เย่เช่อดื่มชาและส่งสัญญาณบางอย่างให้สาวใช้ สาวใช้เข้าใจทันทีและรินชาให้อวิ๋นจื่ออย่างมีมารยาท อวิ๋นจื่อกล่าวขอบคุณนางด้วยความสุภาพ
หลังจากรินชาแล้ว สาวใช้ก็จากไปอย่างรู้ความ
ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของชา จิตใจของเย่เช่อตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง อวิ๋นจื่อดูราวกับหลุดออกมาจากความฝัน บางทีวันหนึ่งนางอาจหายไปหากเขาตื่นขึ้น ดังนั้นเขาต้องฝากฝังซูเจินให้ดูแลนางเพื่อที่เขาจะได้จากไปอย่างสบายใจ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ความเศร้าโศกก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
อวิ๋นจื่อเห็นสีหน้าของเขาอย่างชัดเจน นางกล่าวด้วยความเข้าใจว่า “คุณชาย เหตุใดท่านไม่พาข้าไปที่สวน? เราจะได้เดินเล่นย่อยอาหาร”
เย่เช่อพยักหน้าและพานางออกไป
สายลมฤดูใบไม้ผลิในเดือนสามนั้นอบอุ่นเป็พิเศษ
เมื่อคิดดูให้ดีอวิ๋นจื่ออยู่ที่หอจุ้ยฮวนมาเกือบครึ่งปีแล้ว หลังจากนั้นไม่นานจินเหนียงก็จากไป ถึงแม้ทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ผลิจะงดงามมากเพียงใด แต่หัวใจของอวิ๋นจื่อกลับหม่นเศร้า
“ถ้าจินเหนียงยังอยู่กับข้าก็คงจะดี” อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ
เย่เช่อหยุดเดิน
ชายหญิงยืนเคียงกันใต้ต้นชบาช่างดูงดงามราวกับเทพเซียน
“จินเหนียงอยู่เคียงข้างข้าั้แ่ข้ายังเด็ก นางดูแลข้ามาหลายปี แต่ต้องแยกจากกันไปชั่วคราว ไม่นานนางก็จากข้าไปโดยที่ข้าไม่ทันได้ตั้งตัว ข้าจึงไม่อาจยอมรับได้” น้ำเสียงของหญิงสาวเศร้าปนสะอื้น
“ข้าไม่เคยทำให้ชิงเกอขุ่นเคืองและข้าก็ไม่้าทำแบบนั้นด้วย ข้าไม่สนใจว่านางจะหาเื่หรือดุด่าข้า” น้ำเสียงของหญิงสาวสั่นและขาดห้วง
“แต่เหตุใดนางถึงฆ่าจินเหนียงทั้งที่จินเหนียงไม่ผิดอะไรเลย!”
“ข้าไม่เคยคิดเป็ศัตรูกับชิงเกอแต่นางกลับฆ่าคนที่สำคัญที่สุดของข้า เหตุใดนางถึงทำเช่นนั้น?” หญิงสาวไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปและเริ่มสะอื้นจนตัวโยน
เย่เช่อ้ากล่าวอะไรบางอย่างเพื่อปลอบโยนนาง แต่เขาไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไร เขาจึงกอดนางไว้แน่นและตบหลังหญิงสาวเบาๆ
อวิ๋นจื่อร้องไห้สักพักก่อนที่จะหยุดร้อง
เย่เช่อจงใจแกล้งนางโดยกล่าวว่า “อย่าร้องไห้ ดูสิหน้าตาของเ้าน่าเกลียดไปหมดแล้ว”
อารมณ์ของหญิงสาวที่เพิ่งสงบลงก็กลับมาแปรปรวนอีกครั้ง นางจ้องเย่เช่อและกล่าวว่า “ถ้าหน้าตาของข้าน่าเกลียดท่านก็อย่ามอง ใครให้ท่านจ้องข้าอยู่อย่างนี้!”
ด้วยรูปร่างหน้าตาของอวิ๋นจื่อ นางดูไม่เหมือนหญิงสาวหัวอ่อน แต่กลับดูเหมือนหญิงสาวนิสัยเสียและเอาแต่ใจ
เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า เย่เช่อกลับรู้สึกมีความสุข เขาเป็คนรักอิสระและไม่ชอบการถูกจำกัดความคิด หญิงสาวคนนี้เหมาะสมกับเขาจริงๆ
เมื่อมองดูใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามของนาง หัวใจของเขาก็ปั่นป่วนอีกครั้ง
เขาปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง จากนั้นก็กุมใบหน้าที่ขาวราวกับหิมะของนาง และกล่าวว่า “ข้าไม่อยากให้เ้าร้องไห้ ข้าเพียงล้อเ้าเล่นเท่านั้น”
อวิ๋นจื่อกลอกตา “เื่ตลกของเ้าช่างไม่ตลกเอาเสียเลย”
เย่เช่อรีบเปลี่ยนเื่ “เห็นเ้าร้องไห้แล้วข้ารู้สึกไม่ดีเลย ล้างหน้าแล้วออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
อวิ๋นจื่อไม่อยากล้างหน้า แต่เมื่อไตร่ตรองดูให้ดีนางควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนออกไปพบปะผู้คน
เย่เช่อรีบสั่งให้สาวใช้ไปเตรียมน้ำสำหรับล้างหน้า เมื่อสาวใช้นำอ่างน้ำเข้ามา เขาก็จุ่มผ้าเช็ดหน้าลงไปและบิดผ้าเช็ดหน้าที่เปียกชุ่มด้วยมือของเขาเอง เขาเช็ดใบหน้าของนางอย่างเบามือ ความอ่อนโยนและน้ำหนักมือแบบนี้นับว่าน่าพึงพอใจกว่าสาวใช้ในตำหนักเหวินฮวาที่รับใช้นางมาหลายปีเสียอีก อย่างไรก็ตาม เย่เช่ออยู่ที่ชายแดนมาหลายปีและทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเองโดยไม่มีใครคอยรับใช้ เขาย่อมชำนาญเป็ธรรมดา
อวิ๋นจื่อคิดว่าในอนาคตนางกับเย่เช่อต้องเป็ศัตรูกัน แต่วันนี้นางกลับพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนโยนของเขา ครู่หนึ่งนางรู้สึกเขินอายจนไม่กล้าลืมตามอง ใบหน้าที่งดงามของนางแปรเปลี่ยนเป็สีแดงเล็กน้อย
เย่เช่อเช็ดใบหน้าของนางเบาๆ หลังจากเช็ดเสร็จ เขาก็มองดูด้วยความพอใจและกล่าวว่า “เ้างดงามมาก” จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “น่าเสียดายที่ตาของเ้าบวมแดงจากการร้องไห้ ช่างดูเหมือนกระต่ายตัวน้อย! ถ้าข้าไปล่าสัตว์แล้วเจอกระต่ายน้อยน่ารักแบบเ้า ข้าต้องยิงพลาดแน่ๆ”
เมื่อได้ยินเขากล่าวล้อเล่นด้วยท่าทีจริงจัง อวิ๋นจื่อก็หัวเราะออกมา “ดูคุณชายพูดเข้าสิ หรือท่านเคยพบเจอเื่แบบนี้มาก่อน?”
เย่เช่อจับคางของอวิ๋นจื่อแล้วมองนางอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่เคยพบเ้ามาก่อน แล้วข้าจะเคยพบเจอเื่แบบนั้นได้อย่างไร? ข้ากลับคิดว่าได้พบเ้าตอนนี้ดูเหมือนจะล่าช้าไปด้วยซ้ำ” หลังจากเย่เช่อกล่าวจบ เขาก็มองไปที่นางด้วยรอยยิ้มพร่างพราว
อวิ๋นจื่อผลักเขาออกอย่างไม่จริงจังนัก นางกล่าวทีเล่นทีจริงด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “คุณชาย ตอนนี้ข้าไม่มีความสุขเลย หากข้าแต่งให้ท่านจริงๆ ข้าจะมีความสุขหรือไม่?”
เย่เช่อมีความสุขมาก เขายิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะทำให้ดีที่สุด เ้าไม่ต้องกังวล” หลังจากกล่าวจบเขาก็กุมมือเล็กๆ ของอวิ๋นจื่อและพานางเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
เขาจูงมือนางเดินไปช้าๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงห้องที่มีหน้าต่างหลายบาน ทำให้ห้องสว่างและดูสะอาดตา การตกแต่งของห้องนี้ดูคล้ายกับห้องหนังสือ ม้วนหนังสือทั้งหมดมีกลิ่นของหมึกและกระดาษซึ่งเป็กลิ่นที่น่าอภิรมย์มาก ดูเหมือนจะมีหนังสือโบราณหลายเล่มวางอยู่ในชั้นหนังสือขนาดใหญ่
อย่างไรเสียเย่เช่อก็เป็ถึงบุตรขุนนาง แม้ว่าเขาจะเป็ทหาร แต่เขาก็ยังมีกลิ่นอายบัณฑิต เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อวิ๋นจื่อก็รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย นางบอกไม่ถูกว่าโล่งอกตรงไหน รู้แค่ว่านางรู้สึกสบายใจ
เย่เช่อเดินนำอวิ๋นจื่อมาที่โต๊ะขนาดใหญ่และจัดแจงที่นั่งให้นาง จากนั้นเขาก็เริ่มฝนหมึก กลิ่นหมึกโชยมาตามลม นางสูดกลิ่นและกล่าวอย่างเป็กันเองว่า “กลิ่นเหมือนหมึกคุนซาน”
เมืองคุนซานตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองอวิ๋นเมิ่ง สินค้าขึ้นชื่อย่อมเป็หมึกคุนซาน หมึกชนิดนี้ใช้ทั่วไปในเมืองอวิ๋นเมิ่งและตำหนักเหวินฮวา
เย่เช่อพยักหน้า เขาฝนหมึกในมือต่อและถามเบาๆ ว่า “เ้าอยากเขียนอะไรหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อส่ายหน้า “ไม่เ้าค่ะ”
เย่เช่อยิ้ม “ข้าเห็นว่าเ้าชอบปี้จื่อ และในเมื่อเ้าไม่มีชื่อรองเหมือนบุรุษ เช่นนั้นเขียนคำว่าปี้จื่อแทนชื่อของเ้าดีหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อเห็นด้วย นางยิ้มและกล่าวว่า “เป็ชื่อที่ดี แต่ข้ายังไม่รู้ชื่อรองของคุณชายเลย”
เย่เช่อยิ้มและตอบว่า “กานหลาง”
จากนั้นเย่เช่อก็จรดพู่กันลงบนกระดาษข้าวสีขาว
บนกระดาษข้าวสีขาวสะอาด มีตัวอักษรที่ดูหนักแน่นสี่ตัวเรียงกัน
“ปี้จื่อกานหลาง”
อวิ๋นจื่อมองไปที่ตัวอักษรดังกล่าวและอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม “ลายมือของคุณชายงดงามมาก”
เย่เช่อมองไปที่กระดาษและครุ่นคิดบางอย่าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้