-ไลน์-
“คุณกริ่ง ผมมีเื่ต้องอนุมัติด่วน ช่วยไปเอาแฟ้มที่วางอยู่โต๊ะทำงานมาให้ผมที่ห้องหน่อย”
กิตติกามองข้อความแล้วเหลือบไปมองตัวเลขที่บอกเวลา ตอนนี้เป็เวลา 4 ทุ่ม อีก 8 นาทีก็จะครึ่ง เ้านายของเธอ้าทำงานในเวลาแบบนี้นี่นะ
ถึงในใจเธออยากจะปฏิเสธแต่มือกลับพิมพ์ตอบกลับเขาไป “ได้ค่ะ”
กิตติกาลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะขับรถเข้าไปที่บริษัทเพื่อไปเอาแฟ้มเอกสารที่ท่านประธาน้า แล้วรีบขับรถไปที่คอนโดของอัคนีทันที ไม่นานเธอก็มายืนอยู่หน้าห้องของเขา
กิตติกากดกริ่งหน้าห้อง 2 ครั้ง รออยู่ครู่เดียวประตูบานใหญ่ก็เปิดออก อัคนีอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ผูกสายคาดเอวหลวม ๆ เผยให้เห็นแผงอกกว้างและผิวขาวเนียนที่ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ กลิ่นหอมของสบู่จาง ๆ ลอยมาปะทะจมูกของเธอที่ยืนอยู่ด้านหน้า
ดวงตาคมกริบมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาพอใจ เธออยู่ในชุดเดรสสีเรียบตัวยาวคลุมด้วยเสื้อคาร์ดิแกนสีดำ
หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนรีบตั้งสติแล้วยื่นแฟ้มเอกสารให้เขา “เอกสารที่บอส้าค่ะ”
เขาผงกหัวไปทางในห้องเพื่อบอกให้เธอเข้ามาด้านในก่อน กิตติกาก้าวเข้ามาในห้องเพนต์เฮาส์ 2 ชั้นสุดหรู เหมาะสมกับฐานะและตำแหน่งเป็ประธานของ Akarin Group จริง ๆ ห้องนี้มองเห็นวิวเมืองหลวงได้แบบพาโนรามา สไตล์การตกแต่งก็เป็แบบเรียบแต่หรูเข้ากับเ้าของห้องเป็อย่างมาก
เขาพาเธอเดินเข้ามานั่งที่โซฟาโซนห้องรับแขก อัคนีเดินเลี่ยงไปยังห้องครัว แล้วเดินกลับมาพร้อมขวดไวน์และแก้วไวน์สองแก้ว
“งานไม่ด่วนแล้วเหรอคะ” เธอถามขึ้นเมื่อเห็นเครื่องดื่มในมือของเขา
“ก็มีเื่อื่น ที่ด่วนกว่า” อัคนีบอกหน้าตาย แล้วนั่งลงข้างเธอ
“คุณหลอกฉันเหรอคะ”
“เปล่า”
“ใครจะกล้าหลอกคุณ ในนั้นเป็เื่ด่วนจริง ๆ แต่เื่นี้ก็ด่วนเหมือนกัน” อัคนียื่นหน้าไปที่แฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วกันมามองเธอด้วยแววตาวาววับเมื่อพูดประโยคหลัง
กิตติกาเองก็มองเขาด้วยแววตาท้าทาย แล้วรับแก้วไวน์มาถือ
“เอาผลไม้สักหน่อยไหม”
“ก็ดีค่ะ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เลยตามเลยละกัน
อัคนีเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง เขาวางจานผลไม้ที่เหมือนตกแต่งอย่างดีมีชีสวางเคียงมาด้วยไว้บนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยด้านหน้า จังหวะที่นั่งทำให้สาบเสื้อคลุมแยกออกจากกัน เผยให้เห็นแผงอกขาว ๆ ตามรอยแยกนั้น ไหนจะ่ต้นขาที่โผล่ออกมาจากรอยแยกของชายเสื้อคลุมด้านล่างอีก
“ผมเห็นว่าคุณชอบมอสกาโต้เลยเอามาให้คุณลองชิมดู เป็ไงอร่อยไหม?” อัคนีพูดถึงไวน์ที่มีรสหวาน ที่เธอเคยบอกว่าอร่อยเมื่อครั้งที่ไปคุยงานกับศุภชัย
“รสหวานอ่อน ๆ ของไวน์ ทำให้ดื่มง่ายดีค่ะ”
“ดีใจนะที่คุณชอบ ผมมีให้คุณลองชิมอีกหลายขวด”
“นี่บอสกำลังจะมอมฉันเหรอคะ?”
“แล้วถ้าผมบอกว่า...ใช่ละ คุณจะว่าไง”
“ก็...ไม่ว่าไงค่ะ” ดวงตากลมโตจ้องมองของเหลวสีอำพันจาง ๆ ในแก้ว แกว่งไปมาตามสไตล์การดื่มของมัน ก่อนจะค่อย ๆ ยกขึ้นจรดริมฝีปากอย่างเชื่องช้า
อัคนียิ้มกริ่ม ดวงคาคมกริบมีประกายวาววับกับท่าทางแบบนั้นของเธอ มือหนาเลื่อนไปหยิบองุ่นแล้วยื่นไปที่ริมฝีปากบาง
กิตติกาอ้าปากรับอย่างว่าง่าย อมยิ้มมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล
ทั้งสองดื่มไวน์กันไปเกือบครึ่งขวด พูดคุยเื่สัพเพเหระทั่วไป จนเกือบล่วงเข้าสู่วันใหม่
“นี่คุณไม่ได้้าเอกสารด่วนจริง ๆ ใช่ไหมคะ” เธอถามเขาอีกครั้งเพราะเห็นว่าเขายังไม่ได้ตรวจดูเอกสารที่เขา้าแบบจริงจังเลยั้แ่เธอเข้ามาในห้องนี้
“ผมบอกคุณไปแล้วไง ว่า้า”
“เปิดแค่แวบเดียวนั่นเหรอคะ”
“ผมก็บอกไปแล้ว ว่ามีอย่างอื่นที่...ด่วนมากกว่า”
“คนขี้โกหก” เธอมองคนเ้าเล่ห์ที่อยู่ข้าง ๆ แต่เขาไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ
“ผมพูดเื่จริง” พูดจบอัคนีก็กระเถิบเข้าไปใกล้จนชิดกับเธอ ถือวิสาสะเอาแก้วไวน์ของเธอวางไว้ที่โต๊ะ
ก่อนจะรวบร่างบางให้แนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น ก้มหน้าไปใกล้ใบหน้าสวยหวาน ริมฝีปากร้อนชิดริมฝีปากสีสวยทันที
“เื่นี้เป็เื่ด่วนสำหรับผมนะ” เขาบอกแล้วขบเม้มริมฝีปากล่างของเธออย่างจงใจยั่วยวน
มือหนาเลื่อนไปถอดเสื้อคลุมคาร์ดิแกนของเธอออก ดวงตาฉายแววขี้เล่นที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในเกมของเขา
“คุณกำลังล่อลวงฉันอยู่” มือบางยันที่หน้าอกของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะก้มลงมาหาริมฝีปากเธออีกครั้ง
“เปล่า เป็คุณต่างหากที่กำลังล่อลวงผม”
“ฉันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงคะบอส”
“ตอนนี้...คุณก็กำลังทำแบบนั้นอยู่” เขาบอกเธอไปตามความจริง เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนเขากำลังติดบ่วงเสนหาของเธอเข้าให้แล้ว
มือหนาพยายามสอดเข้าไปใต้กระโปรงที่ร่นขึ้นมาถึงโคนขาเรียวของเธอ เขาส่งยิ้มให้เธอแววตาประกายพราวราวกับเจอของเล่นถูกใจก่อนจะก้มลงจูบดูดดื่มกลืนกินริมฝีปากสีสวยนั้นอย่างห้ามไม่อยู่
อัคนีมองร่างบางที่นอนระทวยอยู่บนโซฟา สายชุดเดรสตกลงมาถึงข้อศอก เผยให้เห็นบราเกาะอกตัวสวยที่โอบอุ้มอกอวบเอาไว้ ชุดเดรสของเธอถูกชายหนุ่มดึงรั้งให้พ้นทางเพื่อััผิวเนียนนุ่มได้อย่างเต็มที่
มือหนาลูบไล้ต้นขาเรียวอย่างเบามือ อีกมือดึงบราลูกไม้ของเธอให้ลงอยู่ใต้ฐานอกอวบ เพื่อให้เขาสามารถมองความสวยอวบอิ่มของก้อนเนื้อทั้งสองได้อย่างเต็มตา
อัคนีซุกหน้าลงไปที่ซอกคอ จูบไล่ลงมาตามไหปลาร้าและเนินอก ก่อนจะเข้ายอดอกสีสวย ที่ชูชันล่อตากระตุ้นความหิวกระหายของชายหนุ่ม ลิ้นร้อนของเขาเรียกเสียงครางจากริมฝีปากบางแ่เบาอย่างยากที่จะอดกลั้นได้
มืออีกข้างที่ลูบไล้ไปตามต้นตาเลื่อนเข้ามาซอกขาด้านใน ััเนินเนื้อใต้แพนตี้อย่างนุ่มนวลลูบขึ้นลงรอยแยกผ่านเนื้อผ้าบาง ก่อนจะค่อย ๆ แหวกแพนตี้ไปด้านข้าง ชำแรกเข้าหาความฉ่ำเยิ้มที่ถูกปลุกเร้าก่อนหน้า กระตุ้นตุ่มไตที่ไวต่อความรู้สึกกลางกาย
แขนเรียวบางยกขึ้นโอบรอบคอของอัคนีเอาไว้พร้อมกับเบียดตัวเข้าหาความรัญจวนที่เขาปลุกเร้าทั้ง้าและด้านล่าง นิ้วเรียวขยับเข้าออกช้า ๆ ก่อนจะแทรกนิ้วเข้าไปเพิ่มขึ้นเป็สองนิ้ว
“ชอบไหม?”
กิตติกาแหงนหน้าขึ้นรับความเสียวซ่านที่อัคนีกำลังส่งเข้าออกปรนเปรอเธออยู่ระหว่างกาย
อัคนีก้มกลับไปยอดอกสีสวยอีกครั้ง ทั้งดูดเม้มปาดเลียเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของคนใต้ร่างให้สูงขึ้นกว่าเดิม นิ้วเรียวที่ขยับเข้าออกเร่งจังหวะเร็วขึ้น ไม่นานก็ส่งเธอรับกับความสุขนำหน้าไปก่อน
อัคนีกระชากแพนตี้ตัวเล็กที่ขวางทางออก แล้วเข้าไปแทรกระหว่างกลาง จัดการปลดตะขอบราแล้วโยนไปให้พ้นจากร่างเย้ายวน บนร่างของกิตติกาเหลือเพียงชุดเดรสที่มากองรวมกันอยู่ที่เอวเท่านั้น เปิดเผยเนื้อหนังทั้งท่อนบนท่อนล่างจนทำให้ลำคอแกร่งแห้งผาก และเขาเพิ่งรู้ว่าเหลือเสื้อผ้าเอาไว้แบบนี้ก็ทำให้ร่างกายของเธอเร้าอารมณ์เขาได้เหมือนกัน
กิตติกายกมือขึ้นไปที่ปมสายคาดเอวบนเสื้อคลุมอาบน้ำของอัคนี สายตาคมจ้องมองเธอนิ่ง เพื่อดูสิ่งที่เธอกำลังจะทำ เธอใช้ปลายนิ้วแกะปมที่ผูกไว้ออกอย่างเชื่องช้า ราวกับรู้ดีว่าทุกการเคลื่อนไหวของเธอกำลังดึงดูดสายตาของเขา
กิตตากายกตัวขึ้น มือบางเลือนสาบเสื้อคลุมสีขาวให้หลุดจากบ่ากว้าง ให้เห็นแผ่นอกกว้างและกล้ามเนื้อแน่นได้รูปจากการดูแลร่างกายเป็อย่างดี กิตติกากลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ นิ้วชี้ไล่กรีดไปตามแผงอกที่อยู่ตรงหน้าไล่ลงมาจนถึงลอนกล้ามด้านล่างแล้วหยุดมือลง
"เป็อะไร? ไม่ทำต่อแล้วเหรอ" น้ำเสียงทุ้มต่ำของอัคนีแฝงแววขบขันถามขึ้น
“ถ้า...ฉันบอกว่าเราควรหยุด คุณจะว่ายังไงคะ”
“ผมไม่ปล่อยให้เป็แบบนั้นหรอก” เขาบอกเธอหนักแน่น แล้วกดไหล่บางให้นอนลงที่เดิม
อัคนีจับความเป็ชายที่แข็งขึงถูไถไปกับความฉ่ำเยิ้มตรงรอยแยกกลางกายของเธอ คุณเลขาคนสวยนอนกัดปากส่งสายตาปรือปรอยพร้อมเสียงครางหวานมองเขาอยู่ อัคนีหยิบซองเล็กขึ้นมาฉีกแล้วสวมใส่มันเข้ากับตัวตนของเขา
อัคนีดันท่อนลำที่แข็งขึงเข้าไปหาเธอช้า ๆ ให้เธอค่อย ๆ โอบรับเขาจนสุดความยาว เสียงครางหวานและทุ้มดังขึ้นพร้อมกันเมื่อทั้งสองกำลังเชื่อมต่อร่างกายเข้าด้วยกัน
เขาจับเอวบางเอาไว้ถอนตัวตนออกมาเชื่องช้าแล้วส่งมันเข้าไปให้สุดความยาวทำอยู่แบบนั้น ก่อนจะห่มสะโพกสอบใส่เธอถี่รัวขึ้นกว่าเดิม ศีรษะของกิตติกาสั่นคลอนไปมา หน้าอกอวบเด้งขึ้นลงตามแรงกระแทกกระทั้นที่อัคนีส่งตัวตนเข้าไป
ทุกครั้งของการเคลื่อนตัวตนแข็งขึงเข้าไปหนัก ๆ เลขาคนสวยเป็อันต้องเผลอร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ริมฝีปากร้อนของอัคนีดูดกลืนยอดอกเธอดูดดื่ม แล้วเร่งจังหวะตรงกลางกายให้เร็วขึ้นตามความปรารถนาที่กำลังพุ่งขึ้นสูง
จังหวะสอดประสานกันของสองร่างเข้ากันได้เป็อย่างดี และเข้ากันได้ดีมากที่สุดในความคิดของอัคนี
ไม่นานเสียงกรีดร้อง และเสียงครางทุ้มก็ดังขึ้นพร้อมกันกับร่างทั้งสองที่เกร็งกระตุกด้วยความสุขสมของอารมณ์ปรารถนา
อัคนีถอดตัวตนออกมาจากตัวเธอช้า ๆ กิตติกาครางฮือผวาตามความยาวที่ถอดถอน
อัคนีพลิกร่างเธอให้ขึ้นมานอนทับเขาอยู่้า มือหนาคอยลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนเหมือนกำลังปลอบให้เธอหายเหนื่อย
จนเมื่อลมหายใจของทั้งคู่กลับมาปกติ เขาก็ถามเธอว่า “คืนนี้นอนนี่แล้วกันนะ”
“ไม่เอาค่ะ” เธอรีบปฏิเสธเพราะรู้สึกว่าไม่น่าจะจบเพียงเท่านี้
“เอาสิ ผมยังไม่อิ่มเลย”
เธอว่าแล้ว เป็อย่างที่เธอคิดจริง ๆ ด้วย
“ดึกแล้ว กลับตอนนี้อันตราย”
“คุณ!! ปล่อยนะ” พูดจบอัคนีก็ลุกขึ้นแล้วอุ้มเธอขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็ห้องนอนโดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของเธอสักนิด ทำให้นึกย้อนไปยังคืนแรกที่ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน
-คืนนั้น-
เสียงเตือนในลิฟต์บอกว่าถึงชั้นที่้าแล้วดังขึ้น
"ถึงแล้วค่ะ" เธอกำลังจะออกจากลิฟต์ กิตติกาค่อย ๆ หันมามองเขา ส่งยิ้มหวานให้
อัคนีมองท่าทางนั้นของเธอ "เดี๋ยว" เสียงทุ้มแหบพร่าพร้อมกับรั้งข้อมือบางเอาไว้
กิตติกาหันกลับไปหาเขาอีกครั้ง ดวงตาสบกับดวงตาคมของเขาในระยะใกล้ ความเงียบเข้าครอบงำ
อัคนีมองใบหน้าของเธอ แววตาของเขาทอประกายบางอย่างที่กิตติกาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอควรจะรับมือกับมันยังไง
"คุณจะเข้าห้องไปกับฉันเหรอ?"
เธอถามออกไปอย่างที่ใจคิด และนั่นก็เป็เหมือนจุดเริ่มต้น
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ร่างสูงของอัคนีก็ก้าวเข้ามาใกล้จนร่างกายทั้งสองแนบชิดกันจนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวแก้ม
"คุณเคยชวนผู้ชายเข้าห้องแบบนี้บ่อยไหม?" เขากระซิบถามเสียงพร่า จมูกโด่งที่ยังคลอเคลียอยู่ตรงแก้มนุ่มเพื่อสูดดมความหอม
เธอส่ายหน้าปฏิเสธผิวแก้มก็ัับางเบากับปลายจมูกโด่งของเขา หัวใจของกิตติกาเต้นรัว เธอไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอก็ไม่ขยับถอยหนีเช่นกัน
"แล้วคุณล่ะ..." เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา "เขาห้องผู้หญิงแบบนี้บ่อยเหรอ?"
ริมฝีปากของอัคนียกขึ้นเป็รอยยิ้มมุมปาก “ผมไม่เคยขึ้นห้องใครเลยนะ คุณละ..ชวนผมเข้า ไม่กลัวรึไง”
กิตติกาเอาหัวพิงผนัง เงยหน้ามองเขาอย่างท้าทาย “ฉันคงชอบเล่นกับไฟมั้งคะ”
“หึ แล้วผมจะคอยดู” อัคนีพูดจบก็กดริมฝีปากจูบเธอดูดดื่มเร่าร้อนให้เธอได้รู้ว่าเล่นกับไฟสนุกและร้อนฉ่ามากแค่ไหน
และวันนั้นเส้นแบ่งระหว่างเ้านายกับเลขาก็ถูกทำลายลง
กิตติกาลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่ใช่ของเธอ รู้สึกถึงความอุ่นวาบอยู่ทางด้านหลังจากแรงกอดที่แน่นขึ้นตรงรอบเอว เสียงจุ๊บเบา ๆ ตรงหัวไหล่ ทำให้เธอหันกลับไปมองคนทำ
ดวงตาคมที่ยังมีแววง่วงงุนจ้องมองเธอ “ทำไมตื่นเช้าจัง ไม่เหนื่อยรึไง”
“ชินที่ตื่นเวลานี้ไปแล้วค่ะ” เธอบอกเขา
“นอนอีกหน่อยสิ” อัคนีบอกพร้อมกับกระชับร่างบางให้เขามาแนบชิดมากขึ้นทั้งที่ยังเปลือยเปล่าทั้งคู่ “รึว่า...หายง่วงแล้ว”
“ไม่ง่วงแล้วค่ะ”
“เหรอ” แววตาของเขาวาววับขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าเธอไม่ง่วงแล้ว อัคนียกตัวขึ้นมาคร่อมเธอไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าจู่โจมซอกคอระหง
“อื้อ...คุณ” กิตติกาไม่ทันตั้งตัว
“หายง่วงแล้ว มาทำกิจกรรมยามเช้ากันหน่อยสิ”
“คุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ”
“ไม่นะ” เพียงแค่สูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นเธอ ร่างกายของเขาอัคนีก็ตื่นตัวพร้อมพรั่งทันที เพลิงปรารถนาช่างจุดติดง่ายเหมือนจุดไฟแช็กก็ไม่ปาน
มือหนาเข้ากอบกุมบีบเคล้นอกอวบทั้งสองอย่างมันส์มือ ก่อนจะหยอกเย้าใจกลางความเป็หญิงของกิตติกาเพื่อเรียกน้ำหวานก่อนจะค่อย ๆ สอดนิ้วเรียวยาวเข้าไปขยับเข้าออกจนร่างบางบิดเร้าจากความเสียวซ่าน
เสียงครางผะแ่หลุดออกมาจากปากของกิตติกา เพราะถูกรุกรานดูดเลียยอดอกและดอกไม้หวานเยิ้มที่อัคนีกำลังส่งนิ้วเรียวเข้าไปสำรวจ
สะโพกแน่นยกส่ายไปมาเหมือนทรมานแต่กลับเต็มไปด้วยความสยิวซ่านจากเขา อัคนีจับหัวเข่าทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะค่อย ๆ ส่งตัวตนเข้าไปยังรอยแยกของกุหลาบงามที่เต็มไปด้วยความหยาดเยิ้ม
เสียงครางต่ำดังขึ้นอย่างพอใจ เขารู้สึกดีทุกครั้งที่เข้าไปอยู่ในตัวของเธอ เพราะแรงรัดตึงจากร่างบางแทบทำให้เขาสุขสม
เขาอดกลั้นนำพาแก่นกายเข้าออกด้วยจังหวะเนิบช้า จนความ้าเพิ่มสูงขึ้น ค่อยเปลี่ยนเป็รัวโถมสะโพกให้ถี่ขึ้น เพื่อส่งให้ทั้งเธอและเขาถึงขีดสุดของอารมณ์ใคร่
ร่างบางเกร็งกระตุกเมื่อเธอะเิความสุขสมจนเหมือนสมองขาวโพลน กิตติกานอนหายใจฟังเสียงหอบกระเส่าของคน้าที่เกร็งกระตุกไม่ต่างกัน
อัคนีเองก็หายใจหอบไม่แพ้กัน จูบเบา ๆ ที่ปากอวบอิ่มก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอ พลิกกายลงนอนด้านข้างเพื่อปรับลมหายใจให้ปกติจากกิจกรรมที่เขาทำก่อนหน้า
-บริษัท Akarin Group-
“ขอสรุปความคืบหน้างานออกแบบให้ด้วย แล้วก็เื่ลงไปดูงานที่ใต้ คุณลงไปกับผมด้วยนะ งานที่นี่ก็ให้ผู้ช่วยคุณจัดการไป”
“ค่ะ”
“เที่ยงนี้ ฝากจองร้านอาหารญี่ปุ่นแบบส่วนตัวให้ด้วยนะ 2 ที่”
“ค่ะ” กิตติกาพิมพ์เื่ที่เ้านายสั่งในมือถือตามสิ่งที่เขา้า
อัคนีกวักมือเรียกเมื่อเธอจึงเงยหน้าขึ้นมา ให้เธอเข้าไปใกล้ ๆ กิตติกาเดินเข้าอ้อมจากหน้าโต๊ะไปด้านข้างตามคำเรียกเพราะคิดว่าเื่ที่เขาจะบอกเป็เื่งาน
“อย่าลืมเอาบิกินีไปด้วยนะ”
กิตติกาหลับตาเม้มปากแน่น มองค้อนเขา ทำไมถึงเป็คนแบบนี้ไปด้วย ท่าทางเงียบขรึมดุดันก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดแล้ว เธอก็หลงคิดว่าเขามีเื่ลับอะไรที่ต้องถึงกับกระซิบให้เธอรู้
“เราไปทำงานนะคะ” เธอบอกเขา
“มันก็ต้องมีเวลารีแลกซ์กันบ้าง ใครจะปล่อยให้คุณทำงานตรากตรำกันละ”
เธออยากจะบอกท่านประธานเหลือเกินว่า เธอก็รู้สึกเหมือนทำงานตรากตรำอยู่นะ ดีหน่อยที่ตอนนี้เขาหาผู้ช่วยมาให้เธอ งานถึงได้เบาลงเยอะกว่าเมื่อก่อน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะคะ”
“ครับ” อัคนีมองหญิงสาวเดินออกไปด้วยท่าทางมีความสุข
หลังจากกิตติกาออกไปจากห้องของเขาไม่นาน เธอก็ส่งชื่อร้านอาหารและโลเคชั่นมาให้เขาเผื่อเอาไว้หากเขา้าขับรถไปเองและบอกให้เขารู้ว่าเธอแจ้งให้คนขับรถรับทราบเรียบร้อย
เวลาใกล้เที่ยง เ้านายสุดหล่อเดินออกมาจากห้อง แล้วมาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะเธอ กิตติตามองหน้าเขาเหมือนมีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหน้าเธอ ว่าเขามายืนทำอะไรตรงนี้
“ออกไปกับผม”
กิตติกาชี้มือเข้าที่ตัวเอง เพื่อจะถามว่าเธอคนเดียวเหรอ อัคนีผงกหัวเป็เชิงว่า ใช่ เธอเก็บของให้เข้าที่แล้วคว้ากระเป๋าเดินตามเขาไป ผู้ช่วยคนใหม่ที่นั่งอยู่โต๊ะด้านข้างยิ้มแหย๋ ๆ ประหนึ่งว่า เชิญเลยค่ะ เธอขออยู่ทานอาหารที่ห้องอาการของบริษัทดีกว่าไปนั่งเกร็งกินข้าวกับประธานเป็ไหน ๆ
อัคนีรับหน้าที่ขับรถไปเอง เขาพาเธอตรงไปยังร้านที่จองเอาไว้
“นัดเร่งด่วนกับบริษัทอะไรเหรอคะ” กิตติกาถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะคิดว่าเขาอาจจะมีนัดเป็การส่วนตัวกับคู่ค้าเธอจะได้เตรียมข้อมูลได้ถูก
อัคนีหันมามองหญิงสาวพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วส่ายหัว เธอไม่ได้ถามอะไรต่อจนเขาพาเธอมาถึงร้านอาหารที่จองเอาไว้
อัคนีโอบเอวเธอพาเดินเข้าไปอย่างเปิดเผย กิตติกาเองก็ไม่ได้ขัดขืนการกระทำของเขา ในเมื่อตอนนี้ไม่ใช่ที่บริษัทที่จะต้องคอยระวังเื่การวางตัว
"ไฟ? ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่โลกกลมเหมือนกันนะเนี่ย"
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าไปห้องที่จองไว้ ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยเรียกเขาไว้เสียก่อน
อัคนีชะงักเมื่อได้ยินเสียงชื่อตัวเอง หันไปยังทางที่มีคนเรียก เห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดเดรสหรูสีกรมท่า กำลังยืนยิ้มให้เขา แววตาเป็ประกายเมื่อพบเขาอีกครั้ง
"ริซ่า?" อัคนีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ไม่เจอกันนานเลยนะ"
"ใช่! ไม่เจอกันนานมาก ริซ่าเพิ่งกลับมายังไม่ได้เจอเพื่อนสักคนเลย ดีจังที่ได้มาเจอไฟที่นี่ แล้วนี่ไฟได้ติดต่อกับเพื่อน ๆ บ้างไหม?"
ริซ่าขยับเข้ามาใกล้ พลางเหลือบมองไปทางกิตติกาที่ยืนอยู่ข้างอัคนี มองมือเขาที่วางไว้ตรงสะโพกของเธอ ก่อนจะเหลือบขึ้นไปส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง
"พอดียุ่ง เลยไม่ได้ติดต่อใคร" อัคนีตอบเสียงเรียบ
“งั้นเหรอ ริซ่าคิดถึงไฟมากเลย อยู่ที่โน่นริซ่าไม่ได้ไปเที่ยวกับใครเลยั้แ่ไฟกลับไทย”
“ก็เห็นเพื่อนเยอะแยะหนิ”
“แต่ไม่สนุกเท่าตอนที่มีไฟอยู่ด้วยนี่นา ว่าแต่...ไฟมากับใครเหรอ”
อัคนีหันไปมองหญิงสาวข้างกายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปแนะนำคนที่นั่งอยู่ "กริ่ง"
ริซ่าหันมองกิตติกาอย่างประเมิน ก่อนจะยิ้มที่ดูเหมือนจะเป็มิตรแต่แววตาที่มองเธอนั้นเหมือนไม่อยากเป็มิตรสักเท่าไหร่
"อ้อ… คุณกริ่ง?" เสียงของเธอลากยาวเล็กน้อย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
"เป็เพื่อนไฟเหมือนกันเหรอ?" กิตติกายิ้มบาง ๆ อย่างคนที่รู้ทัน กับคำถามที่คนตรงหน้า้าจะสื่อ แต่อัคนีกลับเป็ฝ่ายตอบเสียงเรียบ
"ไม่ใช่" เขาตอบสั้น ๆ พลางสบตากับกิตติกา
คำพูดของอัคนีทำให้สีหน้าของริซ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาคมของเธอฉายแววไม่พอใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้
ตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศด้วยกัน เธออุตส่าห์พยายามทอดสะพานให้เขาตั้งหลายที แต่เขาก็ทำเป็ไม่สนใจ ที่ไหนได้พอกลับมาที่ไทยกลับควงผู้หญิงอื่นซะได้
"เหรอ?" ริซ่าหัวเราะเบา ๆ เธอจงใจพูดเน้นคำเพื่อให้กิตติกาเข้าใจเป็นัย
“เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ” กิตติกาหันไปหาอัคนีบอกเขาเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มที่ไม่ค่อยอยากจะสนทนากับเพื่อนสาวสักเท่าไหร่
อัคนีลอบมองกิตติกาอย่างพอใจที่เธอไม่สะทกสะท้านกับท่าทีหรือคำพูดของริซ่า
"ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ ริซ่า" อัคนีตัดบท
ก่อนจะหันกลับไปสนใจกิตติกาโอบเธอเดินเข้าไปในห้องที่จองเอาไว้ ปล่อยให้ริซ่าที่ยังไม่พอใจยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ริซ่าขบกรามแน่นเล็กน้อย ก่อนจะฝืนยิ้มเหมือนปลอบใจตัวเอง แล้วเดินออกไป
"กิ๊กเก่าคุณเหรอ?" กิตติกาถามขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก
อัคนียิ้มมุมปาก "ไม่ใช่ แค่เพื่อนเฉย ๆ"
กิตติกาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วชาเขียวขึ้นจิบ "แต่ท่าทางผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นเหมือนอยากเป็เพื่อนกับคุณ"
“นั่นมันเื่ของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”
กิตติกาแบะปากให้กับคำตอบของเขา จะบอกว่าตัวเองหล่อเลือกได้ว่างั้น แต่ถ้าจะบอกแบบนั้นก็ไม่ผิด เพราะเขาเองก็หล่อจริงด้วยเนี่ยสิ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้