เฉินชุ่ยอวิ๋นลุกขึ้นยืนทันที “อะไรนะ?”
เจิ้งหยวนเองก็ใจนตัวเย็น “เกิดอะไรขึ้น รีบพูดมาเร็ว มันเป็ยังไงกันแน่?”
“พี่เทียนิตกลงไปในคูน้ำ!”
“อาการเป็ยังไงบ้าง?” เจิ้งหยวนยังจดจำได้ดีว่าชาติก่อนพี่ชายเธอขึ้นเขาล่าสัตว์และล้มขาหัก
แต่ชาตินี้เขาไม่ได้ขึ้นเขา เหตุใดยังหนีโชคชะตาไม่พ้นเล่า? เจิ้งหยวนถูกสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาฟาดเข้าที่ศีรษะจนหูตาอื้ออึง
ทั้งร่างเหมือนตกวูบลงมากลางอากาศ กระแสสายลมหนาวจัดสาดซัดทำเอาลนลานวางตัวไม่ถูก
“ไม่รู้เลย เืออกเยอะมาก แต่ตอนนี้ส่งเข้าโรงพยาบาลแล้ว!” เพิ่งพูดจบ อยู่ดีๆ รูม่านตาของเด็กหนุ่มคนนั้นก็หดแคบลง
ก่อนร้องเสียงหลงดังลั่น “อาสะใภ้!”
เจิ้งหยวนหันมองตาม พลันเห็นใบหน้าเฉินชุ่ยอวิ๋นซีดเผือด ริมฝีปากม่วงคล้ำและสั่นเทา เธอกุมหน้าอกเหมือนกำลังจะประคองตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป แล้วค่อยๆ ล้มลงในที่สุด
“แม่! แม่!” เจิ้งหยวนรีบเข้าไปพยุงผู้เป็แม่ เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผากอย่างกระวนกระวายใจ คุณพระช่วย โรคหัวใจของคุณแม่เธอกำเริบแล้ว!
เจิ้งหยวนรีบจับเฉินชุ่ยอวิ๋นนอนราบ หันกลับไปค้นยาและสั่งเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างรวดเร็ว “รีบ โทร. 120— ไม่สิ” เธอเพิ่งรู้สึกตัว บ้าจริง เธอสติหลุดไปแล้วหรือ ยุคที่ไม่มีอะไรพรั่งพร้อมสักอย่าง จะไป โทร. 120 จากไหนเล่า “นายไปหารถสักคัน! รถ… รถม้า! ใช่ รีบไปหาคนม้าเร็ว!”
สิ้นเสียง เจิ้งหยวนรีบเทยาของเฉินชุ่ยอวิ๋นที่หาเจอออกมาสองเม็ดป้อนใส่ปากเธอ โชคดีที่เวลานี้เฉินชุ่ยอวิ๋นยังพอมีสติอยู่ แม้จะเลือนรางเต็มทน แต่ก็กลืนเม็ดยาลงไปอย่างรวดเร็ว
“แม่ใจเย็นๆ นะ แม่อย่าทำให้ฉันกลัวสิ…” เจิ้งหยวนเริ่มพูดปนสะอื้นไห้ มือก็ปลดกระดุมปกเสื้อเฉินชุ่ยอวิ๋นให้เธอหายใจคล่องขึ้น
ตอนเด็กหนุ่มคนนั้นไปยืมรถม้าน่าจะเจอใครอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นคือเจิ้งเจวียน คาดว่าคงบอกสถานการณ์ที่บ้านให้ฟัง ไม่นานเจิ้ง
เจวียนเลยอุ้มหนิวหนิว
ทั้งยังจูงมือซิงซิงวิ่งตาลีตาเหลือกกลับมา
แม่! แม่!”
เจิ้งเจวียนวางหนิวหนิวลงและวิ่งเข้ามาจับแขนเสื้อของเฉินชุ่ยอวิ๋น ตอนนี้เฉินชุ่ยอวิ๋นพูดไม่ออกแล้ว ทำได้เพียงเงยหน้ามองบุตรสาว เจิ้งหยวนตอบอย่างร้อนรน “โรคหัวใจแม่กำเริบแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมกำเริบกะทันหันล่ะ!” ในบรรดาลูกๆ ทั้งห้าคน เจิ้ง
เจวียนสนิทสนมกับเฉินชุ่ยอวิ๋นที่สุด
ขณะนี้วิตกจนน้ำหูน้ำตาไหลไปหมดแล้ว
เจิ้งหยวนกังวลเหมือนกัน แต่เธอเป็ผู้ใหญ่กว่า เจิ้งเฉวียนกังไม่อยู่บ้าน เธอจำต้องเป็เสาหลักให้ได้ และพยายามรักษาความเยือกเย็นไว้ “พี่ชายเราได้รับาเ็เข้าโรงพยาบาล คุณแม่ต้องอาการกำเริบอยู่แล้ว วางใจเถอะ ไม่เป็ไร ไม่มีอะไรหรอก ฉันให้คนไปหารถม้าแล้ว พวกเราจะส่งแม่ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย” เธอเว้น่อึดใจหนึ่งแล้วว่าต่อ “เสี่ยวเจวียน แกรู้ไหมว่าแม่เราเก็บเงินไว้ตรงไหน?”
“ฉันรู้!” เจิ้งเจวียนวิ่งพรวดเข้าไปในห้อง
เพียงครู่เดียวก็วิ่งถือกล่องไม้ที่ล็อกแม่กุญแจออกมา
พวกเธอสองพี่น้องไม่มีลูกกุญแจ
“ไปหากุญแจเร็ว!” เจิ้งหยวนสั่ง
เจิ้งเจวียนวิ่งเข้าไปในห้องอีกรอบ แต่ยังไม่ทันค้น เพราะเจิ้งหยวนค้นกุญแจดอกหนึ่งจากตัวเฉินชุ่ยอวิ๋นออกมาปลดล็อกแม่กุญแจได้ก่อน ภายในกล่องมีคูปองและเงินเต็มไปหมด เจิ้งหยวนไม่สนใจคูปอง เธอพลิกเงินดูอย่างเดียว ธนบัตรใหญ่สิบหยวนมีแค่สามใบ ส่วนที่เหลือเป็เศษเงินเล็กๆ น้อยๆ รวมกันแล้วมีทั้งหมด 37.65 หยวนเท่านั้น
พวกเขาชาวนาไม่อาจจ่ายค่านอนโรงพยาบาลไหว ค่ารักษาพยาบาลสูงมากเกินไป แถมค่ายารักษาโรคหัวใจยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้องใช้เงินมากกว่าตรวจไข้หวัดทั่วไปมาก ซ้ำร้ายสถานการณ์พี่ชายเธอเป็อย่างไรก็ยังไม่รู้ เงินแค่นี้จะพอได้อย่างไร!
“ทำไมน้อยจัง!” เจิ้งหยวนกระวนกระวายมากจนมือที่จับเงินสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่
“ไม่พอเหรอคะ?” เจิ้งเจวียนไม่เข้าใจเื่นี้ เงินแค่นี้สำหรับเธอถือว่ามากแล้ว
“ไม่พอ! ไม่เพียงแค่แม่ ยังมีพี่ชายด้วย”
ไม่รู้เจิ้งเทียนิอาการเป็อย่างไรบ้าง
หากเหมือนชาติก่อนรักษาไม่หายจนพิการไปจะทำอย่างไร? ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรงพยาบาลในอำเภอพึ่งพาได้หรือเปล่า
จะเป็หมอไร้ฝีมือกันหมดไหม? หรือต้องส่งเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองแทน?
“พี่ชายเราเป็อะไร?” เมื่อได้ยินข่าวร้ายซ้ำสองกะทันหัน สีหน้าเจิ้ง
เจวียนราวกับถูกฟ้าผ่าก็ไม่ปาน
“พี่ชายเราตกลงไปในคูน้ำตอนทำงาน!” เจิ้งหยวนเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงอุทานลอยมาจากข้างนอก
“พระเ้า! ชุ่ยอวิ๋นเป็อะไรนะ?”
“ชุ่ยอวิ๋น ชุ่ยอวิ๋น?”
เป็เพื่อนบ้านที่ได้ยินความเคลื่อนไหวในบ้านนั่นเอง ครั้นพวกเขาเห็นเฉินชุ่ยอวิ๋นเป็ลมจนอุทานลั่น หนิวหนิวจึงใร้องไห้จ้าอย่างไม่รู้เื่รู้ราว ซิงซิงที่จูงมือหนิวหนิวยืนตะลึงงัน เจิ้งหยวนกับเจิ้งเจวียนนั่งล้อมเฉินชุ่ยอวิ๋นโดยไม่สนใจรอบข้าง เพียงมองก็รู้ว่าเกิดเื่ใหญ่ขึ้น!
คนในหมู่บ้านล้วนมีน้ำใจ แม้ปกติจะมีการกระทบกระทั่งกันระหว่างเพื่อนบ้านบ้าง แต่เมื่อใดที่บ้านไหนเกิดเื่ ช่วยกันได้ก็ยินดีช่วยกัน พวกเขาเดินมามุงรอบกายเฉินชุ่ยอวิ๋น พึมพำอื้ออึงอย่างเป็ห่วง
เจิ้งหยวนรีบเอ่ย “คุณอา คุณอาสะใภ้ พวกอาอย่าเพิ่งมุงกันนะคะ คุณแม่โรคหัวใจกำเริบ พวกอามุงกันไม่ดีต่ออาการป่วยของคุณแม่ค่ะ! แม่จะสูดอากาศบริสุทธิ์ไม่สะดวก”
คนในหมู่บ้านไม่เข้าใจเื่นี้ แต่เจิ้งหยวนพูดจาชัดถ้อยชัดคำ ทั้งยังเข้าใจง่าย พวกเขาจึงกระจายกันออกไป ไม่เข้ามามุงอีก
ขณะนั้นเอง เด็กหนุ่มที่ออกไปยืมรถก็วิ่งกลับมาพอดี “รถ! รถมาแล้ว!”
ทุกคนมองออกไปข้างนอก พลันหลีกทางให้เด็กหนุ่มพุ่งตรงเข้าห้องโถง
เมื่อเป็เช่นนี้ อู๋อวี้หลันจึงพูดว่า “เร็ว รีบยกแม่เธอขึ้นรถ!” จากนั้นชาวบ้านก็กรูกันเข้ามาช่วยยกคน คนหนึ่งจับแขน
อีกคนจับขาจะยกเฉินชุ่ยอวิ๋นไปทั้งอย่างนั้น ใช้ได้ที่ไหนกัน! เจิ้งหยวนรีบร้องบอก “อย่าๆๆ พวกคุณยกผ้าห่มข้างใต้ก็พอแล้ว!” แม้ผ้าห่มที่รองอยู่ข้างใต้จะยังทำไม่เสร็จ แต่เย็บขอบเรียบร้อยหมดแล้ว
ขาดแค่เย็บตามแนวยาวเท่านั้น เมื่อมีผ้าห่อทำใหม่รองอยู่ที่พื้น
เวลานั่งรถม้าที่เคลื่อนบนถนนลูกรังก็จะไม่สั่นะเืมากนัก
เธอปล่อยให้คนอื่นทำแม่ะเืไม่ได้หรอก! คนรอบข้างได้ยินแล้วต่างทำตามที่เธอบอกโดยไม่โต้แย้ง
ทั้งสี่คนจับมุมผ้าห่มกันคนละด้านแล้วยกขึ้น มีผู้ชายใช้แรงกายอยู่
เจิ้งหยวนเลยไม่มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือ เธอหันมากำชับเจิ้งเจวียนแทน “แกอยู่บ้าน
ดูแลซิงซิงกับหนิวหนิวให้ดี ฉันจะตามไปโรงพยาบาลก่อน”
“พี่สาวรอง—” เจิ้งเจวียนกระทืบเท้าโวยวาย เกิดเื่กับแม่ เธออยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้หรอก!
“ไม่ได้ แกต้องอยู่บ้านดูแลเทียนเลี่ยงกับซิงซิง แล้วก็หนิวหนิวด้วย”
เจิ้งหยวนเอ่ยตัดบท รู้ว่าเ้าตัวอยากไป
แต่ที่บ้านจำเป็ต้องมีคนดูแลเด็กๆ เช่นกัน หนิวหนิวกับซิงซิงยังเล็กเกินไป
หากไม่เหลือคนอยู่บ้านเลย เธอคงไม่อาจสงบจิตสงบใจลงได้ เธอจับไหล่เจิ้งเจวียน
แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นน่าเชื่อถือว่า “วางใจเถอะ พี่กับแม่ต้องไม่เป็ไร”
เจิ้งเจวียนสบตาเจิ้งหยวน ความมั่นใจและเยือกเย็นของเจิ้งหยวนทำให้จิตใจเธอพลันสงบลง เธอกำชายเสื้อของเจิ้งหยวน แล้วเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งปนสะอื้น “พี่สาวรอง…”
“วางใจเถอะ” เจิ้งหยวนออกแรงบีบไหล่เธอสองทีแล้วกลับหลังหันเดินจากไป พลางถามไปด้วยว่า “พี่ชาย พ่อฉันล่ะ เขาไปไหนแล้ว?”
รถม้าต้องยืมมาจากสำนักงานกองแน่นอน เจิ้งเฉวียนกังไม่มีทางไม่รู้ว่าโรคหัวใจของเฉินชุ่ยอวิ๋นกำเริบแล้ว
“อาเฉวียนกังน่าจะเข้าอำเภอไปแล้ว… น้อง นั่งดีๆ ละ” หลี่ชุนเซิงตวัดแส้ลงบนสะโพกม้า รถพลันเคลื่อนตัวทันที
จิตใจเจิ้งหยวนร้อนรนดังไฟสุม หลี่ชุนเซิงก็พยายามเร่งรถเร็วขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้