ในยามจื่อ บนหลังคาของโรงเตี๊ยมมีเสียงฝีเท้าเบาๆ
เวินซีลืมตาขึ้นและกำกริชไว้ในมือแน่นในห้องที่มืดสนิท
ส่วนจ้าวต้านที่นั่งนิ่งอยู่ที่หน้าต่างก็หยิบมีดขึ้นมา มองขึ้นไปบนหลังคา พลันเคลื่อนตัวไปตามเสียงฝีเท้า
บนทางเดิน จู่ๆ ก็มีแสงส่องเข้ามาที่หน้าต่าง ที่ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเช่นกัน
เสียงฝีเท้าทั้งสองฝั่งแตกต่างกัน เสียงหนึ่งเบา ฟังออกว่าเขามีทักษะการต่อสู้ ส่วนอีกเสียงเป็ฝีเท้าคนปกติทั่วไป
มีคนสองกลุ่ม...
เวินซีตั้งสมาธิพลันสบตากับจ้าวต้านในความมืด
“พวกเขาหลับกันหมดแล้วหรือ?”
“น่าจะหลับหมดแล้ว ข้าใส่ยานอนหลับในธูปหอมไปเยอะเลยล่ะ มิต้องพูดถึงสี่คนนั่น ต่อให้เป็สัตว์ร้ายก็สลบเหมือดไปเช่นกัน”
“ก็ดี ระวังหน่อย อย่าให้เกิดเื่ล่ะ”
“จะเกิดเื่ใดได้? อาหารที่พวกนั้นทาน ข้าก็เห็นว่าพวกเขาทานหมดกับตา ทั้งโดนวางยาพิษและยานอนหลับ นอกเสียจากว่าพวกเขาจะเป็เซียน ถึงจะรอดพ้นไปได้”
“วันนี้ข้าเรียกคนขี่ม้ามาดูม้าพวกนั้น ตัวหนึ่งราคาถึงสามสิบตำลึงเชียวล่ะ นับว่าเป็รายได้ของเราหลายวันทีเดียว”
“ชู่ อย่าพูดไป เหตุใดข้าถึงได้ยินเสียงฝีเท้า”
“ไม่มีทาง เ้าอย่าคิดมากจนหูฝาดไปเองสิ”
......
เสียงพูดคุยของสองคนนั้นเข้าหูของเวินซีและจ้าวต้านทั้งหมด
เมื่อได้ยินเสียงคนบนหลังคาะโลงมา จ้าวต้านก็หลับตาลง แสร้งทำเป็หลับอยู่บนโต๊ะ
ประตูห้องถูกผลักให้เปิดออก แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา เสี่ยวเอ้อทั้งสองคนเดินถือโคมไฟพลันย่องเข้าไป
เมื่อเห็นจ้าวต้านนั่งอยู่ที่โต๊ะก็ใ แต่เมื่อตั้งสติและมองดูดีๆ ก็เห็นว่าเขานอนฟุบอยู่ จึงวางใจลงได้
พวกเขาแบ่งกันเป็สองฝั่ง กลุ่มหนึ่งเข้าไปใกล้จ้าวต้าน อีกกลุ่มเข้าไปใกล้เวินซี
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา เวินซีกำลังจะลุกขึ้นโจมตี แต่เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นร่างของคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา นางจึงรีบหลับตาลง
“ผู้ใดกัน?”
“พวกเ้าเป็ผู้ใด?”
“พวกเ้าคิดจะทำอันใด?”
“อ๊าอ๊าอ๊า...อย่าเข้ามา...อย่าเข้ามา...ช่วย...”
ห้องที่เดิมทีเคยเงียบสงัดกลับมีเสียงวุ่นวายขึ้นหลังจากที่คนกลุ่มนั้นเข้ามา เสี่ยวเอ้อทั้งสองที่เข้าห้องมาก่อนหน้านี้ถูกแทงตายทันที
กลุ่มคนเ่าั้ที่มาทีหลังสบตากันในความมืด พวกเขาแบ่งออกเป็สองกลุ่ม ย่องเข้าไปหาเวินซีและจ้าวต้าน
พวกเขาหยุดอยู่ตรงหน้าเป้าหมาย ยกดาบขึ้นและแทงลงไปทันที
เวินซีที่อยู่บนเตียงลืมตาขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพลันเอาผ้าห่มคลุมศีรษะของคนผู้นั้นไว้ ขณะที่เขาดิ้น นางก็ยกกริชขึ้นแทงไปที่ผ้าห่ม
ร่างของคนผู้นั้นล้มลงกับพื้น อีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาคิดจะหนี แต่ก็ถูกเวินซีสกัดไว้ ก่อนจะแทงเข้าที่แขน
ส่วนนักฆ่าที่อยู่ตรงหน้าจ้าวต้านก็ถูกจัดการอย่างง่ายดาย จ้าวต้านเข้าไปหานักฆ่าคนที่เหลือ พลันจัดการแต่ละคนทันทีโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้เอ่ยคำใด
หลังจากที่จัดการเสร็จ ทั้งสองก็วิ่งไปที่ห้องข้างๆ
ในตอนที่เปิดประตูเข้าไป คนที่อยู่ด้านในกำลังต่อสู้กันอยู่
สืออีต่อสู้กับคนทั้งห้าเพียงผู้เดียว ทั้งยังต้องคอยช่วยเหลือต้วนจิงเย่ เขาจึงเป็ฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่
เมื่อเวินซีกับจ้าวต้านเข้าร่วมสู้ สถานการณ์ก็พลิกผันทันใด ผ่านไปสิบห้านาที พวกนักฆ่าต่างล้มลงกับพื้น เหลือเพียงนักฆ่าคนหนึ่งที่ยังมีลมหายใจอยู่ ที่เหลือถูกสังหารทั้งหมดแล้ว
“ผู้ใดส่งเ้ามา บอกมา!” จ้าวต้านใช้มีดจ่อไปที่คอของเขา
ใบหน้าของนักฆ่าซีดเผือด แต่ไม่เอ่ยคำใด
“จะพูดหรือไม่?”
นักฆ่าไม่ขยับ ดวงตาของเขาเ็า ก่อนจะถูกมีดแทงไปที่ฝ่ามือ
เขาร้องโหยหวนและดิ้นอย่างทุรนทุราย
“ข้าพูด ข้าพูดแล้ว” ในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยปาก “เหลียงฝูหรู่ เขาบอกว่าสตรีงามที่ได้เห็นในตลาดวันนี้พักอยู่ที่นี่ ให้พวกข้าจับตัวนางไปให้เขา”
“เหลียงฝูหรู่คือผู้ใด” เวินซีไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน นางขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงเื่ที่บุรุษสองคนนั้นคุยกันใน่บ่ายจึงพูดเสริม “สตรีที่หายไปจากเมืองเกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ?”
“มิ...มิใช่ทั้งหมด ครึ่งหนึ่งเห็นจะได้” ขณะที่นักฆ่าพูดก็กระอักเืออกมาเต็มปาก
เมื่อเห็นว่าเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เวินซีจึงยัดยาเข้าปากเขาไป
นักฆ่ารู้สึกได้ถึงการฟื้นตัวในร่างกาย สายตาที่เขามองเวินซีก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ครึ่งหนึ่ง หมายความเช่นไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของเวินซี เขาก็ตอบอย่างรวดเร็ว
“เหลียงฝูหรู่เป็คุณชายตระกูลเหลียง สตรีงามที่หายตัวไปในคราแรกไม่ใช่ฝีมือเขา หลังจากที่เขาเห็นว่าสตรีที่หายตัวไปล้วนเป็สตรีงาม จึงคิดจะลักพาตัวสตรีพวกนั้นด้วย แต่เพราะเขาไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ จึงไม่เคยถูกจับได้”
“เ้ารู้เื่ของสตรีที่หายตัวไปหรือไม่?” จ้าวต้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเ็า
“รู้มาบ้างขอรับ ข้าเคยช่วยเหลียงฝูหรู่ลักพาตัวสตรี และได้พบกับคนกลุ่มนั้น พวกนั้นจับมัดสตรีแล้วส่งขึ้นรถม้าไป น่าจะไปที่เมืองซู่เหอ”
“เมืองซู่เหอ...” จ้าวต้านพูดด้วยเสียงแ่เบา แววตาเผยความน่าเกรงขาม
“พวกท่าน ไว้ชีวิตข้าเถิดขอรับ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ข้ายังมีภรรยาและบุตรอยู่ที่บ้าน หากข้าตายไปพวกเขาจะต้องเป็ม่าย พวกเขาจะอยู่เช่นไรล่ะขอรับ” นักฆ่าร้องไห้อย่างขมขื่นและร้องขอความเมตตา เวลานี้เขารู้สึกเสียใจเป็อย่างยิ่ง
“สตรีที่พวกเ้าลักพาตัวไปยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?” เวินซีเดินเข้าไปหาเขาแล้วมองด้วยสายตาเหยียดหยาม
“มีชีวิตอยู่ขอรับ เหลียงฝูหรู่ขังพวกนางไว้ในห้องลับที่จวนเหลียง”
“พาข้าไปที่จวนเหลียง แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า”
“ขอรับ ได้ขอรับ แต่ตอนนี้ข้าไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้น”
“ข้าแบกเ้าเอง” สืออีเดินเข้ามา
เมื่อเวินซีพยักหน้าเห็นด้วย เขาจึงแบกนักฆ่าคนนั้น
“รอข้ากลับมานะเ้าคะ” เวินซีหันหน้าไปทางจ้าวต้านพลันส่งสายตาไปทางต้วนจิงเย่
จ้าวต้านรู้ว่านาง้าให้เขาช่วยดูแลต้วนจิงเย่ เดิมทีเขาคิดจะไปด้วย สุดท้ายจึงถอยกลับ
“ไปกันเถิด” เวินซีก้าวไปข้างสืออี
“ขอรับ” สืออีรับคำ ทั้งสองออกไปจากโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว
พวกเขามาถึงจวนเหลียงในเวลาไม่นานเพราะนักฆ่าช่วยบอกทาง
หลังจากที่ปล่อยนักฆ่าคนนั้นไว้ที่ตรอกถนนแล้ว เวินซีก็พาสืออีเดินเข้าไปข้างใน
แม้จวนเหลียงจะมืดมิด แต่คนรับใช้และสตรียังมิได้พักผ่อน พวกเขาเดินไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ได้ยินมาว่านายน้อยเหลียงลักพาตัวสตรีมาอีกแล้ว เป็เื่จริงหรือ?”
“จริงสิ นางอยู่ในห้องของนายน้อยทั้งคืน เมื่อออกมาก็ฆ่าตัวตาย แต่หมอได้ช่วยชีวิตนางกลับมา ได้ยินมาว่าสตรีนางนั้นเป็คุณหนูของตระกูลใดด้วยล่ะ นางมีนิสัยเด็ดเดี่ยว เพิ่งจะฆ่าตัวตายไปอีกครา แต่นายน้อยไม่ชอบความอัปมงคลนี้ จึงให้หมอรักษานางแล้วนำไปขังที่ห้องลับ”
“นายน้อยเหลียงลักพาตัวสตรีมากี่คนแล้ว?”
“อย่างน้อยก็สิบกว่าคนแล้วล่ะ ทั้งยังมิได้เป็สตรีบ้านๆ ข้าได้ยินมาว่าเพราะเขาโดนพวกนางปฏิเสธจากการขอแต่งงาน จึงทำเช่นนี้เป็การแก้แค้น”
“น่ากลัวเสียจริง”
“จะกลัวอันใด? ไม่ดีหรือ? เพียงแค่เราไม่พูดออกไป เขาจะให้รางวัลพวกเรายี่สิบตำลึงทุกปีเชียวนะ”
“ก็จริง ไม่ต้องพูดแล้ว เราแสร้งทำเป็ไม่รู้ก็จบ ยี่สิบตำลึงนี้ซื้อบ้านได้เลย หากเ้ายังพูดอีก นายน้อยมาได้ยินเข้า เ้าจะต้องโดนตัดลิ้นเป็แน่”
“ไปกันเถิด ไปกัน...”
......
เวินซีได้ยินบทสนทนาของสตรีรับใช้ แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความเ็า
นางนึกว่าเื่นี้มีแค่เหลียงฝู่หรู่เพียงผู้เดียวที่เป็คนทำ แต่ไม่คิดเลยว่าทั้งตระกูลเหลียง แม้แต่สตรีรับใช้และคนรับใช้คนอื่นๆ จะรู้เห็นเป็ใจด้วย
แต่ก็จริง มิฉะนั้นเหลียงฝูหรู่เพียงคนเดียวจะซ่อนสตรีมากมายไว้ได้เช่นไร ทั้งอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ก็จำเป็ต้องมีคนจัดการให้เขา...