่งอยู่ในท่าคุกเข่าอยู่บนพื้นอยู่นาน ก่อนที่จะนำสมาชิกตระกูลออกไปจากที่นี่
“ท่านพ่อ! ท่านรีบมาดูฉู่อวิ๋นเร็ว เขาเืออกเต็มพื้นเลย! ยังมัวแต่เถียงกันอยู่อีก! คุณหนูเช่นข้าโกรธแล้วนะ!” มู่หรงซินะโเข้าสู่เวทีประลองด้วยสีหน้าบึ้งตึง แต่ก็ไปช่วยพยุงฉู่อวิ๋นให้ลุกขึ้นด้วยความยินดี ดวงตาคู่งามของนางเต็มไปด้วยความกังวล
พระจันทร์สุกสว่างอยู่กลางท้องฟ้า กลางคืนมืดมิดดังก้นน้ำ มองเห็นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ มีดวงดาวดวงน้อยเกิดใหม่ ส่องแสงสลัวๆ ราวกับเด็กหัดเดิน คล้ายอยากสำรวจโลกอันกว้างใหญ่นี้
----------
[1] เปลี่ยนแปลงไปมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้