เมื่อคิดเช่นนี้ แม่เฒ่าเคอพลันวางมาดเย่อหยิ่ง เงยหน้าขึ้นเอ่ยกับเคอโยวหรานว่า
“จงจำคำกล่าวของเ้าเอาไว้ หากแม่เฒ่าเช่นข้ากลับไปแล้วยังไม่มีคนมา เช่นนั้นก็ระวังเนื้อหนังของเ้าให้ดี”
ยังไม่รอให้เคอโยวหรานตอบกลับ พลันมีกำลังภายในดุจสายลมระลอกหนึ่งโจมตีไปทางเคอโยวหราน
ั์ตาของเคอโยวหรานหดเล็กลง รีบผลักมารดาสกุลต้วนกับถงซื่อที่อยู่ข้างกายออกห่างก่อนจะทะยานกายขึ้นฟ้า สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีถึงขั้นคร่าชีวิตในครั้งนี้ไปได้
ทว่าหมวกเหวยเม่าของนางกลับถูกสายลมกรีดจนขาดเป็สองส่วน
ดวงหน้างามดุจนางเซียนของเคอโยวหรานพลันปรากฏต่อหน้าอินจิ่วในทันใด
อินจิ่วที่ทะยานกายมาแต่ไกลถูกใบหน้างามดุจนาง์และไฝแดงกลางหว่างคิ้วของนางดึงดูดจนิญญาแทบจะหลุดออกจากกาย
เนื่องด้วยลมหายใจไม่มั่นคงจึงถึงขั้นร่วงดิ่งลงจากที่สูง ขณะเกือบจะััพื้นดินถึงสามารถประคองร่างกายหยัดยืนได้อย่างมั่นคง
ทุกคนในสกุลต้วนต่างพากันเหม่อลอยเสียแล้ว หยวนซื่อที่แต่เดิมพิงกรอบประตูชมความครึกครื้นถึงขั้นเหยียดกายยืนตรง เหตุใดในใต้หล้าถึงได้มีบุรุษที่รูปงามขนาดนี้กัน?
เคอโยวหรานที่ทะยานขึ้นกลางอากาศพลันเบี่ยงกายหยิบเอาหมวกเหวยเม่าอีกใบหนึ่งจากมิติวิเศษขึ้นมาสวมใส่
หลังจากปิดบังใบหน้างามจนน่าตกตะลึงของตนเรียบร้อยจึงโปรยกายลงสู่พื้นอย่างสุขุม นำพามาซึ่งกลิ่นหอมหนึ่งระลอกลอยกระทบใบหน้าของอินจิ่ว
หัวใจของอินจิ่วเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่งหลายครา ทว่าถูกเขาหมางเมินไปภายในเวลาอันรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยามเห็นใบหน้างามล่มเมืองของเคอโยวหราน เพลิงโทสะทั้งหมดของอินจิ่วถึงกับเลือนหายไปในเสี้ยววินาที ราวกับไม่เคยนึกขุ่นเคืองมาก่อน
การกระทำทั้งหมดของคนทั้งสอง หากจะกล่าวว่าช้ากลับเร็วกว่าที่คิด เป็เวลาเพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น
เนื่องด้วยการกระทำของอินจิ่วกับเคอโยวหรานรวดเร็วมากเกินไป นอกจากอิ่งอีที่อยู่บนต้นไม้ได้เห็นใบหน้างามชวนให้ผู้คนตกตะลึงของเคอโยวหราน พวกมารดาสกุลต้วนกับถงซื่อต่างไม่ทันสังเกตเห็นแต่อย่างใด
ทุกคนต่างจดจ้องอินจิ่วผู้เป็แขกมิได้รับเชิญ องครักษ์เงาในลานเรือนเล็กทั้งหมดล้วนกรูเข้ามาบังตรงหน้าเคอโยวหราน
ทางด้านมารดาสกุลต้วนได้เดินเข้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว บดบังถงซื่อที่กำลังตั้งครรภ์เอาไว้
ครั้นเหล่าองครักษ์เงาจดจ้องแขกมิได้รับเชิญผู้นี้ แต่ละคนต่างพากันนึกแค้นเคืองใจ เมื่อครู่พวกเขาตอบสนองช้าเกินไปเสียแล้ว หากมิใช่เพราะฮูหยินสามตอบสนองรวดเร็ว
ไม่เพียงแต่มารดาสกุลต้วนกับถงซื่อจะได้รับาเ็ กระทั่งฮูหยินน้อยสามก็ต้องถูกกำลังภายในโจมตีด้วยเช่นกัน องครักษ์เงาเช่นพวกเขาแม้ตายหมื่นครั้งก็ยังยากชดใช้ความผิด
ทางด้านอินจิ่วที่ถูกทุกคนทำราวกับเป็ศัตรูพลันหวนนึกถึงการกระทำเมื่อครู่แล้วรู้สึกว่าตนบุ่มบ่ามมากเกินไปจริงๆ คิดอยากจะขอโทษเคอโยวหราน แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะปริปากเอ่ยเช่นไร
ั้แ่เด็กจนโต เขาไม่เคยกล่าวขอโทษผู้ใดมาก่อน หากจะให้เขาเอ่ยออกไปยามนี้ กล่าวได้ว่าช่างเป็เื่ยากอย่างแท้จริง
เคอก่วงเถียนมองบุรุษผู้นี้โปรยกายลงจากฟากฟ้าอีกครั้งด้วยดวงตาเป็ประกาย นางรีบปล่อยมือจากแม่เฒ่าเคอ จากนั้นสาวเท้าเข้าไปข้างหน้าหลายก้าวแล้วเอ่ยถามอินจิ่ว
“คุณชาย ท่านตั้งใจมาหาข้าใช่หรือไม่เ้าคะ?”
อินจิ่วขมวดคิ้วพลางถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว “เ้าคือผู้ใด? อัปลักษณ์ถึงเพียงนี้ หนีห่างข้าให้ไกลสักหน่อย ช่างสกปรกเหลือเกิน”
เคอก่วงเถียน “...”
เมื่อวานเพิ่งช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ตน วันนี้กลับไม่รู้จักตนเสียแล้ว? บอกว่านางอัปลักษณ์ รังเกียจว่านางสกปรกงั้นหรือ?
เคอก่วงเถียนมองพิจารณาชุดที่ตนเองสวมใส่หนึ่งรอบ ไม่ใกล้เคียงคำว่าสกปรกแม้แต่นิด เมื่อนึกถึงหน้าตาของตนเอง
นี่เป็ถึงใบหน้าหญิงงามแห่งสิบลี้แปดหมู่บ้านอันเป็ที่ยอมรับกันโดยทั่ว ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าสกุลโฉวต้องมาสู่ขอถึงเรือนเลยทีเดียว?
เคอก่วงเถียนถูกอินจิ่วโจมตีจนไม่เหลือชิ้นดี นางถามโดยน้ำตาคลอเบ้า “คุณชายเ้าคะ เมื่อวานท่านมิได้เป็เดือดเป็ร้อนแทนข้าหรอกหรือ เหตุใดวันนี้กลับหมางเมินถึงเพียงนี้เสียแล้ว?”
“ไสหัวออกไป...” อินจิ่วพลันโบกมือเหวี่ยงเคอก่วงเถียนออกไปนอกลานเรือนสกุลต้วน
“อ๊ะ ก่วงเถียน...” แม่เฒ่าเคอพลันไล่ตามด้วยความเร็วสูงสุดของนาง
หลิวชุนฮวาถูกอินจิ่วทำให้หวาดกลัวจึงไม่กล้ารั้งอยู่ต่ออีก พลันกุมปากและฟันหน้าของตนเองไล่ตามแผ่นหลังของแม่เฒ่าเคอไปจนไร้เงา
นางทั้งวิ่งทั้งคิดในใจว่า : คอยดูเถิดเคอโยวหราน ผู้ใดใช้ให้เ้าวางอำนาจบาตรใหญ่ ยามนี้ยั่วโทสะผู้ที่ไม่ควรไปยั่วยุเข้า วันนี้สกุลต้วนต้องจบสิ้นเป็แน่ ฮ่าๆๆ...
เวลานี้ เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงเพิ่งจะไล่ตามอินจิ่วทันและเข้ามาในลานเรือนสกุลต้วน เหนื่อยเสียจนอายุแทบจะหายไปครึ่งหนึ่ง
คนทั้งสองต่างพากันลอบยืนสงบไว้อาลัยให้เคอโยวหราน คิดในใจว่า :
จบสิ้นแล้วๆ ศิษย์น้องหญิงของนายท่านคงยากรอดพ้นหายนะครั้งนี้ หากท่านอาจารย์ไม่อยู่ คาดว่าแม้ไม่ตาย ศิษย์น้องเล็กผู้นี้ของนายท่านก็ต้องกลายเป็คนพิการเสียแล้ว
ครั้นมารดาสกุลต้วนเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนด้วยเจตนาร้าย นางก็ได้เตรียมจะสู้จนตัวตายแล้ว
แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าพวกเขากำลังเห็นสิ่งใด เคอโยวหรานผลักองครักษ์เงาที่บดบังอยู่แล้วเดินออกมาด้านหน้า มือข้างหนึ่งเท้าเอว ส่วนมืออีกข้างชี้หน้าอินจิ่วพลางร้องตะคอกด้วยความโมโห
“อินจิ่ว! ท่านปฏิบัติเช่นนี้กับศิษย์น้องร่วมสำนักหรือ? ข้าจะไปถามท่านอาจารย์สักหน่อยว่าระหว่างที่เขาสอนวิชาพิษให้ท่าน เขายังสอนให้ท่านทำร้ายคนในสำนักเดียวกันด้วยหรือไม่?”
ครั้นอินจิ่วได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ รวมถึงเห็นท่าทางเต้นแร้งเต้นกาของเคอโยวหราน เมื่อนึกถึงใบหน้าที่ดูปราดเปรื่องและงดงามของนางภายใต้หมวกเหวยเม่า เขากลับอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาดและอยากหยอกล้อนาง
“ศิษย์น้องหญิง ในฐานะคนของสำนักพิษ ไม่มีกระทั่งความสามารถในการพลิกแพลงสถานการณ์ เ้ายังกล้าบอกว่าตนเองเป็ศิษย์ของเซียนพิษอีกหรือ?”
เคอโยวหราน “...?” นึกไม่ถึงว่านางจะไร้วาจาตอบกลับ
ก็จริง เป็ดังที่อินจิ่วกล่าวมา ในโลกที่อันตรายเช่นนี้ ผู้ใดจะสามารถคาดเดาสิ่งต่างๆ ได้ สิ่งที่ทดสอบก็คือความสามารถในการตอบสนองของคนผู้หนึ่ง ดูว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้หรือไม่
ครั้นอินจิ่วเห็นว่าผ่านไปเนิ่นนานเคอโยวหรานก็ยังไม่โต้กลับจึงรู้สึกกลัดกลุ้มยิ่งนัก เขายังอยากจะเห็นท่าทางเต้นแร้งเต้นกาของแม่นางน้อยมากกว่านี้
ดวงตาของเขาพลันกลิ้งกลอก มุมปากหยักยิ้มเป็องศาเ้าเล่ห์ ทันใดนั้นก็ขยับเข้าใกล้เคอโยวหรานและเอ่ยว่า
“ศิษย์น้องหญิง เ้าปั่นหัวศิษย์พี่เช่นข้า รู้สึกลำพองใจยิ่งนักใช่หรือไม่? ข้าจ่ายเงินไปห้าหมื่นตำลึงเพื่อซื้อเคล็ดลับไร้ประโยชน์ เ้าคงพอใจมากกระมัง?”
มุมปากภายใต้หมวกเหวยเม่าของเคอโยวหรานแทบจะฉีกถึงใบหู นางพอใจมากจริงๆ! ผู้ใดใช้ให้ศิษย์พี่ผู้นี้มีเงินเยอะกันเล่า?
อยู่ดีไม่ว่าดีก็อยากข่มขู่ตน ทันทีที่พบหน้าก็ใช้พิษ ทันทีที่พูดจาไม่ลงรอยก็ลงมือ
เคอโยวหรานเป็คนเ้าคิดเ้าแค้น เมื่อสร้างความหมางใจให้ตน หากไม่ขูดรีดจากศิษย์พี่สักหน่อย เช่นนั้นก็คงมิใช่ศิษย์คนสุดท้ายของสองสำนักแพทย์พิษเสียแล้ว
“วันนี้ศิษย์พี่มาเยือนด้วยเื่อันใดเ้าคะ? ข้ามิได้ขายเคล็ดลับทั้งหมดให้ท่านไปแล้วหรือ?” เคอโยวหรานยังคงถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจเพื่อยั่วยุอินจิ่วอีกครั้ง
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นเคอโยวหรานชี้หน้าบุรุษชุดม่วงผู้นี้พลางเรียกขานกันเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้อง เช่นนี้พวกเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ทว่าสายตาของมารดาสกุลต้วนกลับหลุบลง ดูไม่ออกว่านางกำลังคิดสิ่งใด?
อินจิ่วเอามือข้างหนึ่งกอดอก ส่วนมืออีกข้างลูบปลายคางเกลี้ยงเกลา ภายในน้ำเสียงเจือไว้ซึ่งความคับแค้นใจ
“ศิษย์น้องหญิง ศิษย์พี่เช่นข้าเติบใหญ่มาถึงเพียงนี้ยังไม่เคยถูกผู้อื่นใช้แผนการมาก่อน นับได้ว่าเ้าเป็คนแรกที่กล้าใช้แผนการกับข้าแล้วยังได้ยืนพูดจาอยู่ที่นี่โดยไม่เป็อันใด
ทั้งที่เ้ารู้ว่าเคล็ดลับได้มาง่าย แต่วัตถุดิบได้มายาก แต่ก็ยังให้ข้าจ่ายเงินตั้งมากมายเพื่อซื้อเคล็ดลับ
ยามนี้ศิษย์พี่เช่นข้าถึงขั้นค้นสมบัติเดิมหนึ่งรอบ ทว่าภายในยุ้งฉางกลับไม่มีถั่วเหลืองแม้แต่เม็ดเดียว เ้าว่าศิษย์พี่เช่นข้าควรจะทำอย่างไรดี?”
เคอโยวหรานเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะหินภายในลานเรือนแล้วเอ่ยชี้ทาง “ศิษย์พี่เ้าคะ ความจำของท่านช่างย่ำแย่เสียจริง เมื่อวานข้ามิได้บอกศิษย์พี่ไปแล้วหรืออย่างไร?
หากท่านซื้อเคล็ดลับไปแล้วทว่ามิอาจหาวัตถุดิบได้ ข้าจะจัดหาถั่วเหลืองมาให้ จากนั้นพวกเรายังคงแบ่งกำไรกันห้าต่อห้าเช่นก่อนหน้านี้ เหตุใดท่านถึงได้ลืมไปเสียแล้วเ้าคะ?”
อินจิ่ว “...?”
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะหาซื้อถั่วเหลืองไม่ได้? จะว่าไปแล้วก็น่าแปลก กิจการของเขาขยายไปทั่วหล้า มีที่ดินทรัพย์สินจนนับไม่ถ้วน
แต่กระทั่งเขายังหาซื้อถั่วเหลืองไม่ได้ แล้วศิษย์น้องหญิงเล็กของเขาไปหามาจากที่ใดกัน?