หลังซีมู่เซิงไปแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็นำผ้าที่ซื้อมาใหม่ไปห้องโถง
อาภรณ์ตัวยาวสีน้ำเงินของเหลียนเซวียนใกล้จะเสร็จแล้ว ซีมู่เซียงกำลังรีบเก็บงานให้เรียบร้อย
"น้องมู่เซียง ต้องรบกวนเ้าตัดอาภรณ์เพิ่มอีกสองชุดแล้วล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นวางผ้าบนโต๊ะสี่เหลี่ยม
"ต้าเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว" ซีมู่เซียงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้
"สีเขียวอมเทาตัดอาภรณ์ตัวยาวให้เหลียนเซวียน ส่วนสีขาวนวลเป็ของข้า อืม... แขนเสื้อเก็บเข้าอีกหน่อย ไม่ต้องกว้างขนาดนั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นเสนอความคิดเห็น
แขนเสื้อกว้างทำงานไม่สะดวก ยิ่งกว่านั้นยังไม่อาจพับแขนเสื้อสูงเกินไปได้ อย่างมากก็แค่ข้อมือ มิเช่นนั้นจะดูไม่งาม ผิดธรรมเนียม
ซีมู่เซียงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาประหลาดใจ แขนเสื้อแคบสะดวกกว่ามากก็จริง แต่คนสกุลผู้ลากมากดีต่างนิยมชมชอบอาภรณ์แขนกว้างกันทั้งนั้น ยิ่งมีสถานะสูงศักดิ์ก็ยิ่งพิถีพิถันเื่นี้เป็พิเศษ
นางนึกว่าต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนจะชอบเสื้อแขนกว้างมากกว่าเสียอีก
นึกไม่ถึงว่านางจะเข้าใจผิดไปเอง
"อ้อ นี่คือลูกกระดุมที่เหลียนเซวียนช่วยเหลาให้เมื่อวาน ดูนะ แค่เ้าตอกมันเข้าไป หลังจากนั้นก็ถักรังดุมฝั่งตรงข้าม กลัดสองด้านเข้าด้วยกัน แค่นี้ชุดก็พอดีตัวแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระดุมบนขอบกางเกงที่ผ่าไว้แล้วทำให้ดู
ซีมู่เซียงฟังพลางพิจารณาอย่างละเอียดก่อนพยักหน้า
"ต้าเหนียงจื่อ คนแคว้นของพวกท่านช่างปราดเปรื่องนัก สามารถคิดวิธีการที่ทั้งสะดวกและเรียบง่ายเพียงนี้" ซีมู่เซียงรู้สึกชื่นชมอย่างจริงใจ
ทำแบบนี้แม้ไม่ต้องใส่สายคาดเอวกางเกงก็ไม่หลุด
"แหะ ใช่ บ้านเมืองข้ามีแต่คนฉลาดปราดเปรื่อง" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มแกนๆ "น้องมู่เซียง ข้าเข้าครัวก่อนนะ มีธุระอันใดก็ะโเรียกได้เลยนะ"
"ต้าเหนียงจื่อไปทำธุระเถิด หากมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้" ซีมู่เซียงรีบพยักหน้า
"ไม่ต้องๆ ข้าทำคนเดียวก็พอ เ้าทำงานของเ้าไปเถอะ" เซวียเสี่ยวหรั่นโบกไม้โบกมือ
งานเลี้ยงแขกประมาณสิบคน นางรับมือได้สบายมาก
"เหลียนเซวียน อาเหลยออกไปหลังเขาอีกแล้วหรือ"
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดเศษเปลือกถั่วลิสง
"อื้อ" เหลียนเซวียนตอบกลับมาคำหนึ่ง ปรายตามาที่นาง "ไปเที่ยวตลาดสนุกหรือไม่"
ได้ยินเขาถาม เซวียเสี่ยวหรั่นก็ร่าเริงขึ้นอีกครั้ง
"ก็พอได้ คนเยอะเบียดเสียดกันน่าดู ขายของก็เยอะ กลิ่นมูลไก่มูลวัวคลุ้งไปหมด อ้อ พวกเราเจอพวกหัวขโมยด้วยนะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเล่าเื่ที่เจอเมื่อเช้าให้เหลียนเซวียนฟัง
"อูหลันฮวาช่างน่าเอ็นดูนัก นอกจากจะมีกำลังวังชามาก ยังคล่องแคล่วปราดเปรียว คุณธรรมน้ำใจน่ายกย่อง น่าเสียดายที่ต้องอยู่กับญาติใจร้ายใจดำเยี่ยงนั้น"
พูดมาถึงประโยคสุดท้าย เซวียเสี่ยวหรั่นก็เริ่มทวงถามความเป็ธรรมแทนอูหลันฮวา
"ไม่าเ็ใช่ไหม" เหลียนเซวียนถามเบาๆ
คอของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว เสียงแหบพร่าเปลี่ยนเป็ทุ้มต่ำนุ่มนวล ทุกคราที่เอ่ยปากก็ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนถูกไล้ด้วยขนนกเบาๆ
"ไม่เลย หัวขโมยถูกอูหลันฮวาซัดจนหมอบหนีไปเลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นลอบมองเหลียนเซวียนที่อยู่หน้าระเบียงแวบหนึ่ง
อาภรณ์สีดำพอดีตัวขับเสริมให้เรือนร่างผึ่งผายยิ่งดูโดดเด่นเหนือสามัญ ท่านั่งหยัดกายตรงภายใต้ชายคาเก่าคร่ำคร่า แลดูสะดุดตาเป็พิเศษ
แฮ่ม แม้ว่าใบหน้าจะมีหนวดเครากับรอยแผลเป็จางๆ แต่รังสีอันน่าเกรงขามแม้ไม่บันดาลโทสะกลับมิอาจสบประมาทได้
"ภายในอาณาจักรแคว้นหลีไม่ค่อยสงบ ถ้าไม่จำเป็ต่อไปก็อย่าออกจากบ้านบ่อยนัก" เหลียนเซวียนมุ่นคิ้วน้อยๆ "โดยเฉพาะสตรีเช่นพวกเ้า หากไม่มีใครออกไปเป็เพื่อนก็อย่าไปไหนส่งเดชเข้าใจหรือไม่... หืม?"
เขาเองไม่ได้พูดเร็ว เห็นนางไม่ตอบกลับก็อดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้
เสียง "หืม?" นุ่มนวลเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นได้สติกลับมา
โลหิตสูบฉีดไปทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็ว เซวียเสี่ยวหรั่นยกมือประคองใบหน้าร้อนผ่าว รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง นี่เธอหลงเสียงของผู้ชายจนหน้ามืดตามัวขนาดนี้เชียวหรือ แต่ทำอย่างไรได้ก็เสียงของเขามีเสน่ห์จริงๆ นี่นา
"แฮ่มๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นกระแอมกระไอแรงๆ สองครั้ง "อ้อ รู้แล้ว"
หลังจากนั้นก็วิ่งตื๋อเข้าครัวไป
"ไอ้หยาๆ ข้านี่มันสิ้นคิดจริงๆ นะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบๆ ใบหน้าร้อนผ่าวของตนเองพลางสะบัดศีรษะ
นางเป็อะไรไป? ได้ยินเสียงพึมพำของนาง เหลียนเซวียนก็งุนงงอย่างหนัก
บอกนางว่าอย่าออกจากบ้าน เกี่ยวกับสิ้นคิดหรือไม่สิ้นคิดตรงไหน?
"เหลียนเซวียน ยาที่ท่าน้าซื้อกลับมาแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นสงบอารมณ์ได้แล้ว ก็หยิบสมุนไพรที่ซื้อไว้ออกมา
"เอามาให้ข้าดู" เหลียนเซวียนยื่นมือมา
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งเข้าไปหา เหลียนเซวียนเปิดห่อยา หยิบมาดมดูรอบหนึ่ง
"ท่านแค่ดมก็แยกออกหรือว่ามีสมุนไพรอะไรบ้าง" เซวียเสี่ยวหรั่นตาโต
ครั้งก่อนตอนที่เขาตรวจสอบห่อสมุนไพร นางยุ่งอยู่จึงไม่ทันสังเกต เห็นแค่เขาเปิดห่อสมุนไพร แต่ครั้งนี้พอพิจารณาอย่างละเอียด ที่แท้เขาใช้วิธีดมกลิ่น
"ไม่เห็นยากเลยนี่"
ทั้งอาจารย์และศิษย์พี่ล้วนเป็ปรมาจารย์แห่งป่าซิ่ง แม้ตนเองไม่มีปณิธานด้านนี้ แต่หลักการแพทย์ขั้นพื้นฐานย่อมรู้ดี
"โอ้โห จมูกไวยิ่งกว่าสุนัขอีกนะเนี่ย" เซวียเสี่ยวหรั่นอุทานไม่หยุด
เหลียนเซวียนหน้าง้ำในบัดดล
เซวียเสี่ยวหรั่นถึงพบว่าตนเองพลั้งปากไปอีกแล้ว "แหะๆ ไม่ใช่ ข้าแค่ชมท่านว่าจมูกดีเท่านั้นเอง"
เหลียนเซวียนตวัดหางตาใส่นางเบาๆ เซวียเสี่ยวหรั่นรีบหดคออย่างร้อนตัว
เขาส่งห่อยาคืนให้ แล้วก้มหน้าก้มตาเหลาลูกดอกซัวเปียวต่อไป
เซวียเสี่ยวหรั่นแลบลิ้น ย่องกลับไปก่อไฟต้มยาหน้าห้องครัว
หมอนั่นโกรธเข้าแล้ว เธอก่อไฟบนเตาหิน พลางลอบมองสีหน้าดำทะมึนของเหลียนเซวียน
หลังจากเอายาขึ้นตั้งไฟเรียบร้อย ก็รินน้ำเปล่าที่เย็นแล้วออกมาครึ่งถ้วย แล้ววิ่งออกไปอย่างขมีขมัน
"เหลียนเซวียน ดื่มน้ำหน่อยสิ ั้แ่เช้าท่านยังไม่ได้ดื่มน้ำเลย คอขอท่านเพิ่งจะหาย ต้องระวังให้ดี" เซวียเสี่ยวหรั่นยื่นถ้วยน้ำมาที่หน้าเขา มือของเหลียนเซวียนยังคงเหลาลูกดอกไม่ยอมหยุด เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตา ก่อนจะบ่นต่ออีกเป็ชุด
"ท่านนั่งมาตลอด่เช้า ควรขยับตัวบ้าง ไม่รู้จะเหลาลูกดอกมากมายขนาดนี้ไปทำไม ใช่ว่าจะออกไปล่าสัตว์ทุกวันเสียเมื่อไร อย่างไรเสียฝีมือท่านก็แม่นยำอยู่แล้ว เอาไว้วันหลังข้าจะไปหาก้อนหินเล็กๆ มาให้ ล่าสัตว์เล็กใช้แค่ก้อนหินก็พอ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียเวลากับลูกดอกแบบนี้ พริบตาเดียวก็หายไปแล้ว มิหนำซ้ำต้องมานั่งเหลาใหม่ เปลืองทั้งแรงทั้งเวลา..."
เส้นเืที่หน้าผากของเหลียนเซวียนเต้นตุบ ยื่นมือมารับน้ำไปดื่มรวดเดียวหมด จากนั้นก็ยัดถ้วยเปล่าใส่มือนาง
"พูดมาก"
เซวียเสี่ยวหรั่นคลี่ริมฝีปากยิ้ม มาหาว่าเธอพูดมาก ดื่มไปเสียแต่แรกก็จบเื่แล้ว
หัวไหล่ทั้งสองเริ่มสั่นพยายามกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์ รีบวิ่งกลับไปในครัว ถึงปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
บุรุษชุดดำสีหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงระเบียง แต่มุมปากกลับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างละเหี่ยใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นอารมณ์ดีขึ้นมาก
ฮิฮิ เมื่อดื่มน้ำที่เธอส่งให้ย่อมไม่อาจบันดาลโทสะแล้ว
จากนั้นก็ฮัมเพลงส่งเดชอย่างเบิกบาน เริ่มเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงตอนเย็น
