“ท่านเปลี่ยนไปจริงๆ หรือ!”
มู่เฟิงผงะไปครู่หนึ่ง แต่เขายังไม่เข้าใจความหมายที่มู่หลิงเอ๋อร์้าจะสื่อ
“หากว่ามีวันหนึ่งพี่หญิงของเ้าถูกกลืนกินจนกลายเป็ปีศาจร้าย กลายเป็เผ่าพันธุ์ที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ เ้าจะทำเช่นไร?”
มู่หลิงเอ๋อร์มองหน้ามู่เฟิงในขณะที่เอ่ยถาม
คำพูดเหล่านี้กำลังทำให้มู่เฟิงตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วมู่หลิงเอ๋อร์้าจะสื่ออะไร และยิ่งไม่รู้ว่ามู่หลิงเอ๋อร์ต้องเสียสละอะไรไปบ้างเพื่อเขา
ลึกลงไปในดวงตาคู่งามของนางมีร่องรอยของความเ็ปซ่อนอยู่ หากมู่เฟิงได้เห็นอีกด้านหนึ่งของนาง เขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกัน? จะนึกรังเกียจหรือหวาดกลัวนางหรือไม่? นางไม่อาจรู้ได้เลย
นางรักและเอ็นดูมู่เฟิงมาก แม้ว่าจะไม่ได้เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน แต่สายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขานั้นไม่ได้แตกต่างไปจากพี่น้องที่คลานตามกันมา
มู่เฟิงคลี่ยิ้ม ก่อนจะคว้าร่างของมู่หลิงเอ๋อร์เข้ามากอดและกล่าวว่า “พี่หญิง ท่านกำลังพูดเื่อะไร ไม่ว่าท่านจะเป็ปีศาจร้ายหรือไม่ ท่านก็คือพี่หญิงของข้ามู่เฟิงผู้นี้ คนที่ข้ามู่เฟิงห่วงใยมากที่สุดในชีวิต ต่อให้ในภายภาคหน้าท่านจะเปลี่ยนไปเป็เช่นไร ข้าก็จะไม่ทอดทิ้งท่าน ท่านดูสิ ตอนนี้ท่านแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ท่านก็ยังปกป้องข้า หากมีวันหนึ่งที่ข้าแข็งแกร่งกว่าท่าน ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายท่านได้เช่นกัน เพราะเราคือพี่น้องกัน คือครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าท่านจะเป็อะไรก็ตาม เราก็ยังคงเป็ครอบครัวเดียวกันอยู่ดี”
เมื่อมู่หลิงเอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ดวงตาคู่สวยของนางก็พลันแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้างามของนาง
ในที่สุดมู่เฟิงก็คลายอ้อมกอดจากร่างของมู่หลิงเอ๋อร์ หญิงสาวจูบลงบนหน้าผากของเด็กหนุ่มอย่างแ่เบา ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เ้าพักผ่อนและรักษาอาการให้ดี พี่หญิงของเ้าต้องไปแล้ว”
มู่เฟิงพยักหน้า ก่อนจะเฝ้ามองมู่หลิงเอ๋อร์เดินจากไป ภายในหยกเทพชูร่ามีจิติญญาอันสูงศักดิ์ดวงหนึ่งกำลังมองตามแผ่นหลังของมู่หลิงเอ๋อร์ที่กำลังจากไปเช่นกัน ในดวงตาคู่งามของนางมีร่องรอยของความคิดอันลึกซึ้งปรากฏออกมา
มู่เฟิงนั่งขัดสมาธิ เขานำยาผสานกระดูกออกมาและกลืนมันลงไป อานุภาพของตัวยพลันไหลเวียนไปยังกระดูกซี่โครงที่กำลังแตกหักในทันที เพียงไม่นานกระดูกซี่โครงที่กำลังเสียหายนั้นก็เริ่มผสานกันทีละน้อย
แค่พริบตาเดียววันเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้ว หลังจากผ่านไปสองวัน อาการาเ็ของมู่เฟิงก็เกือบจะหายดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกไปเยี่ยมไป๋จื่อเยว่กับมู่ขวง
ไป๋จื่อเยว่นั้นไม่เป็อะไรมาก เพียงแต่ฝ่ามือของมู่ขวงที่ถูกกริชแทงจนทะลุ จำเป็ต้องใช้เวลาสักพักในการรักษาให้หายดี
“พี่เฟิง ข้าไม่เป็อะไรแล้ว ข้าจะไปกับพวกท่านด้วย”
ภายในห้องพักของมู่ขวง เด็กหนุ่มรีบบอกกล่าวกับมู่เฟิงในทันที เขา้าจะออกไปทำภารกิจกับอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าฝ่ามือของเขาจะยังถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลก็ตาม
“ไม่ต้องหรอก เ้าควรรักษาแผลให้หายดีก่อน ส่วนเื่ภารกิจก็ปล่อยให้ข้ากับจื่อเยว่จัดการเอง”
มู่เฟิงเลิกคิ้วก่อนจะกล่าวขึ้น
“เฮ้ๆ เ้าวางใจเถอะ ข้าจะไปกับพี่เฟิงเอง ลำพังแค่กองโจรกลุ่มนั้นกลุ่มเดียว ไม่คณามือของว่าที่เซียนกระบี่ไป๋จื่อเยว่ผู้นี้หรอก”
ไป๋จื่อเยว่คุยโวในทันที
“เฮ้อ เอาละ เช่นนั้นพวกท่านก็ดูแลตัวเองด้วย”
มู่ขวงถอนหายใจ เนื่องจากอาการาเ็ที่ฝ่ามือของเขายังไม่หายดี ดังนั้นความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาจึงลดลงกว่ายามปกติมาก บางทีการติดตามอีกฝ่ายไปที่นั่นอาจจะเป็การเพิ่มภาระมากกว่า
คนทั้งสองเดินออกมาจากเขตที่พักของบัณฑิตใหม่เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงสัตว์อสูร สัตว์อสูรที่เป็พาหนะของพวกเขาล้วนถูกเลี้ยงไว้ในโรงสัตว์อสูรแห่งนี้ ขอเพียงพวกเขายอมจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับทาสรับใช้ในโรงสัตว์อสูรทุกเดือน ก็ย่อมจะมีคนคอยให้อาหารพวกมัน
นอกจากเหล่าบัณฑิตที่เข้ามารับการศึกษาแล้ว ภายในสำนึกศึกษายังมีทาสรับใช้อีกจำนวนมาก
มู่เฟิงกับไป๋จื่อเยว่ขึ้นขี่เสือดาวหางอสรพิษและหมาป่าวายุมุ่งหน้าออกจากสำนักศึกษาเทียนอวิ่นในทันที
ในมุมหนึ่งที่ไกลออกไป มีเงาร่างหนึ่งกำลังลอบเฝ้ามองคนทั้งสองมุ่งหน้าออกจากหุบเขาเทียนอวิ่น ก่อนที่เขาจะรีบนำข่าวนี้ไปรายงานให้กับใครบางคนในทันที...
ูเาหม่าซานอยู่ห่างจากสำนักศึกษาเทียนอวิ่นไปราวๆ แปดร้อยลี้ แม้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสองจะมีสัตว์อสูรเป็พาหนะ แต่ระยะทางที่ไกลเช่นนี้ก็จำเป็ใช้เวลาสองวันในการเดินทาง ถึงแม้เสี่ยวเทียนจะสามารถบินได้ แต่การบินนั้นจะทำให้เสี่ยวเทียนต้องสิ้นเปลืองพลังและยังทำให้เกิดความเหนื่อยล้าเป็อย่างมาก
ูเาหม่าซานนั้นตั้งอยู่ในบริเวณชายแดนของอาณาจักรหนานหลิง เป็เทือกเขาสีเขียวมรกตขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
ระหว่างทางที่ใช้ขึ้นสู่ยอดเขาอันสูงชันนั้นมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งตั้งอยู่ และในยามนี้ก็มีกองโจรที่สวมใส่เสื้อเกราะหนังจำนวนไม่น้อยกำลังเดินลาดตระเวนอยู่ภายในอาณาเขตของหมู่บ้านพร้อมกับดาบในมือ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าภายในเรือนไม้หลายหลังก็ยังมีคนอาศัยอยู่จำนวนสามร้อยถึงสี่ร้อยคน
“ฮ่าๆ มา ดื่ม!”
ภายในโถงขนาดใหญ่ กลุ่มโจรนับร้อยชีวิตกำลังรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารเย็น พวกเขาดื่มสุราและพูดคุยเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย ทั้งยังมีเสียงโห่ร้องรวมถึงเสียงสบถด่าดังขึ้นเป็ระยะ
ชายผู้หนึ่งซึ่งมีร่างกายกำยำ มีรอยแผลเป็บนหน้าผาก และมีความสูงเกือบหกฟุตครึ่งที่กำลังสวมใส่ชุดคลุมหนังเสือนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังหมีตัวใหญ่ เขากำลังร่ำสุรากับเหล่าพี่น้องของเขาอีกสองคน
คนผู้นี้คือหม่าลี่ หัวหน้าใหญ่ของกองโจรูเาหม่าซานที่มีวรยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นสอง
ส่วนชายในชุดคลุมสีดำและชายในชุดคลุมสีเขียวที่นั่งบนเก้าอี้ด้านล่างคือหัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม
“เด็กๆ ไปพาสตรีผู้นั้นมาให้พี่ใหญ่เร็วเข้า!”
หัวหน้ารองะโสั่ง
เพียงไม่นานลูกสมุนสองคนก็นำตัวเด็กสาวสภาพมอมแมมนุ่งชุดผ้ากระสอบเดินเข้ามา ดูจากรูปลักษณ์ของนางแล้ว คาดว่าสตรีผู้นี้คงอายุไม่เกินสิบแปดสิบเก้าปี แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พี่ใหญ่ เมื่อวันก่อนพวกเราจับตัวเด็กสาวผู้นี้มาจากหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ดูจากอายุของนางแล้ว นางต้องเป็สาวบริสุทธิ์แน่นอน ข้าจึงนำนางมาเป็ของขวัญเพื่อที่จะมอบให้กับพี่ใหญ่”
หัวหน้ารองหัวเราะร่า
“ฮ่าๆ ยังคงเป็เ้ารองที่เข้าใจข้า”
หม่าลี่เหลือบมองไปทางเด็กสาวผู้นั้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยตัณหา เขายกชามสุราขึ้นดื่ม จากนั้นก็หยัดกายลุกขึ้นพร้อมกับไหสุรา มือหนาบีบกรามของเด็กสาวให้เปิดปากก่อนจะเทสุราในไหใส่ปากนาง ทำให้เด็กสาวสำลักสุราทั้งน้ำตา
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ข้าชอบเด็กสาวแบบนี้เป็ที่สุด คอยดูเถอะว่าเหล่าจือผู้นี้จะสั่งสอนให้นางกลายเป็หญิงแพศยาได้อย่างไร นำตัวนางตามมายังห้องของข้า”
หม่าลี่หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องโถง ลูกสมุนสองคนของเขาหิ้วร่างของเด็กสาวตามออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้พวกสารเลว พวกเ้าไม่มีวันได้ตายดีแน่ ไอ้พวกคนชั่ว...”
เด็กสาวพยายามดิ้นรนและสบถด่าไปตลอดทาง
ภายใต้แสงจันทร์ในยามค่ำคืน มู่เฟิงกับไป๋จื่อเยว่กำลังควบขี่สัตว์อสูรไปตามทางอย่างรวดเร็ว ในรัศมีที่ไกลออกไป พวกเขามองเห็นแสงไฟจากบ้านเรือนของผู้คน
“พี่เฟิง ข้างหน้ามีคน”
ไป๋จื่อเยว่มองไปข้างหน้าก่อนจะกล่าวออกมา
“พวกเราพักผ่อนกันก่อนสักคืนเถอะ ูเาหม่าซานอยู่ไม่ไกลแล้ว เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม”
มู่เฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า
แต่เมื่อเด็กหนุ่มทั้งสองควบสัตว์อสูรเข้าไปใกล้ๆ พวกเขากลับได้ยินเสียงกรีดร้องและสะอื้นไห้ดังมาจากหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีเรือนพักหลายสิบหลังแห่งนั้น
ในตอนนี้มีกลุ่มโจรหลายสิบคนกำลังควบขี่บนหลังม้าพร้อมกับดาบในมือ พวกเขากำลังทำการปล้นและสังหารชาวบ้านในหมู่บ้านขนาดเล็กแห่งนั้น
“ว้าย…”
โจรผู้หนึ่งบุกเข้ามาในเรือนพัก เมื่อเขาเห็นสตรีที่อยู่ในห้องก็รีบเอื้อมมือไปฉุดดึงร่างของนางในทันที
“เ้าคนชั่วช้า ปล่อยภรรยาของข้านะ”
ด้านข้างมีชายหนุ่มผู้หนึ่งแผดเสียงคำรามออกมาพร้อมกับฟันดาบในมือไปยังโจรชั่วผู้นั้น
โจรผู้นั้นแสยะยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็เตะเท้าไปยังหน้าท้องของชายหนุ่มอย่างแรง ร่างของอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปกระแทกผนังจนกระอักเืออกมาทันที และไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
“เ้าหนุ่ม ภรรยาของเ้าดูดีไม่น้อย ขอข้าลองชิมสักหน่อยเถิด”
โจรผู้นั้นแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา จากนั้นก็ขว้างดาบไปยังร่างของชายหนุ่มที่อยู่มุมกำแพง ชายหนุ่มผู้นั้นเบิกตากว้างขณะจ้องมองชายชั่วกำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าภรรยาของตัวเอง
“ฮ่าๆ ผิวกายช่างเนียนละเอียดยิ่งนัก”
โจรชั่วแสยะยิ้ม สายตาที่จ้องมองอย่างจาบจ้วงเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย มือข้างหนึ่งของเขาดึงกระชากโคนผมของสตรีผู้นั้นเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ฉีกกระชากเสื้อผ้าและลูบไล้ผิวกายของหญิงสาวอย่างหยาบคาย แต่ในขณะที่เขากำลังจะปลดปราการชิ้นสุดท้ายบนกายของนางนั้น ก็มีแสงสีขาวส่องสว่างขึ้นเสียก่อน
ฉึก!
กระบี่ยาวสีขาวแทงทะลุแผ่นหลังตรงตำแหน่งหัวใจของโจรผู้นั้นทันที ส่งผลให้ชายผู้นั้นชะงักการเคลื่อนไหวลง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก
ไป๋จื่อเยว่ดึงกระบี่กลับมา ในขณะที่มู่เฟิงก็ปลดผ้าคลุมออกมาคลุมร่างของสตรีผู้นั้นเอาไว้ สายตาของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็เ็าในทันที
“เหลือไว้คนเดียวก็พอ ส่วนพวกโจรที่เหลือสังหารทิ้งให้หมด!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้