ในที่สุดฉู่เหลียนก็ตระหนักได้ด้วยตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สะใภ้ใหญ่และเหลียวหมัวมัวคงสรุปกันไปเองว่าเกิดบางสิ่งขึ้นระหว่างเดินทางกลับมายังจวนเป็แน่ แท้จริงแล้วนางเองเพิ่งจะตื่นจากหลับลึก และลงจากรถม้าอย่างเร่งรีบจนมิได้ใส่ใจเื่การแต่งกาย และเมื่อเฮ่อซานหลางตามออกมาแบบนั้น... พวกนางจะคิดเป็อะไรไปได้อีก?
นางลอบมองเฮ่อฉางตี้ที่ตอนนี้มีสีหน้าเดือดดาลราวกับพายุ ฉู่เหลียนจึงได้แต่หดคอลงเล็กน้อย นางไม่ได้ตั้งใจนะ หวังว่าเฮ่อซานหลางจะให้อภัยนาง
เหลียวหมัวมัวนำทางทั้งคู่กลับไปยังเรือนของพวกตน ก่อนจากไป นางยังหันมากล่าวแนะนำเฮ่อฉางตี้อย่างผิดเวลา “บ่าวรู้ว่าพวกท่านยังข้าวใหม่ปลามัน ทว่านายหญิงสามยังเด็กนัก คุณชายสามโปรดหักห้ามใจเสียหน่อยเถิดเ้าค่ะ”
เมื่อเฮ่อฉางตี้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ก็แทบจะลืมเื่ราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ทว่ากลับได้รับคำเตือนจากเหลียวหมัวมัว ความเกรี้ยวกราดนั้นจึงปะทุขึ้นอีกครา
เขารอกระทั่งเหลียวหมัวมัวจากไป ก่อนจะจ้องมองฉู่เหลียนอย่างอาฆาตและถอยกลับไปยังห้องหนังสือ
เมื่อเฮ่อซานหลางจากไป ฉู่เหลียนก็ได้แต่คร่ำครวญในใจและนั่งลงบนตั่งข้างหน้าต่าง
ฉีเยี่ยนแอบซ่อนรอยยิ้ม กุ้ยหมัวมัวทราบแล้วว่าเกิดเหตุใดขึ้น นางเดินตรงมาหาฉู่เหลียนและส่งถ้วยน้ำอุ่นให้ ก่อนกระแอมไอครั้งหนึ่ง นางถามฉู่เหลียนเสียงเบา “นายหญิงสาม ท่านกับคุณชายสามได้…”
ก่อนกุ้ยหมัวมัวจะพูดจบประโยค ฉู่เหลียนก็หันไปมองบ่าวด้วยท่าทีเสียใจเป็อย่างยิ่ง นางจึงอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในรถม้าให้สาวใช้ฟังโดยไร้ทางเลือก เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดที่แสนจะน่าอับอาย
เมื่อฉีเยี่ยนรู้ความจริง นางก็อดมิได้ให้ะเิเสียงหัวเราะออกมา
ฉู่เหลียนเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง นางพยายามชื่นชมภาพฤดูใบไม้ผลิที่กำลังเลือนรางให้มากเท่าที่จะทำได้ และพยายามเป็อย่างยิ่งที่จะไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะชนิดไม่สนโลกของกุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยน
เพราะความเข้าใจผิดใหญ่โตนี้เอง มิน่าเล่าคุณชายสามจึงได้มีท่าทีไม่พึงใจต่อนายของตนถึงเพียงนี้ กุ้ยหมัวมัวคิดกับตัวเอง
กุ้ยหมัวมัวนั้นคุ้นเคยกับนิสัยของฉู่เหลียน ทั้งยังทราบดีว่านางมิใคร่ให้ใครมาหัวเราะเยาะ จึงได้พยายามควบคุมตนเองโดยการเอ่ยถาม “นายหญิงสาม้าทานอะไรดีเ้าคะ? อีกเดี๋ยวบ่าวชราผู้นี้จะไปครัวใหญ่ จะนำสิ่งที่ท่านชอบมาให้เ้าค่ะ”
ฉู่เหลียนยังคงนั่งใจลอยอยู่ตอนที่ได้ยินกุ้ยหมัวมัวเอ่ยถึงครัวใหญ่ เป็จังหวะเดียวกับที่นางจำเหตุการณ์สำคัญในนิยายขึ้นได้ นั่นคือเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครัวใหญ่ของจวนจิ่งอันในวันนี้ โจวซื่อ พี่สะใภ้ใหญ่จะได้รับาเ็จากไฟนั้น
ฉู่เหลียนนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเร่งลุกขึ้น “หมัวมัว ข้ายังมิได้เห็นเลยว่าครัวใหญ่ของจวนเราเป็อย่างไร ข้าจะไปกับเ้า!”
กุ้ยหมัวมัวตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง “นายหญิงสาม ท่านเพิ่งกลับจากจวนอิ้ง พักเสียหน่อยไม่ดีหรือเ้าคะ?”
ฉู่เหลียนเห็นว่ากุ้ยหมัวมัวคล้ายไม่อยากให้นางไปด้วย จึงเร่งเร้าเขย่าแขนกุ้ยหมัวมัวราวกับเด็กน้อยที่ถูกตามใจเสียจนเคยตัว และแน่นอนว่าบ่าวผู้นี้มิอาจทนการรบเร้าเช่นนี้ได้ จึงได้แต่ส่ายหน้ายอมแพ้
“ก็ได้เ้าค่ะ ไปกันเถอะฉีเยี่ยน เ้าก็มาด้วย แต่นายหญิงสามต้องเดินอยู่เพียงที่สวนภายนอกครัวเท่านั้นนะเ้าคะ ประเดี๋ยวจะถึงเวลาอาหารแล้วจะมีบ่าวไพร่เข้าออกครัวมากมาย ดังนั้นได้โปรดอย่าเข้าไปในห้องครัวนะเ้าคะ”
ฉู่เหลียนหยักหน้าตอบรับ ก่อนตามกุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนไปยังครัวใหญ่แห่งจวนจิ่งอันพร้อมกัน
ครัวใหญ่ตั้งอยู่ในเรือนลำดับสองทางตะวันตกของจวน
ใช้เวลาประมาณครึ่งเค่อก็เดินถึง ฉู่เหลียนอดกังวลไม่ได้จึงเร่งฝีเท้าเดินไวขึ้น กระทั่งพวกนางเข้าใกล้ครัวใหญ่ และพบว่ายังไม่มีสัญญาณของกลุ่มควันหนา ๆ ฉู่เหลียนจึงถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
กุ้ยหมัวมัวประหลาดใจอยู่บ้าง ไยนายหญิงสามจึงทำตัวพิลึกพิลั่นนัก เมื่อมาถึงจุดหมาย ฉู่เหลียนก็ดูเบาใจลง กระนั้นนางก็มิได้ถามนายหญิงถึงเื่พฤติกรรมประหลาดนี้แต่อย่างใด
“นายหญิงสามรอในสวนสักครู่นะเ้าคะ บ่าวชราผู้นี้จะกลับมารายงานท่าน หากตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว” กุ้ยหมัวมัวยิ้มกล่าว
ฉู่เหลียนพยักหน้า และไม่ลืมเอ่ยเตือนนาง “หมัวมัว รีบไปเถอะ ตอนนี้ช้ามากแล้ว”
กุ้ยหมัวมัวตบหลังมือฉู่เหลียนเบา ๆ เพื่อให้ความมั่นใจ นางก้าวเท้ายาว ๆ มุ่งไปยังครัว เพื่อไปถึงให้ไวขึ้น
ณ สวนสวยเบื้องหน้า ทุกสิ่งถูกจัดแต่งไว้อย่างงดงาม ใกล้ ๆ แปลงดอกไม้มีูเาจำลองประดับวางอยู่ดูแล้วช่างเข้ากัน ถัดไปมีชุดโต๊ะหินอ่อนพร้อมม้านั่งเข้าชุด ไม่ไกลกันนักมีสระบัวที่เต็มไปด้วยกลีบบัวเขียวชอุ่ม ทั้งยังมีบัวสายที่เริ่มเบ่งบานชูช่อสีขาวขึ้นแซมเหนือใบบัวสีเขียว เกิดเป็ภาพอันวิจิตร
ฉีเยี่ยนประคองฉู่เหลียนไปยังม้านั่ง “นายหญิงสามเ้าคะ ดอกบัวขาวเ่าั้ช่างงดงามยิ่งนักเ้าค่ะ”
ฉู่เหลียนมิได้อยู่ในอารมณ์จะชมดอกไม้ นางเพียงตั้งสมาธิกับการมองหาเงาร่างของโจวซื่อ ซึ่งควรปรากฏตัวขึ้นที่ถนนสู่ห้องครัวใหญ่ในนาทีใดนาทีหนึ่งได้แล้ว
ดังคาด โจวซื่อกำลังมุ่งหน้ามาอย่างรีบเร่งจากทางด้านหลังดอกไห่ถัง
ฉีเยี่ยนทำหน้างุนงง “นายหญิงสามเ้าคะ ท่าทางนายหญิงใหญ่จะมุ่งหน้าไปยังครัวใหญ่เช่นกันเ้าค่ะ”
ฉู่เหลียนเร่งเดินไปหา “พี่สะใภ้ พี่สะใภ้เ้าคะ!”
ด้านโจวซื่อที่ถูกสาวใช้ประคองมา ถึงกับนิ่งงันไปครู่หนึ่งและมองตามต้นเสียง “น้องสะใภ้ เ้ามาทำอะไรที่นี่”
ฉู่เหลียนทำได้เพียงก้มหน้า แสร้งว่ากำลังหน้าแดงเขินอาย “ข้ามาดูว่าคืนนี้มีอะไรทานเ้าค่ะ”
โจวซื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม “แม้จะเป็สตรีที่แต่งงานแล้ว ทว่าเ้าก็ยังอายุเพียงสิบห้าเท่านั้น จะเลือกกินสักเล็กน้อยก็เป็เื่ธรรมดา แค่บอกพี่สะใภ้มาว่าเ้าอยากทานอะไร พี่สะใภ้จักให้บ่าวในครัวจัดเตรียมให้เ้าเอง”
ยามฉู่เหลียนหันไปมองทางครัวก็รู้ว่ากุ้ยหมัวมัวยังไม่ออกมา นางจึงเร่งส่งฉีเยี่ยนให้เข้าไปตาม
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านดูเร่งรีบนัก จะไปยังครัวใหญ่เช่นกันหรือเ้าคะ”
โจวซื่อทอดถอนใจ “วันนี้ท่านแม่รู้สึกไม่ค่อยสบาย กระทั่งบ่ายกว่าแล้วก็ยังลุกไม่ขึ้น ข้ามาเพื่อต้มยาให้นาง!”
ฉู่เหลียนย่นคิ้ว ในนิยายมิได้ระบุไว้ว่าฮูหยินจิ่งอันป๋อจะสุขภาพย่ำแย่ลงในวันนี้ ทว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถสนใจเื่นี้ได้ ฮูหยินจิ่งอันยังคงมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามปี นางยังไม่เสียชีวิตในวันนี้แน่ ขณะนี้เื่ที่สำคัญที่สุดคือการห้ามมิให้โจวซื่อก้าวเข้าสู่ครัวใหญ่
เห็นโจวซื่อตั้งท่าจะจากไป ฉู่เหลียนก็เร่งดึงแขนเสื้อนางไว้ “พี่สะใภ้ใหญ่ มิทราบว่าตอนนี้อาการของท่านแม่เป็เช่นไร เราควรตามหมอหลวงมาตรวจหรือไม่เ้าคะ?”
แม้โจวซื่อจะเร่งรีบ ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าน้องสะใภ้ดูกังวลยิ่งก็มิอาจปล่อยนางไว้เพียงลำพัง จึงได้แต่หยุดไปชั่วขณะและเล่าทุกสิ่งให้ฉู่เหลียนฟัง
เมื่อฉู่เหลียนเห็นฉีเยี่ยนและกุ้ยหมัวมัวปรากฏตัวพร้อมกัน ก็คล้ายกับูเาในอกถูกยกออก ในเวลานั้นเสียงะเิดังสนั่นมาจากทางครัวใหญ่ ตามมาด้วยควันไฟที่ลุกไหม้ไปทั่วเรือน
แม้ฉู่เหลียนจะรู้ว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่นางก็มิอาจทราบได้ว่ามันจะะเิเช่นนี้ ในชั่วขณะนั้นนางนิ่งค้างอยู่กับที่
โจวซื่อนั้นต่างออกไป นางะโขึ้นด้วยความใและเร่งสั่งบ่าวรับใช้ให้ตามคนจากเรือนนอกมาช่วยกันดับไฟ ทั้งยังขอบคุณดาวนำโชคที่ทำให้นางต้องหยุดยืนคุยกับน้องสะใภ้อยู่ตรงนี้และมิได้เข้าไปในครัว
เมื่อหันไป สิ่งแรกที่นางเห็นคือดวงตาคู่น้อยของฉู่เหลียนที่คลอเคล้าไปด้วยน้ำตาเสียจนนางรู้สึกปวดใจ ฉู่เหลียนยังอ่อนเยาว์นัก นางเพียง้าเข้าครัวเพราะหิวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าก่อนจะได้ทานของว่างก็เกิดเหตุเช่นนี้เสียก่อน นางต้องกลัวมากเป็แน่!
โจวซื่อปลอบใจนางอย่างนุ่มนวล “น้องสะใภ้อย่าได้กลัวไป ข้าส่งคนไปเรียกรถขนน้ำมาดับไฟแล้ว บ่าวไพร่เ่าั้จะต้องไม่เป็ไร ที่ตรงนี้อันตรายนัก เ้ากลับไปที่เรือนก่อนดีหรือไม่?”
เมื่อกล่าวจบก็หันหน้าไปมองกุ้ยหมัวมัวกับฉีเยี่ยนที่เพิ่งจะเดินมาถึง “เ้าสองคนมัวยืนนิ่งอะไรอยู่? รีบพานายหญิงของพวกเ้ากลับไปพักที่เรือนเสีย!”
ในที่สุดฉู่เหลียนก็รู้สึกตัวจึงกล่าวตอบ “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าสบายดี ท่านอยู่ตรงนี้โปรดรักษาตัวด้วย ข้าขอตัวก่อน”
เมื่อเดินพ้นจากูเาจำลอง นางก็บังเอิญเจอกับเฮ่อฉางตี้ผู้เร่งฝีเท้ามาจากเรือนใน เฮ่อฉางตี้สังเกตเห็นสีหน้าเป็กังวลของนาง ดวงใจเขาก็เต้นระรัวเสียจนกระทบซี่โครง เขารีบสั่งไหลเยว่ให้นำคนมาช่วยเหลือ หลังจากนึกได้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของตนจะได้รับาเ็จากไฟไหม้ครั้งใหญ่นี้ ส่วนเฮ่อซานหลางก็เร่งมุ่งหน้าไปยังเรือนชิ่งสี่ทันที