กู้จวิ้นเฉินรู้สึกว่าตลอดชีวิตนี้ของตนคงไม่สามารถลืมเลือนหลี่ลั่วได้อีกแล้ว ในยามที่ตนโดดเดี่ยวเดียวดายที่สุด ในยามที่ตนยอมรับการมาถึงของยมทูต เด็กน้อยสดใสร่าเริงผู้นั้นที่เหมือนกับแสงแดดในวันนี้ได้เดินเข้ามาในชีวิตของเขา บอกกับเขาว่า เขารักษาตนได้
แสงแดดในวันนี้อบอุ่นเหมือนกับมือของเด็กน้อย เขายังจำได้ถึงความรู้สึกที่กุมมือของเขาไว้ในอุ้งมือ มันคันยุบยิบ ราวกับจะสามารถแผดเผาขึ้นมาได้ ทำให้เขาละลายไปทั้งตัว
ไม่ว่าหลี่ลั่วจะมีชีวิตอยู่หรือตาย กู้จวิ้นเฉินก็รู้แล้วว่า ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่จะทำให้ตน...ทุกข์ใจได้เช่นนี้
กู้จวิ้นเฉินว่ายกลับเข้าฝั่งแล้วนอนแผ่อยู่ที่นั่นทั้งตัว
“ท่านอ๋อง” จวิ้นอีขยับปากเอ่ยวาจา
“นำภาพวาดทั้งสามของอั้นมู่ออกมา” กู้จวิ้นเฉินสั่งการ ฉีอ๋องผู้เยือกเย็นกลับมาแล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ” จวิ้นอีพูดไปด้วยพลางถอดเสื้อคลุมชั้นนอกของตนไปด้วย “เชิญนายท่านผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
กู้จวิ้นเฉินรับเสื้อคลุมชั้นนอกของเขามาคลุมลงบนร่างของตน “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้ค้นหาตามแม่น้ำตลอดทั้งสาย ถ้ายังอยู่ต้องพบคน...ตายต้องเห็นศพ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ณ จวนฉีอ๋อง
ภาพวาดทั้งสามที่อั้นมู่ให้มานั้นขณะนี้กางอยู่บนโต๊ะหนังสือของกู้จวิ้นเฉิน กู้จวิ้นเฉินอาบน้ำอีกครั้งหนึ่ง หยาดน้ำยังคงหยดลงมาตามเส้นผม สาวใช้ปรนนิบัติเช็ดผมให้เขาจนแห้งอย่างระมัดระวัง
ภาพวาดเบื้องหน้าทั้งสามนี้ไม่เหมือนกัน ภาพหนึ่งเป็ภาพที่โจรลักพาตัวเด็กสองคนนั้นให้รายละเอียดมา คนผู้นี้ปิดบังใบหน้าเอาไว้ โผล่ออกมาแค่ดวงตาสองดวง เป็ดวงตาที่ละโมบ หยิ่งผยอง น่าชังยิ่งนัก
ภาพหนึ่งเป็คนของจี๋เล่อฟางให้รายละเอียด เป็ภาพของลูกค้าที่มาทำการจองห้องล่วงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรัง มองดูแล้วให้คิดว่าเป็หนุ่มใหญ่ ทว่าเค้าโครงร่างกายนั้นเป็รูปร่างของชายหนุ่ม เป็เพราะว่ามีหนวดเครามากเกินไป ดังนั้นคนของจี๋เล่อฟางจึงจำลูกค้าท่านนี้ได้ติดตา และในภาพใบนี้ส่วนเดียวที่โผล่ออกมาก็คือดวงตา
กู้จวิ้นเฉินรีบนำภาพทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน ดวงตาทั้งคู่เหมือนกันทุกประการ ดังนั้นเขาจึงหยิบภาพวาดที่นายหน้าเป็ผู้ให้รายละเอียดออกมา เหมือนกัน บริเวณริมฝีปากล้วนเป็หนวดเครา แต่ทว่าดวงตากลับเหมือนภาพวาดสองภาพก่อนหน้านี้ คนในภาพวาดทั้งสามนั้นหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ดวงตาเหมือนกัน เช่นนั้นจึงอธิบายได้ว่าอะไร?
“จวิ้นอี ไปจวนว่าการ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ณ จวนว่าการ
ใต้เท้าจวนว่าการกำลังงานล้นมือ จวนว่าการเป็ศาลประจำเมืองหลวง ในฐานะผู้ปกครองอย่างเป็ทางการของเมืองหลวง แม้ว่าเขาจะรั้งเพียงตำแหน่งขุนนางขั้นสาม แต่งานนั้นรัดตัวยิ่งกว่าขุนนางขั้นเจ็ดของเมืองระดับอำเภอเล็กๆ เสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการมาของหลี่เสี่ยวโหวเหฺย ในเวลานี้มาเกิดคดีลักพาตัวขึ้น ใต้เท้าจวนว่าการรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างโชคร้ายยิ่งนัก
แต่ทว่าคดีลักพาตัวของหลี่เสี่ยวโหวเหฺยครั้งนี้เกี่ยวพันกับพ่อค้ามนุษย์โจรลักพาตัว ถือเป็เื่ใหญ่ ตามเบาะแสนี้แล้วคาดว่าจะทำให้เด็กอีกมากมายไม่ต้องมาเผชิญกับเื่เช่นนี้ ถือเป็ความโชคดีบนความโชคร้ายก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าฝ่าาจะทรงเห็นว่าเป็ความดีความชอบของเขาหรือไม่ แต่ว่าก่อนอื่นเลยก็คือ ท่านฉีอ๋องอย่าได้ใช้สายตาดำทะมึนที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นมองมาที่ตนจะได้หรือไม่ ต้องรู้นะว่าตนไม่ใช่โจรลักพาตัวหลี่เสี่ยวโหวเหฺยน่ะ
“ตามความเห็นของท่านอ๋องก็คือ คนในภาพวาดทั้งสามนั้นแม้จะมีการแปลงโฉม แต่ล้วนเป็คนๆ เดียวกัน ดวงตานั้นแปลงโฉมไม่ได้ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าจวนว่าการถาม
กู้จวิ้นเฉินตวัดสายตามองเขาแวบหนึ่ง
ในพริบตานั้นใต้เท้าจวนว่าการพลันรู้สึกว่าร่างกายของตนแข็งค้าง เย็นเยียบ แววตาของฉีอ๋องมีความดูิ่ปะปนอยู่ภายใน ทำให้เขาละอายใจยิ่งนัก
“ใต้เท้าจวนว่าการลองช่วยทำให้ดวงตาทั้งคู่ที่โง่งมของใต้เท้าแปลงโฉมให้ฉลาดสักหน่อย ทำให้เปิ่นหวางดู” กู้จวิ้นเฉินพูดขึ้นเสียงเย็น
ใต้เท้าจวนว่าการกลืนน้ำลายลงคอ เขาเป็ถึงจิ้นซื่อ ใต้เท้าจวนว่าการขุนนางขั้นสาม ย่อมไม่ได้โง่งมแน่นอน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่ยวัยเพียงสิบสามขวบ เขาที่เป็ชายหนุ่มวัยกลางคนนั้นไม่กล้าแม้แต่จะผายลม เขาเป็ขุนนางที่ไท่จื่อเยี่ยนเลื่อนตำแหน่งมา ครั้งนั้นเมื่อเกิดความวุ่นวายในเมืองหลวงเขาได้รั้งตำแหน่งใต้เท้าจวนว่าการแล้ว จ้าวหนิงฮ่องเต้สามารถหนีออกจากเมืองหลวงได้ เขาก็ถือว่ามีผลงานอยู่ไม่น้อย จ้าวหนิงฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ปูนบำเหน็จรางวัลมากมาย แต่เขากลับยังคงเป็เพียงใต้เท้าจวนว่าการเช่นเดิม เหตุผลนั้นมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้
เมื่อหกปีก่อน เด็กหนุ่มตรงหน้ายังเป็เพียงเด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ ใต้เท้าจวนว่าการไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในวันนั้น ฉีอ๋องผู้มีใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกยืนอยู่เบื้องหน้าเขาแล้วถามตนว่า “ท่าน้ามีเกียรติยศเพียงครั้งเดียว หรือชั่วลูกชั่วหลาน?”
ในเวลานั้น สายตาของเขาก็เยียบเย็นเช่นในเวลานี้ ทำให้ใต้เท้าจวนว่าการรู้สึกหนาวเหน็บั้แ่ศีรษะจดปลายเท้า ทว่าเขาฟังเข้าใจแล้ว เขามีความดีความชอบในการป้องกันเมืองหลวง การปูนบำเหน็จรางวัลมีอนาคตที่ยาวไกลรอเขาอยู่ แต่ถ้าหากว่าเขานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ไปเรื่อยๆ เช่นนั้นความดีความชอบของเขาก็จะอยู่ถึงชั่วลูกชั่วหลาน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใดเขากลับเชื่อในคำพูดของคนผู้นี้
ครั้งนั้นไท่จื่อเยี่ยนเป็คนที่มีความสามารถเพียงไหน วางแผนในกระโจม ตัดสินใจไกลพันลี้ คนข้างกายไม่มีแม้สักคนที่จะไม่ยอมศิโรราบต่อเขาทั้งกายและใจ แต่กลับไม่สามารถเอาชนะใจคนในตระกูลที่โเี้ได้ ตำแหน่งฮ่องเต้ในสายตาของเหล่าองค์ชาย คือยาพิษดีๆ นี่เอง
ส่วนหนุ่มน้อยผู้อยู่เบื้องหน้าตนตอนนี้ เมื่อเทียบกับไท่จื่อเยี่ยนในครั้งนั้นแล้วมีแต่เหนือกว่าไม่มีด้อยลง ช่างมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันมาก ราวกับว่านายท่านของตนในครั้งนั้นมายืนอยู่ต่อหน้าเขา ถามเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “เ้าสาม เ้ายินดีที่จะใช้ชีวิตมาจงรักภักดีต่อเราหรือไม่?” เขาในเวลานั้นที่สอบได้ตำแหน่งจ้วงหยวน ถูกรอยยิ้มของคนผู้นั้นล่อลวง
ใต้เท้าจวนว่าการรู้สึกตัวขึ้นมาทันที หากฉีอ๋องยิ้มขึ้นมาย่อมมีความสง่างามภูมิฐานเช่นเดียวกับไท่จื่อเยี่ยนผู้นั้นกระมัง
ในครอบครัวใต้เท้าจวนว่าการเป็บุตรคนที่สาม ดังนั้นผู้คนจึงเรียกเขาว่าเ้าสาม
ไม่รู้ด้วยเหตุอันใด ขอบตาของใต้เท้าจวนว่าการพลันแดงก่ำ
กู้จวิ้นเฉินขมวดคิ้ว ถูกเขาว่ากล่าวจนร่ำไห้เชียวหรือ?
เมื่อเห็นฉีอ๋องขมวดคิ้ว ใต้เท้าจวนว่าการจึงรีบสงบสติอารมณ์ “ถ้าหากนอกจากดวงตาแล้วส่วนอื่นเป็การแปลงโฉมทั้งหมด เช่นนั้นพวกเราสามารถทำให้กลับไปอยู่ในใบหน้าเดิมได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” กู้จวิ้นเฉินพยักหน้า “เปลี่ยนเป็หน้าของคนปกติทั่วไป อายุน้อยลงเล็กน้อย”
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะให้คนไปวาดทันที”
จิตรกรของศาลจวนว่าการนั้นฝีมือยอดเยี่ยมนัก เพียงอ้างอิงตามการวิเคราะห์ของพวกเขาก็วาดภาพเหมือนออกมาอีกภาพได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาของคนในภาพวาดไม่เปลี่ยนแปลง แต่ส่วนของใบหน้านั้นเอาหนวดเคราออก เปลี่ยนเป็ใบหน้าของชายหนุ่ม นอกจากนี้จิตรกรยังวาดรูปหน้าอีกหลายรูปแบบ มีใบหน้ายาว ใบหน้ากลม ใบหน้าเหลี่ยม ทุกๆ รูปหน้าต่างใส่ดวงตาเช่นนี้เข้าไป
กู้จวิ้นเฉินเรียกตัวอั้นมู่และอั้นจินเข้ามา “พวกเ้ามาดูซิว่าเมื่อยามที่สะกดรอยตามเสี่ยวโหวเหฺย ได้พบเห็นคนหน้าตาคล้ายคลึงกับคนในภาพวาดบ้างหรือไม่?”
อั้นมู่และอั้นจินดูบุคคลในภาพวาด จากนั้นทั้งสองคนก็หันมามองหน้ากัน
กู้จวิ้นเฉินหรี่ตาลง “เคยเห็นรึ?”
“ทูลท่านอ๋อง มีคนผู้หนึ่งหน้าตาคล้ายคลึงกับคนในภาพวาดถึงสิบส่วนพ่ะย่ะค่ะ” อั้นมู่ตอบ
“ผู้ใด?”
“หลานชายของหลี่เหล่าไท่ไท่ที่เกิดกับสามีคนก่อน หยวนข่าย พ่ะย่ะค่ะ” อั้นมู่ตอบ
์ ใต้เท้าจวนว่าการเกือบจะยกมือขึ้นปิดปากของตน นี่มันละครประเภทใดกัน? หลี่เสี่ยวโหวเหฺยถูกหยวนข่ายทำร้ายหรือนี่?
“จับกุมคนมา” น้ำเสียงของกู้จวิ้นเฉินลดต่ำลง มองไปที่ใต้เท้าจวนว่าการ “ท่านไปด้วยตัวเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ณ จวนชิ่งป๋อ
เื่ที่เมื่อวานคนของจวนว่าการและทหารม้าห้าเมืองออกนอกเมืองนั้น ผู้คนในเมืองต่างไม่รู้ชัดเจนนัก เื่ที่หลี่ลั่วถูกลักพาตัวไปก็ไม่ได้แพร่งพรายออกไปแต่อย่างใด อีกทั้งใต้เท้าจวนว่าการเองก็ยังไม่ได้ยกเลิกงานเทศกาลโคมไฟด้วย
ชิ่งป๋อเหฺยอยู่ในศาลาว่าราชการ ใต้เท้าจวนว่าการมาขอเข้าพบ ดังนั้นจึงมีเพียงชิ่งป๋อฮูหยินที่ออกมาต้อนรับ ชิ่งป๋อเหฺยนั้นเป็เพียงตำแหน่งวีรบุรุษผู้กล้า ตำแหน่งไม่สูงเท่าตำแหน่งของใต้เท้าจวนว่าการ ดังนั้นแม้ว่าชิ่งป๋อฮูหยินจะมีตำแหน่งฮูหยินตราตั้ง ทว่าก็ไม่ได้มีตำแหน่งสูงกว่าใต้เท้าจวนว่าการ แต่อายุของชิ่งป๋อฮูหยินนั้นรุ่นราวคราวเดียวกับมารดาของใต้เท้าจวนว่าการ ดังนั้นใต้เท้าจวนว่าการจึงยังคงเกรงใจอยู่หลายส่วน “เหล่าฮูหยิน ไม่ทราบว่าหยวนข่ายอยู่ในจวนหรือไม่?”
ชิ่งป๋อฮูหยินถามอย่างไม่เข้าใจนัก “หยวนข่ายอาศัยอยู่ในจวน สกุลหยวนทั้งครอบครัวล้วนอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่ทราบว่าใต้เท้าจวนว่าการ้าหาตัวหยวนข่ายด้วยเื่อันใดหรือ?” ชิ่งป๋อฮูหยินชิงชังครอบครัวสกุลหยวนยิ่งนัก หลี่เหล่าไท่ไท่มีนิสัยแข็งกร้าว น้องสาวสามีที่มีนิสัยแข็งกร้าวกับพี่สะใภ้ที่มีนิสัยแข็งกร้าวเฉกเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเข้ากันไม่ได้ มาบัดนี้ยังต้องให้ครอบครัวลูกชายของน้องสาวสามีกับสามีคนก่อนมาอาศัยในจวนของพวกเขาอีก ชิ่งป๋อฮูหยินจะยินดีได้อย่างไรเล่า?
อีกทั้งหยวนข่ายมีนิสัยเ้าชู้ประตูดิน มักจะเกี้ยวสาวใช้อยู่เสมอ สาวใช้หลายนางถูกหยวนข่ายเกี้ยวก็ช่างเถิด หยวนข่ายถูกขับออกจากจวนโหวด้วยเหตุใดนั้นนางย่อมรู้ดี นางกำลังกังวลว่าสักวันบรรดาแม่นางในจวนจะถูกหยวนข่ายเกี้ยวไปด้วย
ด้วยเื่นี้ นางและชิ่งป๋อเหฺยจึงมีปากเสียงกันไม่น้อย
“เื่นี้ยังเปิดเผยไม่ได้ชั่วคราว อย่างไรคงต้องรบกวนเหล่าฮูหยินเรียกหยวนข่ายออกมาแล้ว” ใต้เท้าจวนว่าการกล่าว
วันนี้หยวนข่ายไม่ได้ออกไปข้างนอก งานเทศกาลโคมไฟวันไหว้พระจันทร์เมื่อคืนนี้เขาเพิ่งจะลักพาตัวหลี่ลั่วสำเร็จ เขาดื่มหนักยันรุ่งสาง เวลานี้จึงยังไม่ตื่นนอน เมื่อยามที่ชิ่งป๋อฮูหยินพาใต้เท้าจวนว่าการมาถึงเรือนของเขานั้น เขายังไม่ตื่นเลย
“ไป ไปปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา” สีหน้าของชิ่งป๋อฮูหยินไม่น่าดูอย่างยิ่ง
คุณชายใหญ่หยวนข่ายนั้นอารมณ์ร้ายเสียจนเคยตัว หลังจากถูกบ่าวรับใช้ปลุกให้ตื่นขึ้นก็อ้าปากดุด่าต่อว่า คำพูดที่ใช้หยาบคายป่าเถื่อน ใต้เท้าจวนว่าการที่รออยู่ด้านนอกรู้สึกอิหลักอิเหลื่อยิ่ง
ต่อมาบ่าวรับใช้ได้อธิบายว่าชิ่งป๋อฮูหยินมา หยวนข่ายจึงหยุดคำผรุสวาทแล้วรีบเร่งสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ออกมาต้อนรับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ล้างหน้าบ้วนปาก แต่ในขณะที่เขาเห็นใต้เท้าจวนว่าการที่ยืนอยู่ข้างกายเหล่าฮูหยินนั้น สีหน้าของเขาพลันซีดเผือด เขามีเงามืดในใจกับใต้เท้าจวนว่าการ บวกกับที่เมื่อคืนได้ไปทำเื่ไม่ดีมา วันนี้ใต้เท้าจวนว่าการก็มาเคาะประตูเรือนเสียแล้ว เขาจึงได้แต่กินปูนร้อนท้อง
แต่เป็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น เขาก็กลับมาสงบนิ่งลง ก้าวขึ้นหน้ามายิ้มๆ “ท่านย่า ท่านเรียกหาข้าหรือ?”
ชิ่งป๋อฮูหยินในวัยเช่นนี้ ไม่ว่าทำเื่อันใด ต่อผู้ใด น้อยครั้งนักที่จะต้องปิดบัง ซ้ำหยวนข่ายยังเป็รุ่นหลานของนาง เมื่อก่อนยามที่สกุลหยวนไม่ได้ตกต่ำก็ถือว่าเป็ครอบครัวสกุลขุนนางเช่นกัน นายท่านในอดีตของสกุลหยวนเป็ขุนนางใหญ่ในราชสำนักั้แ่รุ่นทวดมาจนถึงรุ่นปู่ของหยวนข่ายที่ด่วนจากไป ซึ่งก็คือสามีคนก่อนของหลี่เหล่าไท่ไท่นั่นเอง คิดไม่ถึงว่าในยามนี้กลับตกต่ำลง แม้ชื่อเสียงของครอบครัวขุนนางจะยังอยู่ แต่เมื่อมองดูหยวนเฉิงและหยวนข่ายแล้ว หยวนเฉิงมาทำการค้าที่เมืองหลวงโดยแอบอ้างชื่อเสียงของสกุลหลี่และจวนชิ่งป๋อ ทำการค้ายังพอไปได้ แต่ฐานะของพ่อค้านั้นต่ำต้อยนัก
“ไม่ใช่ข้า...แต่เป็ใต้เท้าจวนว่าที่้าพบเ้า” ชิ่งป๋อฮูหยินพูดเสียงเย็น แม้แต่ท่าทีเสแสร้งให้ดูมีเมตตานางยังไม่คิดจะทำ ท่านอาหญิงเล็กที่แต่งออกไปจนกระทั่งเป็ท่านย่าคนแล้ว ยังจะมาให้ที่นี่เลี้ยงครอบครัวลูกชายนางทั้งครอบครัวอีก ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ แม้แต่เงินเพียงหนึ่งพันตำลึงเพื่อนำมาซื้อเรือนสามห้องเข้าออกจวนสกุลหลี่ก็ไม่มีหรือไร?
“ไม่ทราบว่าใต้...ใต้เท้าจวนว่าการหาข้าน้อยด้วยเื่อันใดหรือ?” หยวนข่ายเห็นใต้เท้าจวนว่าการแล้วหวาดกลัวยิ่งนัก เมื่อเดือนห้าใต้เท้าจวนว่าการจับกุมตัวเขาไปขังไว้ในคุก ไม่ทุบตีไม่ถามไถ่ แต่กักขังให้เขาหิวโซ ในห้องขังนั้นทั้งอับชื้นและมืดมิด สถานที่เช่นนั้นทั้งชีวิตของหยวนข่ายยังไม่เคยไปมาก่อน
“เ้าถูกสงสัยว่าจะเกี่ยวพันกับคดีลักพาตัว ต้องไปศาลจวนว่าการสักหนแล้วกระมัง” ใต้เท้าจวนว่าการส่งสัญญาณมือ ทหารจึงเข้าจับกุมตัว
“ใต้เท้าจวนว่าการ คดีลักพาตัวอันใดเล่า ข้าไม่รู้เื่ ท่านกำลังหมายถึงเื่อันใดกัน จับข้าทำไมเล่า?” หยวนข่ายต่อสู้ดิ้นรน “ข้าเป็คนเคารพกฎหมาย ใต้เท้า ท่านอย่าให้ร้ายข้า”