เช้าวันรุ่งขึ้น เถียนหรูชิงไม่ได้มา แต่กลับเป็สองในห้าชายหนุ่มที่มากันเป็กลุ่มเมื่อก่อน ดูจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับก่วนเฮ่าเฉิง พวกเขาน่าจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน...หรืออย่างน้อยก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด มีผลประโยชน์ร่วมกัน เป็พี่น้องร่วมสำนักเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าเป็พวกเขาที่ถูกทางสำนักส่งมาตรวจสอบ ูเาในใจข้าก็ถูกยกออกเสียที การลงมือครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม!
“นี่มัน...ถังเศษอาหารที่ศิษย์น้องเล็กใช้เวลาทำงานนี่?” ชายหนุ่มชื่อเถียนโหยวซานชี้ไปที่ถังเปล่าขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งอยู่ด้านนอกคอกหมู
“นั่นสิ!” อีกคนหนึ่งชื่อเถียนิเวินเปิดดูถังอาหาร เหลือบมองด้านในแล้วงับปากปิดทันที “ข้างในว่างเปล่า น่าจะไปที่อื่นหลังจากให้อาหารหมูแล้วกระมัง?”
“หรือว่าจะลงเขาไปแล้ว?” เถียนโหยวซานเกาคาง พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
เถียนิเวินเหลือบมองเถียนโหยวซานแวบหนึ่ง “ข้าก็คิดอย่างนั้น แต่ท่านผู้าุโบอกว่าไม่ได้ให้ป้ายอนุญาตลงเขากับเขา ซ้ำยังเคี่ยวเข็ญให้เราออกไปตามหาอีก ข้าจะทำอย่างไรได้?”
เถียนโหยวซานยักไหล่ “เขาอาทิตย์อัสดงกว้างใหญ่ไพศาล ภูมิประเทศขรุขระซับซ้อน ท่านผู้าุโไม่ยอมให้เรายืมสัตว์ิญญา หรือจะให้เราเดินหารอบเขาทั้งลูก? เอาอย่างนี้...ศิษย์พี่ เราสองคนไปหาที่เอนหลังกันดีกว่า?”
เถียนิเวินทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะพยักหน้า “ข้าก็คิดอย่างนั้น แต่ถึงอย่างไรต้องทำเป็เหมือนกำลังค้นหาเสียก่อน อย่างน้อยก็ค้นหาในรัศมีสิบลี้ เราสองคนจะได้รายงานได้ด้วย ถูกหรือไม่?”
“ฮ่า! เอาตามศิษย์พี่ว่าเลย!”
หลังจากที่ทั้งสองตกลงกันแล้ว ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นก็ไม่มีใครกลับมาที่คอกหมูอีก การที่เถียนหรูชิงไม่มาเยี่ยมเยียนทำให้ข้ารู้สึกไม่กระวนกระวายอยู่หน่อยๆ หวังว่าจะเป็เพราะเบื้องบนของสำนักส่งคนมาตรวจสอบทำให้นางไม่กล้ามา หากเป็เช่นนั้น หลังจากการตรวจสอบเสร็จสิ้นนางก็น่าจะกลับมา
วันรุ่งขึ้นก็มีศิษย์คนใหม่มาดูแลคอกหมูแทนก่วนเฮ่าเฉิง ส่วนเถียนหรูชิงก็กลับมาหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปสองวัน ข้าเดาว่านางก็คงไม่กล้ารายงานอะไร เพราะหากบอกว่าถูกพลังจิตแปลกหน้าตรวจสอบในคอกหมู แล้วจะอธิบายเหตุผลที่ไปคอกหมูอย่างไร? เนื่องจากการคาดเดานี้ ทำให้ข้าทำอะไรประมาทเลินเล่อ
การหายตัวไปของก่วนเฮ่าเฉิงไม่ได้สร้างความลำบากใดๆ ให้กับสำนักอาทิตย์อัสดง นอกจากวันแรกที่ส่งคนสองคนมาตามหาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจชีวิตหรือความตายของเขาเป็พิเศษ
ปฏิกิริยาของผู้าุโในสำนักอาทิตย์อัสดงยิ่งยืนยันการคาดเดาของข้า ในโลกแห่งการบำเพ็ญเแห่งนี้ คนไม่มีสถานะ ไร้อำนาจ หรือไร้ซึ่งพลังที่จะข่มเหงผู้อื่นได้ โดยพื้นฐานแล้วก็เป็เพียงคนที่จะอยู่หรือไม่ก็ได้ แค่คนรับใช้มีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนก็ไม่มากเกินไป หายไปหนึ่งคนก็หาคนมาแทนได้ตลอดเวลา
พลังบำเพ็ญของก่วนเฮ่าเฉิงอยู่ที่ระดับหลอมปราณชั้นสอง ใกล้เคียงกับระดับพลังของข้า การดูดซับพลังของเขาไม่สามารถเพิ่มพูนพลังบำเพ็ญได้มากนัก แต่ข้ากลับเข้าใจหลักการของวิชาชีพจรจันทรามากขึ้น การฝึกบำเพ็ญประจำวันของข้าเปลี่ยนจากการนั่งสมาธิหลอมปราณแบบทั่วไป เปลี่ยนไปสู่ทิศทางการฝึกบำเพ็ญที่แตกต่างออกไป
ศิษย์ใหม่ชื่อโหยวเฟิงมีนิสัยขยันขันแข็ง แม้จะมีพลังระดับหลอมปราณชั้นสี่ แต่ก็ทำกิจวัตรต่างๆ ในคอกหมูด้วยตัวเอง ต่างจากก่วนเฮ่าเฉิงที่ให้อาหารหมู ทำความสะอาดมูลสัตว์เสร็จ ก็เปิดประตูคอกหมูให้เราออกไปวิ่งเล่นอย่างอิสระแล้วหายตัวไป โหยวเฟิงหลังจากทำความสะอาดคอกหมูเสร็จแล้ว จะนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ทุ่งหญ้าด้านนอก คอยมองดูพวกหมูอย่างเราๆ เล่นอย่างสนุกสนาน ด้วยท่าทีเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ
เวลาเล่นเสร็จ เขาก็ไม่ได้ใช้พลังดึงเรากลับเข้าคอกอย่างหยาบคาย แต่ใช้ไม้คอยไล่หมูกลับคอกอย่างอดทน บางครั้งมีหมูบางตัวที่เลอะโคลนเต็มตัว เขาก็ไม่หวงพลังปราณ ใช้วิชาชำระกายทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่องแล้วจึงส่งกลับคอก
แม้ข้าจะรู้สึกต่ำต้อยเมื่อเห็นคนที่ตั้งใจทำงานในคอกหมู อยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว พอเห็นคนดีๆ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ซื่อสัตย์เช่นนี้ ข้าก็ทำร้ายเขาไม่ลง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้