ความอดอยาก ภัยธรรมชาติ และาระหว่างประเทศ หลากหลายเหตุการณ์นำมาสู่าครั้งที่สามในปี พ.ศ. 2580 และสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2600
เกิดเหตุไม่คาดฝันอีกครั้งเมื่อชุดชิ้นส่วนอุกกาบาตตกใส่โลกราวกับฝนห่าใหญ่นานนับสัปดาห์ ราวกับกำลังส่งคำเตือนอะไรบางอย่างให้ทุกคนตื่นตัวในครั้งนี้
กว่านานาประเทศจะฟื้นตัวจากเหตุการณ์ทั้งสองอย่างได้นั้นก็ใช้เวลาไปพันปี ถึงเวลาก้าวเข้าสู่ความเจริญก้าวหน้าของยุคเทคโนโลยีแบบผสมผสาน ณ บัดนี้
ปี พ.ศ. 3600
ราชอาณาจักรไทย
กรุงเทพ
เกิดการเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรในรอบหนึ่งพันปีนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับไปอยู่ในยุคอดีต แต่ว่าการมีเทคโนโลยีแบบผสมผสานใน่เวลานี้แตกต่างจากเดิมพอสมควร
ถ้าให้เปรียบเทียบแบบเข้าใจได้ง่ายที่สุด เมียนมา (พม่า) ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย ได้ถูกผนึกเป็ปึกแผ่นรวมในแผ่นดินอีกครั้งแต่คงชื่อเดิมไว้
เนื่องจากสมัยก่อนยุคก่อตั้งพุทธศักราชก็มีการรวมอาณาจักรเช่นนี้ และเปลี่ยนชื่อตามความเจริญก้าวหน้า
ไม่คิดเปลี่ยนแปลงชื่อเรียกของอาณาจักร ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีพื้นดินมากกว่านี้อาจจะต้องคิดอีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่การดูแลใหญ่จากเดิม
“มีอะไรสงสัยเพิ่มเติมไหมครับ คุณชายเล็ก” อาจารย์ผู้สอนส่วนตัวถามทันที เนื่องจากเห็นใบหน้าเล็กขมวดคิ้วเป็ปม
“ไม่มีครับ แค่คิดว่าเหตุการณ์บางอย่างเหมือนตั้งใจทำให้ถูกลืมเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังรับรู้ยังไงไม่รู้” นภัทรเอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัย
“บางอย่างต้องหาเอกสารอื่นเพิ่ม หรือไปดูในหอสมุดแห่งชาติ หรือบางเหตุการณ์ก็ต้องไปหอสมุดจังหวัดถึงจะรู้ได้ครับ แต่ในวิชาประวัติศาสตร์ ไม่สงสัยตรงไหนใช่ไหมครับ”
“ไม่มีครับ อาจารย์”
“ได้เวลากินอาหารว่างแล้วครับ คุณชายเล็ก”
“จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ยุคสมัยใหม่มีการเลือกได้ว่า้าศึกษาอยู่บ้านหรือไปสถานศึกษาก็สามารถเรียนจบได้เหมือนกัน รวมถึงไม่มีการปิดกั้นการเรียนข้ามระดับชั้น
หากสามารถทำข้อสอบทุกรายวิชาของระดับชั้นนั้นผ่านด้วยคะแนนมากกว่าร้อยละเก้าสิบ จะได้รับใบจบการศึกษาทันที
ในหนึ่งปีสามารถทำเื่ขอสอบได้มากกว่าสามครั้ง ซึ่งส่วนมากมักไม่ค่อยมีคนสอบเลื่อนระดับชั้นโดยไม่ผ่านการเรียนก่อนเนื่องจากเกณฑ์คะแนนในการสอบผ่านค่อนข้างโหด
รวมถึงค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบค่อนข้างสูงกว่าเกณฑ์ทั่วไปมาก ทำให้คนปกติมักหลีกเลี่ยงแต่ไม่ใช่กับเหล่าคนมีเงินทั้งหลายที่พากันสมัครอย่างล้นหลาม
ความคาดหวังของคนมีเงินไม่ได้มากมายล้นฟ้า ขอเพียงตนเองสามารถเลื่อนชั้นได้สักปีสองปีก็เพียงพอ ค่าสอบอาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา
ปัญหาที่แท้จริงคือเกณฑ์การสอบผ่าน เพราะฉะนั้นเลือกเฉพาะชั้นปีที่คาดว่าจะผ่านดีกว่าขายหน้าด้วยการสอบตกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแทน
ตระกูลภูทนินทร์เองก็ให้เหล่าทายาททั้งสองเลือกสอบคัดเลือกเลื่อนระดับชั้นเช่นกัน ผลสอบออกมาน่าพึงพอใจกว่าที่คาดคิด ทายาทคนโตประสบความสำเร็จสามระดับชั้น ทายาทคนเล็กประสบความสำเร็จห้าระดับชั้น
นนท์ภัทร ภูทนินทร์ อายุสิบสี่ บุตรคนโต ระดับการศึกษามัธยมปลายปีที่สี่ สถานะ สอบผ่านระดับชั้นมัธยมต้นได้ทั้งสามชั้นปี
นภัทร ภูทนินทร์ อายุสิบ บุตรคนเล็ก ระดับการศึกษามัธยมปลายปีที่ห้า สถานะ สอบผ่านระดับชั้นประถมปลายและระดับชั้นมัธยมต้น
“พ่อภูมิใจในตัวของลูกมากจริงๆ เก่งกันทั้งสองคนเลยนะ”
“นั่นสิ ความจริงแม่คาดหวังให้สอบผ่านสักปีก็พอ ไม่ให้ขายหน้าตระกูล แต่กลับทำให้ได้ผลลัพธ์น่าทึ่งจนออกข่าวแบบนี้ ไม่มีอะไรจะน่าภูมิใจไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”
“ขอบคุณครับ ผมเกิดก่อนน้องตั้งสี่ปีแต่ดันอยู่ระดับชั้นน้อยกว่าซะงั้น รู้สึกใมากเลย” นนท์ภัทรยังคงทึ่งกับความสามารถของน้องชายตนเองไม่น้อย
“ผมพยายามอย่างเต็มที่ต่างหาก ไม่ได้เก่งมาั้แ่เกิดครับ และคิดว่าจะเรียนตามเกณฑ์เหมือนเดิม ไม่ไปสมัครสอบรอบต่อไปหรอกนะ เพราะรอบนี้อาจจะไม่ผ่านแล้วขายขี้หน้าขึ้นมาจริง ๆ” นภัทรพูดด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ที่เขาตั้งใจสอบแบบเอาเป็เอาตายในระดับชั้นที่น้อยนั้นเพราะว่าถ้าหากยากไปกว่านี้ มันไม่มีทางที่จะสอบผ่านหรอก ความเป็ไปได้มันยากมากเกินไป นอกจากพวกมีผลงานโดดเด่นจนไม่ต้องสอบต่างหาก
“ถ้ารอบนี้บอกให้ไปสอบอีก ผมจะลาออกนะครับ”
“ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะของทุกคนในครอบครัวดังลั่นห้องนั่งเล่นระงมไปหมด เมื่อเห็นใบหน้าของคนอายุน้อยที่สุดในบ้านทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้น
“ดูเหมือนจะไม่ชอบการสอบมากเลยสินะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ น้องพี่” นนท์ภัทรแกล้งแหย่เล่นพลางทำหน้าทะเล้น
“เฮ้อ...ไม่ถึงกับไม่ชอบหรอก แต่ว่าจะให้สอบไปมากกว่านี้อาจจะพลาดท่ามากกว่าสอบผ่านน่ะสิ พี่ก็รู้ดีว่าข้อสอบมันโหดหินขนาดไหน”
“รู้สิ ข้อสอบยากจนเหมือนจะไม่ให้ผ่าน แต่ก็ผ่านมาได้มันช่างเหมือนเกิดใหม่จริงๆ แต่ว่าคงไม่กลับไปทำ แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว”
“ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะของพ่อแม่ดังกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทีของลูกชายทั้งสองเข็ดขยาดกับการสอบเลื่อนชั้นแบบพิเศษ ซึ่งพวกเขาเองก็เคยผ่านมันมาแล้วเหมือนกัน
ข้อสอบพวกนั้นมันเหมือนตั้งใจทำมาให้สอบไม่ผ่านมากกว่าสอบผ่านมาั้แ่แรกแล้ว ราวกับตั้งใจจะรีดไถ่เงิน
“การเฉลิมฉลองครบรอบบริษัทกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ไปเตรียมตัวตัดชุดที่ห้องเสื้อกันเถอะ”
เดือนหน้าจะเป็วันครบรอบบริษัท เหล่าสมาชิกในตระกูลภูทนินทร์พากันออกมาตัดชุดที่ห้องเสื้อ แต่คิวการจองกลับมีข้อผิดพลาดทำให้สมาชิกเครือญาติมารวมตัวกันเต็มไปหมด
“ถึงจะไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย แต่ทำงานกันประสาอะไร แล้วยังงี้จะไว้ใจให้ตัดชุดได้เหรอ” พิพัฒน์ตวาดลั่น
เป็อันรู้กันดีว่าพ่อปกติเป็คนใจดี มีเมตตา ทำงานกับทุกคนอย่างเที่ยงธรรม แต่ว่าถ้าเกิดข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลกระทบให้กับคนอื่นได้จะเปลี่ยนเป็คนละคน
“ขออภัยด้วยครับ ท่านประธาน พวกเราไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจ...ห้องเสื้อมีชื่อเสียงขนาดนี้แต่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจเนี่ยนะ! คิดว่ามันฟังขึ้นไหม!”
“ที่รัก ไปร้านอื่นเถอะค่ะ มัวแต่เสียเวลาอาจจะทำให้ไม่ทันการณ์เปล่า ๆ” เนตรดาวบอกพลางตบบ่าสามีสองสามครั้งเพื่อเรียกสติ
หลายครั้งหลายคราที่เหล่าเครือญาติพยายามสร้างความสัมพันธ์ด้วยการบังเอิญเจอกัน หรือนัดชนกันนั้นเป็เื่ธรรมดาเหมือนหายใจ
คนโวยวายมักเป็พ่อและคนทำให้เื่เงียบคือแม่ และเหล่าทายาทเดินออกจากร้านราวกับเคยชินเื่นี้เป็อย่างดี
