สีหน้าของเสวียนเทียนนิ่งสงบแต่ในใจราวกับคลื่นโหมกระหน่ำซัด
เสวียนเทียนอดคิดถึงคำพูดโด่งดังประโยคหนึ่งจากชาติก่อนที่เคยอ่านเจอไม่ได้อะไรสำคัญที่สุด? วิสัยทัศน์สำคัญที่สุด!
เมื่อคนเรามีวิสัยทัศน์ถ้าเช่นนั้นย่อมไม่เลือกทางผิด ในใจของเสวียนเทียนรู้ดี ระหว่างเขากับฉู่เฟิงเลือกเขาถูกต้องอย่างแน่นอน ฉู่เฟิงก็เป็แค่ตัวประกอบเล็กๆ ตัวหนึ่งในชีวิตเขาเท่านั้นขนาดคู่แข่งยังเป็ไม่ได้
ฉู่เฟิงอายุน้อยกว่าก็ก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาหลังจากนั้นก็บรรลุจิตกระบี่ ตอนที่อายุเท่าเสวียนเทียนก็ปราบทั่วสำนักในไร้คู่ต่อกรพลังวัตรบรรลุถึงชั้นเบิกนภาขั้นสาม
ถึงแม้พักนี้เสวียนเทียนจะมีชื่อเสียงโด่ดังแต่คนส่วนใหญ่ดูแล้ว ไม่อาจเทียบชั้นกับฉู่เฟิงได้โดยสิ้นเชิง
หลิงอี้เฉินมั่นใจมากว่าฉู่เฟิงสู้เสวียนเทียนไม่ได้เห็นได้ว่าสายตาของเขา คนธรรมดาไม่อาจเทียบได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีมาแต่กำเนิดประสบการณ์ที่ขัดเกลาเขามาทั้งชีวิตเป็ปัจจัยใหญ่อันหนึ่ง
เ้าเป็ัที่แท้จริงตนหนึ่งสุดท้ายวันหนึ่งัที่ถูกขังก็ต้องหลุดจากพันธนาการ เหาะเหินสู่ฟากฟ้า!
อนาคตของเ้าคือแดนเหนือทั้งหมดหรืออาจถึงขั้นแผ่นดินเสินโจวทั้งหมด!
เมื่อได้ยินประโยคนี้ในใจของเสวียนเทียนก็อดพลุ่งพล่านไม่ได้ เขาเป็ทายาทสายตรงของตระกูลเสวียนตระกูลผู้ปกครองขั้นสอง หนึ่งในขุมอำนาจระดับสุดยอดทั้งห้าบนแผ่นดินเสินโจว หลานชายคนโตผู้พลัดถิ่นของเสวียนสงตระกูลเสวียนเป็เ้าผู้ปกครองแดนตะวันตกทั้งหมดในใจเสวียนเทียนอยากกลับคืนแดนตะวันตกมาตลอด สังหารเสวียนจี ช่วยท่านปู่เสวียนสงออกมาจากมือของ ‘อินจี’
ตอนนี้เสวียนเทียนคือัตัวหนึ่งที่ถูกขัง ใฝ่ฝันเสมอว่าวันหนึ่งัที่ถูกขังจะหลุดพ้นจากพันธนาการเหาะเหินสู่ฟากฟ้า
แม้หลิงอี้เฉินจะปฏิบัติต่อเสวียนเทียนอย่างเช่นศิษย์ธรรมดาทั่วไปไม่ให้สิทธิพิเศษหรือทรัพยากรใดๆ แก่เขาเพราะพร์ของเขาแต่ในใจเสวียนเทียนกลับขอบคุณหลิงอี้เฉินอย่างมาก เพราะหลิงอี้เฉินในฐานะคนเคยผ่านน้ำร้อนมาก่อนรู้ว่ามีเพียงสถานการณ์ยากลำบากจึงจะสามารถก่อกำเนิดผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงขึ้นมาได้นี่เป็สิ่งที่ดีกับเขาอย่างแท้จริง
เสวียนเทียนเอ่ยว่า “คำสั่งสอนของปรมาจารย์หลิงศิษย์จำจดไว้ในใจ มีสิ่งใดลำบาก ข้าจะจัดการด้วยตัวเองไม่หยิบยืมกำลังของสำนักอย่างแน่นอน”
หลิงอี้เฉินส่ายศีรษะ แล้วกล่าวว่า “ไม่ คำพูดไม่อาจพูดได้เด็ดขาดเกินไปในชีวิตหนึ่งของคน ย่อมต้องประสบกับสถานการณ์ยากลำบากที่ยากจะผ่านพ้นเป็บางครั้งสำนักจะเป็ที่พึ่งของเ้า ปัญหาธรรมดาควรเป็เ้าจัดการด้วยตนเองแต่เมื่อเ้าพบความยากลำบากที่ไร้สิ้นหนทางแก้ไขจริงๆ ก็มาหาข้าได้เสมอผู้เฒ่าคนนี้เป็กองหนุนอันแข็งแกร่งของเ้าเอง”
พูดจบหลิงอี้เฉินก็ตบหน้าอกตนเอง
“ขอบคุณปรมาจารย์หลิง!” เสวียนเทียนเอ่ยขอบคุณ
หลิงอี้เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้น “เอาล่ะที่ข้าอยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว หวงเทียน เส้นทางชีวิตของเ้าต้องอาศัยเ้าก้าวเดินไปทีละก้าวใช้กระบี่ในมือของเ้า กวาดทำลายอุปสรรคทุกสิ่งที่ขวางอยู่ตรงหน้าเ้าให้ราบอย่าได้หวาดกลัว ตัวข้าผู้เฒ่าคอยคุ้มครองเ้าอยู่ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาข้าก็จะแบกรับไว้ให้เ้า เหวินเต้า พาเขาออกไปเถิด!”
ชื่อของผู้าุโเจี่ยก็คือเจี่ยเหวินเต้า เขาขานรับ“ทราบแล้วขอรับท่านอาจารย์หลิงหวงเทียนไปกับข้า!”
“ปรมาจารย์หลิง ผู้าุโอู่ศิษย์ขอลาขอรับ!” เสวียนเทียนประสานหมัดบอกลาทั้งสอง ตามเจี่ยเหวินเต้าเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเดินผ่านไปสองห้องแล้วเจี่ยเหวินเต้าก็หยุดฝีเท้าลง ให้เสวียนเทียนกลับออกไปที่เขตหนึ่งเพียงลำพัง
เมื่อเสวียนเทียนออกมาศิษย์ในที่อยู่ในเขตหนึ่งล้วนมองมาที่เขา
สายตาของบรรดาศิษย์ในที่มองเสวียนเทียนล้วนมีแววตื่นตะลึงข่าวที่เขาผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่ ติดตามมากับศิษย์ที่เข้ามาทีหลังแพร่มาถึงในหอวิชายุทธ์แล้ว
“เขาออกมาแล้ว!”
“เขาถึงกับผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่ได้เกรงว่าความสามารถคงไม่เบา!”
“ฮึข้าไม่เชื่อว่าเขาจะมีความสามารถอย่างศิษย์พี่ฉู่เช่นนั้นต่อให้เป็ศิษย์พี่ฉู่เฟิงก็ล้มได้แค่คู่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้เพียงขั้นเดียว”
“อืม ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งอาจไม่ใช่คู่มือของเขาพวกเราลงมือด้วยตนเอง สั่งสอนเขาให้สาแก่ใจ!”
........
ศิษย์ที่ก่อนหน้านี้มองเสวียนเทียนด้วยใบหน้าไม่ประสงค์ดีเมื่อเห็นเสวียนเทียนปรากฏตัวออกมาก็รีบล้อมวงถกเถียงกันเสียงเบาไม่กี่คนนั้นล้วนมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสอง แม้ว่าข่าวเสวียนเทียนผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่จะทำให้พวกเขาตะลึงแต่ก็ไม่ได้ััด้วยตนเอง พลังวัตรของพวกเขาสูงกว่าเสวียนเทียนอยู่หนึ่งขั้นอย่างไรก็ไม่อาจมองว่าตนเองด้อยกว่าเสวียนเทียน
ไป๋หลิงไม่อยู่ที่หอวิชายุทธ์นานแล้วที่ควรดูเสวียนเทียนก็ดูหมดแล้ว ที่ควรลอกก็ลอกเสร็จแล้วจึงเดินตรงไปด้านนอกของหอวิชายุทธ์
เมื่อออกมาจากหอวิชายุทธ์เสวียนเทียนก็ตรงไปที่เรือนยาพลังปราณของสำนักในพลังวัตรทะลุชั้นเบิกนภาจะมี ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ เป็รางวัล
ความเร็วในการดูดกลืนยาควบปราณแท้ชั้นล่างของเสวียนเทียนเป็เก้าเท่าของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งทั่วไปการฝึกฝน้ายาควบปราณแท้ชั้นล่างจำนวนมาก ถึงแม้ตอนอยู่ที่ตระกูลหวงตระกูลหวงจะซื้อให้สี่สิบเม็ดต่อมาระหว่างทางสังหารมือกระบี่เงาผีได้มาอีกยี่สิบกว่าเม็ด แต่หลายวันนี้ ในหนึ่งวันเสวียนเทียนบริโภคสามเม็ดหลายวันมานี้ยาควบปราณแท้ชั้นล่างใช้หมดไปสองในสามส่วนแล้ว
หากคิดจะทะลวงสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสองยัง้ายาควบปราณแท้ชั้นล่างจำนวนมาก เสวียนเทียนไปเรือนยาพลังปราณไม่เพียงรับยาควบปราณที่เป็รางวัลเท่านั้นยังจะซื้อมาอีกจำนวนหนึ่งด้วย ตระกูลหวงรู้ว่าเสวียนเทียนบริโภคยาควบปราณหนักมากครั้งนี้ที่เสวียนเทียนกลับมาสำนัก ตระกูลจึงให้ตั๋วเงินเขามาสามล้านตำลึง บวกกับตั๋วเงินที่เขามีติดตัวอยู่เดิมก็มีถึงหกเจ็ดล้านตำลึงพอให้เขาซื้อยาควบปราณแท้ชั้นล่างได้อย่างเพียงพอ
“หวงเทียน เ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
ตอนที่ห่างจากเรือนยาพลังปราณไม่ถึงร้อยเมตรทันใดนั้น ที่ด้านหลังก็มีเสียงะโหลายเสียงดังขึ้น
เสวียนเทียนกันกายกลับไปมองเห็นศิษย์ในชั้นเบิกนภาขั้นสองสี่คนอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรกำลังเร่งฝีเท้าวิ่งเข้ามา
นั่นคือศิษย์ไม่กี่คนที่เผยสีหน้าไม่ประสงค์ดีกับเสวียนเทียนที่หอวิชายุทธ์
ไม่นาน สี่คนก็มาหยุดยืนด้านหน้าของเสวียนเทียน ห่างออกไปยี่สิบเมตร
ประสาทการได้ยินของเสวียนเทียนน่าตื่นตะลึงคำถกเถียงหารืออย่างเบาๆ ของพวกเขาก่อนหน้านี้ เข้าหูเขามาั้แ่ต้นย่อมไม่มีความรู้สึกดีอะไรกับพวกเขาสี่คน เสวียนเทียนมองคนไม่กี่คนนั้นด้วยสายตานิ่งเรียบเอ่ยว่า “พวกเ้ามีธุระใดกับข้า?”
“สารเลว หวงเทียนเ้าคนไม่เคารพาุโ เพิ่งเข้าสำนักในมา ศิษย์พี่ก็เรียกไม่เป็หรือ?” ศิษย์ด้านขวาสุดตวาดขึ้น
ยาควบปราณเป็สิ่งจำเป็ของผู้ฝึกยุทธ์สำคัญอย่างยิ่ง เรือนยาพลังปราณเป็สถานที่ซึ่งศิษย์หลายคนของสำนักกระบี่์มาเยือนมักมีศิษย์เข้าออกเป็ประจำ ไม่ทันไรศิษย์ในถึงสิบคนก็ถูกเสียงตวาดลั่นของทางฝั่งเสวียนเทียนดึงดูดให้เดินเข้ามา
ในหัวของเสวียนเทียนคิดถึงคำพูดที่หลิงอี้เฉินพูดกับเขาใช้กระบี่ในมือของเ้า กวาดทำลายอุปสรรคทุกอย่างที่ขวางอยู่ตรงหน้าเ้าให้ราบ!
หากหลิงอี้เฉินกรุยทางสะดวกให้เสวียนเทียนประกาศชื่ออย่างเปิดเผยว่าจะสั่งสอนเสวียนเทียนศิษย์ในย่อมไม่มีใครกล้ามาหาเื่เสวียนเทียน
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าศิษย์ในคนอื่นยินยอมลงให้แก่เสวียนเทียนแค่ถูกบีบบังคับด้วยแรงกดดันจากสำนัก ในใจยังคงไม่ยอมรับเสวียนเทียนอยู่
“ปรมาจารย์หลิงกล่าวถูกต้องเื่ของตนเอง ตนเองต้องจัดการเอง คนอื่นไม่ยอมรับก็ล้มเขาให้ยอมรับ!”
เสวียนเทียนคิดในใจสายตากวาดมองใบหน้าของคนทั้งสี่ทีหนึ่ง เอ่ยว่า “อยากให้ข้าเรียกศิษย์พี่ไม่ยากเพียงแต่กลัวว่าพวกเ้าจะไม่มีคุณสมบัตินั้น!
“ซือซุ่นชาง เ้าไปเก็บเขาเสียให้เขาได้รู้ว่าอะไรเรียกผู้ใหญ่ผู้น้อย รู้ถึงจุดจบของการไม่เคารพศิษย์พี่!” คนที่สองทางด้านขวาโบกมือตำแหน่งของคนผู้นี้เห็นได้ชัดว่าสูงที่สุดในสี่คน
“รับทราบ ศิษย์พี่หยาง!” ศิษย์คนที่อยู่ทางขวาสุดพยักหน้ารับ
ซือซุ่นชางเดินมาข้างหน้าสามก้าว เอ่ยว่า “หวงเทียนลือกันว่าเ้าผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่ ตัวข้าศิษย์พี่ไม่อาจยอมรับเ้ากล้าพอจะสู้กับข้าสักตั้งหรือไม่?”
“มีอะไรไม่กล้าอย่าเพิ่งเรียกตัวเองว่าศิษย์พี่เร็วไปนัก รออีกครู่ เ้าถูกต่อยจนนอนหมอบฟันเกลื่อนพื้นแน่ สำนักเราไม่มีศิษย์พี่เช่นนี้!” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอาจเป็คนของฉู่เฟิง ตั้งใจจะมาหาเื่เดือดร้อนให้เขาเสวียนเทียนจึงพูดจาไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
มีศิษย์ในอีกไม่น้อยเดินออกมาจากเรือนยาพลังปราณถูกการโต้เถียงของฝั่งนี้ดึงดูดจึงเดินเข้ามา ศิษย์ในที่ผ่านมาไกลๆก็วิ่งมาล้อมวงดูเื่สนุกด้วย ไม่นาน จำนวนคนที่รายล้อมก็มากกว่าสามสี่สิบคน
“ซือซุ่นชางผู้นี้อยู่ลำดับที่หนึ่งร้อยสามสิบเก้าของขั้นที่สอง พลังวัตรเป็ถึงชั้นเบิกนภาขั้นสองทำไมถึงไปท้าสู้ศิษย์ใหม่ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งได้?” ศิษย์ที่มาทีหลังไม่รู้จักเสวียนเทียนถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
“เ้าไม่รู้หรือ ศิษย์ใหม่คนนี้คือหวงเทียนที่ผ่านชั้นสามของหอกระบี่ฮึๆ ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองล้วนไม่พอใจทั้งนั้นซือซุ่นชางจะเป็คู่มือของเขาได้หรือไม่ ก็ยังพูดยาก!” มีศิษย์ที่มาก่อน ได้ยินซือซุ่นชางตวาดเรียกชื่อหวงเทียน อธิบายให้ฟัง
“อะไรนะ! ที่แท้คือหวงเทียนพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็ผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่ได้ ์ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกับศิษย์พี่ฉู่เฟิง มีความสามารถต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้!” คนก่อนหน้าอุทานใขึ้นมา
“ผ่านหอกระบี่ใครก็ไม่เห็นเหตุการณ์ ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไรถึงผ่านไปได้มีความสามารถต่อสู้ข้ามระดับชั้นจริงหรือไม่ก็ยังยากจะบอกอยู่สู้กับซือซุ่นชางสักตั้ง ก็คงมองออกบ้างแล้ว...!”
.......
ศิษย์ที่ล้อมมุงอยู่ วิพากษ์วิจารณ์กันเสียงเบา
ส่วนซือซุ่นชางถูกเสวียนเทียนทำให้โกรธแทบะเิรอบด้านมีศิษย์ในไม่น้อยมุ่งดูอยู่ เขารู้สึกว่าเสียหน้าเป็อย่างยิ่ง เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า“หวงเทียนข้าจะให้เ้าได้รู้จักความร้ายกาจของศิษย์พี่!”
พูดพลางเสียง ‘ชิ้ง’ ก็ดังขึ้นรัศมีดาบสีเขียวฉับพลันก็แผ่ออกมา ซือซุ่นชางก้าวหนึ่งก้าวพุ่งมาข้างหน้ายี่สิบเมตรหนึ่งกระบี่แทงมาถึงเบื้องหน้าเสวียนเทียน
รอบด้านมีเสียงแค่นจมูกดังขึ้นหลายเสียงยังไม่ทันบอกเริ่ม ซือซุ่นชางก็แทงหนึ่งกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วน่าสงสัยว่าจะเป็การชิงลงมือก่อนหรืออาจถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็การลอบโจมตี
ซือซุ่นชางเร็วก็จริง แต่เสวียนเทียนเร็วกว่า
เมื่อเผชิญกับการโจมตีเร็วของซือซุ่นชางเสวียนเทียนไม่ถอยสักก้าว มือยื่นออกไป แสงสีฟ้าสว่างวาบ ‘กระบี่แรกฟ้า’ ชักออกมา ท่า ‘เกลียววายุ’ ของ ‘ถลาลมเก้ากระบี่’ ถูกใช้ออกมา
ด้วยพละกำลังอันน่าหวั่นเกรงของเสวียนเทียน มือเปล่าหมัดเปล่าโจมตีเอาชนะซือซุ่นชางได้อย่างง่ายราวกับพลิกฝ่ามือแต่ไพ่ตายเหล่านี้ไม่จำเป็ต้องเปิดเผยย่อมพยายามไม่เปิดเผย มีแต่ต้องทำให้คนมองไม่ออกคนถึงจะรู้สึกว่าอันตราย ไพ่ตายของคนผู้หนึ่งหากเผยออกมาหมดสิ้นตนเองย่อมเป็อันตราย
เสวียนเทียนใช้พลังระดับเดียวกันรับมือซือซุ่นชางฝึกฝนทักษะการรับมือศัตรูของตนเองได้ทักษะฝีมือเท่านั้นถึงจะเป็กุญแจสำคัญของการต่อสู้ข้ามระดับชั้นศัตรูที่มีพลังเท่ากันล้วนใช้ทักษะฝีมือเอาชนะได้และหากพบศัตรูที่พลังแข็งแกร่งกว่าตนก็จะไม่น่ากลัวขนาดนั้น หรือแม้กระทั่งอาจใช้ทักษะฝีมือเอาชนะเขาได้
ซือซุ่นชางรู้สึกถึงพละกำลังแข็งแกร่งบิดเป็เกลียวสายหนึ่งดึงกระบี่ในมือของเขาออกไปด้านข้าง
ต่อจากนั้น เสียงเคร้งก็ดังขึ้นสองกระบี่ปะทะกัน
กระบี่ในมือซือซุ่นชางกลับไหลตามแรงบิดหมุนก่อนหน้าสายนั้นเบี่ยงออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้น ตรงกลางก็เปิดโล่ง
เสวียนเทียนก้าวตรงพุ่งไปข้างหน้าด้วยท่า ‘กระทิงดุขวิดเขา’ ร่างกายโน้มเอียงไปด้านหน้า มือขวายังคงจับกระบี่ไม่เปลี่ยนมือซ้ายกำเป็หมัดราวกับเขาของกระทิงดุ หนึ่งหมัดพุ่งออกไป ‘กระทิงดุขวิดเขา’ นี้ใช้เพียงครึ่งกระบวนท่าเสวียนเทียนเพียงโจมตีออกไปหนึ่งเขาเท่านั้น
แต่กระบวนท่านี้กลับลื่นไหลเหนือสิ่งใดไหลลื่นไม่ติดขัด ทั้งยังรวดเร็วถึงที่สุด
กระบี่ของซือซุ่นชางเพิ่งถูกเสวียนเทียนปัดออกไปก็รู้สึกว่าขุนเขาใหญ่ลูกหนึ่งพุ่งปะทะใบหน้า ทั้งร่างถูกหนึ่งหมัดของเสวียนเทียนต่อยปลิวไปเสียงร้องดังขึ้น เืสดคำหนึ่งพุ่งออกมา พ่นฟันแตกออกมาอยู่หลายซี่ ร่างของซือซุ่นชางพลิกตลบกลางอากาศสามร้อยหกสิบองศาครบรอบหนึ่งเต็มๆ จากนั้นก็ลงไปกองอยู่ที่พื้นด้วยท่าทางหมอบคลานถูกต่อยดั้งจมูกเข้าทีหนึ่ง กระดูกจมูกเกือบหัก เืสดไหลจากปากไม่หยุด สองรูจมูกมีเืแดงฉานไหลออกมาเหมือนกัน
อะไรกัน?
ศิษย์ในที่มุงอยู่รอบด้าน แต่ละคนดวงตาเบิกกว้างแทบจะถลนออกมา
หลังจากซือซุ่นชางถูกเสวียนเทียนใช้หนึ่งกระบี่ปัดกระบี่ยาวในมือออกเสวียนเทียนใช้ครึ่งหนึ่งของท่า ‘กระทิงดุขวิดเขา’ ของวิทยายุทธ์ชั้นทองขั้นกลาง ‘เพลงหมัดกระทิงดุ’ ก็เอาชนะได้แล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้