ตอนที่ 2 เส้นทางสู่ปริศนา
จดหมายจากพ่อไม่ได้เป็เพียงกระดาษเก่าๆ ที่บอกเล่าเื่ราวการหายตัวไป หากแต่เป็เข็มทิศอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชี้ทางไปสู่จุดหมายปลายทางอันเร้นลับ ที่อธิชาไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการถึงความมีอยู่จริง แม้จะยังคงมีคำถามมากมายผุดขึ้นในใจราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ ทั้งความกังวลและความตื่นเต้นปะปนกันไปจนยากที่จะแยกแยะ เธอใช้เวลาทั้งคืนนั่งจ้องมองแผนที่ที่พ่อบรรจงวาดขึ้นมาด้วยลายมือที่เร่งรีบ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่สัญลักษณ์ประหลาดและอักขระโบราณที่พ่อกำกับไว้บนแผนที่อย่างละเอียดลออ แสงจากจอมอนิเตอร์สะท้อนเข้ากับแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นดุจเปลวไฟที่โชติ่ เธอรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เื่ง่าย มันเต็มไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็นและความไม่แน่นอนที่ยากจะคาดเดา แต่หัวใจของเธอไม่เคยลังเลแม้แต่น้อย มันกลับเต้นแรงขึ้นด้วยแรงปรารถนาที่ไม่เคยััมาก่อน ราวกับเสียงกระซิบจากส่วนลึกของจิติญญาที่เรียกร้องให้เธอออกเดินทาง
อัล-ซาฟีร่า ชื่อที่เคยเป็เพียงตำนานเล่าขานในนิทานก่อนนอนของพ่อ บัดนี้กลับกลายเป็จุดหมายปลายทางอันเร่งด่วนและเป็ภารกิจสำคัญที่สุดในชีวิต สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือการค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งนี้ เธอเปิดคอมพิวเตอร์คู่ใจที่มีข้อมูลโบราณคดีและดาราศาสตร์อัดแน่นอยู่เต็มพื้นที่ ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนลี้ลับแห่งนี้ในแถบตะวันออกกลางที่พ่อเคยไปสำรวจ แต่ข้อมูลที่ได้รับกลับมีน้อยนิดจนน่าประหลาดใจ มันน้อยเสียจนแทบจะไม่มีอยู่จริง ไม่มีใครรู้จัก อัล-ซาฟีร่า หรืออย่างน้อยก็ไม่มีข้อมูลสาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ราวกับว่าอาณาจักรแห่งนี้ถูกซ่อนเร้นจากสายตาของโลกสมัยใหม่อย่างจงใจ ถูกปิดผนึกไว้ภายใต้ผืนทรายและกาลเวลาที่สาบสูญ เธอพยายามค้นหาจากตำราโบราณที่สะสมไว้ในห้องสมุดส่วนตัว รวมถึงเอกสารและบันทึกที่พ่อเคยทิ้งไว้บางส่วน ซึ่งส่วนใหญ่เขียนด้วยรหัสลับและภาษาโบราณที่เธอคุ้นเคย แต่ก็ยังไม่พบข้อมูลที่ชัดเจนมากนัก มีเพียงเงื่อนงำเล็กๆ น้อยๆ ที่ยิ่งตอกย้ำความเชื่อว่า อัล-ซาฟีร่า ไม่ได้เป็เพียงตำนาน แต่เป็ความจริงที่รอการเปิดเผย
ความมืดมิดของค่ำคืนผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า เช้าวันรุ่งขึ้น อธิชาเดินทางไปพบ ดร. สมิทธ์ เพื่อนร่วมงานและลูกศิษย์คนสนิทของพ่อที่เธอเคารพ ดร. สมิทธ์เป็นักโบราณคดีชาวอังกฤษผู้เปี่ยมด้วยความรู้และหลงใหลในอารยธรรมโบราณไม่ต่างจากพ่อของเธอ เขามีสตูดิโอเล็กๆ ที่ดูราวกับพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ ซึ่งเต็มไปด้วยวัตถุโบราณที่หายาก แผนที่เก่าแก่ที่เปื่อยยุ่ย และกลิ่นอายของฝุ่นผงแห่งกาลเวลาที่อบอวลไปทั่วห้อง ทันทีที่เธอเล่าเื่จดหมายและแสดงแผนที่ที่พ่อส่งมาให้ ดร. สมิทธ์ก็แสดงอาการใและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่มักจะนิ่งสงบของเขาเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา มือไม้สั่นเทาขณะรับแผนที่มาพิจารณา
"อนันต์... เขาเจอจริงๆ ด้วย!" ดร. สมิทธ์อุทานออกมาเสียงดัง ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งประหลาดใจ ระคนยินดี และความหวังที่ริบหรี่มานานนับปีก็กลับมาโชติ่อีกครั้ง "ผมเชื่อมาตลอดว่า อัล-ซาฟีร่า มีอยู่จริง แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นหลักฐานที่จับต้องได้ขนาดนี้... มันเหลือเชื่อจริงๆ!"
เขาหยิบแว่นอันเก่าขึ้นมาสวม ก่อนจะพิจารณาแผนที่ด้วยความละเอียดถี่ถ้วนราวกับกำลังค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ทุกอณู "สัญลักษณ์พวกนี้... เป็อักขระโบราณของชาวซาฟีร่าโบราณครับ! ผมเคยเห็นมันในตำราเก่าแก่บางเล่มที่ถูกกล่าวว่าเป็เพียงตำนานปรัมปราที่สาบสูญไปแล้ว และนี่... ดวงใจแห่งแซฟไฟร์ เป็ไปไม่ได้! นี่มันตำนานปรัมปราที่เล่าขานกันมานับพันปี เขาเข้าไปถึงแก่นกลางของอาณาจักรได้ยังไงกัน!" ดร. สมิทธ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือของเขาสั่นระริกขณะที่ไล้นิ้วไปตามสัญลักษณ์บนแผนที่ ราวกับพยายามัักับความลี้ลับของอาณาจักรที่สาบสูญ
อธิชาสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะบอกเล่าถึงความสามารถพิเศษของเธอที่สามารถััพลังงานจากดวงดาวได้ และความรู้สึกเชื่อมโยงกับคำทำนายที่พ่อเขียนถึง สตรีจากแดนไกลผู้มีิญญาแห่งดวงดาว ที่เธอเคยคิดว่าเป็เพียงบทกวีสวยงาม แต่ตอนนี้มันกลับดูเหมือนจะเป็ชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ดร. สมิทธ์มองเธอด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม จากความประหลาดใจกลายเป็ความเข้าใจลึกซึ้ง และความเชื่อมั่นที่ไม่มีข้อกังขา
"เป็ไปได้... ทุกสิ่งที่พ่อของคุณเขียน มันเชื่อมโยงกันหมด" ดร. สมิทธ์พยักหน้าอย่างช้าๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง "บางที การเชื่อมโยงกับดวงดาวของคุณอาจจะเป็กุญแจสำคัญจริงๆ ที่จะไขปริศนาทั้งหมดนี้ กุญแจที่พวกเราค้นหามาตลอดชีวิต" เขาเดินไปยังตู้ไม้โบราณที่ตั้งอยู่มุมห้อง หยิบกุญแจทองเหลืองเก่าแก่ดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะไขลิ้นชักที่ล็อกไว้อย่างแ่าด้วยความระมัดระวัง แล้วหยิบแผนที่อีกฉบับออกมา มันเป็แผนที่โบราณที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับของพ่อ แต่มีรายละเอียดมากกว่าและดูเก่าแก่กว่ามาก พื้นผิวของกระดาษมีรอยยับย่นและร่องรอยของกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างยาวนาน
"นี่คือแผนที่ที่พ่อของคุณกับผมศึกษามานานหลายปี ก่อนที่เขาจะหายไป มันเป็แผนที่ที่นำไปสู่บริเวณกว้างๆ ของทะเลทรายในแถบตะวันออกกลาง ที่เชื่อกันว่าเป็ที่ตั้งของอาณาจักรอัล-ซาฟีร่า อาณาจักรที่หายไปพร้อมกับความลับนับพันปี" ดร. สมิทธ์ชี้ไปที่จุดๆ หนึ่งบนแผนที่ของเขา ซึ่งเป็บริเวณเดียวกับที่พ่อของอธิชาทำเครื่องหมายไว้ด้วยสัญลักษณ์ประหลาด "เราเชื่อว่าทางเข้าสู่ อัล-ซาฟีร่า ถูกซ่อนไว้อย่างดี มีเพียงผู้ที่ ถูกเลือก หรือผู้ที่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์โบราณเท่านั้นที่จะหาทางเข้าไปได้" เขาเงยหน้ามองอธิชา ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง "คุณคือคนนั้น อธิชา คุณคือคนที่ชะตาลิขิตให้เป็ผู้ไขปริศนาแห่งดวงดาว"
ข้อมูลอันล้ำค่าจาก ดร. สมิทธ์ยิ่งตอกย้ำความเชื่อของอธิชาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เธอรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับกลับมายังบ้าน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต เธอวางแผนการเดินทางอย่างรัดกุมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ศึกษาเส้นทางบินที่สั้นที่สุดและปลอดภัยที่สุด เส้นทางรถยนต์ที่อาจจะต้องใช้ในดินแดนทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาล และเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็อย่างรอบคอบ ั้แ่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศในทะเลทรายที่ร้อนจัดในเวลากลางวันและหนาวจัดในเวลากลางคืน อุปกรณ์เดินป่าที่ทนทาน แผนที่ดาวโบราณที่ระบุตำแหน่งของกลุ่มดาวต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ และอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัยเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน แม้ ดร. สมิทธ์จะเสนอตัวช่วยเหลือในการเดินทาง โดยให้เหตุผลว่านี่คือภารกิจที่พวกเขารอคอยมาตลอดชีวิต แต่เธอตัดสินใจที่จะไปคนเดียว เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเสี่ยงอันตรายไปด้วยกับภารกิจที่อันตรายและไม่แน่นอนนี้ นอกจากนี้เธอยังรู้สึกว่านี่คือการเดินทางส่วนตัวของเธอ การเดินทางเพื่อตามหาพ่อและไขปริศนาชีวิตของเธอเอง ซึ่งดวงดาวได้ถักทอไว้ให้เธอมาั้แ่เกิด
ก่อนออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น อธิชากลับไปที่ห้องทำงานของเธออีกครั้ง ห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของพ่อและความทรงจำอันล้ำค่า เธอหยิบกล้องโทรทรรศน์ทองเหลืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่มุมห้องออกมาเช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ มันเป็ของขวัญชิ้นแรกที่พ่อให้เธอตอนเด็กๆ เธอยังจำได้ดีถึงค่ำคืนแรกที่พ่อสอนเธอให้มองเห็นดาวเสาร์ผ่านกล้องตัวนี้ วันนั้นเธอตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ แสงวงแหวนของดาวเสาร์ที่ส่องประกายระยิบระยับในเลนส์ของกล้องยังคงติดตาตรึงใจเธอไม่รู้ลืม ั้แ่นั้นมา ดวงดาวก็กลายเป็ส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ เป็ทั้งเพื่อน ความลับ และแรงบันดาลใจ เธอััเลนส์เย็นเฉียบของกล้อง ราวกับััถึงความทรงจำอันอบอุ่นที่เชื่อมโยงเธอกับพ่อผู้เป็ที่รัก
เธอเก็บแผนที่ของพ่อและจดหมายของเขาที่เต็มไปด้วยความลับไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ เธอยังพกจี้รูปดวงดาวที่พ่อให้เธอไว้ตอนเด็กๆ ติดตัวเสมอ มันเป็จี้ที่ทำจากเงินแท้สลักรูปกลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาวที่เธอเชื่อว่ามีพลังงานพิเศษสำหรับเธอ เป็ดั่งเครื่องรางนำโชคและสัญลักษณ์ของความผูกพันที่ไม่มีวันจางหายระหว่างเธอกับพ่อ
ในคืนสุดท้ายก่อนออกเดินทาง อธิชาออกมานั่งที่ระเบียงห้อง เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านดวงที่ส่องแสงระยิบระยับ แสงไฟจากเมืองหลวงยังคงส่องสว่างอยู่เบื้องล่าง แต่สำหรับเธอแล้ว แสงเ่าั้กลับดูซีดจางและไร้ความหมายเมื่อเทียบกับแสงดาวบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล เธอหลับตาลง ััถึงพลังงานจากดวงดาวอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่แค่เสียงกระซิบแ่เบาที่พัดผ่านเข้ามาในหู แต่เป็ความรู้สึกที่เด่นชัดราวกับมีบางสิ่งกำลังเรียกหาเธอ รอคอยเธออยู่ ณ ที่แห่งนั้น ที่ อัล-ซาฟีร่า ดินแดนที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ผืนทรายแห่งกาลเวลา
เธอลืมตาขึ้นช้าๆ มองไปทางทิศตะวันออกไกลสุดลูกหูลูกตา เธอจะต้องไปที่นั่น ไปยังดินแดนแห่งทะเลทรายที่เต็มไปด้วยความลับและตำนาน เธอไม่รู้ว่าอะไรกำลังรอเธออยู่ ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไร แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจที่ประหลาด มันไม่ใช่แค่การตามหาพ่อผู้หายสาบสูญไป แต่เป็การเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเธอเอง และไขปริศนาที่ดวงดาวได้ถักทอไว้ให้เธอมาั้แ่เกิด เป็ภารกิจที่ใหญ่หลวงกว่าที่เธอจะจินตนาการได้
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น อธิชาออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและเื่ราวมากมาย กระเป๋าเดินทางไม่ได้เต็มไปด้วยเสื้อผ้าแฟชั่นหรือของใช้ฟุ่มเฟือย แต่เป็อุปกรณ์เดินป่า หนังสือโบราณ และแผนที่เก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้วยความลับ เธอสวมเสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมงพร้อมสำหรับการผจญภัยที่กำลังจะมาถึง เธอบอกลา ดร. สมิทธ์ ที่มาส่งด้วยแววตาเป็ห่วงปนคาดหวังอย่างสุดซึ้ง
"ระมัดระวังตัวด้วยนะอธิชา ถ้ามีอะไรผิดปกติ หรือพบเจอกับเื่ที่อันตรายเกินไป ให้รีบติดต่อผมทันที อย่าฝืนตัวเองนะ" ดร. สมิทธ์กำชับเสียงเครือ ใบหน้าของเขาฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด
อธิชายิ้มให้เล็กน้อย ส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความหวัง "ไม่ต้องห่วงค่ะ ดร. สมิทธ์ หนูจะกลับมาพร้อมกับพ่อแน่นอน พร้อมกับคำตอบของทุกปริศนา"
เธอก้าวเข้าสู่ประตูผู้โดยสารขาออกอย่างเด็ดเดี่ยว ความตื่นเต้นและความคาดหวังกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจราวกับกระแสน้ำเชี่ยว อธิชารู้ดีว่าหลังจากนี้ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เธอจะก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ โลกที่เต็มไปด้วยความลึกลับ เวทมนตร์ และตำนานที่เธอเคยคิดว่ามีอยู่แค่ในหนังสือ ท้องฟ้าที่อยู่เหนือสนามบินดูโล่งโปร่ง แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมาอย่างอบอุ่นราวกับอวยพรให้กับการเดินทาง อธิชาเงยหน้ามองฟ้าอีกครั้ง ราวกับกำลังส่งสัญญาณถึงดวงดาว ผู้เป็แสงนำทางของเธอและเป็ส่วนหนึ่งของโชคชะตาที่กำลังจะเปิดเผย
นี่คือการเริ่มต้นของการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ การเดินทางสู่ดินแดนแห่งทะเลทรายดาว เพื่อไขปริศนาแห่ง ดวงใจแห่งแซฟไฟร์ และตามหา เสียงกระซิบของดวงดาว ที่รอคอยเธอมานานแสนนาน ภารกิจที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
////****////
