ผู้คนต่างก็ตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง
ใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่ชื่อซ่างกวันเฟยคนนั้นจะเป็คนของตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเฉิน!
การก่อกวนครั้งนี้ดูท่าจะไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันธรรมดาๆ เสียแล้ว
แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำนวนมากที่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลใหญ่มันต้องเป็เื่น่าสนุกแน่นอน
“หึ”
ซ่างกวันเฟยมองไปยังเวินติ่งทียนด้วยสีหน้าเ็าไม่มีสัมมาคารวะที่ผู้น้อยกว่าพึงมีต่อผู้ที่าุโกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว
เขายกมุมปากขึ้นพร้อมกับตอบกลับด้วยน้ำเสียงและท่าทางเย้ยหยัน“พอรู้ว่าฝีมือสู้ข้าไม่ได้ ก็ไล่ข้าไป วิธีของพวกขี้แพ้จริงๆ แต่ไม่เป็ไรข้าไม่ถือ แต่พวกเ้าห้ามเบี้ยวรางวัลเดิมพันที่ข้าต้องได้จากการชนะ ‘การประลองยุทธภัณฑ์’ เด็ดขาด”
พูดจบชายหนุ่มก็เอามือไขว้หลังแล้วเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าของวู๋กังมองเหยียดจากมุมสูงลงมา แล้วพูดอย่างเ็าว่า “แขนขวาของเ้า...เ้าจะตัดทิ้งเอง หรือจะให้ข้าตัดออกให้เล่า?”
อะไรนะ!
เวินติ่งเทียนและพวกถึงตาถลนแทบจะหลุดออกจากเบ้า
วู๋กังใช้แขนขวาของตัวเองเป็รางวัลเดิมพันอย่างนั้นหรือ!
ที่นี้ก็รู้แล้วว่าทำไมผู้าุโท่านนี้ถึงได้ดูร้อนรนและหวาดกลัวขนาดนั้น
การประลองยุทธภัณฑ์
มันคือรูปแบบหนึ่งของการประลองทักษะการช่างระหว่างนักการช่างสองคนมีความคล้ายคลึงกับการประลองของเหล่าจอมยุทธ์อยู่บางส่วนโดยก่อนเริ่มการประลองนั้น ทั้งสองฝ่ายจะต้องตกลงเงื่อนไขในการแพ้ชนะก่อนจากนั้นจึงเริ่มการประลองโดยการสร้างยุทธภัณฑ์ใหม่กันตรงนั้นเลย
โดยรูปแบบการประลองโดยทั่วไปแล้วคือ จะมีฝ่ายหนึ่งเป็ฝ่ายโจมตี ส่วนอีกฝ่ายต้องเป็ฝ่ายป้องกันซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องลงมือสร้างยุทธภัณฑ์พร้อมกันและต้องเป็ยุทธภัณฑ์ที่มีระดับเดียวกันกับที่ตกลงกันไว้แต่สามารถใช้วัตถุดิบอะไรก็ได้ตามใจ ฝ่ายโจมตีก็ต้องสร้างเป็อาวุธที่ใช้โจมตีส่วนฝ่ายป้องกันก็ต้องสร้างเครื่องป้องกันที่เอาไว้รับการโจมตีหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายสร้างเสร็จแล้วก็ต้องนำมาทดสอบเพื่อหาผลสรุป โดยฝ่ายโจมตีต้องใช้อาวุธที่สร้างขึ้นโจมตีใส่เครื่องป้องกันของฝ่ายป้องกันหากฝ่ายโจมตีสามารถทำลายเครื่องป้องกันของฝ่ายป้องกันได้ ฝ่ายโจมตีจะชนะทันทีแต่ถ้าทำไม่ได้ ฝ่ายป้องกันจะเป็ฝ่ายชนะแทนทันที
ในการประลองที่เพิ่งจบลงไปเมื่อสักครู่นี้ชายหนุ่มที่ชื่อว่าซ่างกวันเฟยรับหน้าที่เป็ฝ่ายโจมตี ส่วนฝ่ายป้องกันก็คือวู๋กังระดับของยุทธภัณฑ์ที่กำหนดไว้คือระดับนิลกาฬ
และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือดาบสั้นของซ่างกวันเฟยสามารถพุ่งทะลุแผ่นโล่ของวู๋กังได้อย่างง่ายดายชนะไปอย่างขาดลอย
ตอนนี้ชายหนุ่มจึงมาทวงรางวัลเดิมพันที่พวกเขาตกลงกันไว้ั้แ่ตอนเริ่มต้นหรือก็คือแขนขวาของวู๋กังนั่นเอง
“ไอ้เวรเอ๊ย!!”
วู๋กังก็เป็คนที่อารมณ์ร้อนและเป็คนมุทะลุเช่นกันไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าไปเดิมพันกับอีกฝ่ายด้วยแขนของตัวเองแบบนี้หรอก ซึ่งคนอย่างเขาไม่มีทางทนต่อความอับอายขนาดนี้ได้แน่เขาจึงดึงดาบที่ปักอยู่ตรงแขนขวาของเขาออกมา แต่เขาไม่ได้จะตัดแขนขวาของตัวเองแต่หันคมมีดไปจ่อที่คอตัวเองแทน
“ท่านประมุขวู๋กังไร้ความสามารถ ทำให้เลี่ยนเทียนเฮ่าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงข้าขอชดใช้ความผิดด้วยความตาย!”
ชายชราอารมณ์ร้อนผู้นี้คิดจะปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยชีวิต
“อาจารย์วู๋อย่าวู่วาม!”
เวินติ่งเทียนะโห้ามด้วยเสียงดังกระหึ่ม
จากนั้นเขาก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงราวกับลมสายหนึ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างวู๋กังทันทีพร้อมกับที่มือของเขาเปล่งแสงสว่างสีขาวขึ้นจากนั้นก็ยื่นมือเข้าไปจับข้อมือของวู๋กังไว้แล้วออกแรงบีบจนฝ่ามือของวู๋กังเริ่มคลายออกดาบสั้นหลุดออกจากมือตกลงบนพื้นจนเสียงดังตึงตัง
“ทำไมเ้าถึงได้วู่วามเพียงนี้!!”
อี้สิงอวิ๋นพุ่งตามเข้ามายืนอยู่ข้างๆของวู๋กังและตบบ่าปลอบใจเขา “เ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้มันคู่ควรจะเอาแขนของเ้าไปแลกด้วยหรือ? ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวข้าจะล้างแค้นให้เ้าเอง!!”
ส่วนซ่างกวันเฟยนั้นยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉยๆไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรด้วย เหมือนกับกำลังยืนดูละครฉากหนึ่งเท่านั้น “ถ้าพวกเ้าคิดจะใช้ละครลิงไร้สาระแบบนี้มาเปลี่ยนเื่ละก็เลี่ยนเทียนเฮ่าก็น่าสมเพชเกินไปแล้ว...”
เ้าบ้านี่ หน้าตาก็ไม่ดีทำไมยังปากร้ายขนาดนี้อีก
ซ่างกวันเฟยยังพูดต่ออีกว่า“จะว่าไป เฉินเย่เซิงฝากข้อความให้ข้ามาบอกเ้าด้วยนะเวินติ่งเทียน ว่า ถ้าเลี่ยนเทียนเฮ่าของพวกเ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้จริงๆก็ไม่เป็ไร...”
พอกล่าวจบเขาก็ชูมือขึ้นไปชี้ที่ประตูสำริดขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงทางเข้านั่นซึ่งบนประตูบานนั้นมีป้ายชื่อของเลี่ยนเทียนเฮ่าที่ทำจากทองคำอยู่โดยป้ายชื่ออันนี้ได้รับการสืบทอดมานานนับร้อยปีแล้ว
คำพูดที่ซ่างกวันเฟยกำลังจะพูดต่อนั้นทำให้เหล่าสมาชิกของเลี่ยนเทียนเฮ่าต่างก็โมโหจนแทบคลั่ง“แค่พวกเ้าปลดเอาป้ายชื่อนั่นลงมาเป็เวลาหนึ่งเดือนแล้วเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็แล้วกันไปข้าจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดอะไรขึ้น... แต่ถ้าพวกเ้าไม่ทำตามละก็ข้าไม่เอาแค่แขนของไอ้แก่นั่นคนเดียวแน่ ข้าจะเอาของพวกเ้าด้วย!!”
จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปที่อี้สิงอวิ๋นแม้แต่อี้ชังไห่ก็ไม่เว้น “วันนี้ข้าจะท้าประลองกับพวกเ้าทุกคนคนที่แพ้จะต้องทิ้งแขนตัวเองไว้หนึ่งข้างจะได้ไม่ต้องไปสร้างความอับอายให้เลี่ยนเทียนเฮ่าอีก... อย่างพวกเ้าน่ะ ไม่คู่ควรกับเลี่ยนเทียนเฮ่าแห่งนี้!”
ไอ้เวร!
มันจะมากเกินไปแล้ว!!
คราวนี้ทั้งคนของตระกูลเวินและชาวบ้านธรรมดาทั่วไปที่มายืนมุงดูด้วยต่างก็ถูกบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวของซ่างกวันเฟยกดดันจนอึดอัด
ซ่างกวันเฟยมันป่าเถื่อนเกินไปมันบังคับให้ตระกูลเวินปลดป้ายชื่อของเลี่ยนเทียนเฮ่าลง และถ้าไม่ทำตามก็จะขยี้แขนของเหล่านักการช่างที่มีชื่อเสียงของเลี่ยนเทียนเฮ่าทิ้งอีกหรือ?
ป้ายชื่อของเลี่ยนเทียนเฮ่าแผ่นนั้นถือเป็เกียรติยศของตระกูลเวินที่สืบทอดกันมานานนับร้อยปีแล้วแล้วจะให้ถอดออกด้วยตัวเองได้อย่างไรถ้าทำอย่างนั้นตระกูลเวินได้กลายเป็ตัวตลกให้ชาวบ้านนินทากันสนุกปากแน่
แต่ถ้าไม่ทำตามที่มันบอกแขนขวาของวู๋กังคงไม่มีทางรอดแน่ หรือถ้าคิดจะสู้กับมัน แล้วจะมีใครในเลี่ยนเทียนเฮาที่สามารถต่อกรกับยอดฝีมืออายุน้อยคนนี้ได้กันเล่า?
“แม่มันเถอะข้าทนไม่ไหวแล้ว เ้าเด็กน้อย เดี๋ยวตาเฒ่าอย่างข้าจะประลองกับเ้าเอง”
อี้สิงอวิ๋นะโตอบกลับอย่างเดือดดาลเตรียมจะรับคำท้าของชายหนุ่มแล้ว แต่กลับถูกอี้ชังไห่ที่ยืนอยู่ด้านข้างปรามเอาไว้ก่อน“สิงอวิ๋น อย่าวู่วาม!”
“ศิษย์พี่แต่ว่ามัน....”
“หุบปาก!!”
อี้ชังไห่ไม่เคยแสดงอารมณ์รุนแรงขนาดนี้มาก่อนแต่นั้นก็เป็เพราะเขารู้ว่า ศิษย์น้องของตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่างกวันเฟยแน่นอนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถต่อกรกับนักการช่างอายุน้อยแต่ฝีมือแข็งแกร่งและลึกลับผู้นี้ได้...
“อะไรกัน?โวยวายแค่ไม่กี่คำก็เงียบแล้วหรือ?”
ซ่างกวันเฟยกอดอกพร้อมกับมองไปที่พวกคนของตระกูลเวินอย่างเ็า
ท่าทางเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยามแบบนั้นดูเหมือนกับแมวที่กำลังจ้องมองหนูที่อยู่ในรังเชือดเขากำลังคิดหาวิธีมากลั่นแกล้งพวกคนของตระกูลเวินอยู่
สีหน้าของเวินติ่งเทียนตอนนี้ดูหม่นหมองจากปกติหลายส่วน
เขาไม่มีทางยอมปล่อยให้วู๋กังถูกตัดแขนออกไปแบบนี้แน่และยิ่งไม่มีทางปลดป้ายชื่อออกด้วยแน่นอน ซ่างกวันเฟยผู้นี้คือคนที่เฉินเย่เซิงส่งมาเล่นงานตระกูลเวินตอนที่ประลองกันในราชสำนักเมื่อก่อนหน้านี้ก็เคยถูกมันโค่นล้มลงไปทีหนึ่งแล้ว รอบนี้มันยังคิดจะเอาชนะเขาอีกรอบต่อหน้าสาธารณชนอีก!
แม่มันเถอะรังแกกันเกินไปแล้ว!
แต่ตระกูลเวินจะมีใครที่เก่งพอจะต่อกรกับมันได้บ้างเล่า?
อี้ชังไห่?
หรือว่า... หลินอี้ผู้ลึกลับคนนั้น?
“เ้าพวกสวะยังตกลงกันไม่ได้อีกหรืออย่างไร?” ซ่างกวันเฟยเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
ผู้คนในเลี่ยนเทียนเฮ่าต่างก็โมโหจนหน้าแดงแล้ว
ความรู้สึกเวลาโดนคนอื่นโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่ไม่สามารถตอบโต้ได้แบบนี้มันช่างทรมานเหลือเกิน
แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มอีกคนค่อยๆเดินออกมา
หลินหยางใส่หน้ากากที่เคยใส่เมื่อตอนไปเลี่ยนเทียนเฮ่าครั้งแรกไว้เขาค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากฝูงชนช้าๆ
หลังจากนั้นหลินหยางก็ตกเป็เป้าสายตาของคนทั้งหมดทันที
การก้าวเท้าของเขาไม่ช้าและไม่เร็วเกินไปเขาก้าวเดินไปทางกลุ่มของเวินติ่งเทียนด้วยท่าทางสบายๆเสร็จแล้วจึงก้มลงไปเก็บดาบสั้นที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเืขึ้นมา
จากนั้นหลินหยางก็โยนดาบไปปักลงตรงหน้าของซ่างกวันเฟยพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆภายใต้หน้ากากว่า
“ข้าประลองกับเ้าเอง!”
เ้านี่มันใครอีกเล่า?
ในที่นี้ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เคยเจอหลินหยางจึงพากันตกตะลึงในรูปร่างและอายุของเขาที่ยังดูเด็กขนาดนั้น
แต่ก็มีอีกหลายคนที่เคยเห็นหลินหยางที่เลี่ยนเทียนเฮ่าแล้วจึงตาเป็ประกายด้วยความตื่นเต้น หรือว่าเ้าเด็กลึกลับคนนี้จะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นอีกรอบ?
ส่วนสวี่เหยาตอนนี้ตื่นเต้นจนขอบตาเริ่มเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
ก่อนหน้านี้คนในเลี่ยนเทียนเฮ่าต่างก็ถูกกดดันจนอึดอัดแทบจะหายใจไม่ออกแต่การมาของหลินหยางทำให้ทุกคนเริ่มโล่งใจขึ้นมาบ้างแล้ว
เมื่อซ่างกวันเฟยเห็นว่ามีคนกล้าออกมารับคำท้าก็มองสำรวจคนผู้นั้นก่อนเป็อันดับแรกหลังจากนั้นเขาก็แสดงท่าทางดูถูกไปทางเวินติ่งเทียนทันที
“เวินติ่งเทียนนี่หรือแผนของเ้า? คิดจะใช้ให้สวะพรรค์นี้มาตัดกำลังข้าก่อนหรือ?”
“เ้ามั่นใจเกินไปรึเปล่าใครกันแน่ที่สวะ เดี๋ยวประลองยุทธภัณฑ์เสร็จก็รู้” เวินติ่งเทียนยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไปหลินหยางก็ชิงเปิดฉากสวนกลับก่อนทันที
ถึงเขาจะไม่ได้พูดเสียงดังแต่น้ำเสียงนั้นกลับฟังดูหนักแน่น และมีท่าทีที่ต่อต้านอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้ซ่างกวันเฟยค่อยๆ หันมามองที่หลินหยาง
“แขนของเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเ้ามันไม่คู่ควร...”
ซ่างกวันเฟยไม่ได้เห็นหลินหยางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยแต่คำพูดของหลินหยางเพียงประโยคเดียวทำให้ชายหนุ่มผิวเข้มถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“ข้าขอเดิมพันด้วยชีวิตข้าแลกกับแขนของท่านวู๋กัง และแขนขวาของเ้าด้วย!!”
เ้าบ้า!!
ทั้งลานกว้างพลันส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายขึ้นมาทันที
เ้าหนูนี่มันเพี้ยนไปแล้วหรือมันถึงกล้าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแบบนี้!
แถมอีกฝ่ายยังเป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอีกมันรนหาที่ตายหรืออย่างไร?
ซ่างกวันเฟยคราวนี้เป็ฝ่ายที่ถูกแรงกดดันของหลินหยางกดดันจนสะดุ้งไปครู่หนึ่งแต่ผ่านไปไม่นานเขาก็รู้สึกเหมือนได้ยินเื่ที่น่าหัวเราะมากที่สุดในโลกใบหน้าอันเ็าของเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้มอันโเี้
“หึหึ! จะใช้ชีวิตเป็เดิมพันหรือ? เวินติ่งเทียน เ้าคิดว่าแค่นี้ข้าจะกลัว...”
“ไม่กล้าพนันก็ไสหัวออกไปท่านประมุขเคยบอกแล้วนี่ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเ้า”
คำพูดของหลินหยางทำเอาซ่างกวันเฟยถึงกับยิ้มไม่ออก
โดยปกติแล้วเขามักจะเป็ฝ่ายกดดันผู้อื่นด้วยท่าทางเ็าและโอหังเสียมากกว่าแต่ไม่คิดเลยว่าคนอย่างเขาจะมาถูกเด็กน้อยแบบนี้ยั่วโมโหเสียได้
“เ้าอยากตายใช่ไหม!” น้ำเสียงของซ่างกวันเฟยตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ในขณะเดียวกันเวินติ่งเทียนที่ยืนมองหลินหยางอยู่เงียบๆ นั้นเมื่อได้สบสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของหลินหยางแล้ว เขาจึงพยักหน้าแรงๆ พร้อมกับกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“ซ่างกวันเฟย เ้าไม่ต้องพูดข่มขู่คนอื่นแบบนี้ คำพูดของหลินอี้ก็คือคำพูดของข้าชีวิตของเขาแลกกับแขนสองข้าง ถ้าจะพนันก็เริ่มประลองเสียถ้าไม่พนันก็รีบไสหัวออกไป”
โอ้โห
เวินติ่งเทียนนี่ก็เพี้ยนไปพร้อมกับเ้าเด็กบ้านั่นด้วยเสียอย่างนั้น!
ไม่มีใครคิดเลยว่าเวินติ่งเทียนจะสนับสนุนเ้าหนุ่มน้อยใส่หน้ากากอันลึกลับนั่นขนาดนี้สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้นทำให้สีหน้าของซ่างกวันเฟยเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่เขาลังเลไปเพียงไม่กี่วิรอยยิ้มดูถูกบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็รอยยิ้มที่ดูโเี้และกระหายเื“ได้ ข้าจะจัดให้อย่างสาสม!”
ซ่างกวันเฟยตอนนี้ถูกหลินหยางและเวินติ่งเทียนยั่วจนโมโหแล้ว
ลักษณนิสัยแต่เดิมของเขาก็เป็พวกหยิ่งยโสและเ็าอยู่แล้วชีวิตของคนอื่นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับตัวเขาเลย
ภารกิจของเขาในวันนี้ก็แค่การมาทำลายป้ายชื่อของเลี่ยนเทียนเฮ่าเท่านั้นแต่ในเมื่อไอ้ปัญญาอ่อนอย่างหลินอี้มันรนหาที่ตายเองอย่างนี้ อย่างนั้นก็พอดีเลย
ไม่มีอะไรที่มันทรงพลังเท่ากับเืของนักการช่างคนหนึ่งแล้วเขาจะใช้เืของหลินอี้ไปทาทับลงบนป้ายชื่อของเลี่ยนเทียนเฮ่าให้กลายเป็มลทินไปตลอดกาล
ถ้ามันอยากตายขนาดนั้น เช่นนั้นก็จะสงเคราะห์ให้ข้าจะสังหารเ้าหลินอี้นี่ด้วยการประลองยุทธภัณฑ์เอง!
ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้น
หลินหยางเองก็้าจะซัดเ้าซ่างกวันเฟยสุดโอหังนี่ให้กระเด็นไปไกลๆเหมือนกัน
มันเป็หมารับใช้ของพวกตระกูลเฉิน
เขาเดาได้ั้แ่แรกแล้วว่าคนที่มันกล้ามาก่อกวนเลี่ยนเทียนเฮ่าของตระกูลเวินแบบนี้เกรงว่าคงจะมีแค่กลุ่มนักการช่างลึกลับที่อยู่เื้ัของตระกูลเฉินเท่านั้นถึงจะทำได้
เขาเกลียดเ้าพวกตระกูลเฉินเข้าไส้เขาจะไม่ยอมปล่อยเ้าพวกหมารับใช้ของตระกูลเฉินที่คิดจะเป็ศัตรูกับเขาไปแน่ๆ
เขาจะใช้เ้าซ่างกวันเฟยที่อยู่ตรงหน้านั่นเป็เป้าหมายแรกที่เขาจะลองเชือด
เขาจะใช้ซ่างกวานเฟย เป็เครื่องมือในการพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้ตระกูลเวินได้เห็น
เขาจะใช้ชัยชนะในการประลองครั้งนี้ตบหน้าตระกูลเฉินให้แหก
เขายังจะใช้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็โชว์เปิดตัวครั้งใหญ่ในฐานะผู้าุโของตระกูลเวิน
เขาจะใช้การประลองยุทธภัณฑ์ครั้งนี้หักแขนของซ่างกวันเฟยเสีย พร้อมกับหุบปากเน่าๆ ของมันไปด้วยเลย